รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: มะนาว มีสรรพคุณเเละประโยชน์ดีๆ อีกมากมายที่เรายังไม่รู้  (อ่าน 764 ครั้ง)

กาลครั้งหนึ่ง2560

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 120
    • ดูรายละเอียด


มะนาว
ชื่อสมุนไพร มะนาว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน ส้มมะนาว (ภาคกลาง),ส้มนาว (ภาคใต้) ,สีมานีปีห์ (มลายู) ,หมากฟ้า (ไทยใหญ่) , โกรยชะม้า (เขมร) , มะเน้าเลย์ , มะนอเกละ , ปะนอเกล (กะเหรี่ยงแม่ฮ่องสอน) , ปะโหน่โลภลยาน (กะเหรี่ยง จังหวัดกาญจนบุรี)
ชื่อสามัญ  Common lime, Lime , Sour lime
ชื่อวิทยาศาสตร์  Citrus aurantifolia (Christm. et Panz.) Swing.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Limonia aurantifolia Christm. & Panzer.
สกุล  Rutaceae
ถิ่นกำเนิด เช้าใจกันว่ามะนาวเป็นพืชท้องถิ่นในภูมิภาคเอเซียอาคเนย์เนื่องจากว่าผู้ที่อยู่ในภูมิภาคนี้ รู้จักการใช้คุณประโยชน์จากมะนาวกันอย่างดีเยี่ยมมาตั้งแต่อดีตแล้ว ซึ่งหนึ่งในซึ่งก็คือเมืองไทย แต่ว่ามีการศึกษาและทำการค้นพบอีกชิ้นหนึ่งที่มั่นใจว่ามะนาวมีต้นกำเนิดในประเทศอินเดียตอนเหนือ และก็เขตเชื่อมต่อกับประเทศพม่า รวมทั้งทางตอนเหนือของมาเลเซีย (แต่ว่าน่าแปลกที่ไม่เจอมะนาวในป่าของไทย) เดี๋ยวนี้มีการปลูกมะนาวทั่วไปในเขตร้อน และก็เขตอบอุ่นครึ่งหนึ่งร้อนทั่วทั้งโลกเนื่องจากว่ามะนาวสามารถขึ้นได้ในที่ดินมีความอุดมสมบูรณ์ของดินต่ำ รวมทั้งทนต่อดินเนื้อละเอียดได้ดีมากว่าส้ม
ลักษณะทั่วไป มะนาวเป็นไม้ผลยืนต้นขนาดเล็กมีลักษณะเป็นพุ่มมีความสูงเฉลี่ย 2-5 เมตร ลำต้นมีลักษณะโค้งงอไม่ค่อยแข็งแรง เปลือกของลำต้นมีสีน้ำตาลคละเคล้าเทา กิ่งอ่อนของมะนาวมีสีเขียวอ่อน เมื่อแก่ สีจะเข้มขึ้นจนถึงเป็นสีน้ำตาลส่วนกิ่งที่แก่มากมายจะเป็นสีเทา การออกของกิ่งไม้ไม่ค่อยเรียบร้อย บนลำต้นรวมทั้งแขนงจะมีหนาม หนามมีลักษณะแหลมมีหนามสั้นแล้วก็หนามยาวมีสีเขียวเข้มและก็สีเขียวอมเหลือง ส่วนรอบๆปลายหนามีสีน้ำตาล เมื่อแก่ขึ้นหนามจะแห้งตามไป
                ใบของมะนาวมีลักษณะเป็นใบคนเดียว เป็นมีแผ่นใบอันเดียว ใบมีขนาดเล็กกว้างประมาณ 3-6 เซนติเมตร ยาวประมาณ 6-12 ซม.รูปร่างเป็นแบบรีหรือทรงไข่ ฐานใบมีลักษณะกลม ปลายใบมีรูปแหลม ป้าน ขอบของใบเป็นคลื่น หรือเป็นหยักละเอียด ก้านใบสั้นและก็มีปีกใบแคบหรืออาจไม่มีปีกใบก็ได้ ดังนี้ขึ้นอยู่กับจำพวกมะนาว ใบอ่อนมีสีเขียวจางเกือบจะเป็นสีขาว ใบแก่มีสีเขียวเข้ม ผิวใบด้านบนละเอียดวาวส่วนผิวใบด้านล่างออกจะหยาบคายรวมทั้งมีสีจางกว่า เมื่อทำขยี้ใบจะมีกลิ่นฉุน
                ดอกมะนาวอาจเกิดเป็นดอกผู้เดียวหรือช่อก็ได้ มีทั้งที่เป็นดอกบริบูรณ์และไม่สมบูรณ์ ดอกจะออกรอบๆซอกใบและก็ปลายกิ่ง ดอกมะนาวมีขนาดเล็ก ดอกที่ตูมจะมีขนาดความยาว 1-2 เซนติเมตร กลีบเลี้ยงมีสีเขียวเป็นรูปถ้วยมี 4-6 หยัก ส่วนกลีบมีสีขาว และก็ด้านท้องกลีบดอกอาจมีสีม่วงอมแดงเจืออยู่ด้วย กลีบดอกไม้มีลักษณะเป็นรูปถ้วย มีจำนวน 4-5 อัน ปริมาณกลีบในแล้วก็กลีบนอกมีปริมาณเท่าๆกัน แต่ละกลีบมีขนาด 0.8-1.2 เซนติเมตร ดอกมะนาวมีเกสรตัวผู้เยอะแยะถึง 20-40 อัน เชื่อมติดกันเป็นกลุ่ม กรุ๊ปละ 4-8 อัน เกสรตัวเมียมีรังไข่รูปร่างเป็นทรงกระบอก ใน 1 ดอก จะมีรังไข่ราวๆ 9-12 อัน
                ผลมะนาวมีรูปร่างต่างๆนาๆตามชนิดของจำพวก มีทั้งยังรูปร่างยาวรี รูปไข่ และก็รูปร่างกลม ที่ตูดผลมีลักษณะเป็นจุกหรือปุ่มเล็กๆผลโดยธรรมดามีขนาดความยาว 3-12 ซม. เปลือกมักษณะตะปุ่มตะป่ำ และก็มีต่อมน้ำมันเปลือกผิว ผิวเปลือกเมื่อแหลม บรรจุอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื้อมะนาวมีสีเหลืองอ่อน มีรสเปรี้ยวแล้วก็มีกลิ่นหอมยวนใจเมล็ด ขนาดเล็กเหมือนรูปไข่ ด้านปลายหัวจะแหลม ด้านในเม็ดมีเนื้อเยื่อสีขาว
การขยายพันธุ์  มะนาวเป็นพืชซึ่งสามารถปลูกเจริญในดินเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น ดินเหนียว ดินทราย แม้กระนั้นถ้าเกิดต้องการจะปลูกมะนาว ให้เจริญงอกงามดี มี ผลเยอะ รวมทั้งคุณภาพดี ก็น่าจะปลูกไว้ในพื้นที่ที่เป็นดินร่วนซุย มีการระบาย น้ำดี มีอินทรียวัตถุผสม อยู่มาก และก็ควรที่จะทำการเลือกพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ
ส่วนการขยายพันธุ์มะนาวนั้นสามารถทำได้หลายแนวทาง ดังเช่น การทำหมันกิ่ง การทาบกิ่ง รวมทั้งการติดตา แต่วิธีที่เป็นที่นิยมสำหรับเพื่อการแพร่พันธุ์มะนาวมากที่สุดคือ การทำหมันกิ่ง โดยมีวิธีดังนี้

  • เลือกกิ่งที่ไม่แก่หรืออ่อนเหลือเกินและไม่เป็นโรคหรือมีแมลงกัดรับประทาน ยาวราวๆ 30-50 ซม. แล้วก็มีเส้นผ่าศูนย์กลางโดยประมาณ 0.5 ซม.ขึ้นไป
  • ตัดหนามและก็ใบในรอบๆที่จะควั่นกิ่งออกราว 5 เซนติเมตร
  • ควั่นกิ่งออกเป็น 2 รอยให้ลึกถึงแก่นไม้ห่างกัน 1-2 เซนติเมตร
  • ขูดเยื่อเจริญรุ่งเรืองออกให้หมด
  • ห่อด้วยขุยมะพร้าวที่มีความชุ่มชื้นหรือใช้ตุ้มตอนเสร็จ มัดเปาะหัวด้านหลังให้แน่น แล้วทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 30-45 วัน เมื่อรากออกมาแล้วใช้กรรไกรตัดกิ่งตัดเพื่อนำไปแช่น้ำจนอิ่มตัว
  • นำไปชำต่อในถุงดำขนาด 5x8 นิ้ว ที่ผสมดิน 1 ส่วน แกลบ 1 ส่วน และก็เมื่อกิ่งที่ชำเดินรากก้าวหน้าในถุงสีดำแล้วก็แข็งแรงแล้วจึงนำไปปลูกถัดไป
การเตรียมพื้นที่ปลูก

  • พื้นที่ลุ่ม เตรียมพื้นที่โดยทำคันนาให้มีความกว้างโดยประมาณ 6-8 เมตร ส่วนสูงให้พินิจจากปริมาณน้ำที่เคยท่วมสูงโดยให้อยู่สูงยิ่งกว่า แนวระดับน้ำท่วม 50 เซนติเมตร แทงร่องหรือซอยร่องทำคะแนนน้ำเพื่อ ระบายน้ำเข้าออก ขนาดร่องน้ำกว้าง 1.5 เมตร ลึก 1 เมตร พื้นที่ร่องกว้าง 0.5-0.7 เมตร ใช้ระยะปลูก 5X5 เมตร
  • พื้นที่ดอน ควรไถลูกพรวนเพื่อกำจัดวัชพืช แล้วก็ทำให้ดินร่วนซุย ใช้ระยะปลูก 4 x 4 – 6 x 6 เมตร ดังนี้ขึ้นอยู่กับความอุดมสมบูรณ์ของดิน
แนวทางการปลูก
ควรจะปลูกภายในตอนต้นหน้าฝน ควรจะขุดหลุมปลูก ให้มีขนาดกว้างรวมทั้งลึกประมาณ 50 เซนติเมตร ผสมดิน ปุ๋ยมูลสัตว์ และปุ๋ยร็อคฟอสเฟตเข้าด้วยกัน ในหลุมให้ สูงราว 2 ใน 3 ของหลุม ยกถุงกล้า ต้นไม้วางในหลุม โดยให้ระดับของดินในถุงสูงขึ้นมากยิ่งกว่า ระดับดินปากหลุมเล็กน้อย ใช้มีดที่คม กรีดถุง จากก้นถุงขึ้นมาถึงปากถุงทั้ง 2 ด้าน (ช้ายแล้วก็ขวา) ดึงถุงก๊อบแก๊บออก โดยระวังไม่ให้ดินแตก กลบดินที่เหลือลงในหลุม กดดินรอบๆโคนต้นให้แน่น ปักไม้หลักแล้วก็ผูกเชือกยึด เพื่อป้องกันลมพัดโยก หาวัสดุคลุมดินบริเวณโคนต้น ดังเช่น ฟางข้าว ต้นหญ้าแห้ง รดน้ำให้โชก ทำร่มเงา เพื่อช่วยอำพรางแดด
การกระทำรักษา การให้น้ำ ควรมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะ ในช่วง ที่ปลูกใหม่ๆควรจะให้น้ำวันละครั้งเป็นอย่างต่ำ (กรณีฝนไม่ตก) หลังจากปลูกราวๆ 15 วัน มะนาวสามารถตั้งตัวได้แล้ว ให้น้ำเดือนละ 2-3 ครั้ง รวมทั้งควรหา อุปกรณ์มาคลุมดินบริเวณโคนต้น เพื่อช่วยรักษาความชื้น                ควรจะเริ่มงดเว้นให้น้ำ ตั้งแต่ตอนมีนาคม เป็นต้นไป จนถึงตอนออกดอก เพื่อมะนาวสะสม อาหารให้สูงถึงระดับที่สามารถสร้างตาดอกได้ ธรรมดามะนาวจะมีดอก เมษายน-พ.ค. ภายหลังจากมะนาวมีดอก รวมทั้งกำลังติดผลอ่อน เป็นช่วงที่มะนาวอยากน้ำมาก เพื่อใช้เพื่อการเจริญวัย ของผล

     ส่วนประเภทมะนาวที่มีการปลูกกันมากมายในไทย เช่น

  • มะนาวไข่ ผลกลม หัวท้ายยาวเหมือนมะนาวหนัง เมื่อโตเต็มกำลังผลมีลักษณะกลมมน เปลือกบางผลโต กว่ามะนาวหนัง
  • มะนาวแป้น ผลใหญ่ ออกจะกลมแป้น เปลือกบาง มีน้ำมากมาย นิยมใช้บริโภคมากกว่าจำพวกอื่นๆเชิงการค้าจะปลูกมะนาวประเภทแป้นดกพิเศษ สามารถบังคับให้ออกหน้าแล้งได้ง่าย
  • มะนาวหนัง ผลอ่อนกลมยาวหัวท้ายแหลม เมื่อโตเต็มกำลังผลจะมีลักษณะกลมค่อนข้างจะยาว มีเปลือกหนา ทำให้เก็บรักษาผลประโยชน์นาน


ส่วนประกอบทางเคมี น้ำจากผลมีกรด citric acid, malic acid, ascorbic acid,  ผิวมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยที่มาจากการกลั่นผิวผล ปริมาณร้อยละ 0.3-0.4 มีสารต่างๆดังเช่นว่า  d-limonene (42-64%), alpha-berpineol (6.81%), bergamotene ผสมกับ terpinen-4-ol (3%),  alpha-pinene          citric acid       
(1.69%), geraniol (0.31%), linalool,  terpineol, camphene, bergapten (furanocoumarin)    ใบมะนาวเมื่อนำมาสกัดน้ำมันหอมระเหยโดยการ    camphene
ต้มกลั่น (hydrodistillation) ได้น้ำมันหอมระเหยจำนวนร้อยละ 0.27  ส่วนประกอบทางเคมีของน้ำมันมีสารต่างๆได้แก่  6-methyl-5-hepten-2-one (3.19), limonene (44.82), neral (4.95), geranial (7.66) , geranyl acetate (8.98), caryophyllene oxide (2.31) ส่วนข้อมูลทางโภชนาการของมะนาวมีดังนี้

  • พลังงาน 30 กิโลแคลอรี
  • คาร์โบไฮเดรต 10.5 กรัม
  • น้ำตาล 1.7 กรัม
  • เส้นใย 2.8 กรัม terpineol
  • ไขมัน 0.2 กรัม
  • โปรตีน 0.7 กรัม
  • วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.02 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 3 0.2 มก.
  • วิตามินบี 5 0.217 มก.
  • วิตามินบี 6 0.046 มก.
  • วิตามินบี 9 8 ไมโครกรัม
  • วิตามินซี 29.1 มิลลิกรัม
  • แคลเซียม 33 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 0.6 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 6 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 18 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 102 มิลลิกรัม
  • โซเดียม 2 มิลลิกรัม ที่มา : Wikipedia
ผลดี/สรรพคุณ
น้ำมะนาวมีคุณค่าสำหรับการเป็นสารให้ความเปรี้ยว ผิวมะนาวมีกลิ่นหอมสดชื่นจากน้ำมันหอมระเหย มะนาวเป็นเครื่องปรุงรสอาหารไทยที่ขาดเสียมิได้ เป็นส่วนประกอบรสเปรี้ยวหลักของน้ำพริก ส้มตำ ยำทุกประเภท ลาบแล้วก็ของกินไทยอีกอีกเพียบเลย ต่างชาติใช้มะนาวในของคาวหวาน ตัวอย่างเช่น ในพายมะนาวของเมืองฟลอริด้า อเมริกา
น้ำมะนาวเว้นแต่ใช้ปรุงรสเปรี้ยวในของกินหลาย ชนิดแล้ว ยังประยุกต์ใช้เป็นเครื่องดื่ม ผสมเกลือ และน้ำตาล เป็นน้ำมะนาว ซึ่งมีชื่อเสียงกันดีในประเทศไทย และต่างถิ่นทั้งโลก นอกนั้นเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมที่เป็นแอลกอฮอล์บางจำพวกยังนิยมฝานมะนาวเป็นชิ้นบางๆแทงไว้กับขอบแก้ว เพื่อใช้แต่งรส
โดยข้างในผลมะนาวมีน้ำมันหอมระเหยถึงปริมาณร้อยละ 7 น้ำมะนาวจึงมีคุณประโยชน์สำหรับใช้เป็นส่วนผสมน้ำยาที่ใช้สำหรับเพื่อการทำความสะอาด เครื่องหอม การบำบัดด้วยกลิ่น (aromatherapy) หรือน้ำยาล้างจาน
นอกจากนี้ยังมีการใช้ประโยชน์จากมะนาวด้านอื่นๆอีกตัวอย่างเช่น หุงข้าวให้ขาวและอร่อยขึ้น ด้วยการใช้น้ำมะนาวราวๆ 2-3 ช้อนนำไปซาวข้าว  ทอดไข่ให้ฟูรวมทั้งนุ่ม มะนาว 4-5 หยดจะช่วยได้  มะนาวช่วยลดกลิ่นคาวจากปลาเมื่อทำอาหารรวมทั้งทำให้ปลาอาจจะรูปไม่เละ เมื่อใช้มีดผ่าปลี มีดจะมีสีม่วงหมู่ ล้างออกลำบาก เอามานาวที่ผ่าแล้วมาถูตามใบมีด จะช่วยทำให้มีดสะอาดดังเดิม  การเชื่อมกล้วยหักมุกให้น่ากิน เมื่อน้ำตาลเดือดเป็นยางมะตูมแล้ว ให้บีบมะนาวครึ่งส่วนลงไป จะช่วยทำให้กล้วยใส น่ารับประทานมากเพิ่มขึ้น  มะนาว 2-3 ลูกใส่เอาไว้ข้างในถังข้าวสารช่วยป้องกันมอดได้  ส่วนการเปลี่ยนรูปมะนาว มะนาวแปรรูปได้ อย่างเช่น น้ำมะนาวทำกับข้าว มะนาวแช่อิ่มตากแห้ง น้ำมะนาวเข้มข้น มะนาว ผง เครื่องดื่มผสมน้ำมะนาว แยมมะนาว เยลลีมะนาว แยมเปลือกมะนาว แยมนะทุ่งนาวดอง มะนาวดองเค็ม มะนาวหวาน กิมจ้อมะนาว เปลือกของมะนาวสามรส เปลือกของมะนาวเส้นปรุงรส เปลือกมะนาวเชื่อม เปลือกของมะนาวแช่อิ่ม มาร์มาเลดมะนาว เป็นต้น
ส่วนสรรพคุณทางยานั้นระบุว่า ตำราเรียนยาไทยผิวมะนาวจัดอยู่ใน “เปลือกส้ม 8 ประการ” มี ผิวส้มเขียวหวาน ผิวส้มจีน ผิวส้มซ่า ผิวส้มโอ ผิวส้มตรังกานู ผิวมะงั่ว ผิวมะกรูด และผิวมะนาว (หรือผิวส้มโอมือ) มีคุณประโยชน์แก้ลมกองละเอียด กองหยาบคาย แก้เสลดโลหะ ใช้ปรุงยาหอม แก้ทางลม
           ยิ่งกว่านั้นบัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา ปรากฏการใช้ผิวมะนาว ในยารักษาอาการทางระบบไหลเวียนโลหิต (แก้ลม) ปรากฏตำรับ”ยาหอมเทวดาจิตร” มีส่วนประกอบของผิวมะนาว อยู่ใน ”เปลือกส้ม 8 ประการ” ร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์ในการแก้ลมเวียนหัว แก้อาการหน้ามืด ตาลาย ใจสั่น คลื่นเหียนอาเจียน อ้วก แก้ลมจุกแน่นในท้อง
                ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันระบุถึงสรรพคุณของมะนาวว่า สารดี-ลิโมนิน (d-limonin) เป็นสารที่นำมาซึ่งความขมในน้ำมะนาว น้ำมันผิวมะนาว (lime oil) พบได้มากรอบๆผิวเปลือกมะนาวมีสารดี-ลิโมนิน เป็นองค์ประกอบหลักเกินกว่าปริมาณร้อยละ 90 พบว่าน้ำมันผิวมะนาว มีคุณลักษณะป้องกันแล้วก็รักษามะเร็งหลายชนิด
ชาวต่างประเทศทั่วไปมักกินน้ำส้ม หรือน้ำจากผลพืชเครือญาติส้ม เช่น ส้มโอ หรือมะนาว ประกอบกับอาหารเช้า น้ำผลไม้กลุ่มนี้มีวิตามินซี และมีสารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ (flavonoid) ประกอบด้วยสารเฮสเพอริดิน (hesperidin) รูทิน (rutin) และก็ท้องนาริงจิน (naringin) แล้วก็ลิโมนิน เป็นฟลาโวนอยด์หลักของพืชเชื้อสายส้ม จากนี้จะเรียกสารกลุ่มนี้ว่าฟลาโวนอยด์ส้ม (citrus bioflavonoid)
สารกรุ๊ปฟลาโอ้อวดนอย์ส้มนี้มีรายงานทางด้านการแพทย์ตะวันตกว่าใช้สำหรับการรักษาไข้จับสั่น โรครูมาติสม์เรื้อรังรวมทั้งโรคเกาต์ ใช้สำหรับในการปกป้องโรคเลือดออกตามไรฟัน คุ้มครองป้องกันการตกเลือดข้างหลังคลอด แล้วก็ช่วยบรรเทาอาการระคายคอจากการติดเชื้อรวมทั้งโรคลักปิดลักเปิด ซึ่งโรคจากการได้รับวิตามินซีในของกินไม่เพียงพอ ซึ่งอาจก่อให้มีลักษณะของโรคเกิดขึ้นข้างใน 8-12 สัปดาห์ ผู้เจ็บป่วยมักมีอาการคล้ายไม่สบาย อ่อนเพลีย ง่วงซึม โลหิตจาง ปวดกล้ามเนื้อ เจ็บกระดูก มีแผลฟกช้ำดำเขียวหรือบวมง่าย มีจุดเลือดออกแดงๆตามผิวหนัง เกิดโรคทางปริทันต์ เป็นแผลแล้วหายยาก อารมณ์ปรวนแปร หรือมีสภาวะเหงาหงอย สำหรับประโยชน์ซึ่งมาจากน้ำมะนาวต่อโรคนี้ มีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยเมื่อนานมาแล้วที่ให้คนเจ็บโรคนี้รับประทานส้มกับมะนาวเหลือง พบว่าคนไข้สามารถฟื้นตัวได้อย่างสมบูรณ์และก็เร็ว เมื่อเทียบกับคนเจ็บอีกกรุ๊ปที่กินอาหารประเภทอื่น นอกเหนือจากนั้นในน้ำมะนาวยังมีกรด citric ซึ่งมีรสเปรี้ยว จะกระตุ้นให้มีการขับน้ำลายออกมาทำให้เปียกคอ จึงช่วยทุเลาอาการเจ็บคอได้
รูปแบบ/ขนาดการใช้
อาการไอ  ระคายคอจากเสลดใช้น้ำจากผลที่โตเต็มกำลัง  เพิ่มเกลือบางส่วน  จิบเสมอๆหรือ จะทำน้ำมะนาวเพิ่มเกลือและก็น้ำตาลเล็กน้อย           อาการท้องอืดท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด   ใช้เปลือกผลสด 1/2-1 ผล ฝานเป็นชิ้นเล็กๆบางๆชงด้วยน้ำเดือด ปิดฝาทิ้งไว้ 5-10 นาที ดื่มแต่ว่าน้ำขณะมีลักษณะอาการ หรือหลังรับประทานอาหาร 3 เวลาใช้มะนาว 1 ผล บีบเอาน้ำมะนาวมาชงกับน้ำร้อนดื่มหรือใช้มะนาวฝานบางๆจิ้มเกลือกินจะช่วยขับเสลดได้รุ่งเช้าหลังตื่นนอน ดื่มน้ำอุ่น 1 แก้ว บีบมะนาว 1/4 ผล (หรือใส่เกลือบางส่วน) จะช่วยบรรเทาอาการท้องผูก แล้วก็ช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกายน้ำมะนาวผสมผงกำมะถันใช้ทาก่อนนอน แก้อาการขี้กลาก โรคเกลื้อน หิดใช้น้ำมะนาวทาที่ตุ่มคัน ทิ้งเอาไว้ให้แห้ง ล้างน้ำสบู่แล้วขัดให้แห้ง แล้วก็ใช้แป้งทาตุ่มคัน แก้น้ำกัดเท้าในด้านความงดงาม ผลัดเซลล์ผิว ลดรอยด่างดำ ใช้น้ำมะนาว 1 ช้อนชา ผสมน้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ คนจะกว่าจะเข้ากัน ทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้สักประเดี๋ยว ล้างออกด้วยน้ำสะอาดแล้วซึมซับให้แห้ง ทำอาทิตย์ละครั้ง ผิวหน้าจะมองสดใส หรือใช้น้ำมะนาวผสมน้ำแช่อาบใช้สำหรับการแก้ไข้ทับเมนส์ ด้วยการเอาใบมะนาวประมาณ 100 ใบมาต้มกินช่วยแก้ลิ้นเป็นฝ้า ด้วยการใช้สำลีชุบน้ำมะนาวเช็ดถูที่ลิ้นวันละ 2-3 ครั้ง
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา การเล่าเรียนสัตว์ทดลองในหนู พบว่าเมื่อให้สารเฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์หลักจากเปลือกในพืชตระกูลส้มกับหนูไขมันสูง มีผลเพิ่มไขมันที่ดี (เอชดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดไขมันไม่ดี (แอลดีแอล-คอเลสเตอรอล) ลดปริมาณไขมันรวมรวมทั้งไตรกลีเซอไรด์ ในหนูดังที่กล่าวถึงแล้ว และก็ส่งผลลดระดับความดันเลือดรวมทั้งขับฉี่ในหนูความดันสูง การทดลองในห้องปฏิบัติในแคนท้องนาดาการพบว่า ฤทธิ์ดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วของฟลาโวนอยด์ส้มมีต้นเหตุจากผลการกระตุ้นแนวทางการทำงานของยีนรีเซปเตอร์ไขมันไม่ดี (แอลดีแอล) ในตับ ณ ตำแหน่งที่ควบคุมโดยสเตอคอยล (sterol regulatory element, SRE)
ในสหรัฐฯ งานค้นคว้าวิจัยในสัตว์ทดลองพบว่า ฟลาโวนอยด์ส้มสองกลุ่ม ดังเช่นว่ากรุ๊ปเฮสเพอริดิน แล้วก็กรุ๊ปโพลีมันข้นทอกซิเลตฟลาโวน (PMFs) มีฤทธิ์ลดคอเลสเตอรอลในพลาสม่าของสัตว์ทดสอบ ซึ่งเกื้อหนุนผลที่ได้รับจากงานวิจัยในหนูถีบจักรของแคนาดา
เมืองจีน การค้นคว้าวิจัยพบว่า ที่นาริงจิน และก็เฮสเพอริดินซึ่งเป็นฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์กระตุ้นแนวทางการทำงานของยีนอะดีโพเนกทิน (adiponectin) ซึ่งเป็นยีนสำคัญในเมตาบอลิซึมของเดกซ์โทรสแล้วก็ไขมันที่เกี่ยวกับการสร้างพลัคอุดตันของเส้นเลือดและก็ขั้นตอนการอักเสบ ผลการศึกษาเรียนรู้บอกว่าฟลาโวนอยด์ส้มอีกทั้ง 2 จำพวกแสดงผลต่อต้านการเกิดพลัคโดยกระตุ้น perovisome proliferator-activated receptor (PPAR) รวมทั้งยีนอะดีโพเนกทินในเซลล์ไขมันอะดีโพไซต์
นอกจากนี้ สารทั้งสองยังมีฤทธิ์เอสโทรเจนอย่างอ่อน ส่งผลต่อการสร้างไนตริกออกไซด์ในเซลล์ฝาผนังหลอดเลือดผ่านการกระตุ้นรีเซปเตอร์ของเอสโทรเจน จึงมีฤทธิ์ปกป้องการเกิดโรคเส้นโลหิตหัวใจ ส่งผลให้ช่วยเหลือการกินมะนาว แล้วก็ฟลาโวนอยด์ส้มเพื่อลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด ปกป้องโรคเส้นเลือดหัวใจ โดยเฉพาะในหญิงวัยทอง
งานศึกษาเรียนรู้วิจัยหนึ่งพบว่า น้ำมะนาวเข้มข้น (concentrated lime juice, CLJ) มีฤทธิ์กระตุ้นเซลล์โมโนปรมาณูในระบบภูมิต้านทาน และโปรตีนในน้ำมะนาวเข้มข้นมีฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเซลล์ของมะเร็ง การเรียนในห้องแลปในมลรัฐเท็กซัสและก็แคลิฟอเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกาพบว่า สารกรุ๊ปฟลาโวนอยด์ส้มมีฤทธิ์ต่อต้านออกซิเดชั่นพอสมควร แต่ต่ำลงมากยิ่งกว่าฟลาโวนอยด์ในพืชเชื้อสายขิง มีบทความทางการแพทย์บอกว่า ฟลาโวนอยด์ส้มยั้งการเจริญของเซลล์ของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ปอด ช่องปาก กระเพาะอาหาร รวมทั้งโรคมะเร็งเต้านมจากการทดลองในห้องทดลองแล้วก็ในสัตว์ทดสอบหลายอย่าง แม้กระนั้นยังไม่เจอผลวิจัยทางสถานพยาบาล
ส่วนฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของมะนาวที่เกี่ยวกับแก้เจ็บคอมีดังต่อไปนี้  ฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย มีการทำการศึกษาเรียนรู้ผลของทั้งยังน้ำมันหอมระเหยและก็สารสกัด พบว่า น้ำมันหอมระเหยมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus cereus และ E. coli สารสกัด 80% เอทานอลจากเปลือกผิว มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus รวมทั้ง Bacillus cereus สารสกัดจากเม็ดมีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli. Pseudomanas cichorii และก็ Salmonella typhimurium สารสกัดเอทานอลจากส่วนกิ่ง (branches) ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ไม่มีฤทธิ์ยั้งเชื้อ Staphylococcus aureus, Bacillus subtilis และ Streptococcus faecalis
การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา การทดสอบความเป็นพิษ  เมื่อให้น้ำสกัดจากใบมะนาวทางปาก หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังหนูเม้าส์ ด้วยขนาด 10 กรัม/โลน้ำหนักตัว (เท่ากันกับ 1,852 เท่าของขนาดที่ใช้ในคน) ไม่พบความแปลกอะไรก็ตามเมื่อป้อนสารสกัดรากมะนาวด้วยน้ำครั้งเดียวทางปาก ในขนาด 5 กรัม/โลน้ำหนักตัว ให้หนูแรทไม่พบว่าเป็นพิษอีกทั้งแบบกะทันหันแล้วก็กึ่งเรื้อรัง แม้กระนั้นพบว่าในหนูที่ได้รับสารสกัด 1.2 กรัม/กิโลน้ำหนักตัว/วัน  มีเอ็นไซม์ในตับมากขึ้นแต่ยังอยู่ในช่วงปกติ และไม่เจอความผิดปกติของอวัยวะภายใน  ส่วนสารสกัดจากเปลือกผิวมะนาวส่งผลยั้งฤทธิ์ก่อกลายพันธุ์  แล้วก็การทดสอบฤทธิ์ระคายเคืองโดยแนวทางการ Patch test พบว่าสารสกัดจากมะนาวให้ผล positive
ข้อแนะนำ/ข้อควรตรึกตรอง

  • การทาน้ำมันมะนาวลงบนผิวหนังโดยตรงบางทีอาจไม่ปลอดภัยในผู้ที่มีผิวหนังแพ้ง่าย ซึ่งสามารถนำมาซึ่งการทำให้ผิวหนังไวต่อแสงอาทิตย์อย่างยิ่ง โดยเฉพาะผู้ที่มีผิวค่อนข้างขาว ภายหลังจากการใช้น้ำมันมะนาวทาลงผิวหนังจึงควรทาครีมที่มีไว้กันแสงแดดและก็สวมใส่เสื้อผ้ามิดชิดเพื่อคุ้มครองก่อนออกไปพบเจอกับแสงแดด
  • รสเปรี้ยวของมะนาวอาจจะส่งผลให้กำเนิดท้องร่วงหรือท้องเสียได้ถ้ากินมากเกินความจำเป็น
  • หลังจากดื่มน้ำมะนาวแล้วไม่ควรแปรงฟันโดยทันทีด้วยเหตุว่าอาจก่อให้สารเคลือบฟันตามธรรมชาติหลุดได้
  • ถ้าดื่มหรือรับประทานมะนาวเป็นประจำและก็เป็นระยะเวลานานต่อเนื่องกันอาจก่อให้ฟันผุร่อนได้
  • คนที่มีภาวการณ์โลหิตจางไม่สมควรกินมะนาว เพราะรสเปรี้ยวจะไปกัดฟอกเลือดก่อให้เกิดอันตรายได้
  • ยาบางจำพวกที่จะถูกเปลี่ยนด้านในตับ โดยมะนาวอาจส่งให้ช่วงเวลาสำหรับเพื่อการเปลี่ยนรูปของยาพวกนี้น้อยลง การกินน้ำมะนาวขณะกินยาบางชนิดที่เปลี่ยนรูปในตับจึงอาจก่อให้ส่งผลข้างเคียงมากขึ้น อาทิเช่น ยาคีโตโคนาโซล (Ketoconazole) ไอทราโคนาโซล (Itraconazole) เฟกโซเฟนาดีน (Fexofenadine) ไตรอาโซแลม (Triazolam) ฉะนั้น ก่อนรับประทานมะนาวควรจะขอความเห็นหมอเกี่ยวกับยาที่ใช้อยู่ด้วย
เอกสารอ้างอิง

  • วิทย์ เที่ยงบูรณธรรม. 2536. พจนานุกรมสมุนไพรไทย. กรุงเทพ ฯ : พิมพ์ครั้งที่ 2, สำนักพิมพ์สุริยบรรณ.
  • รวี เสรฐภักดี.2553.คู่มือประกอบการฝึกอบรมโครงการปลูกมะนาวและการผลิตมะนาวนอกฤดู:การสร้างสวนไม้ผลยุคใหม่ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.นครปฐม
  • Sethpakdee, R. 1992. Citrus aurantifolia (Christm. & Panzer) Swingle . In: L.P.A. Oyen and Nguyen Xuan Dung (Editors): Plant Resourses of South-East Asia No 2. Edible fruits and nuts. Prosea Foundation, Bogor, Indonesia. pp. 126-128.
  • รศ.สุธาทิพ ภมรประวัติ.มะนาว ลดคลอเรสเตอรอลป้องกันโรคหลอดเลือด.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่354.คอลัมน์บทความพิเศษ.ตุลาคม.2551.
  • มะนาว.ฐานข้อมูลเครื่องยาคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีธิราภา แสนเสนา นพดล กิตติวราฤทธิ์ มาลิน จุลศิริ รุ่งระวี เติมศิริฤกษ์กุล. ฤทธิ์ต้านเชื้อและฤทธิ์ต้านการก่อกลายพันธุ์ของสารสกัดจากผิวผลพืชตระกูลส้ม. โครงการพิเศษ คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, 2536.
  • มะนาว.สมุนไพรที่ใช้ในงานสาธารณสุขมูลฐาน.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/
  • อรรถศิษฐ์  วงศ์มณีโรจน์.2553.คู่มือประกอบการฝึกอบรมโครงการปลูกมะนาวและการผลิตมะนาวนอกฤดู ดินและปุ๋ยสำหรับการปลูกมะนาวมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน.นครปฐม.ไม้ผลเศรษฐกิจ.ฉบับที่102(251)/2552.วารสารเมืองไม้ผล.เทคนิคการปลูกมะนาวพันธุ์แป้นเกษตรดกพิเศษให้ออกในช่วงฤดูแล้ง.88-93 น.
  • Prabuseenivasan, S. et al. 2006. Invitro antibacterial activity of some plant essential oils. BMC Complement Altern Med 30(6):39
  • ประโยชน์ของมะนาวต่อการรักษาโรคได้ผลชัวร์หรือไม่.พบแพทย์ดอทคอม
  • อาจินต์ ปัญจพรรค์. ขุดทองในบ้าน. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์อนงค์ศิลป์การพิมพ์, 2524.
  • Ross SA, El-Keltawi NE, Megalla SE. Antimicrobial
บันทึกการเข้า