รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุเสือโคร่ง  (อ่าน 485 ครั้ง)

bilbill2255

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 112
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุเสือโคร่ง
« เมื่อ: พฤศจิกายน 21, 2017, 01:56:06 AM »


เสือโคร่ง
เสือโคร่งเป็นสัตว์ชนิดแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด กินเนื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris (Linnaeus) ประเภทที่เจอในประเทศไทยเป็นจำพวกย่อย Panthera tigris corbetti (Mazak) จัดอยู่ในตระกูล Felidae เสือลายพาดกลอน ก็เรียก
ชีววิทยาของเสือโคร่ง
เสือโคร่งเมื่อโตเต็มกำลังมีความยาวลำตัวราว ๒๑๐ เซนติเมตร หางยาวราว ๑๐๕ เซนติเมตร สูงราว ๙๕ ซม. (วัดจากหัวไหล่) น้ำหนักตัว ๑๐๐-๒๑๐ กก. เพศผู้ที่โตสุดกำลังอาจหนักได้ถึง ๓๐๐ กก. มีเล็บแหลมคม แอบซ่อนได้ มีเขี้ยวบน ๒ เขี้ยว ข้างล่าง ๒ เขี้ยว หน้าสั้น มีหนวดแข็ง ตากลมโต แวววาม ขมเรียกตัวเป็นเส้นเล็กละเอียด สีเหลืองปนเทา หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาลแดง ท้องสีขาว มีแถบลายดำพาดผ่านหลังลงมาข้างๆลำตัวตลอดตั้งแต่หัวถึงปลายหาง หางมีข้อสีดำสลับเหลือง ปลายหางสีดำ หลังใบหูมีสีดำ และก็มีจุดสีนวลใหญ่เห็นได้ชัด เสือโคร่งเป็นสัตว์ขี้ร้อน ชอบเล่นน้ำหรือแช่น้ำมากมาย ขึ้นต้นไม้ได้ อาศัยในป่าได้ดูเหมือนจะทุกจำพวกที่มีของกิน น้ำ และแหล่งหลบแบบอย่างเพียงพอ เช่น ถ้ำ หลืบหิน ท่อนไม้ใหญ่ ป่าที่รกทึบ ออกล่าเหยื่อตั้งแต่ตอนเวลาเย็นไปจนถึงรุ่งอรุณ ของกินที่กินได้แก่ กวาง เก้ง หมูป่า โค ควาย แล้วก็สัตว์อื่นๆเสือโคร่งชอบอยู่สันโดษ นอกจากตัวเมียที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน เหมือนปกติตัวเมียเป็นสัดทุก ๕๐ วัน รวมทั้งเป็นสัดอยู่นาน ๕ วัน ออกลูกครอกละ ๑-๗ ตัว ตั้งครรภ์นาน ๑๐๕-๑๑๐ วัน เสือโคร่งในธรรมชาติ มีอายุได้ ๒๐-๒๕ ปี เคยมีผู้ทำนองว่า ในประเทศไทยมีเสือโคร่งหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติไม่เกิน ๕๐๐ ตัว เจอในเทือกเขาตะท้องนาวศรี แนวเขาเพชรบูรณ์ เขาใหญ่ รวมทั้งในป่าดงดิบทางภาคใต้ ในเมืองนอกเจอได้ตั้งแต่ในไซบีเรียไปจนกระทั่งทะเลสาบแคสเปียน ในประเทศประเทศอินเดียและก็ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเกาะสุมาตรา ชวา และบาหลี เสือโคร่งที่เลี้ยงกันทั่วๆไปในประเทศไทยเป็นเสือโคร่งเบงกอล อันเป็นเสือโคร่งจำพวกย่อย ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris tigris (Linnaeus) พบที่ประเทศอินเดีย เนปาล บังกลาเทศ แล้วก็เมียนมาร์ ชนิดย่อยนี้ตัวโตกว่าเสือโคร่งประเภทย่อยที่พบในธรรมชาติในไทย
ผลดีทางยา
หมอแผนไทยรู้จักใช้ส่วนต่างๆของเสือโคร่งแทบทุกส่วนเป็นเครื่องยา ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเสือโคร่ง เขี้ยว กระดูก หนัง ดีเสื้อ เอ็นเสือ ตาเสือ ไตเสือ รวมทั้งเนื้อเสือ แม้กระนั้นที่ใช้มากมายมี
๑. น้ำมันเสือ ตำราเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่า น้ำมันเสือมีรสเผ็ด ใช้ต้มผสมกับสุรา กินแก้คลื่นไส้อาเจียน แก้ผมหงอกก่อนวัย ใน แบบเรียนพระยารักษาโรคพระนารายณ์ มียาขนานหนึ่ง เป็นขนานที่ ๖๙ สีผึ้งบี้พระเส้น เข้า “น้ำมันเสือ” เป็นเครื่องยาด้วย
๒. เขี้ยวเสือ โบราณว่ามีรสเย็น มีสรรพคุณดับไข้พิษ ไข้รอยดำ แก้พิษร้อน พิษอักเสบ พิษตานซาง เขี้ยวเสือเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก “นวเขี้ยว” หรือ “เนาวเขี้ยว” ดังเช่น เขี้ยวหมูป่า เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวแรด เขี้ยวสุนัขป่า เขี้ยวปลาพะยูน เขี้ยวไอ้เข้ เขี้ยวแกงเลียงเขาหิน แล้วก็งา
๓. กระดูกเสือ ตำราเรียนยาโบราณว่ามีรสเผ็ดคาว เป็นยาบำรุงกระดูก บำรุงไขข้อรวมทั้งเนื้อหนัง แก้ปวดบวมตามข้อ แก้โรคปวดข้อ เป็นยาระงับประสาท แก้โรคลมเหียน แก้ปวดตามข้อ หัวเข่า กระดูก บำรุงกระเพาะ ยาขนานหนึ่งใน พระคัมภีร์ไกษย ชื่อ “ยาเนาวหอย” เข้า “กระดูกเสือเผา” เป็นเครื่องยาด้วย

กระดูกเสือในยาจีน
กระดูกเสือเป็นเครื่องยาที่ใช้ในยาจีน หายากและก็แพงแพง มีชื่อเครื่องยาในภาษาละตินว่า Os Tigris จีนเรียก หูกู่ (แมนดาริน) ได้จากกระดูกแห้ง (ทุกชิ้น) ของเสือโคร่ง Panthera tigris (Linnaeus) แบบเรียนยาจีนว่า กระดูกเสือมีรสเผ็ด ฤทธิ์อุ่น มีคุณประโยชน์ไล่ “ลม” และแก้ปวด จึงใช้รักษาโรคลมจับโปง และมีสรรพคุณเพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูกรวมทั้งกล้มเนื้อ ใช้แก้อาการอ่อนล้าของกระดูกและก็กล้ามอันเกิดจากตับแล้วก็ไต “พร่อง” ขนาดที่ใช้คือวันละ ๓-๖ กรัม โดยมักจัดแจงเป็นยาเม็ดลูกกลอน ยาผง และยาดองเหล้า ก่อนนำกระดูกเสือมาใช้เป็นเครื่องยา จำต้องละเนื้อออกให้หมด ตากให้แห้ง แล้วเลื่อยออกเป็นชิ้นเล็กๆหรืออาจเอากระดูกชิ้นเล็กๆมาทอดด้วยน้ำมันอัตคัดแล้วทำให้เย็นก่อนนำมาใช้ เนื่องจากว่ากระดูกเสือเป็นเครื่องยาหายากแล้วก็แพงแพง จึงมีของที่เป็นของปลอมขายในตลาดมาก ส่วนมากเป็นกระดูกโค
๔. น้ำนมเสือ ตำราคุณประโยชน์ยาโบราณว่ามีรสมันร้อน มีคุณประโยชน์ชูกำลังแก้หืด ดับพิษร้อน มียาหยอดตาขนานหนึ่งใน พระตำราปฐมจินดาร์ เข้า “นมเสือ” เป็นเครื่องยาด้วย ดังนี้ ยาหยอดตาสำหรับกัน ขนานนี้ท่านให้เอา นอแรด ๑ น้ำนมเสือ ๑ ผลสมอเทศ ๑ รากตำลึงเพศผู้ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเท่าเทียม บดทำแท่ง ฝนด้วยน้ำค้าง หยอดแก้สารพัดสารพันตานทรางทั้งผองขึ้นตา แล้วจึงแต่งยาชื่อว่าคุณประโยชน์ลิกานั้น สำหรับแก้ตานขโมย เหล่านี้ถัดไป
บันทึกการเข้า