อัญชันชื่อสมุนไพร อัญชันชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น อัญชันบ้าน , อัญชันเขียง (ภาคกลาง) , เอื้องจัน , เอื้องชัน , อังจัน (ภาคเหนือ) ,แดงจัน (เชียงใหม่)ชื่อวิทยาศาสตร์ Clitorea ternatea Linn.ชื่อสามัญ Butterfly Pea , Blue Pea , Shell creeper.วงศ์ Fabaceae (Leguminosae-Papilionoideae)ถิ่นกำเนิดอัญชันในเขตร้อนแถบทวีปเอเชียแล้วก็อเมริกาใต้ (แต่บางหนังสือเรียนพูดว่าอยู่ที่ประเทศอินเดีย) แล้วมีการแพร่พันธุ์ไปในเขตร้อนต่างๆทั้งโลกรวมไปถึงในประเทศออสเตรเลีย อเมริกา แล้วก็ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้แก่ ไทย ลาว เวียดนาม กัมพูชา ประเทศพม่าฯลฯ สำหรับในประเทศไทย อัญชันน่าจะมีการแพร่ระบาดประเภทมานานแล้ว เพราะเหตุว่าพบในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ ของหมอปรัดเล พ.ศ.2416 เอ๋ยถึงอัญชันว่า"อัญชัน : เปนชื่อเครือเถาวัลอย่างหนึ่ง มันมีดอกเขียวบ้าง ขาวบ้าง ไม่มีกลิ่น" และสามารถพบได้บ่อยในป่าโล่งแจ้ง หรือในที่ครึ่งร่ม ทั้งป่าเบญจพรรณในพื้นข้างล่างจนถึงไปถึงป่าดิบเขาสูง
โดยอัญชันที่พบในประเทศไทย มีทั้งประเภทบ้านที่ผ่านการคัดเลือกให้ดอกใหญ่ ดก สีแก่ เป็นต้น กับประเภทที่ขึ้นเองดังที่รกร้างว่างเปล่า ซึ่งเป็นพันธุ์ดอกชั้นเดี่ยว ดอกเล็ก รวมทั้งสีไม่เข้ม ซึ่งคนประเทศไทยจำนวนมาก นิยมปลูกอัญชันดอกสีน้ำเงินเข้ม กลีบซ้อน ดอกขนาดใหญ่รวมทั้ง ดก เพราะนอกจากงามแล้ว ยังเอาไปใช้ผลดีได้หลายแบบ อีกด้วย
ลักษณะทั่วไป อัญชันจัดอยู่ในวงศ์ Fabaceae ซึ่งเป็นสกุลของถั่วในกลุ่มถั่วฝักเมล็ดกลม (pea) ยกตัวอย่างเช่น ถั่วลันเตา (green pea) ถั่วแระต้น (congo pea) ถั่วพู(manila pea)
โดยจัดเป็นไม้ล้มลุกเลื้อยพัน นิยมปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วหรือซุ้ม เถากลมเล็กเรียว สีเขียวอ่อน เถาอ่อน กิ่งอ่อน หูใบ ก้านใบ แกนใบประกอบ แผ่นใบด้านล่าง ก้านดอก ใบประดับ รวมทั้งกลีบเลี้ยง มีขนนุ่ม แตกกิ่งก้านตามข้อใบ เถายาว 1-5 เมตร ใบประกอบแบบขนปลายคี่ เรียงสลับ ใบย่อย 2-3 คู่ ใบบาง สีเขียว แต่ละใบมี ใบย่อย 5-9 ใบ ใบย่อยรูปวงรีแกมขอบขนานหรือรูปวงรีปนไข่กลับ กว้าง 1-3 ซม. ยาว 2-5 เซนติเมตร ศูนย์กลางใบประกอบยาว 3-7 ซม. รวมก้านที่ยาว 1-3 เซนติเมตร ผิวใบมีขนปกคลุมทั้งคู่ด้าน หรือบางคราวผิวข้างบนสะอาด ขอบของใบเรียบ โคนใบสอบ ปลายใบมน ปลายเป็นติ่งแหลมสั้นๆแผ่นใบเรียบ แผ่นใบออกจะบาง เส้นแขนงใบ ข้างละ 4-5 เส้น หูใบรูปใบหอก ขนาดเล็ก ปลายแหลมยาว ยาว 2-5 มม. ดอกคนเดียว ออกที่ซอกใบ มี 1-2 ดอก กลีบ รูปดอกถั่ว มี 5 กลีบ แบ่งเป็น 2 ปาก ปากด้านล่างขนาดใหญ่ ขอบมน กลีบดอกไม้ย่นย่อบาง กึ่งกลางดอกมีแถบสีเหลืองขาว กลีบเลี้ยงสีเขียวมี 5 กลีบ โคนชิดกัน ยาว 1.5-2 ซม. แผ่นกลีบบาง ปลายแยกเป็น 5 แฉก แฉกลึกราวๆครึ่งหนึ่งหรือน้อยกว่า ปลายแฉกแหลมยาว ดอกมีสีสีน้ำเงิน ม่วง หรือขาว กึ่งกลางกลีบสีเหลืองหม่นหมองขอบสีขาว รูปดอกถั่ว แต่ละกลีบมีขนาดแตกต่างกัน มีกลีบใหญ่ที่สุด 1 กลีบ ซึ่งจะมีจุดแต้มสีเหลืองกลางกลีบจำพวกนี้เรียกว่าชนิดดอกลา บางโอกาสกลีบ 5 กลีบมีกลีบใหญ่มากกว่า 1 กลีบ ทำให้ดูเหมือนมีกลีบดอกไม้หลายชั้น เรียกว่าประเภทดอกซ้อน กลีบกลางรูปรีกว้างเกือบกลม ยาวราว 3.5 ซม.ก้านกลีบสั้นๆในดอกสีน้ำเงินหรือชมพูมีปื้นสีขาวตอนกึ่งกลางกลีบด้านโคน กลีบปีกและกลีบคู่ด้านล่าง ขนาดเล็กกว่ากลีบกลางราวๆ ครึ่งหนึ่ง มีก้านกลีบเรียวยาวเท่าแผ่นกลีบกลีบข้างรูปไข่กลับปนรูปขอบขนาน กลีบคู่ด้านล่างรูปรี เกสรเพศผู้ติดสองกรุ๊ป 9 อัน ชิดกันราว 2 ใน 3 ส่วน เกลี้ยง ยาวเท่ากลีบปีกแล้วก็กลีบคู่ข้างล่างรังไข่รูปทรงกระบอก ยาวราว 5 มม. มีขนยาวก้านเกสรเพศเมียเรียวยาว มีขนยาวหนาแน่นช่วงปลายภายใน ก้านช่อยาวราวๆ 5 มิลลิเมตร ใบเสริมแต่งขนาดเล็กออกเป็นคู่ ยาว 2-3 มิลลิเมตร ใบประดับย่อยมีขนาดใหญ่กว่าใบเสริมแต่ง มี 1 คู่ รูปไข่กว้างแทบกลม ขนาดประมาณ5 มม. มีเส้นใบแจ้งชัด ก้านดอกสั้นๆยาว 2-3 มิลลิเมตร ผลเป็นฝัก รูปดาบ แบนยาว ขนาดกว้าง 1-1.5 ซม. ยาว 5-12 ซม. มีขนสั้นนุ่ม ปลายเป็นจะงอยสั้นๆฝักอ่อนมีสีเขียว พอเพียงแก่มีสีน้ำตาลอ่อน แตกเป็น 2 ฝา เม็ดรูปไตสีดำ ยาวได้ราวๆ 5 มิลลิเมตร ปริมาณ 6-10 เมล็ด
โดยทั่วไปนั้น ดอกอัญชันมี 3 สี เป็น สี ขาว สีน้ำเงิน รวมทั้งสีม่วง ประเภทดอก สีม่วงนั้นบางหนังสือเรียนว่าเกิดจากการผสมพันธุ์ระหว่างประเภทดอกสีขาวกับพันธุ์ดอกสีน้ำเงิน ซึ่งคนเขียนยังคลุมเคลือว่าถูก เพราะว่าเคยได้เห็นอัญชันดอกขาวบางต้น มีกลีบสีขาวลายน้ำเงิน มีความหมายว่าเป็นลูกผสมระหว่างดอกขาวกับดอกน้ำเงิน แม้กระนั้นข่มกันไม่ลงจึงแสดงออกมาทั้งยัง 2 สี ไม่แปลงเป็นสีม่วงอย่างที่บอกในบางหนังสือเรียน
การขยายพันธุ์ อัญชันเป็นไม้เถาที่ปลูกง่าย มีความแข็งแรง แข็งแรง จึงมีการปลูกทั่วไป โดยนิยมปลูกเป็นพืชข้างหลังบ้าน ขอบรั้ว หรือ ซุ้มไม้ ส่วนการขยายพันธุ์สามารถทำได้ด้วยการใช้เมล็ด ซึ่งมีวิธีการปลูกเป็น แม้ปลูกเพื่อการขายของให้ปรับดินโดยการไถลูกพรวนแล้วให้ปุ๋ยคอมในอัตรา 1 ต้น ต่อไร่ แล้วหว่านเมล็ดอัญชันลงไปในอัตรา 0.5-1 กก.ต่อไร่ และให้น้ำด้วยระบบสปริงเกอร์ แต่ว่าโดยส่วนมากชอบนิยมปลูกในฤดูฝนด้วยเหตุว่าไม่ต้องให้น้ำ ส่วนการปลูกเป็นไม้ประดับให้ชูร่องขนาดกว้าง 1.20 เมตร ส่วนขนาดความยาวจากที่อยาก ต่อจากนั้นย่อยดินแล้วก็ผสมปุ๋ยหมักลงไปแล้วขุดหลุมหยอดเม็ด หรือนำต้นกล้าที่เพาะได้ลงปลูก โดยใช้ระยะปลูก (กว้างxยาว) 1x1 เมตร แล้วปักหลักรวมทั้งทำค้างให้เถาเลื้อยเกาะ รดน้ำให้ชุ่มวันแล้ววันเล่าในช่วงสัปดาห์แรก ปกติแล้วอัญชันถูกใจขึ้นที่โล่งแจ้งที่ได้ รับแดดเต็มที่ถูกใจดินร่วนซุยผสมทรายที่ค่อนข้างร่วนซุยแต่มีการระบายน้ำเจริญ ธรรมดาอัญชันจะเลื้อย ได้ยาวโดยประมาณ ๗ เมตร เมื่อถึง หน้าแล้งจะแห้งตายไป แต่หากมีน้ำ พอเพียงรวมทั้งดูแลอย่างเหมาะควร ก็สามารถปลูกและก็ได้ดอกอัญชันตลอดปี
เม็ด มีสาร adenosine, arachidic acid, campesterol, 4-hydroxycinnamic acid, p-hydroxy cinnamic acid, Clitoria ternatea polypeptide, ethyl-D-D-galactopyranoside, hex acosan-1-ol, palmitic acid, stearic acid, oleic acid, linoleic acid, linolenic acid, delphinidin 3,3´,5´-triglucoside, ß-sitosterol, J-sitosterol, avonol-3-glycoside, 3,5,7,4´-tetrahydroxy avone, 3-rhamnoglucoside และก็ anthoxanthin glucoside
ดอก มีสารในกรุ๊ป ternatins อย่างเช่น ternatin A1, A2, A3, B1, B2, B3, B4, D1 แล้วก็ D2 สารที่ให้สีน้ำเงินในดอกคือ สาร delphinidin-3,5-diglucoside, delphinidin 3-O-ß-D-glucoside, 3´-methoxy-delphinidine-3-O-ß-D-glucoside
ใบ มีสาร aparajitin, astragalin, clitorin, ß-sitosterol, kaempferol-3-monoglucoside, kaempferol-3-rutinoside, kaempferol-3-O-rhamnosyl-galactoside, kaempferol3-O-rhamnosyl-O-chalmnosyl-O-rhamnosyl-glucoside, kaempferol3-neohesperiodoside, แล้วก็ kaempferol-3-O-rhamnosyl-glucoside
ประโยชน์ / คุณประโยชน์ อัญชันมีการนำมาใช้ทำประโยชน์หลายสิ่งหลายอย่าง ดังเช่นว่า สีจากดอกอัญชัน นิยมใช้ดอกสีน้ำเงินซึ่งมีสาร Anthocyanin ใช้ ทำสีของหวาน อาทิเช่น ของหวานดอกอัญชัน ขนมช่อม่วง ทำน้ำดื่มสมุนไพร ได้ น้ำสีม่วงสวยเพราะว่าสีของดอกอัญชันละลายน้ำได้รวมทั้งสีแปลง ไปตามความเป็นกรดด่างเหมือน กระดาษลิตมัสที่ใช้ตรวจสอบความเป็นกรดด่างของสารละลาย ส่วนดอกอัญชันสามารถใช้รับประทานเป็นผักได้อีกทั้ง จิ้มน้ำพริกใหม่ๆหรือชุบแป้งทอด
ในตอนนี้อัญชัน ซึ่งถูกเอามาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ยุคใหม่ ยกตัวอย่างเช่น แชมพูสระผม แล้วก็ยานวดผมจากดอกอัญชัน (สีน้ำเงิน) กำลัง ได้รับการพัฒนาให้ล้ำสมัยรวมทั้งมีคุณค่ามากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งคุณลักษณะของดอกอัญชันสำหรับการรักษาเส้นผมให้ดกดำ ปกป้องผมหล่นและก็ช่วยปลูก ผมให้ดกครึ้มขึ้น รวมทั้งใช้เอามาเป็นส่วนประกอบในเครื่องแต่งหน้าหรือใช้ทำเป็นสีผสมอาหารฯลฯ
ยิ่งไปกว่านี้หลายประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นิยมใช้ดอกหุงอาหารเพื่อให้ข้าวมีสีม่วงหรือสีน้ำเงินอ่อน ทำให้น่ารับประทานเพิ่มขึ้น และในประเทศฟิลิปปินส์ใช้ฝักอ่อนกินเป็นผัก ประเทศมาเลเซียมักปลูกเป็นพืชคลุมแปลงสวนยาง บางประเทศในแถบแอฟริกาปลูกเป็นพืชหุ้มแปลงบำรุงดิน หรือปลูกเป็นไม้ประดับตามรั้วบ้าน และใช้เป็นพืชอาหารสัตว์ ส่วนคุณประโยชน์ทางยานั้น ตามตำรายาไทย ใช้ เม็ด รสมัน เป็นยาระบาย แต่มักทำให้อาเจียนคลื่นไส้ ราก รสขมเย็น
(นิยมใช้ รากดอกขาว) ขับปัสสาวะ แก้ฉี่พิการ เป็นยาระบาย ฝนหยอดตาแก้ตาเจ็บ ตาพร่า ทำให้ตาสว่าง บำรุงดวงตา ใช้รากถูฟัน ทำให้ฟันทน แก้ปวดฟัน ราก รสเบื่อเมา ปรุงเป็นยารับประทานและก็พอก ทำลายพิษสุนัขบ้า ดอก โบราณใช้อัญชันสำหรับการปลูกผมรวมทั้งขนคิ้วเด็กอ่อน หยุดการร่วงของหนังศีรษะอ่อนแอย้อมผมขาวให้เป็นสีดำ ใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาแก้บวมช้ำบวม แก้พิษแมลงกัดต่อย ใบแล้วก็รากฝนเอาน้ำหยอดตา แก้ตาเฉอะแฉะ ตาพร่า ส่วนตำรายาท้องถิ่น ใช้ ราก ฝนกับรากสะอึกและก็น้ำซาวข้าว กินหรือทา แก้งูสวัด
สำหรับเพื่อการใช้ประโยชน์ในต่างชาติ ตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดีย มีการนำส่วนรากและเม็ดของอัญชันใช้เป็นยาบำรุงร่างกายแล้วก็บำรุงสมอง รวมทั้งใช้เป็นยาระบายรวมทั้งขับเยี่ยวรวมทั้งในแถบอเมริกา มีรายงานการใช้น้ำสุกจากส่วนรากเพียงอย่างเดียวหรือน้ำสุกจากรากรวมทั้งดอกด้วยกันเป็นยาบำรุงโลหิต ส่วนเม็ดใช้เป็นยาระบายขับปัสสาวะ รวมทั้งขับพยาธิ ส่วนสำหรับการหมอแผนปัจจุบันบอกว่าดอกอัญชันมีสารแอนโธไซยานิน ซึ่งเป็นสารสีม่วงอยู่มาก มีคุณลักษณะเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้ดีมากขึ้นเรื่อยๆ ดังเช่นว่า หลอดเลือดส่วนปลาย ทำให้เลือดไปเลี้ยงรากผมเพิ่มมากขึ้น หรือทำให้กลไกที่ทำงานเกี่ยวกับเห็นแข็งแรงขึ้น ด้วยเหตุว่ามีเส้นเลือดเยอะขึ้นและก็ที่สำคัญยังช่วยลดความเสื่อมของการเกิดสภาวะเส้นโลหิตอุดตัน ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระภายในร่างกาย ช่วยสำหรับเพื่อการชะลอวัยและริ้วรอยแห่งวัย ช่วยสำหรับในการบำรุงสมอง ช่วยล้างสารพิษรวมทั้งของเสียออกมาจากร่างกาย ช่วยต้านทานโรคเบาหวานฯลฯ
แบบอย่าง / ขนาดวิธีใช้ ใช้บำรุงดวงตา แก้ตาเจ็บขับปัสสาวะ แก้เหน็บชา ดอกอัญชันอบแห้ง 20 กรัม เพิ่มน้ำสะอาด 500 ซีซี ต้มจนเดือนจากนั้นต้มต่ออีก 2 นาที ยกลง ปล่อยให้เย็น กรองใส่ขวดใช้รับประทาน แก้ปวดฟัน , ช่วยให้ฟันทน ใช้รากสดเช็ดตามฟันซีที่ปรารถนา , แก้ตาเจ็บ , บำรุงดวงตา ใช้รากฝนกับน้ำแล้วหยอดตาหรือใช้รากต้มกับน้ำใช้ดื่ม เป็นยาระบาย ขับฉี่แก้เยี่ยวทุพพลภาพ ดอกสดใช้ตำเป็นยาพอกหรือคั้นเอาน้ำทาบริเวณที่ฟกช้ำดำเขียวและใช้แก้พิษแมลงกัดต่อย
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา ฤทธิ์ระงับความเครียดและไม่สบายใจ เล่าเรียนฤทธิ์เครียดลดลงแล้วก็วิตกกังวลของพืชที่มีสรรพคุณบำรุงสมองตามตำราอายุรแพทย์ศาสตร์ของประเทศอินเดีย พบว่าสารสกัดเมทานอล ราก
อัญชัน ขนาด มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ส่งผลความกลุ้มใจลดลงของหนูเม้าส์ เมื่อทดสอบด้วยแนวทาง elevated plus-maze (EPM) ซึ่งเป็นขั้นตอนการทดสอบที่ทำให้หนูเกิดความหวาดกลัว รวมทั้งการป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 50, 100 และก็ 200 มก./กก. น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ก่อนนำไปทดสอบรั้งนำให้เกิดความเคร่งเครียดด้วยแนวทาง forced swimming test (FST) พบว่าสารสกัดเมลานอลรากอัญชันทุกขนาด มีฤทธิ์ต่อต้านความเคร่งเครียด โดยทำให้ค่า immobility time period ลดลง เมื่อเทียบกับหนูที่ถูกป้อนด้วยน้ำกินเพียงอย่างเดียว และในการศึกษาวิจัยฤทธิ์ความเครียดลดลงของอัญชัน ในหนูแรทด้วยแนวทาง tail suspention test (TST) และก็ FST โดยการทำการป้อนสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน ขนาด 150 และก็ 300 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว พบว่าสารสกัดเอทานอลนากอัญชันทั้งคู่ขนาดมีฤทธิ์คลายเครียดของหนูแรทจากการทดลองทั้งสองชนิด โดยมีค่า immobility time period น้อยลงเมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุม
การป้อนสารสกัดเมทานอลจากส่วนเหนือดินของอัญชันขนาด 30,100,200 แล้วก็ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว ให้แก่หนูเม้าส์ 60 นาทีก่อนนำไปทดลองด้วยแนวทางต่างๆดังเช่นว่า EPM, TST รวมทั้ง light/dark exploration พบว่าสารสกัดเมทานอลอัญชันขนาด 100 – 400 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว มีฤทธิ์ระงับความเครียดและตื่นตระหนกเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม นอกนั้นการฉีดสารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน ขนาด 100 แล้วก็ 200 มก./กก. น้ำหนักตัว เข้าทางท้องหนูแรทมีฤทธิ์กลุ้มใจน้อยลง เมื่อกระทำทดสอบด้วยรูปแบบต่างๆอย่างเช่น EPM, TST และก็ Rota Rod test โดยขนาด 200 มก./กก. น้ำหนักตัว ได้ผลดีกว่าขนาด 100 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว
ฤทธิ์กระตุ้นการเรียนรู้และก็ความจำเล่าเรียนฤทธิ์กระตุ้นการเล่าเรียนและก็ฟื้นความจำของสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน จากภาวะจำอะไรไม่ค่อยได้ที่เป็นผลมาจากการป่วยเป็นโรคเบาหวาน โดยทำการทดสอบในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เป็นโรคเบาหวานด้วยการฉีด streptozotocin ต่อจากนั้นป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันให้กับหนูขาววันละ 200-400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว นาน 75 วัน วัดความรู้ความเข้าใจในการจำตำแหน่งของวัตถุหรือสิ่งที่อยู่รอบข้างด้วยวิธีการต่างๆได้แก้ Y-maze test , mirrow water maze test แล้วก็ radial arm maze test ในวันที่ 71 และก็ 75 ของการทดสอบ ผลจากการเล่าเรียนพบว่า หนูที่ถูกป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งสองขนาด มีความสามารถสำหรับในการทำความเข้าใจและความจำดีขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม ยิ่งกว่านั้นจากการตรวจวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชันทั้งสองขนาด มีความรู้สำหรับในการเรียนรู้และก็ความจำดียิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับหนูกรุ๊ปควบคุม นอกนั้นจกาการตรวจวัดค่าชีวเคมีในเลือดหนูพบว่า การป้อนสารสกัดเอทานอลใบอัญชัน มีผลยับยั้งการทำงานของโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี acetycholinesterase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่ปฏิบัติภารกิจสลายacetylcholine ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นสารสื่อประสาท เกี่ยวกับกระบวนการเรียนรู้แล้วก็ความจำ นอกจากนั้นยังเพิ่มระดับของเอนไซม์ที่เกี่ยวโยงกับกระบวนการต้านทานอนุมูลอิสระ อาทิเช่น superoxide dismutase (SOD) ,catalase (CAT) และ glutauhione (GSH) อีกด้วยทำให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลใบอัญชันมีฤทธิ์บำรุงสมองกระตุ้นการเรียนรู้รวมทั้งช่วยฟื้นฟูความจำ จากภาวการณ์ที่มีอาการป่วยด้วยเบาหวานในหนูทดลองได้ และก็จากการเรียนรู้ฤทธิ์คลายเครียดและกังวลของพืชที่มีคุณประโยชน์บำรุงสมองตามตำราอายุรเวทศาสตร์ของประเทศอินเดียพบว่า สารสกัดเมทานอล 80% จากรากอัญชัน ขนาด100 รวมทั้ง 200 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว เมื่อป้อนให้แก่หนูเม้าส์ มีผลกระตุ้นการเรียนรู้แล้วก็ความจำของหนู เมื่อทดลองด้วยแนวทาง step-down passive avoidance model ซึ่งเป็นกรรมวิธีทดลองพฤติกรรมหลบเลี่ยงการเสริมแรงทางลบ (negative reinforcement)
การศึกษาฤทธิ์กระตุ้นการศึกษาและก็ความจำของอัญชันในหนูแรทแรกเกิด (อายุ 7 วัน) โดยการทำการป้อนสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาดวันละ 50และก็ 100 มิลลิกรัม/กก. นาน 30 วัน แล้วนำไปทดสอบแนวทางการเรียนรู้แล้วก็จดจำด้วยวิธี passive avoidance test และก็ T-maze test พบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดน้ำอัญชันให้ผลการทดสอบดีกว่าหนูกรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ โดยไม่มีผลต่ออัตราการเคลื่อนไหวหรือก่อให้เกิดอาการเซื่องซึม นอกนั้นยังพบว่าสารสกัดน้ำรากอัญชัน ขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว ส่งผลเพิ่ม acetylcholine ในสมองบริเวณ hippocampus ของหนูแรทอีกทั้งในวัยแรกเกิดและก็หนูที่อยู่ในวัยบริบูรณ์ชนิดอีกด้วย
ฤทธิ์ต้านการอักเสบและก็แก้ปวด เล่าเรียนฤทธิ์แก้ปวดของอัญชันในหนูเม้าท์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดอาการเจ็บปวดด้วยการฉีดกรดอะซีติเตียนก (acetic acid) เข้าทางท้อง หลังจากได้รับสารทดสอบ แบ่งหนูเม้าส์ออกเป็น 4 กลุ่ม กรุ๊ปที่ 1 เป็นกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ 2 ป้อนยาพารา diclofenac sodium ขนาด 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว กรุ๊ปที่ 3 แล้วก็ 4 ป้อนสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 รวมทั้ง 400 มก./กก. น้ำหนักตัวตามลำดับ จากนั้นพิจารณาการกระทำการบิดขดตัวของหนู ซึ่งเป็นอาการแสดงออกถึงความเจ็บปวด ผลจากการทดลองพบว่า หนูเม้าส์ที่ได้รับสารสกัดเมทานอลใบอัญชันทั้งสองกรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และพบว่าสารสกัเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันให้ผลดีมากยิ่งกว่ากลุ่มที่ให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การต่ำลงของอาการบิดงอตัว (%inhibition of writhing) เปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม กลุ่มที่ได้รับสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันขนาด 200 และก็ 400 มก./กก. น้ำหนักตัวมีค่าพอๆกับ 82.67 รวมทั้ง 87.87 % เป็นลำดับ ในเวลาที่กรุ๊ปที่ได้รับยาแก้ปวด diclofenac sodium มีค่าเท่ากับ 77.72% ทำให้เห็นว่าสารสกัดเมทานอล/น้ำจากใบอัญชันมีฤทธิ์แก้ปวด แล้วก็ในการศึกษาฤทธิ์แก้อักเสบของอัญชันในหนูแรทที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการบวมแล้วก็อักเสบด้วยการฉีดสาร carrageenan เข้าที่เข้าทางบริเวณฝ่าตีน โดยการทำการป้อนสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชัน ขนาด 200 รวมทั้ง 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว เปรียบเทียบกับการให้ยาแก้ปวด diclofenac sodium สังเกตและก็วัดลักษณะของการปวดของอุ้งเท้าหนูด้วยเครื่อง plethismometer ผลจากการทดสอบพบว่า หนูที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ ดอกอัญชันทั้งคู่ขนาดมีอาการบวมของฝ่าตีนน้อยกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ แล้วก็เมื่อคิดเป็นเปอร์เซ็นต์การน้อยลงของอาการบวมของฝ่าเท้า (%inhibition of paw) เปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม กรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 200 และ 400 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีค่าพอๆกับ 14 แล้วก็ 21% เป็นลำดับ รวมทั้งกรุ๊ปที่ได้รับยาแก้ปวด diclofenac sodium เท่ากับ 38% ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบแม้กระนั้นยังมีคุณภาพน้อยกว่ายา diclofenac sodium ยิ่งกว่านั้นเมื่อศึกษาค้นคว้าฤทธิ์แก้ปวดของสารสกัดปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันทั้งสองขนาดในหนูเม้าส์ เปรียบเทียบกับยาแก้ปวด pentazocine ซึ่งฉีดเข้าทางท้องหนู โดยทดลองด้วยแนวทาง Eddy's hot plate method พบว่าสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์ดอกอัญชันขนาด 400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม น้ำหนักตัว มีฤทธิ์ต่อต้านลักษณะของการเจ็บปวด แต่ว่ายังมีประสิทธิภาพน้อยกว่ายา pentazocine
ฤทธิ์ช่วยสำหรับการนอน เรียนฤทธิ์ด้านเภสัชวิทยาระบบประสาท (neurophamacological study) ของอัญชันในหนูเม้าส์ โดยการฉีดสารสกัดเอทานอลรากอัญชันเข้าท้องขนาด 50,100 และ150 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ก่อนนำไปทดสอบด้วยวิธี head dip test แล้วก็ Y-maze test พบว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชันขนาด 100 และก็ 150 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว มีผลลดอาการผงกหัว (head dip) และก็ระยะเวลาการวิ่งในกล่องรูปตัว Y ต่ำลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม ซึ่งชี้ให้เห็นว่าสารสกัดเอทานอลรากอัญชัน มีฤทธิ์ลดพฤติกรรมการเคลื่อนไหวตามธรรมชาติแล้วก็ความสนใจต่อสภาพแวดล้อมของหนูเม้าส์ นอกเหนือจากนี้ยังพบว่า สารสกัดเอทานอลราก
อัญชันเข้าทางท้องของหนู 30 นาที ก่อนฉีดยานอนหลับดังที่ได้กล่าวมาแล้ว โดยทำให้ระยะเวลาการนอนหลับของหนูนานขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับการฉีดยาphenobarbitone เพียงอย่างเดียว
ฤทธิ์ต้านการเกาะกรุ๊ปของเกล็ดเลือด การวิเคราะห์แยกสารanthocyanin กลุ่ม ternatins ที่สกัดได้จากดอกอัญชัน แล้วก็เรียนรู้ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของสารดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นในหลอดทดสอบ (in vitro) พบว่า สาร ternatin D1 จากดอกอัญชันมีคุณสมบัติยับยั้งการเกาะกลุ่มของเกล็ดเลือดกระต่ายที่รั้งนำโดย collagen รวมทั้ง adenosine diphosphate (ADP)
ฤทธิ์ลดไข้ เล่าเรียนฤทธิ์ลดไข้ของอัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้อุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นด้วยการฉีดเชื้อยีสต์เข้าทางใต้ผิวหนัง ขนาด 10 มล./กิโลกรัม น้ำหนักตัว จากนั้น 19 เซนติเมตรแบ่งหนูออกเป็น 5 กรุ๊ป (กรุ๊ปละ 6 ตัว) กลุ่มที่ 1 ให้เป็นกลุ่มควบคุม กลุ่มที่ 2 ป้อนยาพาราเซตามอลขนาด 150 มก./กิโลกรัม น้ำหนักตัว กลุ่มที่3-5 ป้อนสารสกัดเมทานอลรากอัญชัน ขนาด 200 , 300 รวมทั้ง 400 มิลลิกรัม/กก. น้ำหนักตัว ตามลำดับ กระทำการวัดปรอทร่างการทางทวารหนักของหนูที่ชั่วโมง 0,19,20,21,22 แล้วก็ 23 ของการทดสอบพบว่า สารสกัดเมทานอลรากอัญชันทุกขนาดมีผลลดอุณหภูมิร่างกายของหนูลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม และก็ได้ผลไม่มีความต่างจากกลุ่มที่ได้รับยาพาราเซตามอล
ฤทธิ์ต้านทานเบาหวาน การศึกษาเล่าเรียน ฤทธิ์ต้านทานเบาหวานของ
อัญชันในหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงโดยการฉีดสาร alloxan พบว่าการป้อนสารสกัดน้ำจากใบรวมทั้งดอกอัญชัน ขนาดวันละ 100-400 มิลลิกรัม/กิโลกรัม นาน 14-84 วัน มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด ระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสมในเลือดคอเลสเตอรคอยล ไตรกลีเซอไรด์ และระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี glucose-6-phosphatase ไปเป็นน้ำตาลแล้วก็เพิ่มระดับอินซูลิน HDL-cholesterol รวมทั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี glucokinase ซึ่งปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการควบคุมระดับกลูโคสไปเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองในรูปของ glucogen ในตับและก็กล้าม นอกจากนั้นยังลดความเสียหายของกลุ่มเซลล์ Islet of Langerhans จำพวก B-cells ในตับอ่อนซึ่งปฏิบัติหน้าที่ผลิตอินซูลิน จากการฉีดสาร alloxan ได้
ส่วนสำหรับเพื่อการทดสอบฤทธิ์ของอัญชันในสินค้าเครื่องแต่งตัวสำหรับบำรุงผิวพบว่าสารสกัดน้ำและก็สารสกัดเอทานอลจากดอกอัญชัน มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระเมื่อทดลองด้วยวิธี 2,2-diphenyl-1-picrylhdrazy (DPPH) ขึ้นรถสกัดน้ำจะมีฤทธิ์มากกว่าสารสกัดเอทานอล ซึ่งมีค่าความเข้มข้นที่ยั้งอนุมูลอิสระได้ 50% (IC50) เท่ากับ 1 แล้วก็4 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร เป็นลำดับ และเมื่อนำสารสกัดน้ำดอก
อัญชันไปเป็นส่วนประกอบในเจลสำหรับทารอบดวงตาพบว่าฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระของอัญชันยังคงอยู่ แต่มีประสิทธิภาพน้อยกว่าครีมมาตรฐาน ทำให้บางทีอาจสรุปได้ว่าการใช้ดอกอัญชันเป็นองค์ประกอบในเครื่องสำอางสำหรับบำรุงผิวบางครั้งก็อาจจะได้ประโยชน์จากฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
การเรียนรู้ทางพิษวิทยา
การเล่าเรียนความเป็นพิษแบบฉับพลัน ของสารสกัดน้ำมันปิโตรเลียมอีเทอร์จากดอกอัญชันในหนูแรทเพศภรรยาพบว่า การป้อนสารสกัดขนาด 2000 มก./กิโลกรัมน้ำหนักตัว ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเป็นพิษต่อหนูอะไร แล้วก็ในการศึกษาความเป็นพิ