รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 499 ครั้ง)

onjiu0101a5

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 5
    • ดูรายละเอียด


บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ พวกเรากำลังดูหนังการรบอยู่เหรอ ไม่ครับผม บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงศัตรูบุก แต่ว่าหมายถึงหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านพวกเรา ต่างหาก และก็ที่ต้องหนี ไม่ใช่ผู้ใดกันแน่ที่ไหน แม้กระนั้นเป็นโรคฮอตได้รับความนิยมในตอนนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จำต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นคือ หัวบุก ตอนแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็มิได้แพร่หลายหรือเป็นยอดนิยมราวกับเดี๋ยวนี้เพราะเหตุว่าจริงๆตอนแรกมันก็เป็นพืชพื้นเมืองอยู่ดี  คนในท้องถิ่นก็นำบุกมาปรุงอาหาร เหมือนเผือก ราวกับมันทั่วไปพอเพียงเริ่มมีคนมาศึกษาค้นคว้า   คุณประโยชน์ต่างๆของมัน เลยเปลี่ยนเป็นพืชสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยม มีการแปรรูปเป็นต้นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก รวมทั้งอื่นๆอีกมาก วันนี้เองก็คงไม่ช้าเกินความจำเป็นที่จะนำทุกคนมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบลึกซึ้งมารู้จะบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นปิศาจ  น่าสยองครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากลักษณะของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อวงศ์    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกคุงคก (ชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (จังหวัดปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
พวกเราพบบุกถึงที่กะไว้ไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่พบทั่วๆไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ป่าเขา รวมทั้งบางครั้งบางคราวก็เจอตามพื้นที่ ปลูกข้าว ดังเช่นว่าที่จังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี ฯลฯ บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกชนิด แต่ว่าจะเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินซึ่งร่วนซุย น้ำไม่ขังและก็ดินที่มีฮิวมัส หรืออินทรียวัตถุสูง
รูปแบบของต้นบุก
รูปแบบของต้น บุก บอกให้เห็นส่วนประกอบเป็นใบบุก และหัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  ชนิดเดียวกันกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราว 25 เซนติเมตร (บางพันธ์อาจเล็กมากยิ่งกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แต่ว่าบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษแตกต่างออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมอาหารของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเสมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางจำพวกมีก้านใย เป็นลวดลายบางจำพวกมีหนามอ่อนๆ หรือบางทีบุกบางชนิดก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวด้านบน  จะเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่มากมายมาก  แม้กระนั้นที่เด่นๆสังเกตง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง จำพวกจะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนเหมือนหงายร่ม ด้วยเหตุนั้นรูปแบบของใบบุก มีหลายแบบอย่างขึ้นกับชนิดของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าโค แต่ละชนิดมีขนาด สี และก็รูป ทรงแตกต่างกัน บางประเภทมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกจำพวกอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกลางหัวบุก เหมือนกันกับก้านใบ บุกมักจะมีดอกในช่วงปลายหน้าแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถมีดอกได้ในช่วง เวลาต่างๆกัน ช่วงเวลาสำหรับในการแก่เต็มกำลัง ของดอกที่จะติดผลก็แตกต่างกัน
 ผลบุก (อย่างงกับหัวบุกนะ ) ภายหลังจากดอก ผสมพันธุ์ก็จะเกิดผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง พอเพียงอายุ ได้ 1-2 เดือน จะส่งผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผล ของบุกส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายๆกัน แต่ว่าเมล็ดภายในไม่เหมือนกัน พบว่าส่วนมากมีเม็ดเป็นทรงอูมยาว  บุกบางประเภทก็มีเมล็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาเข้าครัว
เป็นพืชอาหารพื้นเมืองซึ่งชาวไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ส่วนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงปรับปรุงแก้ไขตามแต่ละภูมิภาค ได้แก่ทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าขนมบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งรับประทานอาหาร ทางภาคเหนือโดยเฉพาะคนภูเขา มักนำมา ปิ้งกิน ภาคกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งและหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปทำเป็นขนมหวาน
*บุกมีหลายประเภทหลายชนิด บางทีอาจขมแล้วก็เป็นพิษ ทุกชนิดมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ทั้งที่ก้านใบและก็หัว ซึ่งอาจส่งผลให้คัน ก่อนนำมาทำกับข้าวจำต้องต้มเสียก่อน ไม่งั้นกินเข้าไปทำให้คันปากแล้วก็ลิ้นพอง
ของกินที่ดัดแปลงมาจากบุก
ปัจจุบันนี้มีการนำบุกมาแปรรูป ทั้งในรูปแบบของเส้นบุก ซึ่งเป็นสินค้าแปรรูปจากท่อนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถนำมาปรุงเป็นของกินจานอร่อยได้ ผมว่าคนใดเคยไปกินเนื้อย่างอาจเคยพบบ้าง นอกจากเส้นบุกแล้วมีการเอามาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบได้รับความนิยมๆอดีตสมัย คือ เจเล่ ผสมผงบุก ถ้าเกิดจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (เจ้าของบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าใช้จ่ายสำหรับโฆษณาด้วยนะครับ)
คุณประโยชน์ของบุก
จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูโคแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ชนิดหมายถึงดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) และ (D-mannose) เป็นสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ว่าร่างกายย่อยสลายได้ยาก ดูดซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานและสารอาหารน้อย เหลือกากมาก ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานดี ผู้ที่อยากได้ลดน้ำหนักนิยมกินอาหารจากแป้งบุก ตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เพราะเหตุว่ารับประทานอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกจากนั้นเองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดปริมาณน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะความรั้ง ซึ่งยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูโคลส โดยเหตุนี้ กลูโคแมนแนนช่วยลดน้ำตาลได้ดิบได้ดีมากมาย เดี๋ยวนี้ก็เลยใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นของกินสำหรับคนป่วยเป็นโรคเบาหวาน และก็สำหรับผู้ป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละขอรับคือประโยชน์จากบุก ลองหามาทานกันครับผม มีคุณประโยชน์ขนาดนี้ ปัจจุบันนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว แนะนำมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับผม รับรองอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า