รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: ฝรั่งนั้นมีข้อดียังไง เเละสามารถนำมาทำอะไรได้บ้าง  (อ่าน 492 ครั้ง)

gggggg020202

  • Newbie
  • *
  • กระทู้: 14
    • ดูรายละเอียด


ฝรั่ง
ชื่อสมุนไพร  ฝรั่ง
ชื่ออื่นๆ/ ชื่อแคว้น มะก้วย  มะก้วยกา มะกา (จังหวัดเชียงใหม่) , มะปั่น (จังหวัดลำปาง) , บักสีดา (อีสาน) , สีดา (จังหวัดนครพนม) จุ่มโป่ (สุราษฎร์) , ชมพู่ (ปัตตานี) , ยามู ,คุณย่าหมู (ภาคใต้) ยะมูบุเตบันยา (ทุ่งนาราธิวาส , มลายู) , ยะริง (ละว้า) , ฮวงเจี๊ยะหลิ่วกังซิวก้วยแปะจีฉิ่ว (จีน)
ชื่อสามัญ  Guava
ชื่อวิทยาศาสตร์  Psidium guajava Linn
ตระกูล  MYRTACEAE
บ้านเกิดเมืองนอน ฝรั่งเป็นผลไม้ที่มีถิ่นกำเนิดหรือเป็นพืชพื้นบ้านของเมริกาเขตร้อน De Candolle มั่นใจว่าอยู่ระหว่างประเทศเม็กซิโก รวมทั้งเปรู รวมถึงหมู่เกาะอินดีสตะวันตกด้วยชาวสเปนนำจากฝั่งแปซิฟิคไปยังประเทศฟิลิปปินส์ รวมทั้งประเทศโปรตุเกสนำจากฝั่งตะวันตกไปยังประเทศอินเดีย สำหรับในประเทศไทยนั้น คาดว่ามีการนำเข้ามาในประเทศไทยในตอนยุคของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปัจจุบันนี้เป็นพืชมีขึ้นทั่วไปในเขตร้อนและก็ครึ่งร้อน ปลูกเป็นไม้ผลตามบ้าน ตามสวนทั่วๆไป
ลักษณะทั่วไป ฝรั่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กสูง 5-10 เมตร ลำต้นกิ่งก้านมีแก่นไม้เหนียวแข็งดี เปลือกต้นเรียบมีเหลืองอ่อนออกเทา และมีรอยลอกออกเป็นแผ่นๆก้านอ่อนมีลักษณะสี่เหลี่ยม มีขนสีขาวๆสั้น ก้านแก่ ขนร่วงไปหมด ยอดอ่อนมีขนสีขาวสั้นๆปกคลุม ใบเป็นใบโดดเดี่ยวออกตรงกันข้ามกันมีน้อยที่ออกเป็นวง (ที่ข้อเดียวกันออกเกินกว่า 2 ใบ) ใบรูปไข่ยาว 5-12 ซ.มัธยม หรือกว้าง 3-5 ซ.ม. ขยี้ใบสูดดมดูจะมีกลิ่นหอม ใบบางเหมือนแผ่นหนัง ปลายใบมนหรือแหลมสั้น ฐานใบค่อยๆขยายแหลมออกมายังกึ่งกลางใบ ขอบใบเรียบหลังใบมีสีเขียวแก่ มีรอยเส้นใบ (บุ๋มลงไปบางส่วน) ท้องใบมีขนสั้นๆสีขาวนุ่ม แล้วก็มีเส้นใบเป็นรอยนูนออกมา มีเส้นใบ 7-11 คู่ ก้านใบยาว 4 เซนติเมตร ดอกบางทีอาจออกเป็นช่อ 1-4 ดอก มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ สีเขียวกลมมน กลีบสาวบางๆหลุดตกง่าย ยาว 2-2.5 ซ.มัธยม มีเกสรตัวผู้มาก มีก้านเกสรตัวผู้สีขาวยาวเท่ากับกลีบ มีอับเรณูสีเหลืองอ่อน มีก้านเกสรตัวเมีย 1 อันยาวพุ่งขึ้นมาสูงกว่าก้านเกสรตัวผู้ รังไข่อยู่ด้านล่างมี 5 ห้องแล้วก็ลักษณะทรงกลม และก็มีกลีบเลี้ยงเหลือติดอยู่กับปลายผล ผลทรงกลม  มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวประมาณ 3-15 ซ.ม. เนื้อผลส่วนใหญ่มีสีเหลือง ขาว หรือชมพู มีกลิ่นหอมยวนใจ เม็ดแข็ง เป็นรูปไตมีจำนวนมาก ขนาดเม็ด 0.3-0.5 ซม. สีขาวอ่อน พบบ่อยปลูกตามบ้านหรือสวนทั่วไปเอาผลไว้กินหรือขาย
การขยายพันธุ์    สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในทุกภาวะดิน แล้วก็ทนต่อความแล้ง แล้วก็น้ำขังได้เล็กน้อย แม้กระนั้นโดยธรรมดามักถูกใจเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในดินร่วนซุยปนทราย ที่มีภาวะพื้นที่มีการระบายน้ำดี สามารถให้ผลผลิตได้โดยประมาณ 1 ปีข้างหลังปลูก ผลสามารถเก็บได้ในช่วง 4-5 เดือน หลังติดดอก  โดยปกติจะให้ผลได้ในช่วงปลายหน้าแล้งถึงต้นฤดูฝนเป็นช่วงมี.ค.-เดือนมิถุนายน
                สำหรับในการเพาะพันธุ์ฝรั่งสามารถทำเป็นหลายแนวทาง ตัวอย่างเช่น การปลูกด้วยเมล็ด การทาบกิ่ง การติดตา การปักชำ แต่ว่าแนวทางที่นิยมสูงที่สุดหมายถึงการทำหมันกิ่ง
การเตรียมดิน แล้วก็การเตรียมแปลง สำหรับในการปลูกฝรั่งนั้น สามารถทำเป็น 2 แบบอย่างตามภาวะพื้นที่ คือ

  • พื้นที่ดินเหนียว น้ำหลากขังง่าย และก็มีระบบน้ำมากเกินเพียงพอ ให้ทำการขุดร่องลุกราวๆ 1 เมตร กว้าง 1-2 เมตร เพื่อเป็นแถวร่องสำหรับการให้น้ำ การเตรียมแปลง และก็การปลูกลงในลักษณะนี้พบได้ทั่วไปในพื้นที่ลุ่มภาคกลางเป็นส่วนใหญ่
  • พื้นที่ทั่วไปที่มีระบบน้ำไม่เพียงพอ สามารถปลูกภายในแปลงโดยไม่ชูร่องหรือการชูร่องสูงโดยประมาณ 30 ซม. ระยะห่างระหว่างร่องประมาณ 3-4 เมตร ดังนี้ ให้ทำไถดะ 1 ครั้ง เพื่อตากดิน และกำจัดวัชพืช และไถแปร 1 ครั้ง โดยเว้นช่วงห่างราวๆ 1-2 อาทิตย์ หลังจากนั้นกระทำไถชูร่อง
ส่วนวิธีการปลูกฝรั่ง มีดังนี้

  • ใช้กิ่งชนิดจากการทำหมันหรือการปักชำ
  • ขุดหลุมปลูก กว้าง ลึก ขนาด 50×50 ซม. แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 3 เมตร ระยะห่างระหว่างแถวราว 3-4 เมตร หรือตามขนาดระยะห่างของร่อง
  • รองพื้นด้วยปุ๋ยหมักหรือมูลสัตว์ราวๆ 0.5 กิโลกรัม/หลุม หรือขนาด 1 พลั่วตัก พร้อมคลุกดินผสมตูดหลุมให้สูงราวๆ 1 ฝ่ามือ ดังนี้อาจผสมปุ๋ยเคมีสูตร 16-16-8 ในอัตรา 1 กำมือ/หลุมก็ได้
  • นำกิ่งประเภท จากการตอนหรือการปักชำลงหลุมปลูก โดยกลบดินสูงเหนือปากหลุมน้อย ดังนี้ควรจะให้ดินกลบเหนือเขตรากสูงประมาณ 10-15 เซนติเมตร
  • ใช้หลักไม้ปักหลุม และก็ผูกเชือกยึดลำต้น
  • เมื่อปลูกเสร็จควรจะให้น้ำให้เปียกทันที


การให้น้ำ เริ่มให้น้ำหนแรกหลังการปลูกเสร็จให้เปียกชุ่ม ต่อไป ให้น้ำทุก 2 ครั้ง/วัน รุ่งเช้า-เย็น กระทั่งต้นฝรั่งตั้งตัวได้ โดยบางทีอาจเลือกใช้ระบบการให้น้ำที่มีคุณภาพ หลังจากนั้นบางทีอาจทำให้น้ำน้อยลง ขึ้นกับภาวะลมฟ้าอากาศ และความชุ่มชื้นของดิน ซึ่งไม่สมควรปลดปล่อยให้ดินแห้ง ขาดน้ำ โดยยิ่งไปกว่านั้นในช่วงติดผล แต่ว่าในตอนติดดอกไม่ควรให้น้ำมากซึ่งในช่วงนี้เพียงแค่ระวังไม่หน้าดินแห้งก็ เพียงพอ
                โดยสายพันธุ์ของฝรั่งยอดนิยมในปัจจุบัน ได้แก่ พันธุ์ แป้นสีทองคำ , พันธุ์กิมจู , พันธุ์กลมสาลี่ , พันธุ์ไม่มีเม็ด , พันธุ์เวียดนาม ฯลฯ
องค์ประกอบทางเคมี
quercetin, quercetin-3-arabinoside , quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin),                                    quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin),                             quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) และก็ quercetin 3-O gentiobioside , Tannin ในผิวฝรั่งเมื่อเอามาสกัดน้ำมันระเหย พบสารต่างๆอย่างเช่น 1,8-cineole  ,   a-copaene,  trans-caryophyllene  , humulene  ,  a-amorphene ,    nerolidol   , caryophyllene oxide ,  epigiobulol, longitorenedehyde , aromaden dendrene , helifdenolC ฯลฯ  แล้วก็สำหรับค่าทางโภชนาการของฝรั่งต่อ (165 กรัม) เป็น

  • พลังงาน 112 กิโลแคลอรี
  • เส้นใยอาหาร 8.9 กรัม
  • โปรตีน 4.2 กรัม
  • ไขมัน 1.6 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 23.6 กรัม
  • วิตามินเอ 1030 IU
  • วิตามินซี 377 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 1 0.1 มิลลิกรัม
  • วิตามินบี 2 0.1 มก.
  • วิตามินบี 3 1.8 มก.
  • กรดโฟลิก 81 ไมโครกรัม
  • ธาตุแคลเซียม 30 มก.
  • ธาตุฟอสฟอรัส 66 มิลลิกรัม
  • ธาตุเหล็ก 0.4 มก.
  • ธาตุโพแทสเซียม 688 มก.
  • ธาตุทองแดง 0.4 มิลลิกรัม ที่มา : Wikipedia


ประโยชน์/สรรพคุณ ฝรั่งคือผลไม้เพื่อสุขภาพที่เหมาะสำหรับคนที่อยากลดความอ้วน ลดหุ่น หรือผู้ที่กำลังควบคุมน้ำหนัก เพราะเหตุว่าฝรั่งอุดมไปด้วยกากใยอาหาร เมื่อกินแล้วจะก่อให้อิ่มนาน ช่วยกำจัดท้องร้อง ช่วยรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ ช่วยทำให้ปรับระดับการใช้อินซูลินของร่างกายให้สมควร และยังช่วยล้างพิษโดยรวมได้อีกด้วย จึงมีผลทำให้ผิวพรรณมองเปล่งปลั่งสดใส โดยฝรั่งจัดเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทุกประเภท รวมทั้งยังมีวิตามินซีสูงกเงินว่าส้มถึง 5 เท่า และก็ยังนิยมนำฝรั่งไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเช่น ฝรั่งดอง ฝรั่งแช่บ๊วย พายฝรั่ง แล้วก็ขนมอีกหลายประเภท รวมถึงประยุกต์ใช้ทำเป็นยาแคปซูลแก้ท้องร่วงจากใบฝรั่ง ผลิตโดยองค์การเภสัชกรรม ซึ่งบรรจุแคปซูลละ 250 มิลลิกรัม
                นอกเหนือจากนี้น้ำมันหอมระเหยในใบฝรั่งยังมีการเอาไปใช้ในอุตสาหกรรมอาหาร อาทิเช่น หมากฝรั่ง ทอฟฟี่ รวมถึงนำมาผสมหรือแต่งกลิ่นในน้ำยาบ้วนปากได้อีกด้วย ส่วนสรรพคุณทางยาของฝรั่งนั้นมีดังนี้ ตำรายาไทยกล่าวว่า เปลือกต้น, ราก รสฝาด อ่อนโยน ใช้แก้แผลเป็นพิษ แก้ปวดฟัน โรคลักปิดลักเปิด แก้อาการเลือดกำเดา แก้น้ำเหลืองเสีย แผลพุพอง ใบรสฝาดเปียก อ่อนโยนไม่มีพิษ ใช้เป็นยาฝาดสมาน แก้ท้องร่วง บิดเรื้อรัง ลมพิษ ผื่นคัน รอยแผลที่มีเลือดออก ผลที่ยังไม่สุก รสเปรี้ยว ฝาดสุขุม ใช้แก้ท้องเสีย บิด ดับกลิ่นปาก แก้ปวดฟัน ผลหมูสหวานหอมใช้เป็นยาระบาย แก้อาการท้องผูก ใช้ห้ามเลือดต่อต้านการอักเสบ ลดน้ำตาลในเลือด โดยใช้เปลือกแห้งหนัก 10 กรัม ต้มน้ำกิน ใบแห้งหนัก 3-5 กรัม ถ้าเป็นใบสดใช้หนัก 15-30กรัม ต้มน้ำกิน ถ้าหากใช้ด้านนอกต้มเอาน้ำล้างหรือตำพอก ผลที่ยังไม่สุก แห้งหนัก 6-10 กรัม ต้มน้ำดื่ม
ต้นแบบ/ขนาดวิธีใช้

  • แก้ลำไส้อักเสบ บิด ใช้ใบสด 30-60 กรัม ต้มน้ำกิน
  • แก้กระเพาะไส้อักเสบกะทันหันและท้องเดิน ที่เกิดขึ้นมาจากการสรุปยไม่ดี ใช้ใบแห้งหนัก 10-15 กรัม ต้มน้ำดื่ม
  • แก้บาดแผลเกิดขึ้นจากการหกล้มหรือกระทบกระแทกหรือบาดแผลมีเลือดออก ใช้ใบสดตำพอกแผลภายนอก
  • แก้ปวดฟัน ใช้เปลือกรากผสมน้ำส้มสายชูต้มเอามาอมแก้ปวดฟัน
  • แก้เด็กเป็นแผลเล็กแผลน้อยเรื้อรัง ใช้เปลือก ราก ต้มร่วมกับขนไก่ เอามาชำระล้างรอยแผล
  • แก้ผิวหนังเป็นผื่นผื่นคัน ใช้เปลือกต้นสดและก็ใบต้นเอาน้ำล้างบริเวณที่เป็น
  • แก้ท้องเดิน ใช้ใบหรือผลดิบ ต้มกินต่างชา (ใบแห้ง 5 กรัม ใส่น้ำ 100 มิลลิลิตร)
  • ใช้สวนล้างช่องคลอดข้างหลังคลอด ใช้น้ำต้มจากใบสดอุ่นๆสวนล้าง
  • ใช้สำหรับการขจัดกลิ่นปาก ด้วยการนำใบสด 3-5 ใบมาบดแล้วคายกากทิ้ง
  • ช่วยรักษาอาการเสียงแห้ง แก้คออักเสบโดยการใช้ผลที่ตากแห้งต้มน้ำดื่ม
  • ยอดอ่อนๆปิ้งไฟให้เหลืองกรอบ ชงน้ำดื่มแก้ท้องเดิน บิด ใบสดบดอมดับกลิ่นบุหรี่ สุรา และกลิ่นปากได้ดิบได้ดี
การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยา
ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้ แก้ท้องร่วง             จากการศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยฤทธิ์ทางยาของฝรั่งพบว่าการให้ยาเม็ดแคปซูลใบฝรั่งครั้งละ 500 มก. ทุก 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วัน กับผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคอุจจาระตก 122 คน สามารถลดปริมาณครั้งของการขี้ ช่วงเวลาที่อุจจาระ รวมทั้งจำนวนน้ำเกลือที่ให้ชดเชยได้  การให้ยาเม็ดแคปซูลฝรั่งขนาด 500 มิลลิกรัม (ที่มีสารฟลาโวนอยด์ 1 มก./แคปซูล 500 มก.)  ทุก 8 ชั่วโมง เป็นเวลา 3 วันในผู้ป่วยที่มีลักษณะท้องร่วง เจ็บท้อง จำนวน 50 คน จะสามารถลดการบีบตัวของลำไส้และก็ลดระยะเวลาปวดท้องได้   การให้ยาต้มของฝรั่งในคนไข้เด็กที่เป็นโรคไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) 62 คน ทำให้อาการภายใน 3 วัน ช่วงเวลาท้องเดินสั้นลง และไม่พบเชื้อ Rota virus ในอุจจาระมากกว่าเมื่อเทียบกับกรุ๊ปควบคุม
                 สารสกัดใบฝรั่งด้วยคลอโรฟอร์ม เฮกเซน เมทานอล แล้วก็น้ำ สามารถลดการเคลื่อนไหว รวมทั้งการหดเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภารวมทั้งหนูแรทที่ถูกรั้งนำให้มีการเคลื่อนไหวเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วยอะเซทิลโคลีน  สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 สามารถยับยั้งการหดตัวของลำไส้เล็กส่วนปลายของหนูเม้าส์ที่ถูกเหนี่ยวนำให้หดตัวด้วยกระแสไฟฟ้า อะเซทิลโคลีน และก็แบเรียมคลอไรด์ได้อย่างสมบูรณ์ แล้วก็สามารถยั้งอาการท้องร่วงในหนูเม้าส์ที่ถูกชักพาให้กำเนิดอาการท้องเดินด้วยน้ำมันละหุ่ง โดยฝรั่งจะไปเพิ่มการดูดซึมน้ำในลำไส้แล้วก็ลดการบีบตัวของไส้   สารสกัดด้วยน้ำของใบฝรั่งสดสามารถยับยั้งอาการท้องร่วงได้ โดยลดปริมาณครั้งของการอุจจาระในหนูซึ่งถูกรั้งนำให้กำเนิดอาการท้องเสียด้วยยา microlax ได้
                 ส่วนสกัดของสารกลุ่ม polyphenolic, saponin และ alkaloid จากใบฝรั่ง สามารถยั้งการยุบเกร็งของลำไส้เล็กของหนูตะเภาที่รั้งนำให้หดเกร็งด้วยอะเซทิลโคลีนแล้วก็โปแตสเซียมคลอไรด์ได้   สาร quercetin และ quercetin-3-arabinoside จากใบฝรั่ง สามารถต้านทานการยุบตัวของลำไส้เล็กที่ถูกเหนี่ยวนำด้วยอะเซทิลโคลีน ทำให้ลำไส้มีการเคลื่อนลดน้อยลง  ยิ่งกว่านั้นสาร quercetin ในใบฝรั่งยังสามารถยั้งการหดเกร็งของลำไส้เล็กในหนูแรทและก็หนูตะเภาซึ่งรั้งนำให้เกิดอาการหดเกร็งด้วยสารละลายโปตัสเซียม  อะเซทิลโคลีน แบเรียมคลอไรด์ ฮีสตามีน แล้วก็ซีโรโทนินได้ และก็สามารถลดความสามารถในการซึมผ่านของๆเหลวของเส้นเลือดฝอยบริเวณท้องซึ่งมีผลช่วยรักษาอาการท้องร่วง  สาร quercetin 3-O-b-L-arabinoside (guajavarin), quercetin 3-O-b-D-glucoside (isoquercetin), quercetin 3-O-b-D-galactoside (hyperin), quercetin 3-O-b-L-rhamnoside (quercitrin) และก็ quercetin 3-O-gentiobioside จากใบฝรั่ง สามารถลดการยุบเกร็งของลำไส้เล็กหนูเม้าส์ได้   สาร asiatic acid จากใบฝรั่งส่งผลทำให้กล้ามเนื้อของลำไส้เล็กส่วนปลายของกระต่ายคลายตัว  สารสกัดผลฝรั่งดิบด้วยเมทานอลมีฤทธิ์ต้านการหลั่งอะเซทิลโคลีนในลำไส้เล็กของหนูแรทแล้วก็หนูตะเภาได้ แต่ว่ามีฤทธิ์น้อยกว่าอะโทรป่ายปีน โดยฝรั่งมีผลทำให้ไส้มีการเคลื่อนลดลง ทำให้รักษาอาการท้องเดินได้    สารสกัดฝรั่ง (ไม่เจาะจงส่วน) สามารถลดการบีบตัวของลำไส้เล็กของหนูแรทได้
ฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียมีการเรียนรู้การต้านเชื้อแบคทีเรียหลายรายงาน ยกตัวอย่างเช่น สารสกัดเอทานอลของฝรั่ง สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Escherichia coli, Salmonella enteritidis, Shigella flexneri ได้  สารสกัดน้ำ ความเข้มข้น 10-5 มคล./มล. ทดลองในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ  พบว่าสามารถยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Shigella dysenteriae ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคบิดได้ สารสกัดเปลือกต้น
ด้วย 70% เอทานอล  ความเข้มข้น 250 มิลลิกรัม/มล. ทดสอบในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคอุจจาระตกเป็นStaphylococcus aureus, Vibrio cholerae และก็ V. parahaemolyticus แต่ไม่มีผลต่อเชื้อ E. coli, Shigella  flexneri, Salmonella typhimurium สารสกัดราก กิ่ง และใบฝรั่งด้วย 50% เอทิลอัลกอฮอล์  ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ  พบว่าสามารถยับยั้งเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. dysenteriae, Sh. flexneri, S. typhimurium ที่เป็นต้นเหตุก่อให้เกิดโรคติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella enteritidis สารสกัดกิ่งฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ อัตราส่วน 1:1 ความเข้มข้น 50 มคล. สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae, Sh. flexneri (ซึ่งส่งผลให้เกิดโรคบิด) E. coli (แบคทีเรียในลำไส้) S. typhimurium (กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดโรคไทฟอยด์) แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ S. enteritidis สารสกัดทิงเจอร์ของฝรั่ง สามารถยั้งเชื้อแบคทีเรีย V. chlorea ที่เป็นสาเหตุของอหิวาต์ ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้แต่ว่าเห็นผลปานกลาง  น้ำมันหอมระเหยของใบฝรั่ง สามารถยั้งเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus แม้กระนั้นไม่มีผลต่อเชื้อ Bacillus subtilis, E. coli, S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้  สารสกัดใบฝรั่งด้วยปิโตรเลียมอีเทอร์ ความเข้มข้น 1,000 มคก./มิลลิลิตร สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Enterococcus faecalis ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium, S. aureus สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำ ความเข้มข้น 20 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร พบว่าสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย S. dysenteriae 1 (ทำให้มีการเกิดโรคบิด) และก็ V. chlorea (กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอหิวาตกโรค) ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งขนาดความเข้มข้นต่ำสุดที่ยั้งได้ (MIC) มีค่าพอๆกับ 1.25, 5 มก./มล. ตามลำดับ
สารสกัดผลดิบของฝรั่งด้วยเมทานอล  ในขนาด 50,100, 300 มก./กิโลกรัม สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. dysenteriae 1, Sh. dysenteriae 2, Sh. dysenteriae 4, Sh. dysenteriae 8 รวมทั้ง V. chlorea 1350 ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 100-200 มคกรัม/มล. สารสกัดหยาบคายของใบฝรั่ง สามารถยั้งการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย Vibrio ที่แยกได้จากกุ้งกุลาดำที่เป็นโรค 23 สายพันธุ์ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 1.25-5.00 มก./มิลลิลิตร สารสกัดใบฝรั่งด้วยอะซีโตน และ 95% เอทานอล สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Salmonella B, S. newport, S. typhimurium, Sh.  flexneri นอกนั้นสารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ยังสามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้อีกด้วย  สารสกัดใบ ลำต้นฝรั่งด้วยน้ำ สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย E. coli, Sh. flexneri, S. aureus แต่ไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. newport แล้วก็ S. typhimurium ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อ
สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล  สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ซึ่งความเข้มข้นต่ำสุดที่ยั้งได้ (MIC) มีค่าเท่ากับ 10 มก./วัน แม้กระนั้นได้ผลไม่แน่นอนต่อเชื้อ E. coli, S. typhimurium สารสกัดใบฝรั่งด้วย 95% เอทานอล ความเข้มข้น 1,000 มคก./มล. พบว่าสามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้มีการเกิดโรคอุจจาระหล่น ได้แก่ Salmonella D, Sh. dysenteriae 1, Sh. flexneri 2A, Sh. flexneri 4A  ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้  แต่ว่าไม่มีผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. typhimurium type 2, Shigella bodyii, Sh. bodyii 5, Sh. dysenteriae 2, Sh. flexneri 3A, Sh. sonnei  ส่วนสกัดแทนนินจากใบฝรั่ง ความเข้มข้น 85, 95, 95, 100, 110 มคก./มิลลิลิตร สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Sh. flexneri, S. enteritidis, S. aureus , Escherichia piracoli, E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ ตามลำดับ    สารสกัดใบฝรั่งด้วยเมทานอล  สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย Salmonella spp. ได้ 2 สายพันธุ์  รวมทั้งต่อต้านเชื้อ Sh.  flexneri, Sh. virchow, Sh. dysenteriae แล้วก็เชื้อ E. coli ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอล:น้ำ(1:1)และก็อะซีโตน สามารถต้านเชื้อแบคทีเรีย E. coli ที่เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระตกได้ สารสกัดลำต้นฝรั่งด้วย 95% เอทานอล สามารถต้านทานเชื้อแบคทีเรีย S. newport และก็ S. typhimurium, Sh. flexneri ในจานเพาะเลี้ยงเชื้อได้ แต่ว่าไม่เป็นผลต่อเชื้อ Salmonella B, S. aureus   น้ำคั้นจากผลฝรั่ง ไม่อาจจะต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย Bacillus typhosus ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคไทฟอยด์ได้ สารสกัดส่วนที่อยู่เหนือดินด้วยอัลกอฮอล์ แล้วก็น้ำ (1:1) ความเข้มข้นมากยิ่งกว่า 25 มคก./มิลลิลิตร ไม่สามารถที่จะต้านเชื้อแบคทีเรีย B. subtilis, E. coli, S. typhosa
มีการศึกษาวิจัยโดย ปัญจางค์ ธนังกูล และแผนก ในผู้เจ็บป่วย 122 คน ที่เป็นโรคอุจจาระร่วง เป็นชาย 64 คน และหญิง 58 คน ซึ่งอยู่ในช่วงอายุ 16-55 ปี ทำการวิจัยเปรียบโดยกรรมวิธีการสุ่ม โดยนำใบฝรั่งอบแห้งแล้วบดเป็นผุยผง บรรจุแคปซูล ขนาด 250 มิลลิกรัม ลักษณะเดียวและขนาดเดียวกับ tetracyclin และบริหารการรับประทานยาเช่นเดียวกัน คือ 500 มก. ทุก 6 ชม. ตรงเวลา 3 วัน ทั้งคู่กลุ่ม พบว่าใบฝรั่งสามารถลดจำนวนอุจจาระ ช่วงเวลาที่ขี้ รวมทั้งปริมาณน้ำเกลือที่ให้ชดเชยได้
มีการเรียนในคนไข้เด็ก 62 คน ที่เป็นโรคลำไส้อักเสบจากเชื้อไวรัส (Rota virus) โดยให้รับประทานยาต้มของฝรั่ง พบว่าอาการดีขึ้นด้านใน 3 วัน และช่วงเวลาท้องเดินสั้นลงกว่ากรุ๊ปควบคุมอย่างเป็นจริงเป็นจัง (p<0.05) จำนวนโซเดียมรวมทั้งกลูโคสในอุจจาระต่ำลง และผลของการตรวจอุจจาระไม่พบเชื้อ Rota virus สูงถึง 87.1% ในตอนที่กลุ่มควบคุมไม่พบเชื้อ Rota virus 58.1% แสดงว่ายาต้มของฝรั่งมีคุณภาพในการรักษาอาการท้องเสียในผู้เจ็บป่วยลำไส้อักเสบจากเชื้อ Rota virus ได้
ฤทธิ์ต้านการอักเสบ   จากการศึกษาเล่าเรียนทางสถานพยาบาลในคนเจ็บ 70 คน ที่มีเหงือกอักเสบ พบว่าน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบฝรั่งสามารถลดการอักเสบได้ร้อยละ 19.8 แล้วก็ลดรอยโรคที่ความรุนแรง ได้จำนวนร้อยละ 40 เมื่อเปรียบเทียบกับน้ำยาบ้วนปากที่ไม่มีส่วนผสมของสารสกัดจากใบฝรั่ง หลังจากใช้ตรงเวลา 3 อาทิตย์
            สารสกัดใบฝรั่งด้วยน้ำขนาด 50-800 มก./กิโลกรัม เมื่อฉีดเข้าช่องท้องพบว่ามีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบแบบกระทันหัน  เมื่อทดลองกับอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วยไข่ขาวสด นอกเหนือจากนี้เมื่อฉีดน้ำมันหอมระเหยจากใบฝรั่งเข้าทางท้องของหนูแรทในขนาด 0.8 มล./กิโล พบว่าสามารถยั้งการอักเสบที่ถูกรั้งนำด้วยสาร carrageenan ได้
สารสกัดจากผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องของหนูแรท พบว่าสามารถยับยั้งการอักเสบของอุ้งเท้าหนูที่ถูกเหนี่ยวนำให้เกิดการอักเสบด้วยสาร carrageenan, kaolin รวมทั้ง formaldehyde ได้ นอกจากนั้นสารสกัดผลฝรั่งด้วยเมทานอลเมื่อฉีดเข้าทางช่องท้องของหนูเม้าส์จะสามารถยับยั้งการอักเสบและลดอาการเจ็บปวดที่ถูกรั้งนำด้วย acetic acid  ได้ดียิ่งไปกว่าแอสไพรินที่ให้ในขนาดเสมอกันนิดหน่อย
เมื่อนำใบฝรั่งมาหมักกับราแล้วก็แบคทีเรียอาทิเช่น Phellinus linteus (ส่วนเส้นใย) Lactobacillus plantarum และ Saccharomyces cerevisiae แล้วนำมาสกัดด้วยเอทานอล พบว่าสารสกัดที่ได้มีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบโดยยั้งการสร้างสารที่ทำให้เกิดการอักเสบคือ ไนตริกออกไซด์แล้วก็ พรอสต้าเอ็งรนดิน อี 2 ในหลอดทดสอบ นอกเหนือจากนั้นสารสกัดฝรั่งด้วยเอทานอลรวมทั้งน้ำยังออกฤทธิ์ยั้งการสร้างไนตริกออกไซด์
             สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทิลอะซีเตตมีฤทธิ์ต้านทานการอักเสบ รวมทั้งแก้แพ้โดยยับยั้งการโต้ตอบต่อแอนติเจนที่ชักชวนให้มีการแพ้และก็การอักเสบ
ฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด                 สารสกัดใบฝรั่งด้วยเอทานอลมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือดในหนูแรทที่ถูกชักจูงให้เป็นโรคเบาหวานด้วยการฉีด alloxan เข้าเส้นเลือดดำขึ้นรถสกัดใบฝรั่งออกฤทธิ์ใน 2 ชั่วโมง มีฤทธิ์สูงสุดในชั่วโมงที่ 6 รวมทั้งสิ้นฤทธิ์ใน 24 ชั่วโมง
ฤทธิ์ต้านทานเซลล์ของโรคมะเร็ง      สารสกัดใบฝรั่งมีความเป็นพิษต่อเซลล์ของมะเร็ง murine fibrosarcoma และก็เซลล์มะเร็งเต้านม

การเรียนทางพิษวิทยา
การทดลองความเป็นพิษ  พิษกะทันหัน  สารสกัดด้วยน้ำจากใบ LD50 มีค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 20 กรัม/กิโลกรัม  เมื่อให้ทางปากในหนูถีบจักรอีกทั้ง 2 เพศ และมีค่ามากกว่า 5 ก./กก.  เมื่อฉีดเข้าทางท้อง สารสกัดเอทานอล (50%) จากส่วนเหนือดิน LD50 มีค่าพอๆกับ 0.188 เมื่อฉีดเข้าท้องในหนูถีบจักร พิษเรื้อรัง  การให้สารสกัดน้ำจากใบทางปาก ขนาด 0.2, 2 แล้วก็ 20 กรัม/กก. ทุกเมื่อเชื่อวันติดต่อกันเป็นเวลา 6 เดือน  พบว่าอัตราการเพิ่มของน้ำหนักตัวลดลง ในกลุ่มที่ได้รับสารสกัด เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุมที่ได้รับน้ำ ในตอนที่ไม่เจอความต่างของจำนวนของกินที่กินในทุกกลุ่ม ความประพฤติทั่วๆไปปกติในทุกกรุ๊ป หนูเพศผู้มีระดับ ALP, SGPT (ลักษณะการทำงานของตับ), BUN (การทำงานของไต) และก็ WBC สูงมากขึ้น ตอนที่ระดับของโซเดียมและก็คลอเลสเตอรอลในเลือดลดลง น้ำหนักของตับรวมทั้งไตมากขึ้น การตรวจทางจุลทัศนกายตอน พบความเคลื่อนไหวของไขมันรวมทั้งลักษณะ hydronephrosis หนูเพศเมียมีระดับโซเดียม โปแตสเซียม
บันทึกการเข้า