รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร  (อ่าน 591 ครั้ง)

giulp54252

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 20
    • ดูรายละเอียด
อัญชัน มีสรรพคุณเเละประโยชน์อย่างไร
« เมื่อ: ธันวาคม 07, 2018, 06:52:58 PM »



อัญชัน
ชื่อสมุนไพร  อัญชัน
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น อัญชันบ้าน , อัญชันเขียง (ภาคกลาง) , เอื้องจัน , เอื้องชัน , อังจัน (ภาคเหนือ) ,แดงจัน (เชียงใหม่)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Clitorea ternatea Linn.
ชื่อสามัญ  Butterfly Pea , Blue Pea , Shell creeper.
วงศ์  Fabaceae (Leguminosae-Papilionoideae)

ถิ่นกำเนิด
อัญชันในเขตร้อนแถบทวีปเอเชียและก็อเมริกาใต้ (แต่บางตำราเรียนกล่าวว่าอยู่ที่อินเดีย) แล้วมีการแพร่ไปประเภทไปในเขตร้อนต่างๆทั้งโลกรวมไปถึงในออสเตรเลีย อเมริกา และภูมิภาคเอเซียอาคเนย์ ยกตัวอย่างเช่น ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา พม่าเป็นต้น สำหรับในประเทศไทย อัญชันคงจะมีการแพร่ขยายพันธุ์มานานแล้ว ด้วยเหตุว่าเจอในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ ของแพทย์ปรัดเล พ.ศ.2416 เอ่ยถึงอัญชันว่า"อัญชัน : เปนชื่อเครือเถาวัลอย่างหนึ่ง มันมีดอกเขียวบ้าง ขาวบ้าง ไม่มีกลิ่น" รวมทั้งสามารถพบบ่อยในป่าโล่งแจ้ง หรือในที่ครึ่งร่ม ทั้งยังป่าเบญจพรรณในพื้นด้านล่างจนไปถึงป่าดิบเขาสูง
โดยอัญชันที่เจอในประเทศไทย มีทั้งยังจำพวกบ้านที่ผ่านการคัดสรรให้ดอกใหญ่ ดก สีเข้ม ฯลฯ กับประเภทที่ขึ้นเองจากที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นพันธุ์ดอกชั้นเดี่ยว ดอกเล็ก รวมทั้งสีไม่เข้ม ซึ่งคนไทยจำนวนมาก นิยมปลูกอัญชันดอกสีน้ำเงินเข้ม กลีบดอกไม้ซ้อน ดอกขนาดใหญ่และ ดก เพราะว่านอกเหนือจากสวยแล้ว ยังนำไปใช้คุณประโยชน์ได้หลายประเภท อีกด้วย
ลักษณะทั่วไป อัญชันจัดอยู่ในสกุล Fabaceae ซึ่งเป็นตระกูลของถั่วในกลุ่มถั่วฝักเมล็ดกลม (pea) เช่น ถั่วลันเตา (green pea) ถั่วแระต้น (congo pea) ถั่วพู(manila pea)
โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพัน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วหรือซุ้ม เถากลมเล็กเรียว สีเขียวอ่อน เถาอ่อน กิ่งอ่อน หูใบ ก้านใบ แกนใบประกอบ แผ่นใบด้านล่าง ก้านดอก ใบประดับประดา และก็กลีบเลี้ยง มีขนนุ่ม แตกกิ่งก้านตามข้อใบ เถายาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อย 2-3 คู่ ใบบาง สีเขียว แต่ละใบมี ใบย่อย 5-9 ใบ ใบย่อยรูปวงรีแกมขอบขนานหรือรูปวงรีปนไข่กลับ กว้าง 1-3 ซม. ยาว 2-5 เซนติเมตร แกนกลางใบประกอบยาว 3-7 เซนติเมตร รวมก้านที่ยาว 1-3 ซม. ผิวใบมีขนปกคลุมทั้งคู่ด้าน หรือบางทีผิวด้านบนสะอาด ขอบของใบเรียบ โคนใบสอบ ปลายใบมน ปลายเป็นติ่งแหลมสั้นๆแผ่นใบเรียบ แผ่นใบค่อนข้างจะบาง เส้นกิ้งก้านใบ ข้างละ 4-5 เส้น หูใบรูปใบหอก ขนาดเล็ก ปลายแหลมยาว ยาว 2-5 มิลลิเมตร ดอกคนเดียว ออกที่ซอกใบ มี 1-2 ดอก กลีบดอกไม้ รูปดอกถั่ว มี 5 กลีบ แบ่งเป็น 2 ปาก ปากล่างขนาดใหญ่ ขอบมน กลีบดอกไม้ย่นย่อบาง ตรงกลางดอกมีแถบสีเหลืองขาว กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 กลีบ โคนติดกัน ยาว 1.5-2 ซม. แผ่นกลีบบาง ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกลึกราวครึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่า ปลายแฉกแหลมยาว ดอกมีสีสีน้ำเงิน ม่วง หรือขาว กึ่งกลางกลีบสีเหลืองหม่นหมองขอบสีขาว รูปดอกถั่ว แต่ละกลีบมีขนาดไม่เท่ากัน มีกลีบใหญ่ที่สุด 1 กลีบ ซึ่งจะมีจุดทาสีเหลืองกึ่งกลางกลีบประเภทนี้เรียกว่าประเภทดอกลา ครั้งคราวกลีบดอกไม้ 5 กลีบมีกลีบใหญ่มากกว่า 1 กลีบ ทำให้ดูเหมือนมีกลีบดอกไม้หลายชั้น เรียกว่าประเภทดอกซ้อน กลีบกลางรูปรีกว้างแทบกลม ยาวราวๆ 3.5 เซนติเมตรก้านกลีบสั้นๆในดอกสีน้ำเงินหรือชมพูมีปื้นสีขาวช่วงกลางกลีบด้านโคน กลีบปีกรวมทั้งกลีบคู่ด้านล่าง ขนาดเล็กกว่ากลีบกึ่งกลางโดยประมาณ กึ่งหนึ่ง มีก้านกลีบเรียวยาวเท่าแผ่นกลีบกลีบข้างรูปไข่กลับแกมรูปขอบขนาน กลีบคู่ข้างล่างรูปรี เกสรเพศผู้ติดสองกลุ่ม 9 อัน ติดกันราว 2 ใน 3 ส่วน เกลี้ยง ยาวเท่ากลีบปีกแล้วก็กลีบคู่ด้านล่างรังไข่ทรงกระบอก ยาวราว 5 มม. มีขนยาวก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว มีขนยาวหนาแน่นช่วงปลายข้างใน ก้านช่อยาวราว 5 มม. ใบเสริมแต่งขนาดเล็กออกเป็นคู่ ยาว 2-3 มม. ใบประดับย่อยมีขนาดใหญ่กว่าใบประดับ มี 1 คู่ รูปไข่กว้างเกือบจะกลม ขนาดโดยประมาณ5 มม. มีเส้นใบแจ่มแจ้ง ก้านดอกสั้นๆยาว 2-3 มม. ผลเป็นฝัก รูปกระบี่ แบนยาว ขนาดกว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-12 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ปลายเป็นจะงอยสั้นๆฝักอ่อนมีสีเขียว พอแก่มีสีน้ำตาลอ่อน แตกเป็น 2 ฝา เมล็ดรูปไตสีดำ ยาวได้ราว 5 มิลลิเมตร ปริมาณ 6-10 เมล็ด
โดยทั่วไปนั้น ดอกอัญชันมี 3 สี คือ สี ขาว สีน้ำเงิน รวมทั้งสีม่วง จำพวกดอก สีม่วงนั้นบางหนังสือเรียนว่ามีต้นเหตุจากการผสมพันธุ์ระหว่างชนิดดอกสีขาวกับชนิดดอกสีน้ำเงิน ซึ่งผู้เขียนไม่แน่ใจว่าถูก เพราะเคยเห็นอัญชันดอกขาวบางต้น มีกลีบสีขาวลายน้ำเงิน แปลว่าเป็นพันทางระหว่างดอกขาวกับดอกสีน้ำเงิน แต่ว่าข่มกันไม่ลงก็เลยแสดงออกมาอีกทั้ง 2 สี ไม่เปลี่ยนเป็นสีม่วงอย่างที่บอกในบางตำรา
การขยายพันธุ์ อัญชันเป็นไม้เถาที่ปลูกง่าย มีความแข็งแรง คงทน ก็เลยมีการปลูกทั่วไป โดยนิยมปลูกเป็นพืชหลังบ้าน ริมรั้ว หรือ ซุ้มไม้ ส่วนการขยายพันธุ์สามารถทำได้ด้วยการใช้เมล็ด ซึ่งมีวิธีการปลูกคือ ถ้าหากปลูกเพื่อการขายให้ปรับดินโดยการไถพรวนแล้วให้ปุ๋ยคอมในอัตรา 1 ต้น ต่อไร่ แล้วหว่านเมล็ดอัญชันลงไปในอัตรา 0.5-1 โลต่อไร่ แล้วก็ให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ แต่โดยส่วนมากมักจะนิยมนำมาปลูกในฤดูฝนเพราะว่าไม่ต้องให้น้ำ ส่วนการปลูกเป็นไม้ประดับให้ชูร่องขนาดกว้าง 1.20 เมตร ส่วนขนาดความยาวตามที่ต้องการ แล้วต่อจากนั้นย่อยดินแล้วก็ผสมปุ๋ยธรรมชาติลงไปแล้วขุดหลุมหยอดเมล็ด หรือนำต้นกล้าที่เพาะได้ลงปลูก โดยใช้ระยะปลูก (กว้างxยาว) 1x1 เมตร แล้วปักหลักและก็ทำค้างให้เถาเลื้อยเกาะ รดน้ำให้ชุ่มทุกวี่ทุกวันในช่วงสัปดาห์แรก โดยปกติแล้วอัญชันถูกใจขึ้นที่โล่งแจ้งที่ได้ รับแดดเต็มกำลังชอบดินร่วนปนทรายที่ค่อนข้างจะร่วนซุยแม้กระนั้นมีการระบายน้ำได้ดิบได้ดี ปกติอัญชันจะเลื้อย ได้ยาวประมาณ ๗ เมตร เมื่อถึง หน้าแล้งจะแห้งตายไป แต่ว่าแม้มีน้ำ เพียงพอรวมทั้งดูแลอย่างเหมาะควร ก็สามารถปลูกรวมทั้งได้ดอกอัญชันทั้งปี
เมล็ด มีสาร adenosine, arachidic acid, campesterol, 4-hydroxycinnamic acid, p-hydroxy cinnamic acid, Clitoria ternatea polypeptide, ethyl-D-D-galactopyranoside, hex acosan-1-ol, palmitic acid, stearic acid, oleic acid, linoleic acid, linolenic acid, delphinidin 3,3´,5´-triglucoside, ß-sitosterol, J-sitosterol, avonol-3-glycoside, 3,5,7,4´-tetrahydroxy avone, 3-rhamnoglucoside รวมทั้ง anthoxanthin glucoside
ดอก มีสารในกรุ๊ป ternatins อย่างเช่น ternatin A1, A2, A3, B1, B2, B3, B4, D1 และ D2 สารที่ให้สีน้ำเงินในดอกเป็น สาร delphinidin-3,5-diglucoside, delphinidin 3-O-ß-D-glucoside, 3´-methoxy-delphinidine-3-O-ß-D-glucoside
ใบ มีสาร aparajitin, astragalin, clitorin, ß-sitosterol, kaempferol-3-monoglucoside, kaempferol-3-rutinoside, kaempferol-3-O-rhamnosyl-galactoside, kaempferol3-O-rhamnosyl-O-chalmnosyl-O-rhamnosyl-glucoside, kaempferol3-neohesperiodoside, รวมทั้ง kaempferol-3-O-rhamnosyl-glucoside
 
ประโยชน์ / สรรพคุณ
 
อัญชันมีการประยุกต์ใช้ทำประโยชน์หลายสิ่งหลายอย่าง อาทิเช่น สีจากดอกอัญชัน นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ ทำสีของหวาน ดังเช่นว่า ขนมดอกอัญชัน ของหวานช่อม่วง ทำน้ำกินสมุนไพร ได้ น้ำสีม่วงงามเนื่องจากสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้รวมถึงสีเปลี่ยน ไปตามความเป็นกรดด่างเหมือน กระดาษลิตมัสที่ใช้ตรวจทานความเป็นกรดด่างของสารละลาย ส่วนดอกอัญชันสามารถใช้กินเป็นผักได้อีกทั้ง จิ้มน้ำพริกใหม่ๆหรือชุบแป้งทอด
ในตอนนี้อัญชัน ซึ่งถูกเอามาปรับปรุงเป็นสินค้ายุคใหม่ ยกตัวอย่างเช่น แชมพูสระผม และก็ยานวดผมจากดอกอัญชัน (สีน้ำเงิน) กำลัง ได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยรวมทั้งมีคุณค่าเยอะขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณสมบัติของดอกอัญชันสำหรับการรักษาเส้นผมให้ดกดำ คุ้มครองผมร่วงแล้วก็ช่วยปลูก ผมให้ดกหนาขึ้น รวมถึงใช้นำมาเป็นส่วนผสมในเครื่องแต่งหน้าหรือใช้ทำเป็นสีผสมอาหารเป็นต้น
ยิ่งกว่านั้นหลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ดอกหุงกับข้าวเพื่อให้ข้าวมีสีม่วงหรือสีน้ำเงินอ่อน ทำให้น่าอร่อยยิ่งขึ้น และในประเทศประเทศฟิลิปปินส์ใช้ฝักอ่อนรับประทานเป็นผัก ประเทศมาเลเซียมักปลูกเป็นพืชคลุมแปลงสวนยาง บางประเทศในแถบแอฟริกาปลูกเป็นพืชหุ้มแปลงบำรุงดิน หรือปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วบ้าน รวมทั้งใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ส่วนสรรพคุณทางยานั้น ตามตำรายาไทย ใช้ เมล็ด รสมัน เป็นยาระบาย แม้กระนั้นมักทำให้อ้วกอ้วก ราก รสขมเย็น
(นิยมใช้ รากดอกขาว) ขับเยี่ยว แก้ฉี่พิการ เป็นยาระบาย ฝนหยอดตาแก้ตาเจ็บ ตามัว ทำให้ตาสว่าง บำรุงดวงตา ใช้รากถูฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน ราก รสเบื่อเมา ปรุงเป็นยากินแล้วก็พอก ทำลายพิษหมาบ้า ดอก โบราณใช้อัญชันสำหรับการปลูกผมรวมทั้งคิ้วเด็กอ่อน หยุดการหล่นของหนังหัวอ่อนแอทำสีผมหงอกให้เป็นสีดำ ใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาแก้บวมช้ำบวม แก้พิษแมลงกัดต่อย ใบแล้วก็รากฝนเอาน้ำหยอดตา แก้ตาเฉอะแฉะ ตาฝ้า ส่วนแบบเรียนยาประจำถิ่น ใช้ ราก ฝนกับรากสะอึกและก็น้ำแช่ข้าว กินหรือทา แก้งูสวัด
สำหรับการใช้ประโยชน์ในเมืองนอก ตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของอินเดีย มีการนำส่วนรากรวมทั้งเมล็ดของอัญชันใช้เป็นยาบำรุงร่างกายแล้วก็บำรุงสมอง รวมถึงใช้เป็นยาระบายรวมทั้งขับเยี่ยวและก็ในแถบอเมริกา มีรายงานการใช้น้ำสุกจากส่วนรากเพียงอย่างเดียวหรือน้ำสุกจากรากและก็ดอกด้วยกันเป็นยาบำรุงเลือด ส่วนเม็ดใช้เป็นยาระบายขับปัสสาวะ รวมทั้งขับพยาธิ ส่วนสำหรับในการแพทย์แผนปัจจุบันบอกว่าดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีม่วงอยู่มากมาย มีคุณลักษณะเพิ่มการไหลเวียนของโลหิต ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีเยอะขึ้น เช่น เส้นเลือดส่วนปลาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมเพิ่มมากขึ้น หรือทำให้กลไกสถานที่ทำงานเกี่ยวกับมองเห็นแข็งแรงขึ้น เพราะว่ามีหลอดเลือดเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งที่สำคัญยังช่วยลดความเสื่อมถอยของการเกิดสภาวะเส้นเลือดตัน ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ช่วยสำหรับการชะลอวัยและริ้วรอยแห่งวัย ช่วยในการบำรุงสมอง ช่วยล้างสารพิษแล้วก็ของเสียออกจากร่างกาย ช่วยต้านทานเบาหวานฯลฯ
แบบ / ขนาดวิธีการใช้ ใช้บำรุงดวงตา แก้ตาเจ็บขับปัสสาวะ แก้เหน็บชา ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม เพิ่มน้ำสะอาด 500 ซีซี ต้มจนถึงเดือนต่อจากนั้นต้มต่ออีก 2 นาที ยกลง ปล่อยให้เย็น กรองใส่ขวดใช้รับประทาน แก้ปวดฟัน , ช่วยทำให้ฟันทน ใช้รากสดเช็ดตามฟันซีที่ต้องการ , แก้ตาเจ็บ , บำรุงดวงตา ใช้รากฝนกับน้ำแล้วหยอดตาหรือใช้รากต้มกับน้ำใช้ดื่ม เป็นยาระบาย ขับปัสสาวะแก้เยี่ยวพิการ ดอกสดใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่บวมช้ำรวมทั้งใช้แก้พิษแมลงกัดต่อย
 
การเรียนทางเภสัชวิทยา
 
ฤทธิ์คลายเครียดรวมทั้งวิตกกังวล เรียนรู้ฤทธิ์เครียดลดลงและไม่สบายใจของพืชที่มีสรรพคุณบำรุงสมองตามตำราอายุรเวชศาสตร์ของประเทศอินเดีย พบว่าสารสกัดเมทานอล รากอัญชัน ขนาด มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีผลกลุ้มอกกลุ้มใจลดลงของหนูเม้าส์ เมื่อทดลองด้วยแนวทาง elevated plus-maze (EPM) ซึ่งเป็นกรรมวิธีการทดสอบที่ทำให้หนูเกิดความกลัว รวมทั้งการป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 50, 100 และ 200 มก./กก. น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ก่อนนำไปทดลองเหนี่ยวนำให้กำเนิดความเครียดด้วยวิธี forced swimming test (FST) พบว่าสารสกัดเมลานอลรากอัญชันทุกขนาด มีฤทธิ์ต่อต้านความเคร่งเครียด โดยการทำให้ค่า immobility time period ลดน้อยลง เมื่อเทียบกับหนูที่ถูกป้อนด้วยน้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว และก็ในการศึกษาฤทธิ์ผ่อนคลายความเครียดของอัญชัน ในหนูแรทด้วยวิธี tail suspention test (TST) และ FST โดยการทำการป้อนสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน ขนาด 150 และก็ 300 มก./กก. น้ำหนักตัว พบว่าสารสกัดเอทานอลนากอัญชันทั้งสองขนาดมีฤทธิ์ความเครียดลดลงของหนูแรทจากการทดลองทั้งสองประเภท โดยมีค่า immobility time period ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
การป้อนสารสกัดเมทานอลจากส่วนเหนือดินของอัญชันขนาด 30,100,200 รวมทั้ง 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ 60 นาทีก่อนนำไปทดลองด้วยวิธีต่างๆได้แก่ EPM, TST รวมทั้ง light/dark exploration พบว่าสารสกัดเมทานอลอัญชันขนาด 100 – 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว มีฤทธิ์ระงับความเครียดแล้วก็กังวลเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม นอกนั้นการฉีดสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน ขนาด 100 และก็ 200 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว เข้าทางช่องท้องหนูแรทมีฤทธิ์กลุ้มใจลดลง เมื่อทำการทดสอบด้วยต้นแบบต่างๆยกตัวอย่างเช่น EPM, TST และ Rota Rod test โดยขนาด 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ได้ผลดีมากกว่าขนาด 100 มก./กก.น้ำหนักตัว

ฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรู้และก็ความจำเล่าเรียนฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรู้และก็ฟื้นฟูความทรงจำของสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน จากภาวการณ์จำอะไรไม่ค่อยได้ที่เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยการทำการทดลองในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เป็นเบาหวานด้วยการฉีด streptozotocin แล้วหลังจากนั้นป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันให้กับหนูขาววันละ 200-400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว นาน 75 วัน วัดความรู้ความเข้าใจสำหรับการจำตำแหน่งของวัตถุหรือสิ่งที่อยู่รอบกายด้วยวิธีการต่างๆได้แก้ Y-maze test , mirrow water maze test แล้วก็ radial arm maze test ในวันที่ 71 และก็ 75 ของการทดลอง ผลจากการเรียนพบว่า หนูที่ถูกป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งสองขนาด มีความรู้และความเข้าใจสำหรับในการศึกษาแล้วก็ความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกลุ่มควบคุม ยิ่งไปกว่านี้จากการวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งสองขนาด มีความรู้และความเข้าใจในการเรียนรู้และความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม นอกจากนี้จกาการวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน มีผลยับยั้งหลักการทำงานของเอนไซม์ acetycholinesterase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ปฏิบัติหน้าที่สลายacetylcholine ที่ทำหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้แล้วก็ความจำ ยิ่งกว่านั้นยังเพิ่มระดับของเอนไซม์ที่เกี่ยวเนื่องกับกรรมวิธีการต่อต้านอนุมูลอิสระ ดังเช่นว่า superoxide dismutase (SOD) ,catalase (CAT) และ glutauhione (GSH) อีกด้วยชี้ให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลใบอัญชันมีฤทธิ์บำรุงสมองกระตุ้นการเล่าเรียนและก็ช่วยฟื้นฟูความจำ จากภาวการณ์ที่ป่วยเป็นเบาหวานในตัวทดลองได้ แล้วก็จากการเล่าเรียนฤทธิ์ระงับความเครียดแล้วก็วิตกของพืชที่มีสรรพคุณบำรุงสมองตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของอินเดียพบว่า สารสกัดเมทานอล 80% จากรากอัญชัน ขนาด100 แล้วก็ 200 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว เมื่อป้อนให้แก่หนูเม้าส์ ส่งผลกระตุ้นการเล่าเรียนรวมทั้งความจำของหนู เมื่อทดสอบด้วยแนวทาง step-down passive avoidance model ซึ่งเป็นกรรมวิธีการทดสอบพฤติกรรมหลีกเลี่ยงการเสริมแรงทางลบ (negative reinforcement)
การศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์กระตุ้นการเรียนและก็ความจำของอัญชันในหนูแรทแรกเกิด (อายุ 7 วัน) โดยทำการป้อนสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาดวันละ 50แล้วก็ 100 มก./กิโลกรัม นาน 30 วัน แล้วนำไปทดลองแนวทางในการศึกษาเรียนรู้และก็จดจำด้วยวิธี passive avoidance test และก็ T-maze test พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดน้ำอัญชันได้ผลการทดลองดีมากยิ่งกว่าหนูกลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีผลต่ออัตราการเคลื่อนไหวหรือส่งผลให้เกิดอาการเซื่องซึม นอกจากนี้ยังพบว่าสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาด 100 มก./กก. น้ำหนักตัว มีผลเพิ่ม acetylcholine ในสมองรอบๆ hippocampus ของหนูแรททั้งยังในวัยแรกเกิดและก็หนูที่อยู่ในวัยบริบูรณ์ประเภทอีกด้วย
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบรวมทั้งแก้ปวด ศึกษาเล่าเรียนฤทธิ์แก้ปวดของอัญชันในหนูเม้าท์ที่ถูกรั้งนำให้เกิดอาการเจ็บปวดด้วยการฉีดกรดอะซีว่ากล่าวก (acetic acid) เข้าทางช่องท้อง ภายหลังได้รับสารทดสอบ แบ่งหนูเม้าส์ออกเป็น 4 กลุ่ม กรุ๊ปที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ 2 ป้อนยาพารา diclofenac sodium ขนาด 10 มก./กก.น้ำหนักตัว กลุ่มที่ 3 รวมทั้ง 4 ป้อนสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 รวมทั้ง 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัวเป็นลำดับ แล้วหลังจากนั้นดูความประพฤติการบิดงอตัวของหนู ซึ่งเป็นอาการแสดงออกถึงความเจ็บปวด ผลจากการทดสอบพบว่า หนูเม้าส์ที่ได้รับสารสกัดเมทานอลใบอัญชันทั้งคู่กรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็พบว่าสารสกัเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันได้ผลดีกว่ากลุ่มที่ให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การต่ำลงของอาการบิดงอตัว (%inhibition of writhing) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม กรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 และก็ 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัวมีค่าเท่ากับ 82.67 รวมทั้ง 87.87 % ตามลำดับ ขณะที่กรุ๊ปที่ได้รับยาพารา diclofenac sodium มีค่าพอๆกับ 77.72% แสดงให้เห็นว่าสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันมีฤทธิ์แก้ปวด รวมทั้งในการศึกษาวิจัยฤทธิ์แก้อักเสบของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้มีการบวมและก็อักเสบด้วยการฉีดสาร carrageenan เข้าที่เข้าทางบริเวณอุ้งเท้า โดยทำการป้อนสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชัน ขนาด 200 รวมทั้ง 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว เปรียบเทียบกับการให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium พินิจแล้วก็วัดอาการปวดของฝ่าเท้าหนูด้วยเครื่อง plethismometer ผลจากการทดลองพบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ดอกอัญชันทั้งสองขนาดมีอาการบวมของฝ่าตีนน้อยกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง แล้วก็เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การลดน้อยลงของอาการบวมของอุ้งเท้า (%inhibition of paw) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม กลุ่มที่ได้รับสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 200 รวมทั้ง 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีค่าพอๆกับ 14 และก็ 21% เป็นลำดับ และก็กรุ๊ปที่ได้รับยาพารา diclofenac sodium เท่ากับ 38% ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบแม้กระนั้นยังมีคุณภาพน้อยกว่ายา diclofenac sodium นอกจากนี้เมื่อศึกษาค้นคว้าฤทธิ์แก้ปวดของสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันทั้งคู่ขนาดในหนูเม้าส์ เปรียบเทียบกับยาพารา pentazocine ซึ่งฉีดเข้าทางช่องท้องหนู โดยทดสอบด้วยแนวทาง Eddy's hot plate method พบว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีฤทธิ์ต้านทานลักษณะของการเจ็บปวด แม้กระนั้นยังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา pentazocine
ฤทธิ์ช่วยสำหรับการนอนหลับ เรียนรู้ฤทธิ์ด้านเภสัชวิทยาระบบประสาท (neurophamacological study) ของอัญชันในหนูเม้าส์ โดยการฉีดสารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าท้องขนาด 50,100 รวมทั้ง150 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ก่อนนำไปทดสอบด้วยวิธี head dip test และก็ Y-maze test พบว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชันขนาด 100 และ 150 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว มีผลลดอาการผงกศีรษะ (head dip) และช่วงเวลาการวิ่งในกล่องรูปตัว Y ลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน มีฤทธิ์ลดพฤติกรรมการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติและความพึงพอใจต่อสิ่งแวดล้อมของหนูเม้าส์ นอกจากนั้นยังพบว่า สารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าทางท้องของหนู 30 นาที ก่อนฉีดยานอนหลับดังที่กล่าวถึงแล้ว โดยการทำให้ระยะเวลาการนอนของหนูนานขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับการฉีดยาphenobarbitone เพียงอย่างเดียว

ฤทธิ์ต่อต้านการยึดกลุ่มของเกล็ดเลือด การวิเคราะห์แยกสารanthocyanin กรุ๊ป ternatins ที่สกัดได้จากดอกอัญชัน แล้วก็เรียนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารดังกล่าวมาแล้วข้างต้นในหลอดทดสอบ (in vitro) พบว่า สาร ternatin D1 จากดอกอัญชันมีคุณลักษณะยั้งการยึดกรุ๊ปของเกล็ดเลือดกระต่ายที่เหนี่ยวนำโดย collagen รวมทั้ง adenosine diphosphate (ADP)
ฤทธิ์ลดไข้ เรียนรู้ฤทธิ์ลดไข้ของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นด้วยการฉีดเชื้อยีสต์เข้าทางใต้ผิวหนัง ขนาด 10 มิลลิลิตร/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ต่อจากนั้น 19 ซม.แบ่งหนูออกเป็น 5 กลุ่ม (กรุ๊ปละ 6 ตัว) กลุ่มที่ 1 ให้เป็นกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ 2 ป้อนยาพาราเซตามอลขนาด 150 มก./กก. น้ำหนักตัว กรุ๊ปที่3-5 ป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 200 , 300 แล้วก็ 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ตามลำดับ กระทำการวัดปรอทร่างการทางทวารหนักของหนูที่ชั่วโมง 0,19,20,21,22 และก็ 23 ของการทดลองพบว่า สารสกัดเมทานอลรากอัญชันทุกขนาดส่งผลลดอุณหภูมิร่างกายของหนูลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม แล้วก็ได้ผลไม่ได้มีความแตกต่างจากกลุ่มที่ได้รับยาพาราเซตามอล
 
ฤทธิ์ต้านทานโรคเบาหวาน การศึกษา
 
ฤทธิ์ต้านทานเบาหวานของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยการฉีดสาร alloxan พบว่าการป้อนสารสกัดน้ำจากใบแล้วก็ดอกอัญชัน ขนาดวันละ 100-400 มิลลิกรัม/กก. นาน 14-84 วัน ส่งผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดคอเลสเตอรคอยล ไตรกลีเซอไรด์ รวมถึงระดับเอนไซม์ glucose-6-phosphatase ไปเป็นน้ำตาลแล้วก็เพิ่มระดับอินซูลิน HDL-cholesterol รวมทั้งเอนไซม์ glucokinase ซึ่งปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมระดับเดกซ์โทรสไปเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของ glucogen ในตับแล้วก็กล้าม ยิ่งกว่านั้นยังลดความย่ำแย่ของกลุ่มเซลล์ Islet of Langerhans ชนิด B-cells ในตับอ่อนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ผลิตอินซูลิน จากการฉีดสาร alloxan ได้
ส่วนสำหรับเพื่อการทดสอบฤทธิ์ของอัญชันในสินค้าเครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวพบว่าสารสกัดน้ำรวมทั้งสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระเมื่อทดสอบด้วยแนวทาง 2,2-diphenyl-1-picrylhdrazy (DPPH) ขึ้นรถสกัดน้ำจะมีฤทธิ์มากยิ่งกว่าสารสกัดเอทานอล ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งอนุมูลอิสระได้ 50% (IC50) เท่ากับ 1 และ4 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นลำดับ แล้วก็เมื่อนำสารสกัดน้ำดอกอัญชันไปเป็นองค์ประกอบในเจลสำหรับทารอบดวงตาพบว่าฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของอัญชันยังคงอยู่ แต่ว่ามีคุณภาพน้อยกว่าครีมมาตรฐาน ทำให้บางทีอาจสรุปได้ว่าการใช้ดอกอัญชันเป็นองค์ประกอบในเครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวบางครั้งอาจจะได้ประโยชน์จากฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา
การเล่าเรียนความเป็นพิษแบบทันควัน ของสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์จากดอกอัญชันในหนูแรทเพศภรรยาพบว่า การป้อนสารสกัดขนาด 2000 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว ไม่ก่อกำเนิดความเป็นพิษต่อหนูอะไร และก็ในการค้นคว้าความเป็นพิษของสา
บันทึกการเข้า