รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 499 ครั้ง)

fvpoiewu0s35

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 6
    • ดูรายละเอียด


ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดเยอะที่สุดและยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความสวยงาม ทั้งยังยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ก็เลยมั่นใจว่าอาจมีคุณประโยชน์ในการปกป้องโรคหรือบรรเทาอาการ อาทิเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือบรรเทาอาการหายใจไม่สะดวกจากโรคนี้ โรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในช่องปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง รวมทั้งอื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ศึกษาการใช้ทับทิมในรูปแบบต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะกำหนดประสิทธิภาพของทับทิมต่อการรักษาโรคได้ชัดเจน ซึ่งแบบอย่างการเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ได้แก่ สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด ก็เลยบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงในการกำเนิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการกินอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (ประกอบด้วยกรดมึงลลิค 610 มก.) และก็วัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับในการต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนที่จะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังกล่าวต่ำลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด
นอกนั้น ยังมีงานค้นคว้าอีกชิ้นให้คนไข้โรคเส้นเลือดแดงแข็งจำนวน 15 คน ทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่กินอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่น้อยลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงทำให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวกับกลุ่มการทดสอบขนาดใหญ่เยอะขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมรวมทั้งการดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีคุณลักษณะช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เพราะการรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีความสามารถเพียงพอสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการจากโรคมากสักเท่าไหร่แล้วก็ลดการเสี่ยงด้านสุขภาพจากการดูแลและรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อดูความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้แนวทางรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กลุ่มที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกระบวนการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยอาจนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลและรักษาด้วยวิธีรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดลองอีกชิ้นที่เล่าเรียนคุณภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกต้นแบบเจลสำหรับการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพโพรงปากดีขึ้นและปัญหาโรคเหงือกอักเสบน้อยลงมากกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การค้นคว้านี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในสินค้าเพื่อดูแลรักษาช่องปาก ดังเช่นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองป้องกันรวมทั้งบรรเทาลักษณะของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองป้องกันการเกิดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพสำหรับเพื่อการลดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ตามผิวฟัน และก็บางทีอาจนำไปสู่โรคทางโพรงปากอีกหลายประเภท ซึ่งจากการทดสอบให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แม้กระนั้นสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบจุลชีวันลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แม้กระนั้นมีประสิทธิภาพไม่ต่างอะไรจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยพอเพียงจะกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดช่องทางสำหรับในการกำเนิดคราบเปื้อนจุลชีวันข้างในโพรงปาก
ขณะเดียวกัน การศึกษาอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเกิดคราบเปื้อนจุลชีวัน ซึ่งสำหรับการทดลองได้เก็บคราบเปื้อนจุลอินทรีย์จากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีรวมทั้งกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน ข้างหลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนรวมทั้งหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทแตกต่างกันในแต่ละกรุ๊ป เป็นต้นว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน และยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับในการลดคราบจุลอินทรีย์ลงมากที่สุดราว 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ลดลงเพียง 11% จึงอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกในการใช้จัดการกับรอยคราบจุลชีพบนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงจะต้องมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างสม่ำเสมอ เพราะช่วงเวลาในการทดสอบค่อนข้างสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเล่าเรียนผลของการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในผู้ป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 และมีภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลของกินที่รับประทานอาหารด้านใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนเจ็บหรูหราไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี และก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดต่ำลง แต่ไม่เจอความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์และก็ระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งทำให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนไข้โรคเบาหวานลง แต่ว่ายังบอกมิได้เด่นชัด เพราะว่าของกินประเภทอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน และกรุ๊ปการทดสอบมีขนาดเล็ก จำเป็นจะต้องขยายผลการเล่าเรียนในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่ม นอกจากนั้น การดูแลและรักษาภาวการณ์คอเลสเตอรอลสูงควรจะมีการควบคุมอาหารรวมทั้งการบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายประเภท โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอลที่พบได้บ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องแลปกล่าวว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการโรคปอดอุดกันเรื้อรังแล้วก็บางทีอาจชะลอไม่ให้โรคพัฒนาอย่างเร็ว ก็เลยมีการเล่าเรียนสมรรถนะของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มอีก โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันวันแล้ววันเล่าเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดและก็เยี่ยวของผู้เจ็บป่วย ทั้งยังไม่เจอความไม่เหมือนอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กรุ๊ป จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยในการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยทั่วไปสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและก็ตรวจเจอได้ในเลือดหรือฉี่ แต่ว่าผลการศึกษาเรียนรู้กลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการย่อยสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร จำเป็นต้องทำความเข้าใจขั้นตอนซับสารอาหารที่ต่างกันก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการกิน ด้วยเหตุว่าสารอาหารที่เจอในของกินที่กินบางทีอาจมิได้ถูกเอาไปใช้ประโยชน์ในร่างกายคนเราทั้งผอง
โรคแล้วก็อาการอื่นๆตัวอย่างเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังการบริหารร่างกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง แล้วก็อื่นๆยังจำเป็นจะต้องทำการวิจัยศึกษาค้นคว้าเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มก.
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มก.
ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มก.
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แม้กระนั้นในบางรายที่มีลักษณะแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลข้างๆจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสภาพร่างกาย การรับประทานรากและก็ลำต้นของทับทิมในปริมาณมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่มีอันตรายสำหรับเพื่อการรับประทานหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย ดังเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจลำบาก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับในการกินหรือใช้ทับทิมในแบบอื่น ได้แก่ สารสกัดจากทับทิม ควรต้องขอความเห็นแพทย์ก่อนจะมีการรับประทานทุกคราว
น้ำทับทิมอาจจะทำให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงบางส่วน ซึ่งอาจจะก่อให้คนเจ็บที่มีสภาวะความดันต่ำอาการกำเริบ
คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนเจ็บที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ เพราะเหตุว่าทับทิมส่งผลให้ความดันเลือดต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมพร้อมกันกับยาบางจำพวกอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อย่างเช่น ยาที่เกี่ยวกับแนวทางการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติน คนที่รับประทานยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรขอคำแนะนำแพทย์ก่อนการรับประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
บันทึกการเข้า