รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุเสือโคร่ง  (อ่าน 495 ครั้ง)

หนุ่มน้อยคอยรัก007

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุเสือโคร่ง
« เมื่อ: พฤศจิกายน 16, 2017, 02:14:18 AM »


เสือโคร่ง
เสือโคร่งเป็นสัตว์จำพวกแมวที่มีขนาดใหญ่ที่สุด กินเนื้อ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris (Linnaeus) ชนิดที่เจอในประเทศไทยเป็นจำพวกย่อย Panthera tigris corbetti (Mazak) จัดอยู่ในวงศ์ Felidae เสือลายพาดกลอน ก็เรียก
ชีววิทยาของเสือโคร่ง
เสือโคร่งเมื่อโตสุดกำลังมีความยาวลำตัวราว ๒๑๐ ซม. หางยาวราว ๑๐๕ เซนติเมตร สูงราว ๙๕ ซม. (วัดจากหัวไหล่) น้ำหนักตัว ๑๐๐-๒๑๐ กก. ตัวผู้ที่โตเต็มกำลังอาจหนักได้ถึง ๓๐๐ โล มีเล็บคม หลบซ่อนได้ มีเขี้ยวบน ๒ เขี้ยว ข้างล่าง ๒ เขี้ยว หน้าสั้น มีหนวดแข็ง ตากลมโต แวววับ ขมตามตัวเป็นเส้นเล็กละเอียด สีเหลืองผสมเทา หรือสีเหลืองอมสีน้ำตาลแดง ท้องสีขาว มีแถบลายดำพาดผ่านข้างหลังลงมาด้านข้างลำตัวตลอดตั้งแต่หัวถึงปลายหาง หางมีบ้องสีดำสลับเหลือง ปลายหางสีดำ ข้างหลังใบหูมีสีดำ แล้วก็มีจุดสีนวลใหญ่เห็นได้ชัด เสือโคร่งเป็นสัตว์ขี้ร้อน ชอบเล่นน้ำหรือแช่น้ำมากมาย ขึ้นต้นไม้ได้ อาศัยในป่าได้เกือบทุกประเภทที่มีอาหาร น้ำ และก็แหล่งหลบตัวอย่างพอเพียง อย่างเช่น ถ้ำ หลืบหิน ท่อนไม้ใหญ่ ป่าที่รกทึบ ออกล่าเหยื่อตั้งแต่ตอนค่ำไปจนถึงรุ่งเช้า ของกินที่กินได้แก่ กวาง เก้ง หมูป่า วัว ควาย และสัตว์อื่นๆเสือโคร่งถูกใจอยู่โดดเดี่ยว เว้นเสียแต่ตัวเมียที่กำลังเลี้ยงลูกอ่อน เหมือนเคยตัวเมียเป็นสัดทุก ๕๐ วัน แล้วก็เป็นสัดอยู่นาน ๕ วัน ตกลูกครอกละ ๑-๗ ตัว ท้องนาน ๑๐๕-๑๑๐ วัน เสือโคร่งในธรรมชาติ แก่ได้ ๒๐-๒๕ ปี เคยมีผู้ประมาณว่า ในประเทศไทยมีเสือโคร่งหลงเหลืออยู่ในธรรมชาติไม่เกิน ๕๐๐ ตัว พบในแนวเขาตะท้องนาวศรี เทือกเขาจังหวัดเพชรบูรณ์ เขาใหญ่ แล้วก็ในป่าดิบทางภาคใต้ ในเมืองนอกพบได้ตั้งแต่ในไซบีเรียไปจนถึงทะเลสาบแคสเปียน ในประเทศประเทศอินเดียและก็ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในเกาะเกะสุมาตรา ชวา รวมทั้งบาหลี เสือโคร่งที่เลี้ยงกันทั่วไปในประเทศไทยเป็นเสือโคร่งเบงกอล อันเป็นเสือโคร่งจำพวกย่อย ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Panthera tigris tigris (Linnaeus) พบที่อินเดีย เนปาล บังกลาเทศ และก็เมียนมาร์ ชนิดย่อยนี้ตัวโตกว่าเสือโคร่งประเภทย่อยที่พบในธรรมชาติในไทย
ผลดีทางยา
แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ส่วนต่างๆของเสือโคร่งเกือบทุกส่วนเป็นเครื่องยา ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเสือโคร่ง เขี้ยว กระดูก หนัง ดีเสื้อ เอ็นเสือ ตาเสือ ไตเสือ และก็เนื้อเสือ แม้กระนั้นที่ใช้มากมายมี
๑. น้ำมันเสือ ตำราเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า น้ำมันเสือมีรสเผ็ด ใช้ต้มผสมกับสุรา รับประทานแก้อ้วกคลื่นไส้ แก้ผมหงอกก่อนวัย ใน หนังสือเรียนพระยารักษาโรคพระนารายณ์ มียาขนานหนึ่ง เป็นขนานที่ ๖๙ ขี้ผึ้งบี้พระเส้น เข้า “น้ำมันเสือ” เป็นเครื่องยาด้วย
๒. เขี้ยวเสือ โบราณว่ามีรสเย็น มีคุณประโยชน์ดับไข้พิษ ไข้รอยแดง แก้พิษร้อน พิษอักเสบ พิษตานซาง เขี้ยวเสือเป็นเครื่องยาอย่างหนึ่งในพิกัดยาไทยที่เรียก “นวเขี้ยว” หรือ “เนาวเขี้ยว” อย่างเช่น เขี้ยวหมูป่า เขี้ยวหมี เขี้ยวเสือ เขี้ยวแรด เขี้ยวสุนัขป่า เขี้ยวปลาพะยูน เขี้ยวจระเข้ เขี้ยวเลียงผา และก็งา
๓. กระดูกเสือ ตำราเรียนยาโบราณว่ามีรสเผ็ดคาว เป็นยาบำรุงกระดูก บำรุงไขข้อแล้วก็เนื้อหนัง แก้ปวดบวมตามข้อ แก้โรคปวดข้อ เป็นยาระงับประสาท แก้โรคลมบ้าหมู แก้ปวดตามข้อ หัวเข่า กระดูก บำรุงกระเพาะ ยาขนานหนึ่งใน พระตำราไกษย ชื่อ “ยาเนาวหอย” เข้า “กระดูกเสือเผา” เป็นเครื่องยาด้วย

กระดูกเสือในยาจีน
กระดูกเสือเป็นเครื่องยาที่ใช้ในยาจีน หายากแล้วก็มีราคาแพง มีชื่อเครื่องยาในภาษาละตินว่า Os Tigris จีนเรียก หูกู่ (แมนดาริน) ได้จากกระดูกแห้ง (ทุกชิ้น) ของเสือโคร่ง Panthera tigris (Linnaeus) หนังสือเรียนยาจีนว่า กระดูกเสือมีรสเผ็ด ฤทธิ์อุ่น มีสรรพคุณไล่ “ลม” แล้วก็แก้ปวด ก็เลยใช้รักษาโรคลมจับโปง แล้วก็มีคุณประโยชน์เพิ่มความแข็งแกร่งของกระดูกและกล้มเนื้อ ใช้แก้อาการเหนื่อยล้าของกระดูกรวมทั้งกล้ามอันเกิดขึ้นจากตับและก็ไต “พร่อง” ขนาดที่ใช้เป็นวันละ ๓-๖ กรัม โดยมักเตรียมเป็นยาเม็ดลูกกลอน ยาผง และยาดองเหล้า ก่อนนำกระดูกเสือมาใช้เป็นเครื่องยา จำเป็นต้องละเนื้อออกให้หมด ตากให้แห้ง แล้วเลื่อยออกเป็นชิ้นเล็กๆหรืออาจเอากระดูกชิ้นเล็กๆมาทอดด้วยน้ำมันหมดเนื้อประดาตัวแล้วทำให้เย็นก่อนประยุกต์ใช้ เพราะว่ากระดูกเสือเป็นเครื่องยาหายากและก็แพงแพง ก็เลยมีของที่ไม่ใช่ของแท้ขายในท้องตลาดมาก จำนวนมากเป็นกระดูกวัว
๔. นมเสือ แบบเรียนคุณประโยชน์ยาโบราณว่ามีรสมันร้อน มีสรรพคุณชูกำลังแก้หืด ดับพิษร้อน มียาหยอดตาขนานหนึ่งใน พระคัมภีร์ปฐมจินดาร์ เข้า “น้ำนมเสือ” เป็นเครื่องยาด้วย ดังต่อไปนี้ ยาหยอดตาสำหรับกัน ขนานนี้ท่านให้เอา นอแรด ๑ นมเสือ ๑ ผลสมอเทศ ๑ รากตำลึงตัวผู้ ๑ รวมยา ๔ สิ่งนี้เอาเท่าเทียมกัน บดทำแท่ง ฝนด้วยน้ำค้าง หยอดแก้สารพัดตานทรางทั้งปวงขึ้นตา แล้วจึงแต่งยาชื่อว่าคุณประโยชน์ลิกานั้น สำหรับแก้ตานโจร เหล่านี้ต่อไป
บันทึกการเข้า