รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ  (อ่าน 589 ครั้ง)

ำพ

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 38
    • ดูรายละเอียด


บุก สมุนไพรไทย เพื่อหลีกไกล เรื่องอ้วนๆ
บุก มาแล้ว ! บุกมาแล้ว !  รีบหนีเร็ว  เอ๊ะอย่างไรนี่ พวกเรากำลังดูหนังการศึกอยู่หรอ ไม่ขอรับ บุกในที่นี้ไม่ได้ถึงข้าศึกบุก แต่ว่าซึ่งก็คือหัวบุก สมุนไพรไทยบ้านเรา ต่างหาก และที่จะต้องหนี ไม่ใช่คนไหนกันที่ใด แต่เป็นโรคฮอตฮิตในขณะนี้อย่างโรคอ้วน โรคเบาหวาน ต่างหากที่จะต้องหนีไป
บุก ส่วนที่เห็นเป็น หัวบุก ทีแรกเรื่องของบุกในเมืองไทย มันก็ไม่ได้แพร่หลายหรือเป็นยอดนิยมเสมือนเดี๋ยวนี้เพราะเหตุว่าจริงๆทีแรกมันก็เป็นพืชท้องถิ่นอยู่ดี  คนภายในท้องถิ่นก็นำบุกมาทำครัว ราวกับเผือก เหมือนมันทั่วไปเพียงพอเริ่มมีคนมาวิจัย   คุณประโยชน์ต่างๆของมัน เลยกลายเป็นพืชสมุนไพรไทยที่ได้รับความนิยม มีการแปรรูปเป็นแบบต่างๆตั้งแต่สารสกัด บุกผง วุ้นบุก และก็อื่นๆอีกมาก วันนี้เองก็คงจะไม่ช้าเกินไปที่จะนำทุกท่านมารู้จัก พืชสมุนไพรไทย ที่เรียกว่าบุกกันแบบลึกซึ้งมารู้จักบุกกัน
ชื่อไทย   บุก
ชื่อสามัญ  Konjac ,  devil’s tongue  (ลิ้นภูตผีปิศาจ  น่ากลัวครับชื่อนี้ คาดว่ามาจากลักษณะของดอกบุก )   , shade palm, umbrella arum
ชื่อวิทยาศาสตร์      Amorphophallus rivieri Durieu cv. Konjac
ชื่อวงศ์    ARACEAE
ชื่อตามเขตแดน  :  บุกระอุงคก (ชลบุรี) เบีย เบือ (แม่ฮ่องสอน) มันซูรัน (ภาคดลาง)  หัวบุก (ปัตตานี) บุกคางคก  (ภาคกลาง, เหนือ) บุกหนาม บุกหลวง (แม่ฮ่องสอน)  กระบุก (อิสาน)
เราพบบุกถึงที่เหมาะไหน
บุกเป็นพืชป่าล้มลุกที่เจอทั่วไปทุกภาคของประเทศ โดยขึ้นกับตาม ป่าเขา และบางเวลาก็พบตามพื้นที่ ทำนา เช่นที่จังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี ฯลฯ บุกขึ้นได้ในภาวะดินทุกชนิด แม้กระนั้นจะเติบโตได้ดีให้หัวขนาด ใหญ่ได้ในดินที่ร่วนซุย น้ำไม่ขังและก็ดินที่มีฮิวมัส หรือสารอินทรีย์สูง
รูปแบบของต้นบุก
ลักษณะของต้น บุก บ่งบอกถึงองค์ประกอบเป็นใบบุก แล้วก็หัวบุกลำต้นใต้ดิน  บุกมีลำต้นใต้ดินหรือที่เราเรียกแบบง่ายๆก็คือ หัวบุก  แบบเดียวกับเรียกหัวเผือก หัวมัน ขนาดอยู่ที่ราว 25 เซนติเมตร (บางพันธ์อาจเล็กมากยิ่งกว่านี้ )ทรงกลมแป้นลักษณะทรงเดียวกับลูกฟักทอง แม้กระนั้นบางสายพันธ์มีลักษณะพิเศษไม่เหมือนกันออกไป  ซึ่งส่วนนี้เอง เป็นใช้ที่สะสมของกินของบุก
 ใบบุก  ลักษณะเสมือนใบมะละกอ มีสีเขียวเข้ม บางชนิดมีก้านใย เป็นลวดลายบางชนิดมีหนามอ่อนๆ หรือครั้งคราวบุกบางประเภทก็มีใบมีจุดแบบไข่ปลาสีขาวข้างบน  จะมีความเห็นว่าใบบุกมีใบลักษณะที่หลากหลายมากมาย  แต่ว่าที่เด่นๆดูง่ายว่าเป็บุกเป็น จะมีก้านตรงจากกลางของหัว เมื่อโผล่จากดินแล้วแผ่กางออก 3 ทาง มีรูปทรงแผ่กว้างแบบร่ม แม้กระนั้นบาง พันธุ์จะแปลกตรงที่กลับขึ้นข้างบนเสมือนหงายร่ม ด้วยเหตุดังกล่าวลักษณะของใบบุก มีหลายแบบขึ้นกับจำพวกของบุก
ดอกของบุกลักษณะดอกดอกเหมือนต้นหน้าโค แต่ละชนิดมีขนาด สี และรูป ทรงแตกต่าง บางประเภทมีดอกใหญ่มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบุกคางคก ดอกบุกมีกลิ่น เหม็นเหมือนเนื้อสัตว์เน่า บุกประเภทอื่นๆมีดอกเล็กก้านดอกจะโผล่ขึ้นตรง จากกึ่งกลางหัวบุก เหมือนกับก้านใบ บุกชอบมีดอกในช่วงปลายฤดูแล้ง แม้กระนั้นบุกสามารถออกดอกได้ในตอน เวลาต่างๆกัน ระยะเวลาในการแก่เต็มที่ ของดอกที่จะติดผลก็ไม่เหมือนกัน
 ผลบุก (อย่างวยงงกับหัวบุกนะ ) หลังจากดอก ผสมพันธุ์ก็จะเป็นผล ผลอ่อนของบุก มีสีขาวอมเหลือง เพียงพออายุ ได้ 1-2 เดือน จะมีผลสีเขียวเข้ม มีจุดดำที่ปลายคล้ายผลกล้วย ผล ของบุกส่วนมากจะมีลักษณะคล้ายๆกัน แต่เม็ดภายในแตกต่าง พบว่าโดยมากมีเม็ดเป็นรูปทรงอูมยาว  บุกบางจำพวกก็มีเม็ดในกลม   ผลแก่ของบุกจะมีสีแดงหรือแดงส้ม

บุกกับการนำมาเตรียมอาหาร
เป็นพืชของกินประจำถิ่นซึ่งคนประเทศไทยนำเอาก้านใบมาแกงส้ม ลวกจิ้มน้ำพริก     ส่วนหัวบุกมีการนำไปดัดแปลงตามแต่ละภูมิภาค ได้แก่ทางภาคอีสาน มีการทำขนมที่เรียกว่าของหวานบุก แกงบวชมันบุก แกงอีสาน (แกงลาว)   ภาคทิศตะวันออกจะมีการฝาน หัวบุกเป็นแผ่น บางบาง แล้วเอามานึ่งกินกับข้าว ทางภาคเหนือโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนภูเขา มักนำมา ปิ้งรับประทาน ภาคกลางมักนำหัวบุกที่ฝานเป็นชิ้นบางๆมาแช่น้ำปูน แช่น้ำก่อนล้างหลายๆครั้งและหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปทำเป็นของหวาน
*บุกมีหลายชนิดหลายประเภท อาจขมและเป็นพิษ ทุกชนิดมีผลึกแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate) ในขณะที่ก้านใบและหัว ซึ่งอาจจะก่อให้คัน ก่อนเอามาทำอาหารจะต้องต้มเสียก่อน ไม่อย่างนั้นรับประทานเข้าไปทำให้คันปากรวมทั้งลิ้นพอง
อาหารที่ดัดแปลงมาจากบุก
เดี๋ยวนี้มีการนำบุกมาดัดแปลง ทั้งยังในรูปแบบของเส้นบุก ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากส่วนหัวบุก มีแบบเส้นใส สามารถนำมาปรุงเป็นอาหารจานอร่อยได้ ผมว่าใครเคยไปรับประทานเนื้อย่างคงจะเคยพบบ้าง นอกเหนือจากเส้นบุกแล้วมีการนำมาผสมเครื่องดื่มต่างๆเอาแบบฮิตๆอดีตเป็นเจเล่ ผสมผงบุก หากจำไม่ผิดอันนี้เขามาทำเป็นรายแรก (ผู้ครอบครองบริษัทผ่านมาอ่านขอค่าโฆษณาด้วยนะครับ)
สรรพคุณของบุก
จากการเรียนรู้พบว่า  แป้งบุกเป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน พวกกลูวัวแมนแนน (glucomannan) เป็นสารโมเลกุลใหญ่ (polysaccharides)ที่มีน้ำตาล 2 ชนิดเป็นดี-เดกซ์โทรส (D-glucose) และ (D-mannose) เป็นสารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายในรูปของใยอาหาร (dietary fiber)  ซึ่งดูดน้ำได้มาก แต่ว่าร่างกายเสื่อมสภาพได้ยาก ดูดซับได้ช้า ก็เลยให้พลังงานแล้วก็สารอาหารน้อย เหลือกากมากมาย ทำให้ระบบขับถ่ายปฏิบัติงานดี คนที่อยากได้ลดน้ำหนักนิยมทานอาหารจากแป้งบุก ยกตัวอย่างเช่น วุ้นเส้นบุก เส้นหมี่แป้งหัวบุก เนื่องจากกินอิ่มได้ ระบายท้อง แต่ว่าไม่ทำให้อ้วน
นอกจากนี้เองเจ้า สารกลูวัวแมนแนนนี้ สามารถลดจำนวนน้ำตาลในเลือดได้ ก็เพราะเหตุว่าความรั้ง ซึ่งยับยั้งการดูดซึมของกลูวัวลสจากทางเดินอาหาร ยิ่งเหนียวหนืดมาก็ยิ่งมีผลลดการดูดซึมกลูวัวลส โดยเหตุนี้ กลูโคแมนแนนช่วยลดน้ำตาลก้าวหน้ามากมาย ปัจจุบันจึงใช้แป้งเป็นวุ้นเป็นอาหารสำหรับผู้เจ็บป่วยเป็นโรคโรคเบาหวาน และสำหรับคนป่วยเป็นโรคมีไขมันในเลือดสูง
นี่แหละนะครับเป็นผลดีจากบุก ลองหามาทานกันครับ มีคุณประโยชน์ขนาดนี้ สมัยปัจจุบันนี้ไม่หายากแล้วเดินไปห้าง ก็ได้บุกเส้นแล้ว แนะนำมามายำแบบยำวุ้นเส้นครับ ยืนยันอร่อยแท้ๆ http://www.disthai.com/
บันทึกการเข้า