รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: น้ำมันเหลืองมีส่วนประกอบของสมุนไพรที่น่าทึ่ง  (อ่าน 507 ครั้ง)

หนุ่มน้อยคอยรัก007

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • ดูรายละเอียด


น้ำมันเหลือง
น้ำมันเหลือง ไพล หรือปูลอย ปูเลย มิ้นสะด้านล่าง ว่านไฟ มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber montanum (Koenig) Link ex Dietr. หรือ Zingiber cassumunar Roxb. วงศ์ Zingiberaceae เป็นสมุนไพรตัวหนึ่งในบัญชียาจากสมุนไพร ใน บัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 กลุ่มที่ 2 บัญชียาปรับปรุงจากสมุนไพร กรุ๊ปยารักษาอาการทางกล้ามเนื้อและกระดูก ยาสำหรับใช้ภายนอก ตัวอย่างเช่น ตำรับยาครีมไพล ประกอบด้วยน้ำมันไพลที่จากการกลั่น ร้อยละ 14 โดยปริมาตรต่อน้ำหนัก (v/w) และก็ ยาน้ำมันไพล สารสกัดน้ำมันไพลที่ได้จากการทอด (hot oil extract) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 90 ในตำรับ ซึ่งเป็นสูตรเภสัชตำรับของโรงพยาบาล ข้อบ่งใช้ของทั้งสองตำรับคือ ทุเลาอาการบวม ฟกช้ำดำเขียว เคล็ดลับยอก
น้ำมันเหลือง ไพลที่ได้จากการทอดและก็ผู้กระทำลั่นแตกต่างกันยังไง? น้ำมันไพลที่ได้จากผู้กระทำลั่นเป็น น้ำมันหอมระเหย ซึ่งเป็นของเหลวที่เป็น hydrophobic ระเหยได้ บางครั้งก็อาจจะได้จากการกลั่นโดยการต้มด้วยน้ำ (water distillation) ไอน้ำจะพาเอาน้ำมันหอมระเหย ไปควบแน่นเมื่อสัมผัสกับความเย็นของเครื่องควบแน่น (condenser) ขั้นตอนการกลั่นอย่างงี้เป็นแนวทางที่คนยุโรปเริ่มแรกนิยมใช้กัน แต่ว่ามีข้อเสียตรงที่ไพลที่เอามากลั่นจะถูกความร้อนนาน อาจจะก่อให้น้ำมันไพลที่ได้มีกลิ่นผิดไปได้ หรือจะได้จากการกลั่นโดยใช้การผ่านของละอองน้ำไปสู่ภาชนะที่มีไพลใส่อยู่ (steam distillation) ไอน้ำจะพาเอาน้ำมันเหลือง หอมระเหยไปควบแน่นที่เครื่องควบแน่น วิธีแบบนี้มีข้อดีกว่าคือ ไพลจะถูกความร้อนไม่มาก น้ำมันหอมระเหยที่ได้จะไม่มีกลิ่นผิดเพี้ยนไป โน่นคือน้ำมันหอมระเหยที่ได้จาก 2 แนวทาง จะมีสารประกอบทางเคมีที่แตกต่างบ้าง โดยปกติน้ำมันหอมระเหยที่ได้จากผู้กระทำลั่นจะมีสารประกอบทางเคมีที่มีโมเลกุลเล็ก ดังเช่น สารกลุ่ม monoterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนปริมาณ 10 ตัว) แล้วก็สารกลุ่ม sesquiterpenes (สารที่ประกอบด้วยคาร์บอนจำนวน 15 ตัว) น้ำมันหอมระเหยไพลที่ได้จากการกลั่นประกอบด้วย สารกรุ๊ป monoterpenes ตัวอย่างเช่น sabinene, terpinen-4-ol, alpha-pinene, alpha-terpinene, gamma-terpinene, limonene, myrcene, p-cymene, terpinolene2, (E)-1-(3,4-dimethoxyphenyl)butadiene (DMPBD), (E)-4-(3’,4’-dimethoxyphenyl)but-3-en-1-ol (Compound D)3,4
ส่วนน้ำมันเหลือง ไพลที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช เป็นวิธีของคนประเทศไทยโบราณที่ใช้เตรียมน้ำมันไพลเพื่อใช้ในครัวเรือน เป็นน้ำมันเช็ดนวด แก้ปวดกล้าม เดี๋ยวนี้หลายโรงหมอของรัฐได้มีการจัดเตรียมเป็นเภสัชตำรับของโรงหมอ และเป็นหนึ่งตำรับในบัญชียาจากสมุนไพร ในบัญชียาหลักแห่งชาติ ปี 2554 น้ำมันไพลสูตรนี้จัดเตรียมได้จากการนำไพลสดมาทอดกับน้ำมันพืชจำพวกอิ่มตัว (ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดอิ่มตัว) ดังเช่นว่า น้ำมันที่ผลิตขึ้นมาจากมะพร้าว น้ำมันเหลือง หรือน้ำมันปาล์ม ไม่สมควรใช้น้ำมันพืชประเภทไม่อิ่มตัว (มีกรดไขมันจำพวกไม่อิ่มตัว) ดังเช่นว่า น้ำมันงา น้ำมันมะกอก น้ำมันคำฝอย น้ำมันทานตะวัน หรือน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากรำข้าวน้ำมันเหลือง เพราะว่าน้ำมันชนิดไม่อิ่มตัวจะไม่ทนต่อความร้อน ทำให้พันธะคู่ในโมเลกุลเกิดการแตก และรวมกลุ่มเป็นสาร “โพลีเมอร์” เกิดขึ้น กระตุ้นให้เกิดความหนืด นอกเหนือจากนี้จะทำให้กำเนิดควันได้ง่าย รวมทั้งน้ำมันกลิ่นหืน น้ำมันพืชที่ใช้ทอดเป็นน้ำมันที่ประกอบด้วยกรดไขมัน (fatty acids) ซึ่งนับว่าเป็นสารประกอบทางเคมีที่มีขั้วน้อย เป็นตัวทำละลายที่ดีในการสกัดสารที่มีขั้วน้อยด้วย ฉะนั้นน้ำมันพืชก็สามารถจะสกัดน้ำมันหอมระเหยซึ่งประกอบด้วยสารประกอบที่มีขั้วน้อยรวมทั้งโมเลกุลเล็กได้ พร้อมทั้งสกัดสารประกอบที่มีขั้วน้อยแต่ว่ามีโมเลกุลใหญ่ได้ด้วย ซึ่งในไพลเว้นแต่มีน้ำมันหอมระเหยแล้ว ยังประกอบสารกลุ่ม arylbutanoids, curcuminoids, แล้วก็ cyclohexene derivatives เป็นสารที่มีโมเลกุลใหญ่มากยิ่งกว่าสารในน้ำมันหอมเหลือง และเป็นสารที่ไม่ระเหย สรุปกล้วยๆเป็น น้ำมันไพลที่ได้จากผู้กระทำลั่นจะเป็นน้ำมันหอมระเหยที่ประกอบด้วยสารโมเลกุลเล็กและก็ระเหยได้ ส่วนน้ำมันที่ได้จากการทอดจะประกอบด้วยน้ำมันหอมระเหยและก็สารที่มีโมเลกุลใหญ่และไม่ระเหย
[url=https://www.charmingfresh.com/product/49/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3http://www.chiangdaoherb.com/product/19/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%9E%E0%B8%A3]น้ำมันเหลือง[/url] หอมระเหยและก็สารที่มีโมเลกุลใหญ่ (สารกลุ่ม arylbutanoids, curcuminoids, และก็ cyclohexene derivatives) เป็นกรุ๊ปสารที่ส่งผลการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยพบว่า มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบรวมทั้งแก้ปวดในสัตว์ทดสอบ โดยมีกลไกการออกฤทธิ์เช่นเดียวกับยากลุ่ม NSAIDs3,4-12 นอกเหนือจากนี้ยังมีรายงานการศึกษาเล่าเรียนน้ำมันเหลือง ทางคลินิกพบว่า ครีมไพลหรือไพลจีซาล (14% ของน้ำมันหอมระเหย) มีฤทธิ์ลดการอักเสบและการปวดของข้อเท้าแพลงในผู้เจ็บป่วยนักกีฬาที่เจ็บข้อเท้าแพลงมากยิ่งกว่ากลุ่มควบคุมที่ได้รับยา หลอก13 และก็พบว่าครีมไพจีซาลได้ผลดีสำหรับการรักษาลักษณะของการปวดปวดเมื่อยข้างหลัง ไหล่ ต้นคอ เอว เข่า14 แต่ตำรับยาน้ำมันเหลืองที่ได้จากการทอดด้วยน้ำมันพืช หรือการสกัดด้วยตัวทำละลายที่ไม่มีขั้ว ยังไม่เคยมีการศึกษาทางคลินิกมาก่อน ซึ่งในเวลานี้คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ปรึกษาโครงงาน “การพัฒนาสมรรถนะผู้ประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมยาสมุนไพรไทยเพื่อลดผลพวงจากการเปิดเสรีทางด้านการค้า AFTA ด้วยสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติ 2554” เป็นโครงการที่ได้รับทุนช่วยเหลือจากกองทุน FTA กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กำลังเรียนทางคลินิกในผู้ป่วยข้อเข่าเสื่อมของตำรับยาครีมไพลสกัด ซึ่งเป็นการเอาอย่างกระบวนการสกัดแบบความคิด ซึ่งเป็นการสกัดสารหลายๆประเภท ไม่เพียงแค่น้ำมันเหลือง หอมระเหยเท่านั้น รวมทั้งคือการใช้วัตถุดิบอย่างคุ้ม
บันทึกการเข้า