รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์  (อ่าน 507 ครั้ง)

dddd1752

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 12
    • ดูรายละเอียด
ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 14, 2018, 06:12:47 AM »


ราชพฤกษ์
ที่ไปที่มาของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตกาลก่อนหน้านี้กว่า 50 ปี ทางราชการมีความมานะบากบั่นบ่อยครั้งในการกำหนดให้มีเครื่องหมายประจำชาติไทย โดยยิ่งไปกว่านั้นการกำหนด ต้นไม้ และก็ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มต้นที่กรมป่าไม้ได้เชิญชวนให้สามัญชนพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พ.ศ.2494 โดยรัฐบาลลงความเห็นให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้ประจำปีของชาติ (arbour day) มีการเชื้อเชิญให้ปลูกต้นไม้ที่มีคุณประโยชน์ประเภทต่างๆเยอะมาก ในขณะเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   กระทั่งในปี พุทธศักราช2506 มีการประชุมเพื่อระบุเครื่องหมายต้นไม้แล้วก็สัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ พืชที่มีความมงคลที่มีคุณประโยชน์และรู้จักกันอย่างมากมายเป็นต้นไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวกับจารีตประเพณีไทยและประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นไม่ได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ด้วยเหตุนั้นตลอดระยะเวลาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บ่งถึงความเป็นเอกราชยจึงมีนานาประการ ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่ชาวไทยรู้จักรวมทั้งประสบพบเห็นบ่อย เช่น พระปรางค์วัดใกล้รุ่งฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกันกับ ต้นราชพฤกษ์ และ ช้างเผือก ยังคงถูกชมเชยให้เป็นสัญลักษณ์ประจำชาติตลอดมา
            ปี พุทธศักราช2530 มีการเกื้อหนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกครั้ง เพื่อเป็นการสรรเสริญพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระอายุครบ 5 รอบ โดยมีการผลักดันให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วราชอาณาจักรปริมาณ 99,999 ต้น เวลานี้ก็เลยมีต้นราชพฤกษ์อยู่มากทั่วทั้งประเทศไทย
            ข้อสรุปเรื่องสัญลักษณ์ประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่ชัดแจ้ง กระทั่งช่วงปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นกลับมาเสนออีกครั้ง และมีบทสรุปเสนอให้มีการระบุเครื่องหมายประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์และก็สถาปัตยกรรม แล้วก็การใคร่ครวญที่ผ่านมาเสนอให้ระบุดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติหมายถึงช้างไทย แล้วก็สถาปัตยกรรมประจำชาติเป็น ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเพราะเหตุว่ามีความเหมาะสมในหลายๆด้านเป็นเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่แก่ยืน ทนทาน ปลูกขึ้นได้ดิบได้ดีทั่วทุกภาคของประเทศ เป็นต้นไม้ท้องถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อไม่เหมือนกันในแต่ละภาค ดังเช่น ลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีหลักๆได้แก่ ลงหลักเมือง ลงเสาเอก ทำคฑาจอมพลแล้วก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในฤดูร้อนราชพฤกษ์จะมีดอกสะพรั่งทั้งต้น ช่อดอกมีรูปทรงงาม สีเหลืองอร่ามเป็นสัญลักษณ์ของพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ แล้วก็เป็นสีเดียวกับวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ยิ่งไปกว่านี้ความสวยของช่อดอก และความหมายที่ดียังถูกจำลองแบบแต่งแต้มไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทย คือ ดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางด้านวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์ คือ Cassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองสวยงามที่พบได้ทั่วไปเห็นได้ทั่วๆไปตามริมถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการเชิดชูให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย ทั้งยังมั่นใจว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนภายในบ้านมีเกียรติยศชื่อ เสียงเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วย ยิ่งใกล้ไปสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำเนื้อหาเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันจ้า
ประวัติความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน ฯลฯไม้พื้นบ้านของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน อินเดีย พม่า และก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเจริญวัยเจริญในที่โล่ง และมีชื่อเสียงในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แต่ว่าก็ยังไม่ได้ข้อสรุปแจ่มแจ้ง จวบจนกระทั่งมีการลงนามให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เพราะ ต้นราชพฤกษ์ ออกดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม ทั้งยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" แล้วก็มีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ ยอดเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • ด้วยเหตุว่าเป็นต้นไม้พื้นบ้านที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีสำคัญๆในไทยและก็ฯลฯพืชที่มีความมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานาประการ อย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ เป็นต้น
  • มีสีเหลืองแพรวพราว พุ่มงามเต็มต้น เปรียบเทียบเป็นสัญลักษณ์แห่งศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน และก็คงทน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกลาง สูงราวๆ 10-20 เมตร มีดอกเป็นช่อสีเหลืองอร่าม แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 เซนติเมตร โดยกลีบดอกไม้จะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ มีผลยาวประมาณ 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นฉุน และมีเม็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมปลูกด้วยเม็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในช่วง 1-3 ปีแรก แต่ว่าต่อไปจะมีการเติบโตเร็วขึ้น รวมทั้งออกดอกตอนอายุราวๆ 4-5 ปี
การดูแลและรักษา
           แสง : อยากได้แดดจัด หรือกลางแจ้ง และก็เจริญวัยเจริญในที่โล่งแจ้งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับสภาพภูมิอากาศร้อนได้ดิบได้ดี
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตเจริญในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนซุยคละเคล้าทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยมูลสัตว์ ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น และก็ควรจะให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           วิธีขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเมล็ด โดยใช้เม็ดใหม่ๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน เนื่องจากว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วต่อจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ข้ามวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือจำนวนพอเพียงหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วต่อจากนั้นทิ้งเอาไว้อีกคืนก็จะเจอรากแตกออก และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเชื่อเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นไม้มงคล ที่ควรจะปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็หากปลูกเอาไว้ในบ้านจะช่วยทำให้มีเกียรติยศ เกียรติ รวมทั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะว่าเป็นไม้มงคลนาม http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า