รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: บุก เป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณประโยนช์ที่น่าอัศจรรย์  (อ่าน 452 ครั้ง)

gmkpas5s9q81a3

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด


บุก
บุก มีสรรพคุณ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีเมนส์มาไม่ปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟลุกและน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาพารา แก้ฟกช้ำ ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับระดูของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก อย่างเช่น บุกปะทุงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง แพทย์ ยวี จวี๋ ยั่ว หมอยื่อ ฯลฯ
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของต้นบุก
ต้นบุก นับว่าเป็น พืชล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของลำต้นอ้วนแล้วก็มีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบลำพัง ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดและก็ใบแผ่ขึ้นเหมือนร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในตอนเย็น มีกลิ่นแรง ลักษณะราวกับดอกหน้าโค
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นโดยประมาณ 50-150 ซม. หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างกลมแบนนิดหน่อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 25 เซนติเมตร ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและกิ่งก้านมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายแต้มสีขาวปนเปอยู่
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขน มีใบย่อยเรียงสลับ รูปแบบของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบของใบเรียบ ใบมีขนาดยาวราว 15-20 ซม.
ดอกบุก ออกดอกเป็นดอกลำพัง รูปแบบของดอกเป็นทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวราวๆ 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
คุณประโยชน์ของบุก
สำหรับสรรพคุณของบุก พวกเรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากแล้วก็เนื้อของลำต้น เนื้อหา ดังนี้
หัวบุก มีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีระดูมาเปลี่ยนไปจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟไหม้และน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาพารา แก้บวมช้ำ
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับประจำเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี

ข้อพึงระวังสำหรับการบริโภคบุก
สำหรับข้อที่ไม่อนุญาตสำหรับเพื่อการกินบุกเป็นหัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ แล้วก็ระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุผลดังกล่าว ในฝูงคนที่ ม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรหลบหลีกรับประทาน และไม่กินมากจนเกินความจำเป็น ซึงข้อควรพิจารณาสำหรับเพื่อการบริโภคบุก มีเนื้อหาดังนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) จำนวนมาก ที่ก่อให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้าและก็ก้านใบถ้าปรุงไม่ดีแล้วกินเข้าไปจะก่อให้ลิ้นพองและคันปากได้
ก่อนเอามารับประทานจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด
วิธีการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นคราวแรก แล้วค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อพิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมกันเป็นก้อน จึงสามารถใช้ก้อนดังกล่าวมาแล้วข้างต้นสำหรับการทำอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้ถ้าเกิดอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้รับประทานน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วและก็ตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์
เพราะว่าวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก จึงไม่ควรบริโภควุ้นบกตอนหลังการรับประทาน แต่ให้รับประทานก่อนรับประทานอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตขึ้นจากวุ้น เช่น วุ้นก้อนและเส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมของกินหรือหลังรับประทานอาหารได้ เพราะว่าวุ้นดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้ผ่านกรรมวิธีและก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว และการการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของคุณค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เพราะว่าไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกาย และไม่มีวิตามินแล้วก็แร่ธาตุ หรือสารอาหารอะไรก็ตามที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายเลยกลูโคแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันน้อยลง ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แม้กระนั้นจะไม่มีผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้นบุกในปริมาณมาก อาจจะส่งผลให้มีอาการท้องร่วงหรือท้องขึ้น มีลักษณะอาการกระหายน้ำมากยิ่งกว่าเดิม บางบุคคลอาจมีอาการอ่อนแรงเพราะระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า