รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรพญายอนั้นมีสรรพคุณ-ประโยชน์ที่น่าอัศจรรย์  (อ่าน 537 ครั้ง)

pslkoo1df5ds5

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 4
    • ดูรายละเอียด


สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในวงศ์เหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (เชียงใหม่), พญาข้อคำ (ลำปาง), เสมหะพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาข้อดำ พญาปล้องทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนกลาง) ฯลฯ
ลักษณะของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มปนเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้โดยประมาณ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว ขยายพันธุ์ด้วยแนวทางปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เติบโตได้ดิบได้ดีในดินทุกชนิด ถูกใจดินร่วน ระบายน้ำดี มีแสงอาทิตย์จัด มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสมหะพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ออกเรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบรวมทั้งโคนใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราว 2-3 ซม. รวมทั้งยาวราว 7-9 ซม. แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสมหะพังพอนตัวเมีย มีดอกเป็นช่อกลุ่มที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกโดยประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกเชื่อมชิดกันเป็นหลอด ยาวราวๆ 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปาก คือ ปากล่างและปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกไม้เป็นทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบดอกนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนคือต่อมเหนียวๆอยู่รอบๆ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียสะอาดไม่มีขน มีดอกในช่วงประมาณต.ค.ถึงเดือนมกราคม (แม้กระนั้นมักจะไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสลดพังพอนตัวเมีย
พญาปล้องทองคำ
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลเป็นผลแห้งแล้วก็แตกได้ (แม้กระนั้นผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 เซนติเมตร ก้านสั้น ด้านในผลมีเมล็ดราวๆ 4 เม็ด
หมายเหตุ : เสมหะพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 ประเภท คือ เสมหะพังพอนเพศผู้ แล้วก็เสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะแตกต่างกันตรงที่เสลดพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามและก็มีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสมหะพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและมีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงวยงงหลายๆแบบเรียนจึงนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “พญายอ” หรือ “พญาบ้องทองคำ” โดยเสลดพังพอนเพศผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย และแบบเรียนยาไทยนิยมประยุกต์ใช้ทำยากันมาก
สรรพคุณของเสลดพังพอนตัวเมีย
รากแล้วก็เปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาบำรุงกำลัง (รากและก็เปลือกต้น)
ทั้งต้นและใบใช้รับประทานเป็นยาทำลายพิษไข้ ดับพิษร้อน (ต้นแล้วก็ใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบสด 1 กำมือ ตำอย่างระมัดระวัง ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนหัวผู้เจ็บป่วยราว 30 นาที ลักษณะของการมีไข้รวมทั้งลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (กินอาหารเป็นพิษไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบเสิบสาน) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มรับประทานครั้งละโดยประมาณ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาบดราวๆ 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการกางใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำอย่างรอบคอบผสมกับเหล้าโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป แล้วก็อาการเจ็บปวดจะหายไปด้านใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ทั้งยังต้นแล้วก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับเมนส์ (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เมนส์มาผิดปกติ (ต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบดีซ่าน (ทั้งยังต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการกางใบสดโดยประมาณ 3-4 ใบ นำมาตำกับข้าวสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเปียก ใช้พอกราว 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการดียิ่งขึ้น (ใบ)
ลำต้นนำมาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยทำให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 5 ใบ เอามาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดเอามาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างระมัดระวังผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกบริเวณที่ถูกไฟเผาหรือน้ำร้อนลวก จะมีคุณประโยชน์ช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี4 ส่วนอีกแบบเรียนบอกว่า นอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเพราะว่าถูกแมงกะพรุนไฟ แผลสุนัขกัด แล้วก็แผลที่เกิดจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย เพียงแค่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วนำมาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการกางใบราวๆ 3-4 ใบ อาหารสาร 5-6 เม็ด เพิ่มน้ำลงไปให้พอเปียก แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับเหล้าใช้ทา หรือใช้เหล้าสกัดใบเสลดพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับเหล้า แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวรวมทั้งเม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาตำผสมกับเกลือรวมทั้งสุรา ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกรุ่งเช้าและก็เย็น (ใบ)
อีกทั้งต้นแล้วก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย ตัวอย่างเช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย รวมถึงผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการกางใบสดราวๆ 5-10 ใบ นำมาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดนำมาตำให้พอแหลก แช่ในเหล้าขาวโดยประมาณ 1 สัปดาห์ และหลังจากนั้นก็ค่อยนำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลระบุว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำนิดหน่อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

คนเมืองจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา แล้วก็ใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการกางใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นมัน ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเกินความจำเป็น) แล้วนำมาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลและเอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกแนวทางให้จัดแจงเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 โล เอามาปั่นอย่างละเอียด เพิ่มเติมแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ขนาดต่ำลงครึ่งเดียว (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) แล้วก็เพิ่มกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสมหะพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก รวมทั้งใช้ทำลายพิษต่างๆสำหรับแบบเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเสมอกัน รวมกันตำให้เพียงพอแหลก แช่กับเหล้า แล้วนำมาใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามพุงดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลนไฟให้ร้อน แล้วนำมากดเพื่อดูดเอาขนย้ายใบตะลังตังช้างออกเสียก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับสุราทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า รวมทั้งยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับเหล้า นำมาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้หัด เหือด ด้วยการใช้ใบสดประมาณ 7 กำมือ เอามาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกและผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งคู่มาผสมกัน ใช้อีกทั้งกินแล้วก็ชโลมทา (ยาชโลมให้ใส่พิมเสนลงไปน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้กินวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ทั้งยังต้นใช้เป็นยาพาราบวม เคล็ดลับปวดเมื่อย ฟกช้ำดำเขียว กระดูกร้าว ช่วยขับความชุ่มชื้นในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าเนื่องมาจากเย็นชื้น (ทั้งยังต้น)
รากใช้เป็นยาแก้ลักษณะของการปวดเมื่อยล้าบั้นเอว (ราก)
ขนาดรวมทั้งวิธีการใช้ : ยาแห้งให้ใช้ทีละ 5-10 กรัม เอามาต้มกับน้ำรับประทาน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำกิน หรือตำพอกแผลด้านนอก
ข้อควรไตร่ตรองพญายอ
: แม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ในตอนนี้แนวทางนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว เพราะจะทำความสะอาดได้ยาก ทำให้กากติดแผล และอาจจะเป็นผลให้ติดโรคเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากเจอสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบเจอสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides เช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol แล้วก็สารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียร้อยละ 5 ใน Cold cream รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ นำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กก. มีคุณภาพต่อต้านการอักเสบได้ดิบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์กินสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติคได้ โดยสารสกัดความแรง 90 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มก.ต่อโล ส่วนสารสกัดด้วยน้ำและสารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะสิเตทจากใบเสลดพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 และก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านไวรัสได้ดิบได้ดีและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ในช่วงเวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ แล้วก็จากรายงานการดูแลรักษาคนไข้โรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสมหะพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir และยาหลอก โดยให้คนป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง ตรงเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้แตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนไข้ที่ใช้ยาจากสารสกัดใบแล้วก็ยา acyclovir โดยแผลจะเป็นสะเก็ดด้านใน 3 วัน แล้วก็หายสนิทข้างใน 7 วัน ซึ่งต่างกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียจะไม่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบรวมทั้งระคายเคือง ในเวลาที่ acyclovir จะก่อให้แสบ นอกนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำจากเสมหะพังพอนตัวเมียในคนไข้โรคเริม งูสวัด แล้วก็แผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและก็ลดการอักเสบได้ดิบได้ดี
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ทำลายเชื้อเชื้อไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสจำพวกที่กระตุ้นให้เกิดเริมแล้วก็อีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลรักษาคนเจ็บโรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 1-2 อาทิตย์ กระทั่งแผลจะหาย พบว่าคนไข้หวานใจษาด้วยสารสกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน แล้วก็หายข้างใน 7-10 วัน จะมีมากมายกว่ากรุ๊ปที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ รวมทั้งระดับความเจ็บปวดจะน้อยลงเร็วกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก โดยไม่เจอผลข้างเคียงใดๆก็ตาม9
จากการทดสอบความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษบางส่วน แม้กระนั้นจะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าช่องท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกิโล (เสมอกันใบแห้ง 5.44 กรัมต่อโล) เมื่อเอามาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่นำมาซึ่งอาการเป็นพิษอะไรก็แล้วแต่
จากการเล่าเรียนพิษกึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 แล้วก็ 540 มิลลิกรัมต่อโล ให้หนูแรทแต่ละวัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แต่พบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเสียใจลง ในช่วงเวลาที่น้ำหนักของตับมากขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่พึงประสงค์แต่อ http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า