รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพร เพชรสังฆาต มีประโยชน์เเละสรรพคุณ  (อ่าน 588 ครั้ง)

ำพ

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 38
    • ดูรายละเอียด


เพชรสังฆาต
ชื่อสมุนไพร  เพชรสังฆาต
ชื่ออื่นๆ / ชื่อท้องถิ่น สันชะควด (ภาคกลาง) , สันชะคาด , ขันข้อ (ราชบุรี) , สามร้อยต่อ (ประจวบคีรีขันธ์)
ชื่อวิทยาศาสตร์  Cissus quadrangularis Linn.
วงศ์  Vitaceae
ถิ่นกำเนิด
เพชรสังฆาตเป็นพืชเขตร้อนที่มีบ้านเกิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย รวมทั้งแอฟริการวมทั้งมีการแพร่ขยายจำพวกไปตามประเทศเขตร้อนของทวีปดังที่ได้กล่าวมาแล้ว โดยมักพบตามบริเวณป่าหรือที่เปียกชื้นที่มีระดับความสูงไม่เกิน 600 เมตรจากระดับน้ำทะเล ส่วนในประเทศไทยพบบ่อยตั้งแต่ภาคเหนือตอนล่างลงไป และมักจะมีดอกแล้วก็ติดผลในช่วงเดือน เดือนมิถุนายน-สิงหาคม
ลักษณะทั่วไป
เพชรสังฆาตจัดเป็น ไม้เถาเลื้อย โดยมีเปลือกเถาเรียบ เถาอ่อนรูปสี่เหลี่ยมเป็นครีบ เป็นข้อๆต่อกันเห็นข้อข้อแจ้งชัด ลักษณะเป็นข้อๆตรงข้อเล็กรัดตัวลงแต่ละข้อยาวราว 6-10 ซม. บางข้ออาจมีรากออกมาด้วย มีมือเกาะออกตรงข้อต่อตรงข้ามกับใบ ตามข้อมียางขาว ใบคนเดียว เรียงสลับ ออกตามข้อต้น ข้อละ 1 ใบ กว้าง 3-8 ซม. ยาว 4-10 ซม. ใบเป็นสามเหลี่ยมหรือรูปไข่ กลมครึ้ม เล็ก ผิวเรียบ ปลายใบมน โคนใบเว้า หลังใบและท้องใบเรียบเป็นเงา ขอบใบหยักมนห่างๆหรือหยักเว้า 3-5 หยัก เนื้อใบนิ่ม ก้านใบยาว 2-3 เซนติเมตร ดอกออกเป็นช่อ ออกตามข้อต้นตรงข้ามกับใบ ดอกกลมเล็กสีแดงเขียวเป็นช่อขนาดเล็ก ยาวราว 2-4 เซนติเมตรดอกย่อยสีเขียวอ่อน มีขนาด 2.5 มิลลิเมตร กลีบดอกไม้มี 4 กลีบโคนกลีบภายนอกมีสีแดง ส่วนกลีบดอกไม้ด้านในสีเขียวอ่อน เมื่อบานเต็มที่ดอกจะงอโค้งไปทางด้านล่าง เกสรตัวผู้มี 4 อันวางตรงกับกลีบ ผลสดรูปทรงกลม ผิวเรียบเป็นมัน ชุ่มฉ่ำน้ำ ผลกลมขนาด 4-7 มม. ผลอ่อนสีเขียว พอเพียงสุกเป็นสีแดงหรือดำ เม็ดกลมสีน้ำตาลมี 1 เมล็ด
การขยายพันธุ์
เพชรสังฆาตนิยมใช้วิธีการปักชำโดยมีวิธีการเป็น คัดเถาที่มีลักษณะเหมาะสม เป็น ควรเป็นเถาที่มีลักษณะครึ่งหนึ่งแก่กึ่งอ่อน เอามาตัดเป็นท่อนให้แต่ละท่อนมีข่อติดอยู่จำนวน2 ข้อแล้ว ทำปักชำท่อนจำพวกโดยใช้ข้อทางด้านโคนของเถาฝังลงดินแล้วกลบให้แน่น รดน้ำให้ชุ่ม และก็ควรจัดวางถุงต้นกล้าที่ปักชำเอาไว้ในที่ร่ม ในส่วนของข้อที่เหลืออยู่ด้านบนจะเป็นรอบๆที่แตกใบใหม่เพื่อเจริญเป็นเถาต่อไป
องค์ประกอบทางเคมี
เถาของเพชรสังฆาตมีส่วนประกอบทางเคมี อย่างเช่น natural plant steroids (ketosterones): onocer-7-ene-3 alpha, 21 beta-diol, delta-amyrin, delta-amyrone รวมทั้ง 3,3',4,4'- tetrahydroxybiphenyl สารกรุ๊ป stilbene: quadrangularins A, B, C, resveratrol, piceatannol, pallidol , parthenocissine A.สารในกลุ่ม flavonoids ดังเช่น diosmin, hisdromin, hesperidin. รวมไปถึง ascorbic acid (vitamin C), lupeol, carotene รวมทั้ง calcium oxalate.
ประโยชน์/คุณประโยชน์
ตามตำรายาไทย ระบุว่า เถา รสร้อนขมคัน เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้รอบเดือนแตกต่างจากปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้น ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ริดสีดวงทวารทั้งยังจำพวกกลีบมะไฟแล้วก็เดือยไก่
• ราก รักษาอาการกระดูกแตกหัก
• ต้น แก้หูน้ำหนวก แก้เลือดกำเดา แก้ระดูไม่ปกติ ช่วยเจริญอาหาร ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย
• ใบ รักษากระดูกแตกหัก รักษาโรคลำไส้ (อาการอาหารไม่ย่อย) ช่วยขับน้ำเหลืองเสีย แก้ริดสีดวงทวารหนัก
นอกนั้นในงานค้นคว้าวิจัยทางการแพทย์แผนปัจจุบันยังกำหนดไว้ว่าเพชรสังฆาต มีประสิทธิภาพที่ดีในการรักษาริดสีดวงทวารหนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งการลดอาการคัน ปวดการเกิดเลือดไหล และก็กลับกลายซ้ำ
ทั้งในขณะนี้ได้มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยพบว่า "เพชรสังฆาต" มีวิตามินซีสูงมากซึ่งการันตีคุณประโยชน์รักษาโรคเลือดออกตามไรฟันได้เป็นอย่างดี และยังอุดมไปด้วยแคโรทีนซึ่งเป็นสารขึ้นต้นของวิตามินเอ มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ ที่สำคัญมีองค์ประกอบของแคลเซียมสูงมาก และสารอที่นาโบลิก สเตียรอยด์ (Anabolic Steroids) ที่มีฤทธิ์เร่งปฏิกิริยาการสมานกระดูกที่แตกหักโดยกระตุ้นการสร้างเซลล์ออสเตโอบลาสต์ (Osteoblast) ซึ่งทำหน้าที่สร้างกระดูกรวมทั้งยังช่วยทำให้มีการสร้างสารมิวโคโพลีแซกคาไรด์ (Mucopolysaccharides) ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในกรรมวิธีการสมานกระดูก นอกเหนือจากนี้สารคอลลาเจน (Collagen) ในเพชรสังฆาตยังเป็นสารอินทรีย์โปรตีน ที่มาจับกุมกับผลึกแคลเซียมฟอสเฟตจนกระทั่งแปลงเป็นกระดูกแข็งซึ่งสามารถรับน้ำหนักรวมทั้งมีความยืดหยุ่นในตนเองอีกด้วย
ยิ่งไปกว่านี้เพชรสังฆาตยังสามารถใช้ปลูกเพื่อเป็นไม้ประดับ เนื่องมาจากเพชรสังฆาตเป็นไม้เถาเลื้อยมีลักษณะรูปทรงเป็นสีเหลี่ยมแปลกตา มีดอกและผลเป็นช่อสีแดงสวย สามารถนำไปปลูกประดับประดาบริเวณรั้วบ้าน ซุ้มไม้หรือรอบๆโคนต้นไม้ใหญ่เพื่อให้เถาก้าวหน้าเลื้อยพันขึ้น
แบบอย่าง/ขนาดวิธีการใช้
ในอดีตการใช้เพชรสังฆาตรักษา ริดสีดวงทวารหนักจะทำ โดยนำ เถาสดใส่กล้วยหรือ มะขามแล้วกลืน (ด้วยเหตุว่าเพชรสังฆาตมีแคลเซียม ออกซาเลต (calcium oxalate) การกลืนเถาสดอาจ เกิดการเคืองทางเดินอาหารได้) ต่อมาได้มี การนำ เพชรสังฆาตมาผลิตให้อยู่ในต้นแบบแคปซูลเพื่อให้ไม่ยุ่งยากต่อการบริหารยา
โดยในรูปยาผงบรรจุแคปซูล 250 มก. ให้กินทีละ 2 แคปซูล วันละ 4 ครั้ง ก่อนอาหารและก่อนนอน เป็นเวลา 5-7 วัน
หนังสือเรียนยาประจำถิ่นนครราชสีมา ใช้ ต้น แก้ริดสีดวงทวารโดยหั่นเป็นแว่น ตำผสมเกลือนำไปตาก ปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานทีละ 1 เม็ด 3 เวลา หรือใช้เถาสดคั้นเอาน้ำดื่ม แก้โรคลักปิดลักเปิด แก้ประจำเดือนไม่ดีเหมือนปกติ แก้กระดูกแตกหักซ้นขับลมในไส้
ตำรับยาสมุนไพรท้องถิ่นล้านนา ใช้น้ำจากต้น หยอดหู แก้น้ำหนวกไหล หยอดจมูกแก้เลือดเสียในสตรีใช้เถาตำละเอียดเป็นยาพอกบริเวณกระดูกหักช่วยลดอาการบวม อักเสบ น้ำคั้นจากเถาใช้ดื่มแก้เลือดไหลตามไรฟัน แก้เลือดรอบเดือนสตรีผิดปกติ รักษาริดสีดวงทวารที่เริ่มเป็นระยะแรก
ส่วนอินเดีย ใช้ ลำต้น เป็นยาพอกเมื่อกระดูกหัก น้ำคั้นจากต้นรับประทานแก้โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการผิดปกติของรอบเดือน
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา
ผลต่อแรงตึงตัวของเส้นเลือดดำ สารสกัดเพชรสังฆาตมีฤทธิ์กระตุ้นหลอดเลือดดำ ให้มีความตึงตัวมากขึ้น คล้ายกับส่วนประกอบของไบโอฟลาโวนอยด์ 2 ชนิด ได้แก่ ไดออสมิน 90%แล้วก็ฮิสเพอริดิน 10% ที่พบในตำรับยาแผนปัจจุบัน สำหรับใช้รักษาริดสีดวงทวาร
ฤทธิ์ต้านทานการอักเสบรุนแรง สารสกัดเมทานอลยับยั้งการบวมของใบหู รวมทั้งการบวมของอุ้งเท้าของหนูขาว ที่ถูกกระตุ้นด้วยสารเคมี
สารสกัดเฮกเซนที่ความเข้มข้นร้อยละ 1 รวมทั้งสารสกัดเอทานอลที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 5 ลดอาการบวมของใบหูหนูที่รั้งนำด้วยสารเคมี พอดีเวลา 30 นาที ตรวจพบส่วนประกอบทางเคมีของสาร lupeol ในสารสกัดเฮกเซน
ฤทธิ์แก้ปวด สารสกัดเมทานอลลดจำนวนครั้งที่หนูถีบจักรยืดบิดตัวจากลักษณะของการเจ็บปวดท้องเพราะว่าได้รับกรดอะซีติเตียนกที่ฉีดเข้าทางช่องท้อง และก็ลดระยะเวลาของการเลียเท้าหลังทั้งยัง 2ระยะ ในการทดสอบด้วยการฉีดฟอร์มาลิน แสดว่าออกฤทธิ์แก้ปวดผ่านทั้งระบบประสาทส่วนกลาง และส่วนปลาย
ฤทธิ์คุ้มครองป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร สารสกัดเอทานอล สามารถลดการเกิดแผลในกระเพาะหนูขาวที่ถูกรั้งนำให้เป็นแผลด้วยแอสไพริน เมื่อให้สารสกัดขนาด 250, 500 รวมทั้ง 750 มก./กก. ให้หนูกินนาน 7 วัน ลดการเกิดแผลได้ 40, 71.2 แล้วก็ 72.6% ตามลำดับ เปรียบเทียบกับranitidine ขนาด 30 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ลดการเกิดแผล 71.9% ฉะนั้นสารสกัดขนาด 500 มิลลิกรัม/กก. เป็นขนาดที่ยอดเยี่ยม เนื่องมาจากออกฤทธิ์ใกล้เคียงกับ Ranitidine รวมทั้งได้ผลไม่ต่างอะไรกับขนาด 750 มิลลิกรัม/กิโลกรัมจะลดการทำลายเยื่อในกระเพาะอาหาร แล้วก็รายงานการวิจัยอีกฉบับหนึ่งบอกว่า การเรียนประสิทธิผลและก็ผลข้างเคียงของการใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตในคนป่วยโรคริดสีดวงทวารระยะทันควัน จำนวน 570 คน โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ กรุ๊ปที่ได้รับยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์ (Daflon 500 มก./เม็ด) กลุ่มที่ได้รับสมุนไพรเพชรสังฆาต (500 มิลลิกรัม/เม็ด) และกลุ่มที่ได้รับยาหลอก ในตอน 4 วันแรก ให้รับประทานครั้งละ 3 เม็ด ตอนเช้าและก็เย็นหลังอาหาร แล้วก็ตอน 3 วันหน้า ได้รับครั้งละ 2 เม็ด ยามเช้าแล้วก็เย็น หลังรับประทานอาหาร คนป่วยจะได้รับการวัดอาการต่างๆเป็น เลือดไหลทางทวารหนัก เมือก อาการคัน รอยแดงหรืออักเสบรอบทวารหนัก และการสัมภาษณ์เพื่อซักถามอาการ รวมถึงมีการตรวจเลือดแล้วก็ติดตามผลกระทบของการได้รับยาหรือสมุนไพรพร้อมกันไปพร้อมด้วย
ผลการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้ป่วยในทุกกรุ๊ปส่วนมากอาการเลือดไหลฉับพลันจะหยุดในวันที่ 2 ของการให้ยา และก็มีลักษณะดียิ่งขึ้นหลังการให้ยาครบ 7 วัน ประสิทธิผลของการรักษาในผู้เจ็บป่วยทุกกลุ่มไม่ได้แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และไม่ส่งผลข้างเคียงเกิดขึ้น สรุปได้ว่าเพชรสังฆาตได้ผลในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะกระทันหันไม่ได้ต่างอะไรจากยาที่มีส่วนผสมของฟลาวานอยด์และก็ยาหลอก แปลว่าเพชรสังฆาตไม่มีผลช่วยในการรักษาริดสีดวงทวารในระยะทันควัน
การเล่าเรียนทางพิษวิทยา
ความเป็นพิษกระทันหัน เมื่อทดสอบความเป็นพิษโดยให้หนูขาวกิน ขนาด 0.5 – 5.0 ก./กก
ไม่เจอพิษใดๆก็ตาม
ความเป็นพิษครึ่งเรื้อรัง (3 เดือน) ในหนูขาวจำพวกวิสตาร์ 5 กรุ๊ปๆละ 12 ตัว/เพศ กลุ่มควบคุมได้รับน้ำทางปาก 10 มล./น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน ระหว่างที่หนูอีก 4 กรุ๊ปได้รับผงยาเพชรสังฆาตแห้งทางปากในขนาด 0.03,0.3 รวมทั้ง 3.0 กรัม/น้ำหนักตัว 1 กก/วัน หรือเทียบเท่า 1,10 และก็ 100 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน/วัน ตามลำดับ โดยกรุ๊ปสุดท้ายเป็นกลุ่มสังเกตอาการหลังการหยุดยา ผลการค้นคว้าพบว่าการเติบโตของกรุ๊ปสุดท้ายเป็นกรุ๊ปดูอาการข้างหลังการหยุดยา ผลการค้นคว้าพบว่าการเติบโตของกรุ๊ปได้รับผงยาและก็กลุ่มควบคุมไม่มีความแตกต่างกัน ไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวของค่าทางเลือดวิทยาและค่าทางซีรั่มวิชาชีวเคมี หรือจุลพยาธิสภาพของอวัยวะภายในที่มีความเชื่อมโยงกับขนาดของผงยา และไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติใดๆก็ตามซึ่งสามารถสรุปได้ว่าเพราะว่าความเป็นพิษของผงยาเพชรสังฆาต
ข้อเสนอ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง

การรับประทานเพชรสังฆาตสด อาจก่อให้กำเนิดอาการระคายคอ ระคายเยื้อบุในปากเพราะเหตุว่าเถาสดมีผลึกแคลเซียมออกซาแลตอยู่มาก
2. ห้ามกินติดต่อกันนานเกิน 2 สัปดาห์เพราะว่าอาจจะก่อให้เกิดนิ่วในทางเดินปัสสาวะ ผู้เจ็บป่วยโรคไตห้ามรับประทาน
3. การใช้สมุนไพรเพชรสังฆาตควรจะขอความเห็นหมอหรือผู้ชำนาญในการใช้เสมอ เพราะเหตุว่าอาจจะทำให้เกิดผลใกล้กันที่ไม่พึงปรารถนาได้ ดังเช่นว่า ตาเหลือง ตัวเหลือง เยี่ยวน้อย แน่นท้อง เป็นต้น
เอกสารอ้างอิง

  • นพมาศ สุนทรเจริญนนท์.เพชรสังฆาต.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • วีรพล ภิมาลย์และคณะ.การทบทวนวรรณกรรมอย่างเป็นระบบและการวิเคราะห์อภิมานประสิทธิภาพในการรักษาริดสีดวงทวารหนักของเพชรสังฆาต.วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน.ปีที่10.ฉบับที่3.กันยายน-ธันวาคม.2557.หน้า403-418https://www.disthai.com
  • Panthong A, Supraditaporn W, Kanjanapothi D, Taesotikul T, Reutrakul V. Analgesic, anti-inflammatory and venotonic effects of Cissus quadrangularis Linn. J Ethnopharmacology 2007; 110 : 264–70.
  • เพชรสังฆาต.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีPanpimanmas S, Sithipongsri S, Sukdanon C, Manmee C. Experimental Comparative Study of the Efficacy and Side Effects of Cissus quadrangularis L. (Vitaceae) to Daflon (Servier) and Placebo in the Treatment of Acute Hemorrhoids. J Med Assoc Thai 2010; 93 (12): 1360-7.
  • ผลของการใช้เพชรสังฆาตในการรักษาโรคริดสีดวงทวารที่มีอาการเฉียบพลัน.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
  • เพชรสังฆาต.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.J Med Assoc Thai 2010;93(12):1360-7


บันทึกการเข้า