พิมพ์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.
1 ชั่วโมง 1 วัน 1 สัปดาห์ 1 เดือน ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น

[RobRuThai]

การเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงปลอดภัยหรือไม่? ผู้เชี่ยวชาญอธิบายความเสี่ยงและสิ่งที่ควรทำหากคุณกังวล

ตอนนี้โทรศัพท์มือถือของคุณอยู่ที่ไหน? ถ้าคุณกำลังอ่านข้อความนี้อยู่ โทรศัพท์ของคุณอาจจะอยู่ในมือของคุณ แต่ทันทีที่คุณอ่านจบ มีโอกาสสูงที่คุณจะเก็บมันกลับเข้าไปในกระเป๋าเสื้อหรือกางเกงของคุณ เหมือนกับชาวอเมริกันมากกว่าครึ่งหนึ่ง จากการศึกษาในปี 2017 มันเป็นสิ่งที่เราทำโดยไม่ได้คิด แต่โทรศัพท์มือถือเป็นอุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพสูงที่ปล่อยพลังงานระดับต่ำชนิดหนึ่งที่เรียกว่ารังสีคลื่นความถี่วิทยุ

มันไม่ใช่รังสีชนิดที่ทำอันตรายเฉียบพลันต่อร่างกายของเรา แต่โดยทั่วไปแล้วรังสีอาจเป็นอันตรายต่อเซลล์และสุขภาพของเรา ผู้เชี่ยวชาญมักจะแบ่งออกเป็นสองกลุ่ม: กลุ่มที่บอกว่าไม่มีอะไรต้องกังวลเกี่ยวกับการใช้โทรศัพท์มือถือ และกลุ่มที่กังวล ดังนั้นคุณควรเก็บสมาร์ทโฟนไว้ในกระเป๋าของคุณหรือไม่? นี่คือสิ่งที่คุณต้องรู้


ก่อนอื่น รังสีจากโทรศัพท์มือถือคืออะไร?

โทรศัพท์มือถือสื่อสารกับเสาสัญญาณโทรศัพท์และกันเองโดยใช้คลื่นความถี่วิทยุ ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้า แต่คลื่นความถี่วิทยุเป็นรูปแบบของรังสีแม่เหล็กไฟฟ้าที่มีความเข้มข้นน้อยที่สุด อย่างไรก็ตาม นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่มีอันตรายอย่างสิ้นเชิง รังสีคลื่นความถี่วิทยุที่มีความเข้มข้นสูงสามารถสร้างความร้อนและทำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น และอาจทำให้เกิดแผลไหม้ได้ ตามข้อมูลของสมาคมโรคมะเร็งแห่งอเมริกา

รังสีที่มีความเข้มข้นมากกว่า เช่น รังสีแกมมาและรังสีเอกซ์ สามารถรบกวนอะตอมโดยการทำให้มันแตกตัวเป็นไอออน กระบวนการนี้ ซึ่งอิเล็กตรอนถูกดึงออกจากอะตอมที่เสถียร อาจทำให้ DNA ของเราเสียหาย และนั่นอาจนำไปสู่มะเร็ง ตามข้อมูลของ ACS ในทางกลับกัน รังสีคลื่นความถี่วิทยุถือว่าไม่ก่อให้เกิดการแตกตัวเป็นไอออนและมีโอกาสก่อมะเร็งน้อยกว่า อย่างไรก็ตาม งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างรังสีคลื่นความถี่วิทยุจากโทรศัพท์มือถือกับอัตราที่สูงขึ้นของมะเร็งบางชนิดและปัญหาด้านสุขภาพอื่นๆ

ACS, ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ (NCI) ต่างก็ถือว่าโทรศัพท์มือถือไม่ก่อมะเร็งและปลอดภัย นอกเหนือจากความเป็นไปได้ที่โทรศัพท์จะร้อนเกินไป อย่างไรก็ตาม หน่วยงานระหว่างประเทศเพื่อการวิจัยมะเร็ง (IARC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ถือว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากโทรศัพท์มือถือ "อาจเป็นสารก่อมะเร็ง" ในมนุษย์


รังสีจากโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดมะเร็งหรือไม่?

รังสีจากโทรศัพท์มือถือไม่มีลักษณะของรังสีที่เป็นอันตรายและก่อมะเร็ง แม้ว่างานวิจัยบางชิ้นจะชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงที่เป็นไปได้ระหว่างการใช้โทรศัพท์มือถือกับอัตราที่สูงขึ้นของมะเร็งสมองบางชนิด แต่การศึกษาเหล่านี้ไม่ได้พิสูจน์ว่าสมาร์ทโฟนทำให้เกิดมะเร็งเหล่านี้จริง และผู้เขียนแสดงความสงสัยเกี่ยวกับความแม่นยำของระดับการใช้โทรศัพท์มือถือที่ผู้คนรายงาน

นอกจากนี้ยังควรสังเกตว่าอัตราการเกิดมะเร็งสมองและระบบประสาทใหม่ลดลงตั้งแต่ปี 1990 ตามข้อมูลของ CDC (จำนวนเนื้องอกใหม่เพิ่มขึ้น แต่เป็นเพราะประชากรเพิ่มขึ้นเท่านั้น) หากโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดเนื้องอกในสมอง อัตราการเกิดน่าจะเพิ่มขึ้นตามการใช้สมาร์ทโฟน เอลิซาเบธ แฮตช์ นักระบาดวิทยาจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ซึ่งศึกษาความเชื่อมโยงระหว่างภาวะเจริญพันธุ์ในเพศชายกับการใช้โทรศัพท์มือถือกล่าว

เดฟรา เดวิส ผู้ก่อตั้งและประธานของ Environmental Health Trust บอกกับ Yahoo Life ว่าเธอกังวลว่าอาจมีความเชื่อมโยงระหว่างอัตราการเพิ่มขึ้นของมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนักในคนหนุ่มสาวกับการแพร่หลายของสมาร์ทโฟน เมื่อพิจารณาจากช่วงเวลาของทั้งสองอย่าง อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องยากมากที่จะพูดได้ เพราะโทรศัพท์มือถือ "แพร่หลายมากจนไม่มีกลุ่มควบคุม" ของคนที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือเพื่อเปรียบเทียบอัตรามะเร็งของผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ เดวิสกล่าว แต่จนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีหลักฐานว่ารังสีจากโทรศัพท์มือถือเป็นสาเหตุของการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของมะเร็งชนิดนี้


มีข้อกังวลด้านสุขภาพอื่นๆ เกี่ยวกับตำแหน่งที่คุณพกโทรศัพท์มือถือหรือไม่?

แม้ว่าการศึกษาในสัตว์บางชิ้นจะชี้ให้เห็นว่ารังสีจากโทรศัพท์มือถือในระดับสูงอาจทำลายเยื่อบุมดลูก ไข่ รังไข่ และตัวอ่อน และอาจเป็นอันตรายต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ แต่ไม่มีผลการวิจัยเหล่านี้ที่ได้รับการจำลองซ้ำในมนุษย์

ความกังวลที่เร่งด่วนกว่า ตามที่เดวิสและผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆ กล่าวคือภาวะเจริญพันธุ์ในเพศชาย งานวิจัยแสดงให้เห็นว่ารังสีจากสมาร์ทโฟนในระดับสูงสามารถ "ทำลายเครื่องยนต์ของสเปิร์ม ซึ่งเรียกว่าไมโตคอนเดรีย" เดวิสอธิบาย "พวกมันตายเร็วกว่าธรรมชาติถึงสามเท่า"

การศึกษาในผู้ชายวัยผู้ใหญ่เป็นเวลา 13 ปีที่ดำเนินการในสวิตเซอร์แลนด์ ชี้ให้เห็นว่าการใช้โทรศัพท์มือถืออาจเชื่อมโยงกับความเข้มข้นของสเปิร์มที่ต่ำลงและจำนวนสเปิร์มที่ต่ำลง เดวิสสงสัยว่าสเปิร์มมีความเสี่ยงต่อผลกระทบของรังสีจากโทรศัพท์มือถือเป็นพิเศษ เนื่องจาก "การดูดซึมสูงสุดในร่างกายจะเกิดขึ้นในอวัยวะสืบพันธุ์เพศชาย" และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัณฑะ "เพราะไม่มีอะไรป้องกันพวกมัน"

แม้ว่าภาวะมีบุตรยากในเพศชายจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะบอกได้ว่ารังสีจากโทรศัพท์มือถือเป็นปัจจัยในแนวโน้มนี้หรือไม่ นับประสาอะไรกับการเป็นสาเหตุ


คุณจะลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างไร?

ผู้เชี่ยวชาญบางคนบอกว่าคุณควรเก็บสมาร์ทโฟนให้ห่างจากร่างกายให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ บ่อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น ในขณะที่คนอื่นๆ บอกว่าคุณไม่จำเป็นต้องกังวล

แฮตช์ ซึ่งศึกษาคำถามนี้โดยตรง ว่าการเก็บโทรศัพท์มือถือไว้ในกระเป๋ากางเกงเป็นอันตรายต่อภาวะเจริญพันธุ์ในเพศชายหรือไม่ ก็ไม่ได้กังวลมากนัก "สิ่งที่สำคัญคือเราไม่พบความเชื่อมโยงระหว่างการเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหน้ากับที่อื่นๆ" แฮตช์กล่าว "อาจจำเป็นต้องมีการวิจัยเพิ่มเติม แต่ฉันไม่คิดว่าจะมีคำตอบที่ชัดเจน"

หากคุณกังวล มีบางขั้นตอนที่คุณสามารถทำได้ "รังสีเป็นไปตามกฎกำลังสองผกผัน: เมื่อคุณเพิ่มระยะห่างจากรังสีเป็นสองเท่า คุณจะลดการสัมผัสลงสามในสี่" ดร. ร็อบ บราวน์ นักรังสีวิทยาและรองประธานฝ่ายวิจัยทางวิทยาศาสตร์และกิจการทางคลินิกของ Environmental Health Trust กล่าวกับ Yahoo Life "เมื่อโทรศัพท์ของคุณอยู่ในกระเป๋า คุณจะได้รับรังสีมากกว่าจากเราเตอร์ Wi-Fi ที่อยู่อีกฝั่งของห้อง หรือเสาสัญญาณโทรศัพท์ที่อยู่อีกฝั่งถนนมาก"

บราวน์ตั้งข้อสังเกตว่าเสื้อผ้าจะไม่ช่วยอะไร เพราะรังสีจากโทรศัพท์มือถือสามารถทะลุเสื้อผ้าได้ ซึ่งแตกต่างจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ อย่างไรก็ตาม การหาวิธีเก็บโทรศัพท์ให้ห่างจากตัวคุณมากขึ้นจะช่วยลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้

"วิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการพกโทรศัพท์คือปิดเครื่อง" บราวน์กล่าว "นั่นอาจจะไม่สะดวกสำหรับหลายๆ คน แต่พยายามเก็บให้ห่างจากตัว เช่น ในกระเป๋าคาดเอวหรือกระเป๋าสำหรับผู้ชาย และในกระเป๋าถือหรือกระเป๋าอื่นๆ สำหรับผู้หญิง"

บราวน์และเดวิสแนะนำให้ปิดโทรศัพท์เมื่อเป็นไปได้ หรืออย่างน้อยก็ตั้งค่าเป็นโหมดเครื่องบินโดยปิดบลูทูธและ Wi-Fi ซึ่งจะลดปริมาณรังสีที่อุปกรณ์ปล่อยออกมา เนื่องจากมีการส่งสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าน้อยลง


แปลภาษาไทยจาก
https://www.yahoo.com/lifestyle/safe-keep-cellphone-pocket-experts-235634131.html