รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ทับทิมเป็นสมุนไพรผลิตภัณฑ์สำหรับการบำรุงรักษา  (อ่าน 523 ครั้ง)

าร

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 23
    • ดูรายละเอียด


ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดเยอะที่สุดแล้วก็ยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆดังเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความงาม ทั้งยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพร่างกาย จึงเชื่อว่าบางทีอาจมีประโยชน์สำหรับการป้องกันโรคหรือทุเลาอาการ อย่างเช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจไม่สะดวกจากโรคนี้ โรคหัวใจและก็เส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในช่องปากแล้วก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง และก็อื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีการค้นคว้าวิจัยที่ศึกษาเล่าเรียนการใช้ทับทิมในแบบอย่างแตกต่างกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะเจาะจงคุณภาพของทับทิมต่อการดูแลรักษาโรคได้เด่นชัด ซึ่งแบบอย่างการศึกษาเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นเลือดแดงแข็ง ทับทิมคือผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ดังเช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่เชื่อว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นเลือด ก็เลยอาจช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต้านทานสารอนุมูลอิสระของทับทิมในผู้ที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (ประกอบด้วยกรดมึงลลิค 610 มก.) แล้วก็วัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์ในการต้านทานสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนการทดสอบ พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นลดน้อยลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด
นอกนั้น ยังมีงานวิจัยอีกชิ้นให้ผู้ป่วยโรคเส้นเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปแล้วก็ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่มิได้กินอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่ทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ต่ำลงราวๆ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอื่น ก็เลยแสดงให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงจะต้องมีการเล่าเรียนเพิ่มในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดสอบขนาดใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ยังไม่สามารถสรุปผลของทับทิมและการดูแลรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างชัดเจน
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกจำพวกที่มีคุณลักษณะช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เพราะว่าการดูแลรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอสำหรับการบรรเทาอาการจากโรคมากซักเท่าไหร่แล้วก็ลดความเสี่ยงด้านสุขภาพจากการรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับคนไข้โรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อดูประสิทธิภาพของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้วิธีรักษาที่ไม่เหมือนกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกรรมวิธีขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการข้างใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับเพื่อการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลและรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดสอบอีกชิ้นที่ศึกษาความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกลุ่มที่ใช้ยาหลอกแบบเจลสำหรับการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพโพรงปากดีขึ้นและก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบน้อยลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การค้นคว้านี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจนำไปใช้เป็นส่วนผสมในสินค้าสำหรับการบำรุงช่องปาก เช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยป้องกันและก็บรรเทาอาการโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองป้องกันการเกิดรอยเปื้อนจุลอินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพสำหรับในการลดคราบเปื้อนจุลินทรีย์ตามผิวฟัน และก็บางทีอาจส่งผลให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลายอย่าง ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขลักษณะในช่องปากดี ปริมาณ 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แต่สลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากยิ่งกว่ายาหลอก แต่ว่ามีประสิทธิภาพไม่มีความแตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน จึงพอเพียงจะพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดจังหวะสำหรับในการกำเนิดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ภายในโพรงปาก
ช่วงเวลาเดียวกัน การศึกษาอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมน่าจะมีส่วนช่วยสำหรับในการลดการเกิดรอยเปื้อนจุลชีพ ซึ่งในการทดลองได้เก็บคราบเปื้อนจุลชีพจากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีและกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี จำนวน 60 คน ข้างหลังงดเว้นแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเทียบผลก่อนแล้วก็ข้างหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากจำพวกต่างกันในแต่ละกรุ๊ป ยกตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน และยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับในการลดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ลงมากที่สุดประมาณ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% และยาหลอกที่ลดลงเพียง 11% จึงอาจพูดได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกในการใช้กำจัดคราบจุลอินทรีย์บนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมโดยตลอด เพราะเหตุว่าระยะเวลาสำหรับเพื่อการทดสอบค่อนข้างสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างดีเยี่ยม จากการศึกษาผลของการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 และมีสภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่ทานอาหารข้างใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมถึงของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) ข้างหลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนป่วยมีระดับไขมันรวม ไขมันประเภทไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดลดน้อยลง แม้กระนั้นไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์รวมทั้งระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งทำให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนป่วยเบาหวานลง แต่ยังบอกไม่ได้กระจ่าง เพราะของกินจำพวกอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดไขมันในเลือดได้เหมือนกัน และก็กรุ๊ปการทดสอบมีขนาดเล็ก จึงควรขยายผลการศึกษาเล่าเรียนในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มอีก ยิ่งกว่านั้น การดูแลและรักษาภาวะคอเลสเตอรอลสูงจะต้องมีการควบคุมอาหารและก็การออกกำลังกายไปพร้อม ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดเพิ่มมากขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด โดยยิ่งไปกว่านั้นสารโพลีฟีนอลที่พบได้ทั่วไปในทับทิม จากรายงานผลที่พบในห้องทดลองกล่าวว่าสารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญในการบรรเทาอาการของโรคปอดอุดกันเรื้อรังและบางทีอาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างรวดเร็ว จึงมีการศึกษาประสิทธิภาพของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มอีก โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกันเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันทุกวี่วันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดและเยี่ยวของคนป่วย ทั้งยังยังไม่เจอไม่เหมือนกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยปกติสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมแล้วก็ตรวจพบได้ในเลือดหรือเยี่ยว แม้กระนั้นผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยกลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งอาจมีต้นเหตุที่เกิดจากการสลายตัวสารพวกนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบการทำงานด้านการย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจกรรมวิธีการซึมซับสารอาหารที่ต่างกันก่อนจะกล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรับประทาน เพราะสารอาหารที่พบในของกินที่รับประทานอาจมิได้ถูกเอาไปใช้ประโยชน์ภายในร่างกายคนเราทั้งปวง
โรคแล้วก็อาการอื่นๆดังเช่นว่า โรคหลอดเลือดหัวใจ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงแดด การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเสีย โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง แล้วก็อื่นๆยังจำเป็นที่จะต้องทำการศึกษาศึกษาค้นคว้าเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพและความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (คร่าวๆ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มก.
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับการกินทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยปกติการกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีลักษณะอาการแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลข้างๆจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การรับประทานรากรวมทั้งลำต้นของทับทิมในปริมาณมากอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แม้กระนั้นอาจก่อให้กำเนิดอาการแพ้นิดหน่อยในบางราย ได้แก่ อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก แต่ว่ายังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยในการรับประทานหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น เป็นต้นว่า สารสกัดจากทับทิม จำเป็นจะต้องขอความเห็นหมอก่อนการกินทุกคราว
น้ำทับทิมอาจจะส่งผลให้ความดันโลหิตลดต่ำลงน้อย ซึ่งอาจจะเป็นผลให้ผู้ป่วยที่มีสภาวะความดันต่ำอาการแย่ลง
ผู้ที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนป่วยที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดควรหยุดรับประทานทับทิมอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ เนื่องด้วยทับทิมส่งผลให้ความดันเลือดต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางจำพวกอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ได้แก่ ยาที่เกี่ยวเนื่องกับแนวทางการทำงานของตับโดยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีตับ Cytochrome ประเภท P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดระดับความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตว่ากล่าวน ผู้ที่รับประทานยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรหารือแพทย์ก่อนที่จะมีการรับประทานเพื่อให้มีความปลอดภัย

Tags : สมุนไพรทับทิม
บันทึกการเข้า