รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: มหัศจรรย์ของพลังดนตรี  (อ่าน 428 ครั้ง)

penpaka2tory

  • บุคคลทั่วไป
มหัศจรรย์ของพลังดนตรี
« เมื่อ: สิงหาคม 10, 2017, 10:22:07 PM »

เสียงของดนตรีเกิดเป็นครั้งแรกในโลกนี้เมื่อใดไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด แต่ว่าเท่าที่มีการบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับดนตรีนั้น มีความเชื่อกันว่าดนตรีเป็นสิ่งที่เกิดมาพร้อมกับเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ อย่างยิ่งจริงๆ โดยจากหลักฐานทางโบราณคดีที่ขุดพบอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรีโบราณประเภทเครื่องตีคือระนาด หินในหลายประเทศร่วมกัน ยิ่งกว่านั้นยังมีการคุ้ยหาพบขลุ่ยที่ทำจากกระดูกสัตว์อีกด้วย โรงเรียนดนตรี

 เสียงเพลงมีจุดกำเนิดมาจากการผลิตเสียงด้วยการ 1) ดีด ได้แก่การใช้นิ้วหรือวัตถุอะไรก็ตามเขี่ยสายที่ทำมาจากหนังสัตว์กางให้ตึง 2) สี ได้แก่การใช้วัตถุสองชนิดมาเสียดสีหรือถูกัน 3) ตี คือการใช้วัตถุสองประเภทมากมายระทบกัน รวมทั้ง 4) เป่า เป็นการใช้แรงกดดันจากลม เมื่อสร้างเสียงออกมาไม่ว่าจะด้วยการดีด สี ตีหรือเป่าแล้วมีการประสมประสานเสียงพวกนั้นก็เกิดเป็นทำนองเพลงดนตรีที่ ไพเราะต่างๆมากมาย นำมาใช้เพื่อสร้างความสำราญในอารมณ์ให้แก่ผู้ที่ได้ฟังเพลงนั้น
 
 คงจะไม่มีผู้ใดสามารถปฏิเสธได้ว่า ดนตรีเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดที่ผูกพันกับชีวิตของผู้คนตั้งแต่กำเนิดจนกระทั่งละจากโลกนี้ไป ชีวิตประจำวันของพวกเรานั้นแม้ไม่ได้ปฏิบัติงานเกี่ยวกับด้านดนตรีแต่ว่าก็ต้องมี กิจกรรมอะไรสักอย่างที่หนีไม่พ้นจากดนตรีแน่ๆ เวลานั่งรถยนต์ก็บางทีอาจเปิดเพลงฟังจากวิทยุ เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ผู้ใช้เลือกเสียงดนตรีเรียกเข้าตามหัวใจชอบ ละครที่เราดูก็มีเพลงประกอบทั้งยังต้นเรื่อง ระหว่างเรื่องจนกระทั่งจบเรื่องประชาสัมพันธ์บนรถไฟฟ้า เสียงเพลงที่แม่ค้าเปิดในตลาดเพื่อเรียกลูกค้า แม้กระทั่งเสียงฮัมเพลงของคนใกล้ตัวเรียกว่าชีวิตนี้ไม่มีใครหนีดนตรีได้พ้น และก็เนื่องจากว่าดนตรีมีผลต่ออารมณ์รวมทั้งความรู้สึกของผู้คนนี้เองก็เลยมีการนำดนตรีมาใช้ประโยชน์ในงานด้านต่างๆมากไม่น้อยเลยทีเดียวเพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นให้แก่งานต่างๆนั้น โดยในขณะนี้ได้มีการนำดนตรีเข้ามาใช้ประโยชน์จำนวนมากในหลายวงการ ดังต่อไปนี้
 
 1. ทางจิตเวช นักจิตวิทยาหรือนักจิตบำบัดได้นำเพลงเข้ามารักษาผู้ที่มีปัญหาทางจิตใจ ต่างๆอาทิเช่น เป็นโรคเครียดหรือโรคเหงาหงอย สามารถบรรเทาได้ด้วยเสียงเพลงที่มีจังหวะและก็ทำนองเบิกบานผ่องใส นอกนั้น ดนตรีที่มีจังหวะและก็ทำนองช้าๆที่ฟังสบายๆยังช่วยลดความประพฤติปฏิบัติของมีความนิสัยไม่ดีใจร้อน อารมณ์รุนแรง ให้มีจิตใจสงบเยือกเย็นลงได้ด้วยตอนนี้ได้มี “แผนการคืนคนดีสู่สังคม” โดยการนำดนตรีเข้าไปใช้เป็นกิจกรรมของอยู่ในเรือนจำ โดยการฝึกให้คนภายในเรือนจำร้องเพลงประสานเสียงฝึกให้เล่นดนตรี ด้วยเหตุว่าดนตรีช่วยขัดเกลาจิตใจให้ผู้ต้องขังจิตใจสบาย ระงับความเครียด มองโลกด้วยความสวยงาม อีกทั้งเป็นการใช้เวลาว่างให้มีประโยชน์และช่วยให้ผู้ต้องขังมีความรู้และความเข้าใจและ ความรู้ความเข้าใจทางด้านดนตรีที่เมื่อพ้นโทษออกไปแล้วยังสามารถนำความสามารถทาง ด้านดนตรีไปใช้สำหรับการดำรงชีพได้อีกด้วย
 
 2. ด้านการศึกษา นักการศึกษาต่างมีความเห็นตรงกันว่าดนตรีสามารถพัฒนาความสามารถของคนเราได้ จริง โดยส่งผลการศึกษาเรียนรู้ล้นหลามที่รับรองว่า ดนตรีสามารถปรับปรุงสมองของเด็กเจริญผ่านทางเสียงเพลง ตัวอย่างเช่น การให้ฟังเสียงเพลงที่มีเสียงที่มีความถี่สูงอย่างจะเข้ ขิม ไวโอลิน เปียโน จะไปกระตุ้นสมองในส่วนของความจำและความคิดสร้างสรรค์ของเด็กได้ดิบได้ดี นอกจากนี้ การให้เด็กได้เล่นอุปกรณ์สำหรับเล่นดนตรี ยังช่วยปรับปรุงความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตนเอง ทั้งยังช่วยปรับปรุงเชาวน์ของเด็กโดยตรงจากการเคลื่อนไหวตามจังหวะดนตรี รวมทั้งการอ่านโน้ตซึ่งช่วยพัฒนาในเรื่องของความจำแล้วก็ในเรื่องของ คณิตได้โดยตรง เรียนดนตรีที่ไหนดี

 จากการวิจัยของมหาวิทยาลัย UCLA โดย Catterall (1997) ได้ทำการค้นคว้าเกี่ยวกับความข้องเกี่ยวระหว่างดนตรีกับการศึกษาเล่าเรียนวิชาต่างๆโดยทดลองจากกรุ๊ปผู้เรียนระดับชั้นมัธยมปีที่ 2 ถึงปีที่ 6 ซึ่งได้มีการแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กรุ๊ป เป็นกรุ๊ปที่ได้เรียนดนตรี กับกรุ๊ปที่มิได้เรียนดนตรีผลการวิจัยปรากฏว่าเด็กกรุ๊ปที่เรียนดนตรีมีคะแนนวิชาเลขคณิต วิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ วิชาการอ่านสูงมากขึ้นและก็ในวิชาสังคมศาสตร์มีระดับคะแนนเฉลี่ยที่สูงขึ้น 40% หรือจากการค้นคว้าของFrankenberger (1997) ที่ได้ศึกษาค้นคว้าศึกษาเล่าเรียนถึงผลของการใช้ดนตรีร่วมกับการฝึกอบรมแบบผ่อนคลายกับเด็ก ที่มีการเรียนรู้ช้าและก็มีความนิสัยไม่ดี พบว่า การใช้ดนตรีร่วมกับการฝึกอบรมผ่อนคลายช่วยให้เด็กมีการเรียนรู้ที่ และก็มีความนิสัยไม่ดีทางอารมณ์น้อยลง
 
 3. ทางการแพทย์ ในปัจจุบันแวดวงแพทย์ได้นำดนตรีมาใช้สำหรับในการรักษาโรค (Music Therapy) อย่างล้นหลามมากขึ้น โดยทางด้านการแพทย์มีความเห็นตรงกันว่าเสียงของดนตรีมีผลต่อระบบและก็จังหวะของทาง เดินหายใจ การเต้นของหัวใจแล้วก็ความดันของเลือด การให้ผู้ป่วยฟังเพลงที่มีความถี่ของเสียงต่ำ เช่น เสียงแซกโซโฟน เสียงขลุ่ยหรือปี่ จะช่วยทำให้คนเจ็บเกิดความสงบและลดอาการความเจ็บปวดทรมานของโรคต่างๆได้
 
 จากการวิจัยของBeck (1991) ได้เล่าเรียนถึงผลของดนตรีที่คนเจ็บชอบต่อระดับความปวดในคนไข้มะเร็ง โดยให้กลุ่มตัวอย่างเลือกฟังเพลงที่ชอบจำพวกผ่อนคลาย 7 ประเภท อย่างเช่น เพลงคลาสสิกหรือเพลงแจ๊ส โดยให้ฟังวันละ 2 ครั้งๆละ45นาที ตรงเวลา 3 วัน พบว่าความรู้สึกเจ็บของผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ เดี๋ยวนี้พวกเราจึงชอบเห็นตามโรงหมอต่างๆนำดนตรีมาใช้กับคนไข้ตั้งแต่รอคอยพบแพทย์จนกระทั่งกรรมวิธีรักษาเลยทีเดียว
 
 4. ด้านศาสนา หลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกว่าในปีคริสต์ศักราช1100 มีการใช้ออร์แกน (organ) เป็นหลักในการเล่นเพลงดนตรีประกอบพิธีกรรมทางศาสนาคริสต์ โดยมีความเห็นว่าดนตรีรวมทั้งเพลงทางศาสนาสามารถช่วยโลมเล้าจิตใจและให้กำลังใจ ได้ ทั้งยังเป็นตัวกลางสำหรับในการนมัสการพระเจ้าอีกด้วย ยิ่งไปกว่านี้บทสวดต่างๆในพุทธศาสนาก็หรูหราเสียงสูงๆต่ำๆที่เมื่อตั้งใจฟังแล้วจะพบว่ามีระดับเสียงคล้ายเพลง ซึ่งมีส่วนช่วยนำมาซึ่งการก่อให้เกิดสมาธิรวมทั้งความสงบในจิตใจได้อย่างดีเยี่ยม
 
 ดนตรีเป็นสื่อมหัศจรรย์ที่มีผลต่อ ร่างกาย สมอง ความนึกคิด จิตใจและอารมณ์ของคนเรา ทำให้เกิดความรู้สึกเป็นสุขก็ได้ ทำให้หมดกำลังใจหมดหวังก็ได้ช่วยทำให้มีการปรับปรุงศักยภาพด้านต่างๆก็ได้ สามารถเพิ่มเรี่ยวแรงกำลังใจในการดำรงชีพก็ได้ อยู่ที่ว่าพวกเราจะเลือกนำดนตรีไปใช้ในทางไหนต่างหาก ในฐานะที่คนเขียนเป็นนักดนตรีคนหนึ่ง อยากให้ดนตรีช่วยทำให้ทุกคนสุขสบายรวมทั้งมีหวังในชีวิต เมื่อห่อเหี่ยวให้ดนตรีช่วยปลอบประโลมใจ เมื่อรู้สึกขุ่นมัวใช้ดนตรีเป็นเครื่องผ่อนคลายอารมณ์ เมื่อสุขสบายใช้ดนตรีสร้างรอยยิ้มให้กว้างขึ้น นั่นแหละคือการใช้ดนตรีให้เป็นประโยชน์ได้อย่างแท้จริง โรงเรียนการแสดง

เครดิต : http://www.mephoomschool.com/

Tags : โรงเรียนดนตรี,โรงเรียนการแสดง
บันทึกการเข้า