รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 556 ครั้ง)

billcudror1122

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 100
    • ดูรายละเอียด


ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมกินอย่างล้นหลาม โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสดเยอะที่สุดรวมทั้งยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงดงาม อีกทั้งยังคงใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระแล้วก็สารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่มีสาระต่อสภาพทางร่างกาย จึงมั่นใจว่าอาจมีคุณประโยชน์สำหรับในการป้องกันโรคหรือทุเลาอาการ ดังเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจติดขัดจากโรคนี้ โรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในช่องปากและก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และอื่นๆ
ในปัจจุบันยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยที่เรียนการใช้ทับทิมในแบบแตกต่างกับการดูแลและรักษาโรคที่ออกจะจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะเจาะจงประสิทธิภาพของทับทิมต่อการดูแลและรักษาโรคได้กระจ่าง ซึ่งตัวอย่างการศึกษาเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว อาทิเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ รวมทั้งลดการแข็งตัวของเส้นเลือด จึงอาจช่วยลดการเสี่ยงสำหรับในการกำเนิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง
จากการศึกษาฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการกินอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (มีกรดแกลลิค 610 มิลลิกรัม) แล้วก็ประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์สำหรับเพื่อการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนที่จะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังกล่าวข้างต้นลดน้อยลง ก็เลยคาดว่าการกินทับทิมอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด
ยิ่งไปกว่านี้ ยังมีงานศึกษาเรียนรู้วิจัยอีกชิ้นให้คนป่วยโรคเส้นเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน กินอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปและ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้กินอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่กินอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่ต่ำลงโดยประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงแสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นเลือดแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงต้องมีการเรียนเพิ่มเติมในระยะยาวกับกลุ่มการทดลองขนาดใหญ่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมแล้วก็การดูแลและรักษาโรคเส้นโลหิตแดงแข็งได้อย่างเห็นได้ชัด
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกประเภทที่มีคุณลักษณะช่วยต้านทานเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกในการรักษาโรคเหงือก เพราะว่าการดูแลและรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการจากโรคมากเท่าที่ควรแล้วก็ลดการเสี่ยงด้านสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับผู้ป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองสมรรถนะของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้วิธีรักษาที่แตกต่าง ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการดูแลและรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยวิธีการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการดีขึ้นข้างใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือสำหรับในการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยบางทีอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลและรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดลองอีกชิ้นที่ศึกษาเล่าเรียนความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกแบบอย่างเจลสำหรับในการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากดีขึ้นแล้วก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบต่ำลงมากกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การศึกษาเรียนรู้ในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจใช้ประโยชน์เป็นส่วนผสมในสินค้าเพื่อการบำรุงโพรงปาก ดังเช่นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยป้องกันรวมทั้งทุเลาลักษณะโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองการเกิดคราบจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการลดรอยเปื้อนจุลชีพตามผิวฟัน และก็อาจทำให้เกิดโรคทางโพรงปากอีกหลายอย่าง ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกรุ๊ป โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่ายาหลอก แต่มีประสิทธิภาพไม่ได้แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยเพียงพอจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดช่องทางสำหรับการกำเนิดคราบจุลอินทรีย์ข้างในช่องปาก
เวลาเดียวกัน การศึกษาเล่าเรียนอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเกิดคราบเปื้อนจุลินทรีย์ ซึ่งสำหรับการทดลองได้เก็บคราบจุลชีวันจากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเปรียบผลก่อนรวมทั้งหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากชนิดแตกต่างในแต่ละกรุ๊ป อย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน แล้วก็ยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพในการลดคราบจุลินทรีย์ลงมากที่สุดโดยประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ลดลงเพียง 11% จึงอาจพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกสำหรับในการใช้ขจัดคราบจุลินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงต้องมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากว่าระยะเวลาในการทดลองค่อนข้างสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่พูดกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการศึกษาเล่าเรียนผลการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมทั้งมีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่ทานอาหารภายใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมถึงอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าคนเจ็บหรูหราไขมันรวม ไขมันประเภทไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี และก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แม้กระนั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์รวมทั้งระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในผู้ป่วยโรคเบาหวานลง แม้กระนั้นยังบอกมิได้แจ่มชัด เนื่องมาจากของกินจำพวกอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน แล้วก็กรุ๊ปการทดลองมีขนาดเล็ก ควรต้องขยายผลการเล่าเรียนในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติมอีก นอกเหนือจากนี้ การรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงควรมีการควบคุมของกินและก็การบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากยิ่งขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารโพลีฟีนอลที่พบบ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องแลปบอกว่าสารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญสำหรับในการทุเลาอาการของโรคปอดอุดกันเรื้อรังรวมทั้งอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จึงมีการเรียนรู้ความสามารถของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มอีก โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่กินน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่กินยาหลอกติดต่อกันแต่ละวันเป็นระยะ 5 อาทิตย์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดและก็ปัสสาวะของผู้ป่วย ทั้งยังไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยในการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยธรรมดาสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและก็ตรวจเจอได้ในเลือดหรือเยี่ยว แต่ว่าผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยกลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งบางทีอาจเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการเสื่อมสภาพสารกลุ่มนี้โดยจุลชีพในระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจวิธีการดูดซับสารอาหารที่แตกต่างก่อนจะอ้างถึงถึงประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรับประทาน เพราะสารอาหารที่เจอในอาหารที่รับประทานอาจไม่ได้ถูกเอาไปใช้ประโยชน์ภายในร่างกายมนุษย์เราทั้งหมดทั้งปวง
โรคและก็อาการอื่นๆยกตัวอย่างเช่น โรคเส้นเลือดหัวใจ การหย่อนความสามารถทางเพศ เจ็บกล้ามข้างหลังการออกกำลังกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การต่อว่าดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง แล้วก็อื่นๆยังจะต้องศึกษาวิจัยวิจัยเสริมเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (คร่าวๆ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม
วิตามินบี 6 0.075 มก.
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยธรรมดาการรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลข้างเคียงจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การรับประทานรากและลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะปลอดภัยสำหรับในการกินหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่อาจจะเป็นผลให้กำเนิดอาการแพ้เล็กน้อยในบางราย เช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งท้องหรืออยู่ในตอนให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับในการกินหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น เช่น สารสกัดจากทับทิม จะต้องขอความเห็นหมอก่อนการกินทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจจะทำให้ความดันโลหิตลดลดลงนิดหน่อย ซึ่งอาจก่อให้คนไข้ที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการกำเริบ
คนที่มีอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีความเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการรับประทานทับทิม
คนป่วยที่จำต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ด้วยเหตุว่าทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางประเภทอาจจะเป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ดังเช่นว่า ยาที่เกี่ยวข้องกับหลักการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดระดับความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตตำหนิน คนที่กินยาเป็นประจำหรือมีโรคประจำตัวควรขอความเห็นหมอก่อนจะมีการกินเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
บันทึกการเข้า