แกงเลียงหน้าผามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า capricornis sumatraensis (Bechstein)จัดอยู่ในตระกูล Bovidaeมีชื่อสามัญว่า serowชีววิทยาของแกงเลียงหน้าผาเลียงผาเป็นสัตว์บดเอื้อง มี ๔ กระเพาะ รูปร่างเหมือนแพะ ขนาดวัดจากปลายจมูกถึงโคนหางยาว ๑.๔๐ – ๑.๕๐ เมตร หางยาว ๑๐ – ๑๕ เซนติเมตร น้ำหนักตัว ๕๐ – ๗๐ กิโลกรัม ขนบนลำตัวหยาบคาย ยาว สีดำ มีขนยาวสีดำเป็นแผงอยู่ในแนวสันหลังตั้งแต่ท้ายทอยถึงโคนหาง ใบหูยาว มีเขาหมดทั้งตัวผู้และก็ตัวเมีย เขาสีดำ โค้ง ปลายแหลม ยาว ๑๗.๕ – ๒๕ ซม. บริเวณโคนเขาขึ้นไปมีรอยหยักเป็นวงโดยรอบ ปลายเขากลมและก็เรียวโค้งไปทางข้างหลัง ขาทั้งยัง ๔ มีกล้ามที่แข็งแรง ขนบริเวณเหนือกีบสีน้ำตาล กีบสั้น สีดำ รอบๆหน้ามีรูต่อมน้ำมันอยู่ใต้ตา ข้างดั้ง รวมทั้งขับน้ำมันสีขาวออกมาตลอดระยะเวลา หางสั้น แกงเลียงหน้าผาชอบอยู่ตามป่าสูงที่มีหน้าหน้าผาหรือโคนหินชัน มีชะง่อนผากำบังพอเพียง ขวยเขิน จะดุเมื่อบาดเจ็บหรือจนตรอก วิ่งไต่ไปตามหน้าผาได้อย่างปราดเปรียว ทำมาหากินอย่างโดดเดี่ยวในตอนเวลาเช้าตรู่หรือตอนเวลาเย็น กลางวันมักหลบนอนพักอยู่ตามป่าละเมาะตามชะง่อนผา หรือในถ้ำ อดน้ำได้นาน ว่ายน้เก่ง ประสาทตา หู และก็จมูก ดีเลิศ กินผลไม้ ต้นหญ้า ใบไม้ หน่อไม้ เป็นของกิน โตเต็มวัยพร้อมสืบพันธุ์เม่ออายุได้ ๓ ปี หลังสืบพันธุ์ ตัวเมียจะแยกออกไปอยู่ต่างหาก มีท้องนานราว ๘ เดือน ตกลูกครั้งละ ๑ ตัว ลูกเลียงผาอยู่กับแม่นานราว ๑ ปีจึงจะแยกออกไปพบกินตามลำพังทลาย แกงเลียงผาอายุยืนราว ๑๕ ปี แกงเลียงหน้าผาที่พบในประเทศไทยมี ๒ ชนิดย่อย คือ จำพวกย่อย Capricornis sumatraensis sumatraensis (Bechstein) ซึ่งมีเท้าสีดำ พบรอบๆเขาหินปูน ทางภาคใต้ กับชนิดย่อย Capricornis sumatraensis millneedwardsi David ซึ่งมีเท้าสีออกแดง เจอทางภาคเหนือและภาคตะวันตกเฉียงเหนือ
ประโยชน์ทางยาหมอแผนไทยใช้เขาเลียงเขาหินเป็นเครื่องยา เขาเลียงหน้าผาเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก “สัตตเขา” อาทิเช่น เขา
โค เขา
ควาย เขากระทิง
เขากวาง เขาแกะ เขาแพะ และเขาเลียงผา นอกจาก แพทย์ประจำถิ่นลางแห่งใช้ “น้ำมันเลียงหน้าผา” สำหรับจัดแจงยาน้ำมัน โดยผสมสมันพนาลัยอื่นๆอีกหลายชนิด ว่าเป็นยาแก้อักเสบ แก้ลมจับโปง (rheumatism) บำรุงข้อ บำรุงกระดูก