กฎหมายอาญา ภาคความผิด เล่ม 4 เกียรติขจร วัจนสวัสดิ์ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมคลิกที่นี่ http://www.attorney285.com/product.detail_571709_th_2411460กฎหมายอาญา ภาคความผิด เล่ม 4 เกียรติขจร วัจนสวัสดิ์ ผู้แต่ง : เกียรติขจร วัจนสวัสดิ์ ปีที่พิมพ์: ครั้งที่ 2 : กันยายน 2557 จำนวนหน้า: 352 หน้า ขนาด : 18.5x26 รูปแบบ : ปกอ่อน สารบัญ บทที่ 1 ความผิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่มีรากฐานมาจากความผิดฐานลักทรัพย์ ตอนที่ 1 ความผิดฐาน “ชิงทรัพย์” (มาตรา 339) เป็นการลักทรัพย์ – ลักทรัพย์ คือ การเข้าครอบครองทรัพย์ของผู้อื่น โดยการแย่งการครอบครอง – หากการกระทำไม่เป็น “ลักทรัพย์” ก็ไม่ผิดฐานชิงทรัพย์ แต่อาจเป็นความผิดต่อเสรีภาพ – หากทรัพย์เป็นของผู้กระทำเอง การกระทำไม่เป็นลักทรัพย์ จึงไม่เป็นชิงทรัพย์ – เจ้าของรวมเอาทรัพย์ที่เป็นกรรมสิทธิ์รวมไป โดยเจ้าของรวมคนอื่นไม่ได้อนุญาต ไม่เป็นลักทรัพย์ – หากเป็นการทำร้ายหรือขู่เข็ญฯ ให้ส่งทรัพย์ให้เพื่อนำมาทำลาย ก็ไม่เป็นลักทรัพย์ จึงไม่เป็นชิงทรัพย์ – หากการกระทำเป็นฉ้อโกง การใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อยึดเอาทรัพย์นั้นไว้ ก็ไม่เป็นชิงทรัพย์ – หากการกระทำเป็นรับของโจร การใช้กำลังประทุษร้าย เพื่อยึดเอาทรัพย์นั้นไว้ ก็ไม่เป็นชิงทรัพย์ – การลักทรัพย์จะเป็นชิงทรัพย์จะต้องมีการ “ใช้กำลังประทุษร้าย” หรือ “ขู่เข็ญว่าทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย” เพื่อ ฯลฯ – ตัวอย่างอื่น ๆ ของการชิงทรัพย์ – “พยายามชิงทรัพย์” คือ พยายามลักทรัพย์โดยใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย – หากการลักทรัพย์ถึงขั้นที่เป็น “ความผิดสำเร็จ” แล้ว การกระทำจะเป็นพยายามชิงทรัพย์ไม่ได้ – หากการกระทำไม่ใช่การใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ ก็ไม่ใช่การชิงทรัพย์ โดยเป็นเพียงลักทรัพย์เท่านั้น “ใช้กำลังประทุษร้าย ” – ความหมายของ “ใช้กำลังประทุษร้าย ” – ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาที่วินิจฉัยว่าเป็นการประทุษร้ายแก่กาย หรือจิตใจของบุคคล – คำพิพากษาฎีกาที่วินิจฉัยว่าเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย – ตามมาตรา 138 วรรคสอง – การกระชากหรือแย่งทรัพย์ เช่นกระชากสร้อยคอ เป็นการใช้กำลัง ประทุษร้ายหรือไม่ – การกระทำต่อเนื้อตัวหรือกายของผู้เสียหาย นอกเหนือจากการกระชากสร้อยคอ เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย – การแกะสร้อยที่ข้อมือผู้เสียหาย แล้วพาหนีไปต่อหน้า เป็นวิ่งราวทรัพย์ ไม่ใช่การชิงทรัพย์ เพราะไม่มีการใช้กำลังประทุษร้าย – หากการกระทำต่อทรัพย์เป็นการกระทำต่อเนื้อตัวหรือกายด้วย ก็เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย – ตัวอย่างอื่น ๆ ของการใช้กำลังประทุษร้าย – การประทุษร้ายแก่กายหรือจิตใจของบุคคล “ด้วยวิธีอื่นใด” – การกระทำใด ๆ ซึ่งเป็นเหตุให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดอยู่ในภาวะที่ ไม่สามารถขัดขืนได้ ไม่ว่าโดยใช้ยาทำให้มึนเมา สะกดจิต หรือใช้วิธี อื่นใดอันคล้ายคลึงกัน – การกระทำต่อทรัพย์ ไม่เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย – การกระทำต่อเสรีภาพ ไม่เป็นการใช้กำลังประทุษร้าย “ขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย” – ความหมายของคำว่า “ในทันใดนั้น” – การขู่เข็ญฯ จะทำด้วยวาจา หรือกิริยาอย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้ ซึ่งแสดงออกให้ผู้ถูกขู่เข็ญทราบว่าจะใช้กำลังประทุษร้าย – หากชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์แล้วคุมตัวเจ้าทรัพย์ไปด้วยเป็น ตัวประกันจะถือว่าเป็นการขู่เข็ญเจ้าทรัพย์อยู่ตลอดเวลาหรือไม่ – หากไม่ใช่เป็นการขู่เข็ญว่าในทันใดนั้นจะใช้กำลังประทุษร้าย ก็ไม่ใช่ชิงทรัพย์ – ผู้ที่ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ และผู้ลักทรัพย์ต้องเป็นคนเดียวกัน หรือเป็นผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน – ต้องเป็นการใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ “ผู้ถูกลักทรัพย์ หรือ บุคคลที่สาม” ไม่ใช่ตัวผู้กระทำความผิดเอง – การใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ บุคคลหนึ่ง แล้วร้องตะโกนว่า ทำไปเพื่อต้องการทรัพย์ แม้จะมิได้เจาะจงว่าต้องการทรัพย์จากผู้ใด ก็เป็นชิงทรัพย์ได้ – การใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ ยังต้องไม่ “ขาดตอน” จากการลักทรัพย์ – ถ้ากำลังพาทรัพย์หนีติดต่อกันไป แม้จะไกลเท่าใด ก็ไม่น่าจะขาดตอน – คำพิพากษาฎีกาที่วินิจฉัยว่า การลักทรัพย์ยังไม่ “ขาดตอน” ดังนั้น การทำร้ายหรือขู่เข็ญจึง – แม้ขณะที่คนร้ายทำร้ายหรือขู่เข็ญฯ คนร้ายจะทิ้งทรัพย์แล้ว หากการลักทรัพย์ยังไม่ขาดตอน ก็เป็นชิงทรัพย์ได้ – หากทำร้ายหรือขู่เข็ญฯ กระทำเมื่อการลักทรัพย์ขาดตอนแล้ว ผู้กระทำผิดฐานลักทรัพย์กรรมหนึ่ง และทำร้ายอีกกรรมหนึ่ง – หากทำร้ายหรือขู่เข็ญฯ กระทำในขณะที่การลักทรัพย์ ยังไม่ขาดตอน เป็นกรณีกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท – การใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ ผู้กระทำต้องมีเจตนาธรรมดา กล่าวคือประสงค์ต่อผล หรือย่อมเล็งเห็นผล ผู้กระทำต้องมีเจตนาพิเศษ เพื่อ ฯลฯ ตามที่ระบุไว้ใน มาตรา 339 (1)-(5) อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง – มาตรา 339 (1) เพื่อให้ความสะดวกแก่การลักทรัพย์ เพื่อให้ความสะดวกแก่การพาทรัพย์นั้นไป – มาตรา 339 (2) เพื่อให้ยื่นให้ซึ่งทรัพย์นั้น – มาตรา 339 (3) เพื่อยึดถือเอาทรัพย์นั้นไว้ – มาตรา 339 (4) เพื่อปกปิดการกระทำความผิดนั้น – มาตรา 339 (5) เพื่อให้พ้นจากการจับกุม – การใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ เพื่อให้พ้นจากการจับกุม อาจจะ – กระทำต่อผู้เสียหายที่ถูกลักทรัพย์ หรือ กระทำต่อบุคคลที่สามก็ได้ ตัวการในการชิงทรัพย์ – บุคคลสองคนขึ้นไป จะเป็นตัวการตาม ป.อ. มาตรา 83 ในการชิงทรัพย์ หรือปล้นทรัพย์ (แล้วแต่กรณี) จะต้องมีการกระทำร่วมกันและเจตนา ร่วมกันทั้งในการลักทรัพย์ และในการใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ – หากมีการกระทำร่วมกันและเจตนาร่วมกันทั้งในการลักทรัพย์ และในการ ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ แล้ว แม้การใช้กำลังประทุษร้าย หรือ ขู่เข็ญฯ จะกระทำโดยผู้ร่วมกระทำเพียงคนเดียว ผู้ร่วมกระทำคนอื่น ๆ ซึ่งไมได้ลงมือทำร้ายหรือขู่เข็ญฯ ด้วย ก็เป็นตัวการในการชิงทรัพย์ – เป็นตัวการในการชิงทรัพย์แล้ว มิได้เป็นตัวการในการฆ่าเจ้าทรัพย์ ซึ่งเกิดขึ้นในภายหลังด้วย ก็ไม่เป็นตัวการในความผิดฐานชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้คนตายตามมาตรา 339 วรรคท้าย “เหตุฉกรรจ์” ของการชิงทรัพย์ – เหตุฉกรรจ์ของการชิงทรัพย์ ตามมาตรา 339 วรรคสอง – จะผิดมาตรา 339 วรรคสอง ขณะที่มีการลักทรัพย์ต้องมีเหตุ ตามมาตรา 335 แม้ว่าขณะที่ใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ จะไม่มีเหตุตามมาตรา 335 ก็ตาม – แม้การชิงทรัพย์ก็จะเป็นการลักทรัพย์ ตามมาตรา 335 ตั้งแต่ สองอนุมาตราขึ้นไป ผู้กระทำผิดฐานชิงทรัพย์ตามมาตรา 339 วรรคสองเช่นกัน – หากการลักทรัพย์ ตามมาตรา 335 เป็นการกระทำในขั้น “พยายามลักทรัพย์” การใช้กำลังประทุษร้าย หรือการขู่เข็ญฯ ก็เป็นกรณีพยายายามชิงทรัพย์ ตามมาตรา 339 วรรคสอง ประกอบมาตรา 80 – การกระทำต่อทรัพย์ที่เป็น โค กระบือ เครื่องกล หรือเครื่องจักร ที่ผู้มีอาชีพกสิกรรมมีไว้สำหรับประกอบกสิกรรม “ผลฉกรรจ์” ของการชิงทรัพย์ – ผลของการกระทำความผิด ทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น (“ผลฉกรรจ์” ) – การชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ ตามมาตรา 339 วรรคสาม – ความหมายของ “อันตรายแก่กายหรือจิตใจ” – คำพิพากษาฎีกา เกี่ยวกับมาตรา 339 วรรคสาม – “ผู้อื่น” ตามมาตรา 339 วรรคสาม, สี่, วรรคท้าย หมายถึง “ผู้อื่น” ที่มิใช่ผู้กระทำการชิงทรัพย์หรือผู้ที่ร่วมกระทำด้วยกันเอง – การชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นรับอันตรายสาหัส ตามมาตรา 339 วรรคสี่ – การชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ตามมาตรา 339 วรรคท้าย – กรณี “ความตาย” เกิดขึ้น จึงทำให้การกระทำนั้นเป็นชิงทรัพย์ – กรณี “ความตาย” เกิดขึ้น หลังการชิงทรัพย์ในตอนแรกได้เกิดขึ้นก่อนแล้ว – กรณีที่ “ผลของการชิงทรัพย์” ตามมาตรา 339 วรรคสาม, สี่, วรรคท้าย เกิดขึ้นจากการกระทำโดยพลาดตาม ป.อ. มาตรา 60 – หากผู้ชิงทรัพย์มีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์เพื่อความสะดวกในการลักทรัพย์ ฯลฯ – เจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์ อาจเป็นเจตนาฆ่าโดย “เล็งเห็นผล” ก็ได้ – หากชิงผู้ชิงทรัพย์คนหนึ่งฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย ขณะที่การร่วมกันชิงทรัพย์ยุติแล้ว ผู้ร่วมชิงทรัพย์อีกคนหนึ่งไม่ผิดมาตรา 339 วรรคท้ายด้วย – หากผู้ที่ร่วมในการลักทรัพย์ไม่ได้ร่วมในการใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ ก็ไม่ผิดฐานชิงทรัพย์ และไม่ผิดมาตรา 339 วรรคสาม, สี่, วรรคท้าย – หากการฆ่าเจ้าทรัพย์เกิดขึ้นเมื่อการลักทรัพย์ “ขาดตอน” แล้ว ผู้กระทำก็ไม่ผิดมาตรา 339 วรรคท้าย – ผู้ร่วมในการชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์หากไม่มีเจตนาร่วมใน การฆ่าเจ้าทรัพย์ก็ไม่ผิดฐานฆ่าคนตายตาม ป.อ. มาตรา 289 – กรณีที่ถือว่าผู้ที่ร่วมชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ด้วยกัน มีเจตนาฆ่า “ผู้อื่น” ด้วยกัน – อันตรายแก่กายหรือจิตใจตามมาตรา 339 วรรคสาม อันตรายสาหัส ตามวรรคสี่ ความตายตามวรรคท้าย อาจเป็น “ผล” ที่เกิดจาก การชิงทรัพย์ (สำเร็จ) หรือการพยายามชิงทรัพย์ก็ได้ – การพยายามชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ รับอันตรายสาหัส หรือถึงแก่ความตาย ผู้กระทำระวางโทษ เพียงสองในสาม – หากอันตรายแก่กายหรือจิตใจตามมาตรา 339 วรรคสาม อันตรายสาหัสตามวรรคสี่ ความตายตามวรรคท้าย ไม่เกิด ผู้กระทำก็ไม่ต้องรับโทษหนักตามวรรคนั้น ๆ – หากการชิงทรัพย์เป็นการลักทรัพย์ ตามมาตรา 335 และการชิงทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ เป็นเหตุให้ผู้อื่น ได้รับอันตรายสาหัส หรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผู้กระทำ ก็ผิดมาตรา 339 วรรคสาม, สี่, วรรคท้าย (แล้วแต่กรณี) มาตรา 340 ตรี – ชิงทรัพย์โดยมีอาวุธปืนหรือใช้อาวุธปืน – หากผู้ร่วมในการชิงทรัพย์คนอื่น ๆ ไม่ได้มีหรือใช้อาวุธปืนด้วย – ชิงทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ – การใช้ยานพาหนะในการชิงทรัพย์จะผิดมาตรา 340 ตรี การชิงทรัพย์ต้องยังไม่ “ขาดตอน” – หากการชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา 339 วรรคท้าย ซึ่งมีระวางโทษประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต หรือ การปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายตามมาตรา 340 วรรคท้าย ซึ่งมีระวางโทษประหารชีวิต แม้จะมีเหตุตามที่บัญญัติ ไว้ในมาตรา 340 ตรี ก็ไม่อาจระวางโทษหนักว่าที่บัญญัติไว้ในมาตรา 339 วรรคท้าย หรือ มาตรา 340 วรรคท้าย (แล้วแต่กรณี) กึ่งหนึ่งได้ – มาตรา 340 ตรี เป็น “บทกำหนดโทษ” ไม่ใช่ “บทเพิ่มโทษ” – เหตุผลที่ศาลฎีกากล่าวว่า มาตรา 340 ตรี ไม่ใช่เรื่องการเพิ่มโทษ – ร่วมกันชิงทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายโดยการใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์ตาย ชิงทรัพย์เป็นพระพุทธรูป หรือวัตถุในทางศาสนา มาตรา 339 ทวิ – ผลของการกระทำความผิดตามาตรา 339 ทวิ วรรคแรกหรือ วรรคสอง ทำให้ผู้กระทำต้องรับโทษหนักขึ้น การพยายามชิงทรัพย์ – หากการกระทำยังไม่ถึงขั้นพยายามลักทรัพย์ ก็ไม่เป็นพยายามชิงทรัพย์ ตอนที่ 2 ความผิดฐาน “ปล้นทรัพย์” (มาตรา 340) ความหมายของการ “ชิงทรัพย์โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกัน ตั้งแต่สามคนขึ้นไป” – หากบุคคลสามคนร่วมกระทำความผิดด้วยกันเป็นตัวการในการ ลักทรัพย์แต่ในการทำร้ายหรือขู่เข็ญฯ มีผู้ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน ไม่ถึงสามคน ทั้งสามคนก็ไม่ได้กระทำการปล้นทรัพย์ – กรณีที่ถือว่าบุคคลสามคนขึ้นไป “ชิงทรัพย์โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกัน” – กรณีที่ “ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน” โดยบางคน “ลงมือ” กระทำความผิดแต่บางคนเพียงแต่อยู่ในที่เกิดเหตุหรือ ในสถานที่ใกล้เคียงในลักษณะ “แบ่งหน้าที่กันทำ” – กรณีที่ “ร่วมกระทำความผิดด้วยกัน” โดยการ “ลงมือ” กระทำความผิดด้วยกันทุกคน – กรณีที่ถือว่าเป็น “ผู้สนับสนุน” ในการปล้นทรัพย์เท่านั้น แต่ไม่ผิดฐานปล้นทรัพย์ด้วย – “ผู้ใช้” ตามมาตรา 84 ในความผิดฐานปล้นทรัพย์ ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว ใช้ปืนยิง (มาตรา 340 วรรคสอง,สี่ และมาตรา 340 ตรี) – กรณีปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัว – หากทรัพย์ที่ลักคือ “อาวุธ” แล้วคนร้ายใช้อาวุธนั้นทำร้ายเจ้าทรัพย์ ไม่เป็นปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ – มีอาวุธติดตัวไปด้วยก่อนลงมือปล้นทรัพย์ แต่ทิ้งอาวุธเสียก่อนลงมือปล้น ไม่ใช่ปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ – ผู้ร่วมกระทำคนหนึ่งมีอาวุธติดตัว ผู้ร่วมกระทำทุกคนผิด มาตรา 340 วรรคสอง “ผลฉกรรจ์” ของการปล้นทรัพย์ – มาตรา 340 วรรคสามและวรรคท้าย – มาตรา 340 วรรคสี่ ปล้นทรัพย์ ได้กระทำโดย แสดงความทารุณ จนเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายหรือจิตใจ – ปล้นทรัพย์ซึ่งมิได้กระทำโดยทารุณ แต่เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตราย แก่กายหรือจิตใจ ปล้นทรัพย์โดยกระทำทรมาน ปล้นทรัพย์โดย “ใช้ปืนยิง” ใช้วัตถุระเบิด ( มาตรา 340 วรรคสี่ ) – แม้การปล้นทรัพย์จะสำเร็จ หากการปล้นทรัพย์ยังไม่ “ขาดตอน” ถ้ามีการใช้ปืนยิงในระหว่างที่การปล้นทรัพย์นั้นยังไม่ “ขาดตอน” ก็ผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงเช่นกัน – หากการใช้ปืนยิงกระทำเมื่อการปล้นทรัพย์ “ขาดตอน” แล้ว – ข้อเท็จจริงที่ศาลฎีกาถือว่าการปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง ตามมาตรา 340 วรรคสี่ – วิเคราะห์ คำพิพากษาฎีกาที่ 7750/2548 – หากระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือประหารชีวิตแล้ว ก็ระวางโทษหนักกว่าอีกกึ่งหนึ่ง ตามมาตรา 340 ตรี ไม่ได้ ถ้าการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายสาหัส (มาตรา 340 วรรคสาม) ถ้าการปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย (มาตรา 340 วรรคท้าย) – การทำให้ตายจะต้องเกิดขึ้นในระหว่างที่การปล้นทรัพย์นั้นยังไม่ “ขาดตอน” ด้วย ผู้กระทำจึงจะผิดมาตรา 340 วรรคท้าย – ความรับผิดของ “ผู้ใช้” – จำเลยลงมือปล้นคนใดคนหนึ่ง มีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์ด้วย – ตัวอย่างคำพิพากษาฎีกาที่ถือว่าจำเลยคนอื่น ๆ ไม่มีเจตนาฆ่าเจ้าทรัพย์ด้วย ในการปล้นทรัพย์นั้น – หากผู้ร่วมในการปล้นทรัพย์มีเจตนาร่วมกันในการฆ่าเจ้าทรัพย์ ก็ผิดฐานร่วมกันฆ่าผู้อื่นด้วย – หากผู้ฆ่าเป็นพวกปล้นด้วยกัน จำเลยก็ต้องรับผิดด้วย ถ้าเล็งเห็นได้ว่าหากมีผู้ขัดขวางการปล้น จะต้องใช้อาวุธที่เตรียมมายิงผู้ขัดขวาง – หากปล้นโดยใช้ปืนยิง แต่เป็นการยิงเจ้าทรัพย์ถึงแก่ความตาย ก็เป็นกรณีตาม มาตรา 340 วรรคท้าย ไม่ใช่วรรคสี่ – หากใช้ปืนยิงพวกปล้นด้วยกันเองตาย ก็มิใช่กรณี มาตรา 340 วรรคท้าย แต่เป็นวรรคสี่ – หากการใช้ปืนยิงเป็นเหตุให้เจ้าทรัพย์ได้รับอันตรายสาหัส จะปรับกับมาตรา 340 วรรคสาม หรือวรรคสี่ ก็ได้ – จำเลยไม่ได้ใช้ยานพาหนะในการปล้นทรัพย์ จำเลยก็ไม่ผิด มาตรา 340 ตรี ปล้นทรัพย์ที่เป็นพระพุทธรูป หรือวัตถุในทางศาสนา มาตรา 340 ทวิ มาตรา 340 ตรี – เหตุผลต่าง ๆ ที่ศาลฎีกาถือว่ามาตรา 340 ตรี ใช้เฉพาะสำหรับ จำเลยที่ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ “โดยมีหรือใช้อาวุธปืน หรือ วัตถุระเบิด” หรือ “ใช้ยานพาหนะ” เท่านั้น – คำพิพากษาฎีกาเกี่ยวกับการชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะตามมาตรา 340 ตรี – การปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ จะผิดมาตรา 340 ตรี การปล้นทรัพย์นั้น ต้องยังไม่ขาดตอน – ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์โดยใช้ยานพาหนะ ซึ่งเป็นความผิดตามมาตรา 340 ตรี ไม่ได้หมายความว่าศาลจะต้องริบยานพาหนะนั้นตามมาตรา 33 เสมอไป – ปล้นทรัพย์เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ผิดมาตรา 340 วรรคท้าย ซึ่งต้องระวางโทษประหารชีวิต หากการปล้นทรัพย์นั้น มี หรือ ใช้ อาวุธปืน หรือ โดยใช้ยานพาหนะ เพื่อกระทำผิด ฯลฯ ก็ผิดมาตรา 340 ตรี – อุทาหรณ์ บทที่ 2 ความผิดฐานกรรโชก (มาตรา 337) ข่มขืนใจผู้อื่น ให้ยอมให้ หรือยอมจะให้ ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน โดยใช้กำลังประทุษร้าย ขู่เข็ญว่าจะทำอันตรายด้วยวิธีใด ๆ ก็ได้ – ตัวอย่าง อันตรายต่อชื่อเสียง – อันตรายต่อทั้งชื่อเสียงและทรัพย์สิน – อันตรายต่อทรัพย์สิน – หากความจริงไม่มีอันตรายใด ๆ ต่อชีวิต ร่างกาย ฯลฯ ผู้ถูกขู่เข็ญ หรือบุคคลที่สาม แต่ผู้ถูกขู่เข็ญเข้าใจว่ามีอันตรายก็เป็นกรรโชก – หากความจริงเป็นการขู่เข็ญ แต่ผู้ขู่เข็ญไม่รู้ว่าเป็นกาขู่เข็ญ – กรณีที่ไม่เป็นกรรโชก ผู้ได้รับประโยชน์อาจเป็น “ผู้ข่มขืนใจ” – ผู้ที่ได้รับประโยชน์อาจไม่ใช่ผู้ข่มขืนใจ แต่เป็น “ผู้อื่น” ก็ได้ – การใช้กำลังประทุษร้าย หรือขู่เข็ญฯ อาจจะกระทำต่อ (1) ผู้ถูกข่มขืนใจ หรือ ผู้ถูกขู่เข็ญ หรือ (2) บุคคลที่สาม – ผู้ที่ได้รับประโยชน์อาจเป็นคนเดียวกับผู้ที่ถูกประทุษร้าย หรือ ถูกขู่เข็ญฯ ก็ได้ – หากใช้กำลังประทุษร้ายตนเอง หรือขู่ว่าจะทำอันตรายต่อตอเอง เพื่อข่มขืนใจผู้อื่น ไม่ใช่การกรรโชก ตามมาตรา 337 – ผู้ที่ถูกข่มขืนใจต้องเป็น “ผู้อื่น” ที่มีตัวตนแน่นอน – หากผู้ข่มขืนใจและบุคคลที่สามสมยอมกัน – ผู้ที่ถูกข่มขืนใจ คือผู้ที่ยอมให้หรือยอมจะให้ประโยชน์แก่ผู้ข่มขืนใจ – การกระทำกรรโชก “โดยพลาด” – ขู่เอาทรัพย์โดยอ้างว่าจะจับ จะฟ้อง จะต้องติดคุก – ผู้ที่ถูกยิงพูดขู่ผู้ยิงว่า หากไม่ให้เงินจะส่งตัวให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดี – เจ้าทรัพย์พูดขู่ผู้ร้ายที่ลักทรัพย์ไปว่า ถ้าไม่คืนทรัพย์และ ใช้ค่าเสียหายให้แล้วจะฟ้องให้ติดคุก ผู้ร้ายมีความกลัว จึงคืนทรัพย์และใช้ค่าเสียหายให้ ไม่ผิดฐานกรรโชก – แม้ผู้ถูกข่มขืนใจจะมิใช่คนร้าย แต่ถ้าผู้ข่มขืนใจเข้าใจว่าเป็นคนร้าย ผู้ข่มขืนใจก็ไม่ผิดฐานกรรโชก – คู่กรณีโต้เถียงกรรมสิทธิ์ในบ้านพิพาท – กรณีอื่น ๆ ที่ศาลฎีกาถือว่ามิใช้เป็นการใช้อำนาจในทางมิชอบ – หากการเรียกร้องเอาทรัพย์สินคืน ถึงขนาดเป็นการขู่เข็ญว่า จะทำอันตรายแก่ชีวิต และร่างกายของผู้ถูกขู่เข็ญ เป็นกรรโชก – ขู่ว่า “จะยิง” ผู้ที่สงสัยว่าเป็นผู้ร้ายลักเงินไป หากผู้นั้นไม่ใช้เงินคืนเป็นกรรโชก ความผิดฐานเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ ผู้อื่นให้มอบให้ซึ่งทรัพย์สิน ตาม ป.อ. มาตรา 148 และ ความผิด ฐานเจ้าพนักงานเรียกสินบน ตาม ป.อ. มาตรา 149 และ ความผิด ฐานกรรโชกตามมาตรา 337 – กรณีที่ผิดทั้งมาตรา 148 และมาตรา 337 – กรณีที่ผิดทั้งมาตรา 149 และมาตรา 337 – กรณีที่ผิดมาตรา 149 แต่ไม่ผิดมาตรา 337 – กรณีที่ศาลพิพากษาว่าผิดมาตรา 337 เพราะโจทก์มิได้ฟ้อง ให้ลงโทษฐานเจ้าพนักงานทุจริตต่อหน้าที่มาด้วย ความผิดสำเร็จ – กรณีที่ศาลฎีกาถือว่าผู้เสียหาย “ยอมจะให้” เงินแก่จำเลยแล้ว จำเลยจึงผิดฐานกรรโชกสำเร็จ ไม่ใช่เพียงพยายามกรรโชก – หากผู้เสียหาย “ไม่กลัว” ตามที่จำเลยขู่เข็ญ ก็เป็นพยายามกรรโชก ความแตกต่างระหว่างกรรโชกและลักทรัพย์ – การกระทำบางอย่างน่าจะผิดทั้งชิงทรัพย์และกรรโชกทรัพย์ด้วยกันได้ – กรรโชกซึ่งไม่เป็นชิงทรัพย์ แต่เป็นลักทรัพย์ได้ – ตัวอย่าง กรณีที่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าไม่เป็นลักทรัพย์ จึงไม่เป็นชิงทรัพย์ แต่เป็นกรรโชก – องค์ประกอบภายในของความผิดฐานกรรโชก – เหตุฉกรรจ์ (มาตรา 337 วรรคสอง) บทที่ 3 ความผิดฐาน “รีดเอาทรัพย์” (มาตรา 338) – ความแตกต่างของความผิดฐานกรรโชก และความผิดฐานรีดเอาทรัพย์ – ความหมายของ “ความลับ” – ความหมายของการ “เปิดเผย” – การเปิดเผยนั้นจะทำให้ผู้ถูกขู่เข็ญหรือบุคคลที่สามเสียหาย – ผู้ถูกขู่เข็ญกับผู้ที่ให้ประโยชน์แก่ผู้ขู่เข็ญต้องเป็นบุคคลเดียวกัน – การกระทำตามสิทธิที่ควรได้ตามกฎหมาย – ความผิดสำเร็จ “จนผู้ถูกข่มขืนใจยอมเช่นว่านั้น” – การขู่เอาเงินจากผู้เสียหายนั้น การขู่อย่างหนึ่งอาจเป็นกรรโชก การขู่อีกอย่างหนึ่งอาจเป็นรีดเอาทรัพย์ก็ได้ – การขู่อย่างเดียว อาจเป็นทั้ง “กรรโชก” และ “รีดเอาทรัพย์”
ดูรายละเอียด เล่มอื่น ที่นี่ "http://www.attorney285.com/product_571709_th
*** จัดส่งไปรษณีย์ทุกวัน ****
**** ต้องการด่วน !! สั่งผ่านเว็บได้เลย**** วิธีการสั่งซื้อและ บัญชีธนาคารสำหรับโอนเงินคลิกที่นี่ http://www.attorney285.co.th/how2order
*** สั่งซื้อง่ายๆ ดังนี้ ***
1. โอนเงิน ค่าหนังสือ + ค่าจัดส่งที่ต้องการ 2. แจ้งการโอนเงิน พร้อมชื่อที่อยู่สำหรับจัดส่ง ทางโทรศัพท์, อีเมล, Line, (ทางใดทางหนึ่งเท่านั้น) 3. รอรับคู่มือสอบได้ที่บ้าน
เว็บไซต์ http://www.Attorney285.co.th Facebook http://www.facebook.com/attorney285.Law
อีเมล attorney285@gmail.com โทรศัพท์ 02-718-3517 (ทุกวัน) มือถือ Dtac 086-774-8337 Ais 087-999-3997 (ทุกวัน) LINE ID : @attorney285
Attorney285 (ร้านหนังสือกฎหมาย คู่มือเตรียมสอบราชการ)
บริษัท แอททอร์นีย์สองแปดห้า จำกัด
ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 15 ซ.รามคำแหง 24/3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
บริษัท จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์
จากปากซอย 50 ม. อยู่ซ้ายมือ (ใกล้ สน.หัวหมาก, ม.รามคำแหง, ม.อัสสัมชัญ หัวหมาก ABAC, การกีฬาแห่งประเทศไทย)
|