รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: หอมเเดง มีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่น่าทึ่งมากๆ  (อ่าน 598 ครั้ง)

bilbill2255

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 112
    • ดูรายละเอียด


หอมแดง
ชื่อสมุนไพร  หอมแดง
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน หอมไทย,หอมเล็ก,หอมหัว หอมแดง(ภาคกึ่งกลาง), หอมปั่ว ,หมอแดง (ภาคเหนือ) , หัวหอมแดง (ภาคใต้) , ฝักบั่ว (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ) , ปะเซ้ส่า (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) , ปะเซอก่อ (กะเหรี่ยง-ตาก) , ซัง , ตังซัง (จีน)
ชื่อสามัญ  Shallot
ชื่อวิทยาศาสตร์  Allium ascalonicum Linn.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Allium carneum Willd., Allium fissile Gray, Allium hierochuntinum Boiss., Porrum ascalonicum (L.) Rchb.
ตระกูล             Amaryllidaceae
บ้านเกิด หอมแดง เป็นพืชขนาดเล็กที่ปลูกไว้เพื่อบริโภคส่วนของหัวหรือบัลบ์ นิยมใช้สำหรับการทำครัว แล้วก็เป็นสมุนไพร ทั้งนี้หอมแดง มีถิ่นกำเนิดดั้งเดิมในทวีปเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ คาดคะเนว่าอยู่ในแถบประเทศทาจิกิสถานที่ อัฟกานิสถาน รวมทั้งอิหร่าน โดยเช้าใจกันว่าหอมแดงกลายพันธุ์ตามธรรมชาติมาจากหอมหัวใหญ่และก็มีการเลือกจำพวกเพื่อนำมาปลูกเป็นพืชอาหาร ในจีนและประเทศอินเดียและก็มีการกระจัดกระจายประเภทไปทั้งโลก ซึ่งได้มีการจดบันทึกไว้ ในช่วงคริสตวรรษที่ 12 ปัจจุบันการปลูกหอมแดงได้แพร่หลายไปทั่วทั้งโลก แต่ว่าก็ยังมีการบริโภคน้อยกว่าหอมหัวใหญ่อยู่  หอมแดง จัดเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยในประเทศไทยพบว่ามีการปลูกมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือรวมทั้งทางภาคเหนือ แม้กระนั้นหอมแดงที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหอมแดงคุณภาพดีก็ได้แก่หอมแดงจากจังหวัดศรีสะเกษ
ลักษณะทั่วไป
ใบ ใบแทงออกมาจากลำต้นหรือหัว มีลักษณะเป็นหลอดกลม ภายในกลวง มีสารสีนวลเป็นไขฉาบผิวใบ ใบมีลักษณะตั้งตรงสูงราว 15-50 เซนติเมตร แตกออกเป็นชั้นถี่ 5-8 ใบ ใบอ่อนสดของหอมแดงใช้สำหรับการบริโภค
ท่อนหัวหรือบัลบ์ หัวหรือบัลบ์เป็นส่วนของกาบใบที่เรียงซ้อนกันแน่นจากข้างในของหัวออกมา เป็นแหล่งสะสมของกิน แล้วก็น้ำ มีลักษณะเป็นกระเปาะ เรียกว่า Bulbs มีลำต้นภายใน มีลักษณะเป็นก้อนเล็กๆสีขาว ซึ่งเป็นที่เกิดของหัวหอม หัวหอมจะแตกใหม่ออกมาจากหัวเดิม โดยเฉลี่ย 2 - 20 หัวต่อกอ เส้นผ่านศูนย์กลางของหัวโดยประมาณ 1.5-3.5 เซนติเมตร
ต้น ต้นที่แลเห็นเหนือดินเป็นส่วนที่อยู่ต่อจากบัลบ์ จัดเป็นลำต้นเทียมที่เกิดขึ้นจากกาบใบเรียงอัดกันแน่น ต่อมาก็เลยเป็นส่วนของใบ
ราก รากหอมแดงเป็นระบบรากฝอยจำนวนไม่น้อย แตกหน่อออกมาจากข้างล่างของต้น มีลักษณะเป็นกระจุกรวมกันที่ก้นหัว แล้วก็แพร่ลงดินลึกในระดับตื้นราว 10-15 เซนติเมตรแล้วก็แผ่รอยต้นราว 5-10 ซม.
การขยายพันธุ์ หอมแดงสามารถขยายพันธุ์ได้ 2 วิธี คือ การใช้ส่วนหัวชนิด (sets) และการใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds) การใช้หัวพันธุ์ (sets) เป็นแนวทางของเกษตรกรที่นิยมปฏิบัติกันมานาน หัวหอมแดงที่จะปลูกจำเป็นต้องผ่านการพักตัวมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 เดือน จึงจะปลูกได้  การใช้เมล็ดพันธุ์ (seeds)  เป็นแนวทางที่ลดเงินลงทุนในการผลิตสำหรับการซื้อหัวจำพวกที่มีราคาแพง สำหรับวิธีการปลูกหอมแดงนั้นมีดังนี้
การเตรียมแปลงปลูก หอมแดงเป็นพืชที่มีระบบรากสั้น มีขอบเขตรากลึกราวๆ 10-15 ซม. เพราะฉะนั้น ในระดับความลึกนี้ หอมแดงก็เลยต้องการหน้าดินร่วนซุย รวมทั้งมีความชุ่มชื้นบ่อย มีการระบายน้ำ และอากาศดี ไม่ต้องการดินแน่น โดยยิ่งไปกว่านั้นระยะที่มีการแตกหัวใหม่ การเตรียมดินให้ร่วนซุยจะช่วยทำให้หอมแดงเจริญวัยได้ดี ด้วยการไถกระพรวนดินครั้งแรก ลึก 20 เซนติเมตร พร้อมกำจัดวัชพืช ผึ่งแดดทิ้งไว้ 7-15 วัน ต่อจากนั้น ไถพรวนดินให้ร่วนด้วยผานที่เล็กลง ลึก 20-30 เซนติเมตร รวมทั้งตากดินก่อนปลูก 3-7 วัน ก่อนไถพรวนครั้งที่ให้หว่านปุ๋ยมูลสัตว์ อัตรา 2-3 ตัน/ไร่ ร่วมกับปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 อัตรา 20-30 กิโลกรัม/ไร่ ในฤดูฝนแปลงปลูกหอมแดงต้องชูร่องกว้างราวๆ 1-1.2 เมตร ความยาวขึ้นกับพื้นที่สำหรับการเพาะปลูกเพื่อน้ำฝนระบายออกได้ ระยะห่างระหว่างแปลงจะเว้นไว้โดยประมาณ 30-50 ซม. เพื่อเป็นทางเดินสำหรับเพื่อการให้น้ำหรือกำจัดวัชพืช
ก่อนปลูก 1-3 วัน ควรให้น้ำในแปลงให้เปียกก่อน กรรมวิธีปลูก นำหัวจำพวกที่พักตัวดีแล้วหรือหัวจำพวกที่เก็บไว้นาน 2-4 เดือนภายหลังจากเก็บเกี่ยว มาตัดรากแห้งออก แยกหัวออกจากกันให้เป็นหัวลำพังๆแล้วฝังหัวลงไปในดินให้ปลายของหัวอยู่เสมอผิวดิน ระยะปลูกที่ 15 x 15 เซนติเมตร ปิดฟางหนาโดยประมาณ 1 ซม. เมื่อหอมแดงแตกออกได้ราวๆ 15 วัน ก็เลยหว่านปุ๋ยแอมโมเนียมซัลเฟต 21% อัตรา 10 กก./ไร่ แล้วให้น้ำเช้าตรู่เย็นหรือวันละครั้ง สุดแท้แต่สภาพความชื้นของผิวดิน  หอมแดงที่ปลูกจากหัวเก็บเกี่ยวเมื่ออายุราว 60 วัน หอมแดงที่สมควรในการเก็บเกี่ยวจะต้องแก่จัด มีใบแห้งตามธรรมชาติ โดยห้ามใช้สารกำจัดวัชพืชพ่นบังคับให้ใบแห้ง เพราะหัวหอมอาจบูดเน่าหายหรือแก่เก็บไว้บริโภคสั้น ก่อนที่จะมีการเก็บเกี่ยวโดยประมาณ 10-15 วัน จะต้องงดให้น้ำ และให้น้ำอีทีก่อนเก็บเกี่ยว 24 ชั่วโมง เพื่อให้หอมแดงถอนได้ง่าย การเก็บเกี่ยวจะใช้กระบวนการมือถอนหรือใช้จอบหรือเสียมขุดร่วมด้วย ข้างหลังการเก็บเกี่ยว หอมแดงจะเก็บได้ไม่เกิน 6 เดือน ภายหลังจากเก็บเกี่ยวบนแปลง ถ้าเกิน 6 เดือน หัวหอมแดงจะฝ่อไม่อาจจะรับประทานและไม่สามารถนำไปเพาะปลูกได้
                ดังนี้หอมแดงสามารถผสมข้ามชนิดได้ กับหอมหัวใหญ่ ลูกผสมที่เกิดขึ้นมีลักษณะรูปร่างจัดเข้าอยู่ในกรุ๊ปของหอมหัวใหญ่ (A.cepa)  ส่วนชนิดหอมแดงที่นิยมนำมาปลูกในประเทศไทยมีอยู่ 3  ชนิด ซึ่งลักษณะก็จะคล้ายกดกันมาก
ประเภทศรีสะเกษ เปลือกหัวนอกหนา มีสีม่วงแดง หัวมีลักษณะกลมป้อม มีกลิ่นแรง ให้รสหวาน ใบเขียวเข้มมรกต มีนวลจับนิดหน่อย
ประเภทบางช้าง มีลักษณะคล้ายกับประเภทศรีสะเกษ แต่สีเปลือกนอกจางกว่า หัวมีลักษณะกลมป้อม ใบสีเขียวเข้ม มีนวลจับน้อย เป็นชนิดที่ให้ผลผลิตต่อไร่สูงขึ้นมากยิ่งกว่าทุกพันธุ์
พันธุ์เชียงใหม่ มีเปลือกบาง สีส้มอ่อน หัวมีลักษณะกลมรี  กลิ่นไม่ฉุนราวกับพันธุ์อื่น ให้รสหวาน หัวจะแบ่งเป็นกลีบชัดแจ้ง ไม่มีเปลือก ใบสีเขียวมีนวลจับ
ส่วนประกอบทางเคมี   หัวหอมมีน้ำมันระเหยง่ายที่มีกำมะถัน diallyl disulphide เป็นส่วนประกอบร่วมกับสารอื่นๆอีกยกตัวอย่างเช่น Ethanol, Acetonc, methyl Ethyl, Methyl Disulfide, Methyl, Methyl Trisulfide, Methyl I-propyl Trisulfide, I-propyl Trisulfide, Ketone, I-propanol, 2 – propanol, Methanol, I-butanol, Hydrogen Sulfidc, I-propanethiol, I-propyl Disulfide , Thioalkanal-S-oxide, di-n- propyl Disulfide, n- propyl-allyl Disulfide,  Dithiocarbonate แล้วก็ Thiuram Sulfidc ,Linoleic , flavonoid Glycoside , pectin , alliin ส่วนสารที่กระตุ้นให้เกิดกลิ่นในหัวหอมมีอยู่ 3 ประเภท คือ dipropyl trisulfide, methylpropyl disulfide , methylpropyl disulfide และ methylpropyl trisulfide  ส่วนคุณค่าทางโภชนาการของหอมแดงนั้นมีดังนี้

คุณค่าทางโภชนาการของหอมแดงดิบต่อ 100 กรัม

  • หอมแดงพลังงาน 72 กิโลแคลอรี่
  • คาร์โบไฮเดรต 16.8 กรัม
  • น้ำตาล 7.87 กรัม
  • เส้นใย 3.2 กรัม
  • ไขมัน 0.1 กรัม
  • โปรตีน 2.5 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.06 มก.
  • วิตามินบี 2 0.02 มก.
  • วิตามินบี 3 0.2 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 5 0.29 มก.
  • วิตามินบี 6 0.345 มก.
  • วิตามินบี 9 34 ไมโครกรัม
  • วิตามินซี 8 มิลลิกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 37 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 1.2 มก.
  • ธาตุแมกนีเซียม 21 มิลลิกรัม
  • ธาตุแมงกานีส 0.292 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 60 มิลลิกรัม
  • ธาตุโพแทสเซียม 334 มิลลิกรัม
  • ธาตุสังกะสี 0.4 มิลลิกรัม


ผลดี/สรรพคุณ  สำหรับการใช้ประโยชน์จากหอมแดงนั้นส่วนมากกว่า 80% มักจะนิยมนำไปเข้าครัวทั้งอาหารคาว รวมทั้งอาหารหวาน รวมทั้งนำไปเป็นของเคียง ของอาหารต่างๆตัวอย่างเช่น ข้าวตรอก สเต๊ อื่นๆอีกมากมาย รวมทั้ง หัวหอม ใบและช่อดอกอ่อน รับประทานเป็นผักสดแล้วก็ปรุงเป็นของกิน หอมทั้งยังหัวแล้วก็ใบ ดอกเปรี้ยวรับประทานเป็นผักจิ้ม
ส่วนสำหรับเพื่อการใช้หัวหอมในด้านคุณประโยชน์รักษาโรคนั้นมีดังนี้ ตามคุณประโยชน์โบราณของไทยพูดว่า ใบมีรสเค็มหวาน เป็นมูก ใช้แก้หวัดแล้วก็เลือดกำเดาออก หัวหอมรสเผ็ดร้อน แก้ไข้มีเสลด ใช้ในจำนวนน้อย ดูแลผมให้งอกงาม ทำให้ผิวหนังสดชื่น แก้ไข้ เช็ดทาผิวหนังทำให้ร้อน ขับเสลด แก้โรคในปาก บำรุงธาตุ ใช้ข้างนอก
การศึกษาทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์คุ้มครองป้องกันตับและก็ไต       การศึกษาความสามารถสำหรับเพื่อการคุ้มครองปกป้องความทรุดโทรมของตับและก็ไตจากการติดเชื้อมาลาเรีย โดยจัดเตรียมสารสกัดหอมแดงอย่างหยาบด้วยน้ำ แล้วนำไปทดลองฤทธิ์ในหนูถีบจักร สายพันธุ์ ICR ที่ติดเชื้อโรคมาลาเรีย Plasmodium berghei  ANKA จำนวน 6x106เซลล์ ต่อตัวทดลอง โดยให้หนูทดลองได้รับสารสกัดทางหลอดของกินวันละครั้ง ตรงเวลา 4 วันต่อเนื่องกัน รวมทั้งกระทำการตรวจวัดค่าชี้ความเสื่อมโทรม ดังเช่นว่า ระดับเอนไซม์ตับ aspartate aminotransferase (AST), alanine aminotransferase (ALT) และตัวบ่งชี้หลักการทำงานของไต เช่น blood urea nitrogen (BUN) รวมทั้ง creatinine โดยใช้ชุดตรวจสำเร็จรูป ผลการทดสอบพบว่าความเข้มข้นสูงสุดของสารสกัดหอมแดงที่ไม่นำไปสู่ความเป็นพิษ คือ 3,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แล้วก็ตอนที่มีการติดโรคมาลาเรียนั้นจะพบความเสียหายของตับ รวมทั้งไตเกิดขึ้นในวันที่ 10 หลังจากติดเชื้อโดยมองได้จากระดับของ AST, ALT, BUN แล้วก็ creatinine ที่สูงที่สุด แต่สารสกัดหอมแดงที่ขนาด 3,000 มิลลิกรัมต่อกิโล สามารถปกป้องความทรุดโทรมของตับแล้วก็ไต จากการติดเชื้อไข้จับสั่นได้โดยดูจากตัวบ่งชี้ที่หรูหราปกติ จากผลวิจัยสามารถสรุปได้ว่าสารสกัดหอมแดงมีฤทธิ์ปกป้องความย่ำแย่ของตับแล้วก็ไตจากการต่อว่าดเชื้อไข้จับสั่นในตัวทดลองได้
ฤทธิ์ต้านทานอักเสบ       ทดสอบฤทธิ์ต้านทานการอักเสบของส่วนสกัดหัวหอมแดงในเอทานอลในหลอดทดลอง กระทำทดลองความมีชีวิตรอดของเซลล์ด้วยแนวทาง 3-4,5-dimethylthiazol-2-yl-2,5-dyphenyl tetra-zolium bromide (MTT) เรียนรู้ผลของส่วนสกัดต่อการแสดงออกของยีนที่เป็นสื่อกลางการอักเสบอย่างเช่น inducible nitric oxide synthase (iNOS), cyclooxygenase (COX)-2, COX-1, tumor necrosis factor (TNF)-α, interleukin (IL)-1β รวมทั้ง IL-6 ในเซลล์เพาะเลี้ยงมาวัวรฟาจ (RAW 264.7) ที่ได้รับการกระตุ้นด้วยสาร Lipopolysaccharide (LPS) โดยวัดปริมาณยีนที่แสดงออกด้วยแนวทาง reverse transcription polymerase chain reaction (RT-PCR) พินิจพิจารณาหาจำนวนฟีนอลรวม และก็ฟลาโวนอยด์รวม ของส่วนสกัดโดยใช้ปฏิกิริยาการเกิดสีกับสาร Folin-Ciocalteu และสารอลูมิเนียมคลอไรด์ ตามลำดับ ผลการค้นคว้าพบว่าที่ความเข้มข้น 62.5, 125 รวมทั้ง 250 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร ส่วนสกัดหอมแดงในเอทานอลไม่มีความเป็นพิษต่อเซลล์ และมีฤทธิ์ยับยั้งการแสดงออกของยีนที่เกี่ยวกับการอักเสบอาทิเช่น iNOS, TNF-α, IL-1β แล้วก็ IL-6 มากขึ้นตามความเข้มข้น ส่วนสกัดหอมแดงไม่เป็นผลต่อการแสดงออกของยีน COX-2 แต่ยับยั้งการแสดงออกของยีน COX-1 อย่างเป็นจริงเป็นจัง โดยมีปริมาณสารฟีนอลรวมคิดเป็น 15.964±0.122 สมมูลกับกรดแกลลิก/กรัม แล้วก็มีปริมาณสารฟลาโวนอยด์รวม 11.742 ±0.012 มิลลิกรัม สมมูลกับสารเคอร์สิทิน/กรัม
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา
ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ การทดลองสารสกัดบิวทานอลจากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น หรือความเข้มข้นอื่นๆกับ Bacillus subtilis M-45 (Rec-) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์ รวมทั้งเมื่อเปลี่ยนมาใช้สารสกัดเอทานอล (95%) จากหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น กับ B. subtilis H-17 (Rec+) ในจานเพาะเชื้อ พบว่าไม่มีฤทธิ์ด้วยเหมือนกัน นอกจากนั้นการทดสอบน้ำสกัดหรือน้ำต้มหอมสด ความเข้มข้น 0.5 มิลลิลิตร/แผ่น กับ B. subtilis M-45 (Rec-) และการทดลอง B. subtilis H-17 (Rec+) ด้วยน้ำสกัดหอมสด ก็พบว่าสารสกัดพวกนี้ไม่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ แต่ถ้าหากใช้ส่วนสกัดจาก chromatography (undiluted) หรือการใช้ oleoresin จากหอม (undiluted) มาทดลองกับ Salmonella typhimurium TA100 ในจานเพาะเชื้อ พบว่ามีฤทธิ์ แต่ว่าเมื่อนำมาทดลองกับ S. typhimurium TA98 กลับไม่มีฤทธิ์ ใช้สารสกัดเมทานอลทดสอบกับ S. typhimurium TA98 พบว่าสารสกัดนี้มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์แรง รวมทั้งเมื่อเล่าเรียนกลไกการเมตา-โบไลท์สารก่อกลายพันธุ์ของหอมในร่างกาย พบว่ากลูตาธัยโอน กลูคิวโรนายด์ ไดธัยโอธรีธอล สามารถลดฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมได้ แต่ว่าไวตามินซีไม่เป็นผลต่อฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของหอมแต่อย่างใด มีการทดสอบฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของเครื่องเทศที่ใช้เตรียมน้ำพริกแกง ใน S. typhimurium พบว่าสารสกัดจากหอมมีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ถึง 100% ซึ่งมีต้นเหตุที่เกิดจากสารสำคัญที่มีฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ซึ่งมีอยู่แล้วตามธรรมชาติในหอม เมื่อกระทำการแยกรวมทั้งวิเคราะห์สารสำคัญนั้นพบว่า เป็นสารประเภท ฟลาโวนอยด์ เคอร์สิว่ากล่าวน (quercetin) ขึ้นรถสำคัญที่แยกบริสุทธิ์ได้ 1 ตัว พบว่าหมายถึงquercetin-4-0-glycoside สารนี้เป็นสารก่อกลายพันธุ์ฤทธิ์อ่อน ฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์ของมันจะสูงมากขึ้นเมื่อถูกกระตุ้นด้วยเอนไซม์ภายในร่างกาย เมื่อสลายสารนี้ด้วยโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี b-glucuronidase ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เจอที่ลำไส้ใหญ่ พบว่าฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์จะรุนแรงเพิ่มขึ้น
พิษต่อเซลล์ ทดสอบสารสกัดเมทานอลจากรากหอมสด ความเข้มข้น 200 มคกรัม/มล. กับ macrophage cell line raw 264.7 พบว่าสารสกัดนี้ไม่มีพิษต่อเซลล์ดังที่กล่าวมาข้างต้น
ข้อแนะนำ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง

  • หนังสือเรียนยาไทยบอกว่า หัวหอม ไม่สมควรรับประทานมากเกินไป หรือกินเสมอๆ ด้วยเหตุว่าอาจก่อให้ประสาทเสีย ให้หลงๆลืมๆได้ง่าย ทำให้มีกลิ่นตัว ฟันเสีย เลือดน้อย รวมทั้งตาฝ้ามัวไม่แจ่มใส
  • สำหรับเพื่อการเลือกหอมแดงมาใช้ประโยชน์ควรที่จะทำการเลือกหอมแดงที่มีอายุเก็บเกี่ยวไม่เกิน 6 เดือน เพราะเหตุว่าหากเกิน 6 เดือนไปแล้ว จะได้หัวหอมที่ฝ่อ ไม่อาจจะใช้ประโยชน์ได้หรืออาจมีสารออกฤทธิ์ที่ไม่มีประสิทธิภาพ
  • น้ำมันหอมระเหยที่ได้จากหอมแดง มีรสเผ็ดร้อน ทำให้เคืองตา  แสบจมูก  รวมทั้งอาจทำให้ผิวหนังปวดแสบปวดร้อน
  • น้ำหอมแดงมีสารกำมะถันซึ่งทำให้แสบตา แสบจมูก และผิวหนังมีลักษณะอาการเคือง จึงไม่สมควรใช้ทาใกล้บริเวณผิวหนังที่บอบบาง
เอกสารอ้างอิง

  • วรวุฒิ สมศักดิ์, สุกัญญา ชาชิโย, สมเดช ศรีชัยรัตนกูล, ชัยรัตน์ อุทัยพิบูลย์. ฤทธิ์ของสารสกัดหอมแดงต่อความเสียหายของตับและไตจากการติดเชื้อมาลาเรีย Plasmodium berghei ในหนูทดลอง. การประชุมหาดใหญ่วิชาการระดับชาติ ครั้งที่ 6, วันที่ 26 มิถุนายน 2558 ณ มหาวิทยาลัยหาดใหญ่ จ.สงขลา.
  • จิรวัฒน์ เวชแพศน์.2526 การศึกษาระยะปลูกของหอมแดง.ปัญหาพิเศษปริญญาตรี ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,กรุงเทพฯ.
  • ภก.ชัยโย ชัยชาญทิพยุทธ.หอมเล็ก.คอลัมน์ สมุนไพรน่ารู้. นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่27.กรกฎาคม 2524 http://www.disthai.com/
  • หอม.ฐานข้อมูลพืชสมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
  • อาทิตย ศุขเกษม. การเปรียบเทียบผลผลิตของหอมแดงที่ปลูกด้วยหัวพันธุ์และเมล็ดพันธุ์.ปัญหาพิเศษปริญญาตรี.ภาควิชาพืชสวนคณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์วิทยาเขตกำแพงแสน.13 หน้า
  • Lorenz, O.A. and D.N. Maynard. 1980. Knott’s hand book for vegetable growers. John wily and Sons, Inc. New York. 390 p.
  • หอมแดง สรรพคุณและการปลูกหอมแดง.พืชเกษตรดอทคอม เว็บเพื่อพืชเกษตรไทย
  • พะยอม ตันดีวัฒน์.2530. เครื่องเทศ.119 หน้า.
  • หอมแดง.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • รัตนา พรหมพิชัย. (2542). หอมบั่ว. ใน สารานุกรมวัฒนธรรมไทยภาคเหนือ (เล่ม 14, หน้า 7530). กรุงเทพฯ: มูลนิธิสารานุกรมวัฒนธรรมไทย ธนาคารไทยพาณิชย์.
  • Werawattanachai N, Kaewamatawong R, Junlatat J, Sripanidkulchai B. Anti-Inflammatory potential of ethanolic bulb extract of Allium ascalonicum. Journal of Science & Technology, Ubon ratchathani University. 2015;17(2):63-68.
  • วิศิษย์ ว่องทิพยคงคา.2510. การเปรียบเทียบหาระยะปลูกที่เหมาะสม ของหอมต้นเพื่อเพิ่มผลผลิต ปัญหาพิเศษ ปริญญาตรี ภาควิชาพืชสวน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์,กรุงเทพฯ.

บันทึกการเข้า