ขิงขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลปนเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาปรุงอาหารเพราะเหตุว่าส่งกลิ่นหอม ยิ่งไปกว่านี้ ขิงยังใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ แล้วก็เครื่องแต่งตัวทั้งหลายด้วยเหมือนกัน ด้านประโยชน์ต่อร่างกาย มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างยาวนาน ดังเช่นว่า โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบที่ทำหน้าที่ย่อยอาหารอย่างท้องร่วง มีก๊าซในกระเพาะ ของกินไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อาเจียน เบื่ออาหาร
คุณสมบัติของขิงเชื่อว่ามีสารที่บางทีอาจช่วยลดอาการอ้วกแล้วก็ลดการอักเสบ โดยนักวิจัยโดยมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะอาหารและไส้ รวมทั้งสารนี้อาจมีผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอาเจียนด้วย แต่ว่าการสันนิษฐานดังที่กล่าวถึงแล้วยังไม่กระจ่างนัก และคุณลักษณะด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยช์จากขิงต่อสุขภาพที่เราเชื่อกันนั้น เดี๋ยวนี้ทางวิทยาศาสตร์มีข้อมูลอธิบายไว้ดังนี้
การรักษาที่อาจเห็นผลอาการอาเจียนคลื่นไส้ที่เกิดจากการใช้ยาต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือเอดส์ คุณประโยชน์ทุเลาอาการอาเจียนอ้วกของ
ขิงบางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อคนป่วยโรคนี้ที่อยากได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการศึกษาเล่าเรียนผู้ป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กรุ๊ปหนึ่งกินขิง 500 กรัม อีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในช่วง 30 นาทีก่อนจะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต่อต้านรีโทรเชื้อไวรัส เป็นเวลาทั้งหมดทั้งปวง 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอ้วกอ้วกที่เกิดขึ้นจากการดูแลและรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้
อาการอ้วกคลื่นไส้ภายหลังจากการผ่าตัด ขิงอาจช่วยทุเลาอาการคลื่นไส้และก็อ้วกจากการผ่าตัดได้เช่นกัน โดยการศึกษาเล่าเรียนทางวิทยาศาสตร์จำนวนมากชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนที่บางทีอาจเกิดขึ้นในระหว่าง 24 ชั่วโมงหลังได้รับการผ่าตัด
งานค้นคว้าวิจัยหนึ่งทดสอบแบ่งคนป่วยจำนวน 122 คนที่รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม แล้วก็อีกกรุ๊ปได้รับแคปซูลขิง 500 มิลลิกรัมแต่แบ่งให้ 2 คราวก่อนผ่าตัด ซึ่งผลสรุปพบว่าคนไข้ในกลุ่มหลังมีลักษณะคลื่นไส้อาเจียนน้อยครั้งและก็มีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานค้นคว้าวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นคงจะให้สมรรถนะสูงสุดเมื่อกินเสมอๆรวมทั้งบ่อยโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกจากนี้ การทดสอบทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยป้องกันอาการคลื่นไส้ในผู้เจ็บป่วยราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งหมด แต่ทว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ร่วมกับยาลดคลื่นไส้อ้วกนั้นบางทีอาจได้ผลได้ไม่ดีนัก รวมถึงการใช้ขิงกับคนไข้ที่เสี่ยงต่อการอ้วกอ้วกน้อยอยู่และอาจไม่ได้เรื่องเช่นกัน
อาการแพ้ท้อง การกินขิงอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง เป็นต้นว่า อาเจียน คลื่นไส้ หรือเวียนศีรษะ ผลวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยรับรองคุณลักษณะนี้เป็นการทดลองในหญิงที่มีอายุท้องต่ำลงมากยิ่งกว่า 20 อาทิตย์ จำนวน 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกๆวันนานอย่างต่ำ 1 อาทิตย์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้ว่าจะแปลงการทานอาหารแล้วก็ตาม ภายหลังกินสารสกัดจากขิง 125 มก. ซึ่งเสมอกันกับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลได้แสดงให้เห็นว่าขิงอาจสามารถนำมาใช้ผลดีในฐานะการดูแลรักษาช่องทางต่ออาการแพ้ท้องได้
นับว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการกินขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความรุนแรงของอาการอาเจียนอาเจียนในหญิงตั้งท้องที่มีอาการแพ้ท้องได้ แต่การใช้ขิงสำหรับคุณประโยชน์ด้านนี้บางทีอาจมองเห็นการดูแลและรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้อาเจียนอาเจียน นอกจากนั้น การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณลักษณะช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อกำหนดรวมทั้งพบผลลัพธ์ที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจมิได้มีส่วนช่วยสำหรับในการลดอาการแพ้ท้องเช่นเดียวกัน
อาการหน้ามืดศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมกับการคลื่นไส้นี้บางทีอาจทุเลาให้ได้ด้วยการใช้คุณค่าจากขิง จากงานศึกษาเรียนรู้วิจัยที่ทดสอบด้วยการให้คนที่มีลักษณะอาการบ้านหมุน และตากระตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้า
ขิงช่วยลดอาการวิงเวียนหัวได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นมิได้ช่วยลดช่วงเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดอาการเจ็บที่เกิดขึ้นจากโรคข้อเสื่อม จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เจ็บป่วยรับประทานสารสกัดจากขิงประเภทหนึ่ง (Zintona EC) ในจำนวน 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดลักษณะของการปวดข้อเข่าภายหลังจากการดูแลรักษาตรงเวลา 3 เดือน ส่วนอีกการวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับในการช่วยลดอาการเจ็บขณะยืน อาการเจ็บหลังเดิน และอาการข้อติด
นอกจากนี้ มีการศึกษาเล่าเรียนเปรียบเทียบคุณภาพระหว่างขิงและยาพารา โดยให้ผู้เจ็บป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกบั้นท้ายแล้วก็ข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มก.ทุกวี่ทุกวัน วันละ 2 ครั้ง ขิงให้ผลทุเลาอาการปวดได้เทียบเท่ากับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง รวมทั้งยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงและส้มบางทีอาจช่วยทุเลาลักษณะของการปวดรวมทั้งอ่อนล้าที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนไข้ที่มีลักษณะเจ็บเข่าได้ด้วย
ลักษณะของการปวดประจำเดือน นอกจากลักษณะของการปวดจากโรคข้อเสื่อม การศึกษาบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณลักษณะช่วยบรรเทาอาการปวดเมนส์ เป็นต้นว่า การทดลองในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงครั้งละ 500 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีเมนส์ตลอดไปจนกระทั่ง 3 วันแรกของการมีระดู รวมยอดเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของลักษณะของการปวดประจำเดือนได้อย่างเป็นจริงเป็นจังด้านการศึกษาเล่าเรียนเทียบประสิทธิภาพของขิงและยาลดอาการปวดรอบเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มิลลิกรัม ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละจำพวกในจำนวน 250 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีประจำเดือน ผลปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยแรก คือ ขิงมีประสิทธิภาพทุเลาความร้ายแรงของอาการปวดรอบเดือนไม่ต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การรักษาที่บางทีอาจไม่เป็นผลอาการเมารถและก็เมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการเอ๋ยถึงกันมาก ทว่าขิงบางทีก็อาจจะช่วยลดอาการหน้ามืดได้ แต่สำหรับเพื่อการตาลายอาเจียนที่เกิดขึ้นมาจากการเดินทางนั้น งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยโดยมากกล่าวว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง อย่างเช่น การแบ่งกลุ่มให้เด็กนักเรียนนายเรือ 80 คนที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกรุ๊ปที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่รับประทานขิงนั้นมีอาการอ้วกแล้วก็วิงเวียนลดลงจริงแต่ว่าอยู่ในระดับเล็กน้อยแค่นั้น หรือในอีกงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ชี้ว่าการกินผงขิงในจำนวน 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับในการปกป้องอาการเมารถหรือรูปแบบการทำงานของกระเพาะที่เกี่ยวโยงกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
การรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการเจาะจงความสามารถอาการอาเจียนอาเจียนจากกระบวนการทำเคมีบำบัด อีกหนึ่งคุณประโยชน์เป็นลดอาการอ้วกแล้วก็อ้วก ซึ่งมีการเล่าเรียนด้านวิทยาศาสตร์ แต่หลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนป่วยที่รับเคมีบำบัดนั้นยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้จริงหรือไม่ การเรียนรู้หนึ่งที่ชี้ถึงประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้คนป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่ประกอบด้วยขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบรรเทานานต่อเนื่องตรงเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความรุนแรงของอาการอ้วกที่เกิดขึ้นหลังจากการรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานแคปซูลขิง แม้กระนั้นเห็นผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเพียงแค่นั้น ส่วนกลุ่มที่กินแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับเห็นผลน้อยกว่า แปลว่าการกินขิงในปริมาณมากจึงบางทีอาจไม่ได้ทำให้อาการคลื่นไส้อย่างที่น่าจะเป็น
อย่างไรก็แล้วแต่ มีหลักฐานที่ปะทะคารมข้อเกื้อหนุนดังกล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งเป็นการวิจัยที่เผยว่าการรับประทานขิงมิได้มีประสิทธิภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อ้วก ทั้งนี้ ผลวิจัยที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีต้นเหตุมาจากจำนวนขิงที่ใช้ทดสอบนั้นต่างกัน รวมถึงขณะที่เริ่มรักษาด้วย ขิงจะประยุกต์ใช้คุณประโยชน์ทางการแพทย์ในด้านนี้แล้วเห็นผลไหมอาจควรมีการยืนยันเสริมเติมถัดไป
เบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนเจ็บเบาหวานในตอนนี้ยังมีผลการศึกษาที่ไม่แน่นอน งานศึกษาค้นคว้าวิจัยหนึ่งพบว่าการรับประทาน
ขิง 2 กรัม นาน 12 สัปดาห์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมถึงอาจช่วยลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางชนิดจากโรคเบาหวานได้ ในเวลาเดียวกัน มีการวิจัยอื่นๆที่แนะนำว่าขิงนั้นส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง กลับไม่มีผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาเรียนรู้วิจัยพูดว่าขิงมีผลกับอินซูลิน แต่กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ซึ่งผลการค้นคว้าที่ต่างกันนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือช่วงเวลาที่คนไข้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นไม่เท่ากันนั่นเอง
ของกินไม่ย่อย มีการวิจัยเรียนสมรรถนะของขิงในผู้ป่วยที่มีลักษณะของกินไม่ย่อยปริมาณ 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่มีขิง 1.2 กรัมหลังจากการเลิกอาหาร 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะมีการย่อยอาหารและมีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่ว่าการกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวพันกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ แต่ ผู้ร่วมการทดสอบนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่บางทีอาจเจาะจงได้อย่างชัดเจนว่าขิงช่วยลดอาการของกินไม่ย่อยได้แน่ๆเพียงใด
อาการแฮงค์ เช้าใจกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการเมาค้างซึ่งได้ผลสำเร็จใกล้กันจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับผลดีข้อนี้มีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยเมื่อนานมาแล้วที่เสนอแนะว่าการผสมขิงกับเปลือกภายในของส้มเขียวหวาน แล้วก็น้ำตาลทรายแดงก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการเมาค้างในคราวหลัง รวมถึงอาการคลื่นไส้ อาเจียนและก็ท้องเสีย แต่ การเรียนดังที่กล่าวผ่านมาแล้วยังจัดว่าคลุมเครืออยู่มากมายและไม่บางทีอาจรับรองได้ว่าเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากขิงจริงๆหรือส่วนประกอบอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณสมบัติของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดลองโดยให้ผู้ป่วยที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม ผลบอกว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกลุ่มที่รับประทานยาหลอก ขิงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะได้ผลดีกระทั่งสามารถนำมาใช้รักษาคนป่วยภาวการณ์นี้ได้หรือเปล่าคงจะจำต้องคอยการเล่าเรียนในอนาคตที่กระจ่างแจ้งกันถัดไป
ลักษณะการเจ็บกล้ามหลังออกกำลังกาย คุณสมบัติด้านการบรรเทาปวดและลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยหรือเปล่านั้นยังคงคลุมเครือรวมทั้งเป็นที่โต้วาทีกันอยู่เช่นเดียวกัน จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมรับประทานขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมอย่างต่อเนื่องนาน 124 ชั่วโมง พบว่าขิงสดแล้วก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดลักษณะการเจ็บกล้ามเนื้อจากการบริหารร่างกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมากมาย
ทว่าอีกงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยหนึ่งกลับเจอคำตอบในทางตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายยืดหดกล้ามเนื้อเหมือนกัน กินขิง 2 กรัมในตอน 24 ชั่วโมงและ 48 ชั่วโมงภายหลังการบริหารร่างกาย พบว่ามิได้นำมาซึ่งการทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อ การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมาจากการบริหารร่างกายน้อยลง แต่ผู้ทำการวิจัยพบว่าการกิน
ขิงอาจช่วยทำให้อาการเจ็บกล้ามค่อยๆดียิ่งขึ้นในทุกวัน ถึงแม้อาจมองไม่เห็นผลได้โดยทันที
ลักษณะของการปวดหัวไมเกรน มีการศึกษากับคนไข้ 100 คน ที่เคยมีลักษณะปวดหัวไมเกรนเฉียบพลันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา
http://www.disthai.com/