รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: งาขาวที่เรารู้จักกันเป็นอย่างดี สามารถมีสรรพคุณเเละประโยชน์ที่สามารถรักษาโรคได้ด  (อ่าน 443 ครั้ง)

numtanf225611

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 60
    • ดูรายละเอียด


[url=http://www.disthai.com/16941074/%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%A7-]งาขาว[/url][/size][/b]
ชื่อสมุนไพร งาขาว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อเขตแดน นีโซไอยู่มั้ว (จีน) ซะติด ซะเจี่ย (เมื่อน)
ชื่อสามัญ Sesame seeds (white)
ชื่อวิทยาศาสตร์   Sesamum  orientale Linn.
วงศ์ PEDALIACEAE
ถิ่นกำเนิด
งาขาวมีบ้านเกิดเมืองนอนเช่นเดียวกันกับ งาดำเป็นงาขาวเป็นไม้ล้มลุกที่มีมาแต่ว่าโบราณ มีบ่อเกิดในแถบประเทศเอธิโอเปีย ถัดมาก็ถูกนำเข้าไปยังอินเดีย จีน รวมถึงแถบแอฟริกาเหนือรวมทั้งเอเชียใต้ ในราวโดยประมาณ 2000 ปี ก่อนคริศตกาลรวมทั้งในศตวรรษที่ 17 ได้ถูกนำเข้าไปในทวีปอเมริกาส่วนในประเทศไทย งา ก็เป็นที่รู้จักกันมาช้านาน ซึ่งนำมาใช้ผลดีได้อีกทั้งทางยา อาหาร และเครื่องแต่งหน้า
ลักษณะทั่วไป
งาขาว เป็นไม้ล้มลุกที่แก่ฤดูเดียว มีลำต้นตั้งตรงถึงยอด สูงโดยประมาณ 50-150 เซนติเมตร ลำต้นไม่แตกกิ่งกิ่งก้านสาขา แต่ว่าบางชนิดอาจมีการแตกกิ่งกิ้งก้าน ลำต้นมีลักษณะอวบน้ำ เป็นสี่เหลี่ยม มีขนสั้นๆปกคลุมดก ลำต้นมีร่องยาวตามความสูงของลำต้น เปลือกลำต้นบาง สีเขียวเข้มหรือมีสีอมม่วง สามารถดึงลอกเป็นเส้นได้
ใบงาขาว ออกเป็นใบลำพัง เรียงตรงข้ามกันตามความสูงของลำต้น มีก้านใบทรงกลมสีเขียวหรือสีม่วงแดง ยาวประมาณ 5 ซม. ส่วนแผ่นใบมีลักษณะเป็นรูปหอกยาว กว้างราวๆ 3-5 ซม. ยาวโดยประมาณ 8-15 เซนติเมตร โคนใบมน เป็นฐานกว้าง และก็ค่อยเรียวลงจนปลายใบแหลม แผ่นใบมีสีเขียวสด มีร่องตามเส้นแขนงใบ ขอบใบเรียบหรือเป็นหยัก
ดอกงาขาวเป็นดอกโดดเดี่ยวหรือเป็นกลุ่มรอบๆซอกใบ 1-3 ดอก ประกอบด้วยก้านดอกสั้น โดยประมาณ 3-5 มม. ต่อมาเป็นกลีบรองดอกสีเขียว ปริมาณ 5 กลีบ โคนกลีบเชื่อมติดกันห่อหุ้มฐานดอก ถัดมาเป็นกลีบที่มีลักษณะเป็นกรวยยาว กลีบดอกอ่อนมีสีเขียวอมเหลือง เมื่อแก่หรือบานจะมีสีขาว ยาวเป็นทรงกรวย ราว 4-5 เซนติเมตร ปลายกลีบห้อยลงดิน และก็แยกออกเป็น 2 กลีบหมายถึงกลีบล่างที่ยาวกว่า รวมทั้งกลีบบนที่มีปลายหยักเป็น 3 แฉก ต่อมาภายในดอกจะมีสีกลีบข้างในเป็นสีเหลือง มีเกสรตัวผู้ 4 อัน แบ่งเป็น 2 คู่ แต่งละคู่ยาวแตกต่างกันส่วนเกสรตัวเมียมี 1 อัน ยาว 1.5-2 ซม. ปลายก้านเกสรแยกออกเป็น 2-4 แฉก ทั้งนี้ ดอกงาขาวจะเริ่มบานในช่วงเวลาเช้า และกลีบดอกจะตกลงดินในช่วงเวลาเย็น
ผลของงาขาวเรียกว่า ฝัก ฝักอ่อนมีลักษณะทรงกระบอกออกจะกลม ปลายฝักเป็นจะงอยแหลม เมื่อฝักใหญ่จะแบ่งเป็นร่องๆตามความยาวของฝัก ยาวราวๆ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักดก มีสีเขียว แล้วก็มีขนปกคลุม เมื่อฝักแก่กลายเป็นสีดำอมเทา รวมทั้งปริแตก ทำให้เมล็ดหล่นลงดิน  ภายในฝักมีเม็ดขนาดเล็กสีขาวจำนวนหลายชิ้น เรียงซ้อนแยกกันในแต่ละร่องพู เมล็ดมีรูปไข่ เปลือกเมล็ดบางมีสีขาว มีกลิ่นหอมสดชื่น ใน 1 ฝัก จะมีเมล็ดโดยประมาณ 70-100 เมล็ด
การขยายพันธุ์
                งาขาว ที่ปลูกกันทั่วไปมี 6 ประเภท ดังเช่นว่า

  • พันธุ์เมืองเลย ปลูกมากที่จังหวัดเลยรวมทั้งบริเวณชายแดนไทย-ลาว รวมทั้งช่วงจังหวัดเลยถึงอุตรดิตถ์
  • พันธุ์เชียงใหม่ ปลูกมากมายที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่
  • พันธุ์ชัยบาดาลหรือสมอทอด ปลูกมากที่จังหวัดเพชรบูรณ์รวมทั้งจังหวัดลพบุรี แม้กระนั้นปัจจุบันนี้มีปริมาณน้อยมาก
  • ประเภทร้อยเอ็ด.1
  • ประเภทมข.1
  • ชนิดมหาสารคาม 60 มีเขตผลักดันการปลูก ดังเช่น จังหวัดสระบุรี จังหวัดลพบุรี จังหวัดเพชรบูรณ์ พิษณุโลก แล้วก็จังหวัดกาญจนบุรี


งาเป็นพืชเขตร้อนชอบอาการร้อนแล้วก็แดดจ้า อุณหภูมิที่สมควรต่อการเจริญเติบโต ราว 27-30 องศาเซลเซียส ไม่ชอบอากาศหนาวเย็น หากอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส การงอกจะช้าลง หรือ อาจจะหยุดชะงักการเจริญเติบโต แม้กระนั้นถ้าเกิดอุณหภูมิสูงกว่า 40 องศาเซลเซียสจะก่อให้การผสมเกสรติดยากการสร้างฝักเป็นไปได้ช้า
   ฤดูปลูก

  • ต้นหน้าฝน เริ่มปลูกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์-ม.ย. รวมทั้งเก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่ปลายเดือน ม.ย.-เดือนมิถุนายน ส่วนมากจะปลูกภายในพื้นที่นาก่อนการปลูกข้าว มีพื้นที่ปลูกประมาณร้อยละ 70 ของพื้นที่ปลูกงาทั่วทั้งประเทศ แหล่งปลูกงาต้นหน้าฝนได้แก่ จังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ จังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ จังหวัดโคราช สระบุรี ลพบุรี นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย จังหวัดลำพูน น่าน และสุราษฏร์ธานี
  • ปลายฤดูฝน เริ่มปลูกตั้งแต่ก.ค.-เดือนสิงหาคม แล้วก็เก็บเกี่ยวได้ตั้งแต่สิ้นเดือน พฤศจิกายน-เดือนธันวาคม ส่วนใหญ่จะปลูกเอาไว้ภายในภาวะพื้นที่ไร่หรือที่ดอน ปลูกหลังการเก็บเกี่ยวพืชไร่ มีพื้นที่ปลูกราวจำนวนร้อยละ 30 ของพื้นที่ปลูกงาทั่วทั้งประเทศ แหล่งปลูกงาปลายฤดูฝนที่สำคัญ ได้แก่ จังหวัด จังหวัดกาญจนบุรี พิษณุโลก สุพรรณบุรี เพชรบูรณ์ อุตรดิตถ์ และก็เลย
ส่วนการปลูกงาขาวนั้นสามารถทำเป็นดังนี้

  • การเตรียมดิน การเตรียมดินเป็นสาเหตุที่สำคัญสำหรับเพื่อการปลูกงาเนื่องด้วยเมล็ดงามีขนาดเล็ก จะต้องมีการเตรียมดินให้ร่วนซุย จะช่วยทำให้งาแตกหน่อก้าวหน้าแล้วก็มีความสม่ำเสมอ การไถพรวนจะมากหรือน้อยครั้งขึ้นกับส่วนประกอบรวมทั้งจำพวกของเนื้อดิน ถ้าเป็นดินร่วนทรายจะไถ 1-2 ครั้ง ส่วนดินเหนียวต้องไถมากครั้งกว่าดินร่วนซุยโดยไถ 2-3 ครั้ง เพื่อย่อยดินให้ถี่ถ้วนจะได้ผลผลิตสูงยิ่งกว่าไถเพียงครั้งเดียว
  • วิธีปลูก การปลูกงาขาวมีอยู่ 2 วิธีเป็น
  • การปลูกแบบหว่าน เกษตรกรส่วนมากนิยมนำมาปลูกงาด้วยวิธีการแบบนี้ โดยหลังจากจัดเตรียมดินก็ดี จะใช้เม็ดงาหว่านให้กระจายสม่ำเสมอ อัตราเมล็ดพันธุ์ 1-2 โล/ไร่
  • การปลูกแบบโรยเป็นแถว สำหรับในการทำร่องสำหรับโรยเม็ด ส่วนใหญ่ใช้คราดกาแถว ระยะระหว่างแถว 50 เซนติเมตร อัตราเมล็ดพันธุ์ 2-3 โล/ไร่ การปลูกเป็นแถวจะได้ผลผลิตสูงยิ่งกว่าการปลูกแบบหว่าน
  • การใส่ปุ๋ย ดินทรายหรือดินร่วนทรายที่มีความอุดมสมบูรณ์ต่ำ ให้ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 20-30 กก./ไร่ ดินร่วมคละเคล้าดินเหนียว ใช้ปุ๋ยสูตร 20-20-0 ในอัตรา 20-25 กิโล/ไร่
  • การดูแลและรักษา การปลูกงาขาวไม่ต้องการดูแลมากเท่าไรนัก หลังการหว่านเม็ดแล้วเกษตรกรจะปลดปล่อยให้งาเติบโตตามธรรมชาติ แม้กระนั้นมั่นตรวจทานแปลงเป็นระยะ หากพบโรคหรือแมลงระบาดให้ฉีดพ่นด้วยสารกำจัดศัตรูพืช ส่วนการปลูกในฤดูแล้งหรือพื้นที่ออกจะแห้งแล้งอาจมีการให้น้ำเป็นระยะ
  • การเก็บเกี่ยวผลิตผล งาขาวมีอายุเก็บเกี่ยวโดยประมาณ 70-120 วัน หลังปลูก ขึ้นกับสายพันธุ์ แล้วก็เริ่มเก็บฝักได้ในระยะฝักแก่สีเหลืองหรือน้ำตาลอมดำ ใบมีสีเหลือง รวมทั้งหลุดล่วงใกล้หมด แล้วก็เก็บในระยะที่เปลือกฝักยังไม่ปริแตก การเก็บเกี่ยวงาขาวจะใช้วิธีถอนต้น ก่อนเด็ดฝักแยกออกจากลำต้น แล้วตีให้ฝักแตกกันเมล็ดงาออก ซึ่งอาจใช้ไม้ตีหรือใช้เครื่องตีแยกฝัก


องค์ประกอบทางเคมี เมล็ดงาขาวมีน้ำมัน 44-58% โปรตีน 18-25% ที่มีกรดอะมิโนที่มีคุณค่าทางโภชนาการเหมือนกับถั่วเหลืองคาร์โบไฮเดรตราวๆ 13.5% และเถ้า 5% (Borchani et al.,2010) น้ำมันงาประมาณ 50% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว 35% แล้วก็อีก 44% เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัว ในขณะที่ 45% ของกากงาประกอบด้วยโปรตีน 20% (Ghandi, 2009) ส่วนส่วนประกอบทางเคมีที่มีในเม็ดงาขาวนั้นก็มีเหมือนกับงาดำ เป็นต้นว่า กรดไขมันดังเช่น oleic acid, linoleic acid, palmitic acid, stearic acid, สารกลุ่ม lignan, ชื่อ sesamol, d-sesamin, sesamolin, สารอื่นๆได้แก่ sitosterol  ส่วนคุณประโยชน์ทางโภชนาการของงาขาวมีดังนี้

ค่าทางโภชนาการงาขาว (งาขาวดิบ 100 กรัม)
                งาขาวดิบ             
น้ำ                           3.9          กรัม
พลังงาน                 658         กิโลแคลอรี่
โปรตีน                    20.9        กรัม
ไขมัน                       57.1        กรัม
คาร์โบไฮเดรต                        15.0        กรัม
ใยอาหาร                                4.6          กรัม
ขี้เถ้า                           3.1          กรัม
แคลเซียม                               86           มิลลิกรัม
เหล็ก                       7.4          มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส                              650         มิลลิกรัม
เบต้า แคโรทีน                        0              มิลลิกรัม
ไทอะมีน                 1.08        มิลลิกรัม
ไรโบฟลาวิน                           0.11        มิลลิกรัม
ไนอะซีน                  3.3          มิลลิกรัม
 
ผลดี/คุณประโยชน์
งาขาวใช้เป็นส่วนประกอบของของหวาน เช่น กระยาสาดข้าวเหนียวแดง หรือใช้ตกแต่งขนมปังหรือขนมต่างๆรวมไปถึงใช้สกัดน้ำมันงาสำหรับใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆดังเช่น ใช้สำหรับปรุงอาหาร โดยยิ่งไปกว่านั้นของกินพวกทอดต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารเสริม  ใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องสำอาง ตัวอย่างเช่น ครีมสำหรับดูแลผิว น้ำหอม สบู่ เป็นต้น ใช้ในอุตสาหกรรมยา รวมทั้งของกิน ดังเช่นว่า ใช้เป็นส่วนผสมในการผลิตช็อกโกแลต การผลิตเนยเทียม เป็นต้น  ใช้เป็นส่วนประกอบของอาหารสัตว์  ใช้ทารักษาแผล  ใช้ทาผม ช่วยให้ผมมันวาววับ ใช้ทารักษาโรผิวหนัง ผื่นผื่นคัน มีการวิจัยในงาขาวพบว่า เมื่อเปรียบเทียบกับถั่วเหลืองแล้วก็ใช่แล้วพบว่า มีไขมันสูงยิ่งกว่าถั่วเหลืองประมาณ 3 เท่า แล้วก็สูงกว่าไข่ ราว 4-6 เท่า มีโปรตีนสูงยิ่งกว่าไข่ประมาณ 5% แต่ว่าต่ำยิ่งกว่าถั่วเหลืองประมาณ 2 เท่า นอกจากนี้โปรตีนในงาขาวยังต่างจากพืชตระกูลถั่วรวมทั้งพืชให้น้ำมันอื่นๆเนื่องจากว่ามีกรดอะมิโนที่จำเป็นซึ่งพืชดังที่กล่าวถึงมาแล้วขาด ดังเช่นว่า การบูชายัญไธโอนินและก็ซีสตำหนิน แต่งาขาวมีไลซีนต่ำ ดังนั้นบางทีอาจใช้งาเป็นอาหารเสริมพวกของกินถั่วต่างๆเมื่อใช้เป็นของกิน หรือใช้เสริมโปรตีนที่มาจากสัตว์ซึ่งมีราคาแพง นอกนั้นยังใช้เสริมของกินพวกธัญพืช กล้วย และอาหารแป้งอื่นๆได้เป็นอย่างดี
ยิ่งไปกว่านี้เมล็ดงาขาวยังประกอบไปด้วย เกลือแร่ 4.1 – 6.5 % ที่สำคัญเป็น เหล็ก ไอโอดีน สังกะสี เซเลเนียม แคลเซียม แล้วก็ฟอสฟอรัส โดยจะมีแคลเซียมมากยิ่งกว่าพืชทั่วไปโดยประมาณ 20 เท่า ส่วนสรรพคุณทางยาของงาขาวนั้น แบบเรียนยาไทยกล่าวว่า งาขาวมีรสฝาด หวาน ขม ทำให้น้ำดี กำเริบเสิบสาน น้ำมันใช้หุงเป็นน้ำมันใส่รอยแผลเจริญ การหุงน้ำมันจะต้องใช้งาสดตำคั้นเอาน้ำ โดยใช้น้ำคั้นใบและก็เถาตำลึง บอระเพ็ด ขมิ้นอ้อย  ไพล เอาน้ำมาอย่างละ 1 ถ้วย แล้วใส่น้ำมันงาลงไป 1 ถ้วย ตั้งไฟเคี่ยวไปจนถึงเหลือ 1 ถ้วย เอาน้ำมันที่ได้ปรุงด้วยสีเสียดเทศรวมทั้งไทยสิ่งละนิดเดียว หลอมตะกั่วนมให้ละลายเทลงในน้ำมัน แล้วเอาขึ้นหลอมอีกจนได้ 3 ครั้ง ทิ้งตะกั่วไว้ภายในนั้น ใช้น้ำมันใส่แผลจะช่วยรักษาแผลก้าวหน้ามากมาย
 ส่วนสรรพคุณทางยาของงาขาวนั้น ตำราเรียนยาไทยระบุว่า สารเซซาไม่นในเม็ดงาขาวสามารถลดระดับ LDL-cholesterol ในกระแสโลหิตของคน (ซึ่ง LDL-cholesterol เป็นต้นเหตุที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรค Athersclerosis (ไขมันอุดตันในเส้นโลหิต)  บรรเทาลักษณะของโรคคิดสีดวงทวาร (Hemmorhoids) ได้ โดยกรดไขมันในน้ำมันงา ตัวอย่างเช่น Linoleic acid , oleic acid , palmatic acid , stearic acid , สามารถทุเลาอาการของโรคริดสีดวงทวารได้
ทั้งนี้มีการวิจัยน้ำมันงาพบว่าน้ำมันงาเป็นแหล่งของสารอาหาร ยกตัวอย่างเช่น กรดไขมันโอเมก้า 6 ฟลาโวนอยด์ ฟลีนอลิค สารต้านอนุมูลอิสระ วิตามินแล้วก็เส้นใย ซึ่งมีความหมายสำหรับเพื่อการต้านทานมะเร็ง รวมทั้งสนับสนุนสุขภาพ
แบบ/ขนาดวิธีใช้ เหมือนกันกับงาดำ เป็นสำหรับการนำงาขาวมาใช้ประโยชน์ส่วนมากจะใช้ประโยชน์คุณประโยชน์ด้านอาหารรวมทั้งผลิตภัณฑ์เสริมความงามมากยิ่งกว่าด้านการดูแลรักษาโรคแต่ก็มีการเอาไปใช้ตามตำรายาไทยอยู่บ้าง ดังเช่นว่า

  • แก้เยี่ยวหรืออุจจาระขัด นำเมล็ดงา 20 – 30 กรัม หรือ 1 – 2 ช้อน ต้มแล้วนำน้ำมาดื่มในขณะท้องว่าง
  • ความดันโลหิตสูง เมล็ดงาขาว น้ำส้ม  ซีอิ้ว รวมทั้งน้ำผึ้งอย่างละ 30 กรัม ผสมกับไข่ขาว 1 ฟอง คนจะกว่าจะเข้ากันดี ต้มด้วยไฟอ่อนๆกระทั่งสุก กินวันละ 3 ครั้งบ่อยๆ
  • บรรเทาอาการไอแห้ง ไม่มีเสลด ให้นำเม็ดงา 3 – 5 ช้อน ตำบดให้ถี่ถ้วน ก่อนผสมกับน้ำตาลทราย 2 ช้อน กิน หรือ นำผงเมล็ดงาชงน้ำร้อน และเดิมน้ำตาลดื่ม
  • บำรุงสมอง หนังสือเรียนอายุรเวทให้ใช้งาผง 1 ส่วน ผงมะขามป้อม 1 ส่วน และก็น้ำผึ้ง 1 – 2 ช้อนชา เคล้าให้ถูกกัน ปั้นเป็นลูกกลอนรับประทาน
  • ยาอายุวัฒนะ (ญี่ปุ่น) ใช้ไข่ไก่ 1 ฟอง ชงด้วยน้ำร้อน เพิ่มน้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะ รวมทั้งน้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
  • ขับพยาธิเข็มหมุด เม็ดงาขาว 50 กรัม เติมน้ำต้นจนได้น้ำข้นๆกรองเอาส่วนน้ำมาปรุงด้วยน้ำตาล ดื่มขณะท้องว่างครั้งเดียวให้หมด
  • เจ็บคอ คัดจมูก แพ้อากาศ ปวดระดู นอนไม่หลับ ปวดศีรษะ กินงับด 1 ข้อนชาก่อนนอน
การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยา การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยาของงาขาวนั้นโดยมากเป็นการเรียนควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการเล่าเรียนรวมกันทั้งยังงาขาว งาดำ) ดังนั้นผลการศึกษาทางเภสัชวิทยาของงาขาวจึงดังงาดำ (มองการศึกษาเล่าเรียนทางเภสัชของงาดำ) แม้กระนั้นคนเขียนสามารถเก็บรวบรวมข้อมูลการเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของงามาเพิ่มเติมอีกได้อีก 2 ฉบับหมายถึง
                การเรียนรู้ฤทธิ์ลดความเป็นพิษจากนิโคตินของสารลิกแนนจากงาในหนูแรทผิวเผือกเพศผู้ที่ได้รับพิษจากนิโคติน โดยการฉีดนิโคตินครั้งละ 3.5 มิลลิกรัม/กิโลกรัมน้ำหนักตัว เข้าใต้ผิวหนัง ติดต่อกัน 15 วัน ร่วมกับการป้อนของกินที่มีส่วนผสมของสารลิกแนนจากงา ขนาด 0.1 หรือ 0.2 กรัมต่อของกิน 100 กรัม ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ Low Density Lipoprotein cholesterol แล้วก็ Very Low Density Lipoprotein cholesterol ช่วยเพิ่มปริมาณ High Density Lipoprotein cholesterol รวมทั้งเอนไซม์ต้านอนุมูลอิสระ รวมทั้งลดความเข้มข้นของผลิตผลจากการเกิดการเพอคอยกสิเดชั่นของไขมันที่มากขึ้นเนื่องจากพิษของนิโคติน นอกเหนือจากนี้ยังพบว่าสารลิกแนนจากงาช่วยเพิ่มปริมาณ DNA รวมทั้งคุ้มครองไม่ให้ DNA ในเยื่อตับถูกทำลายด้วยนิโคตินได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เห็นว่าสารลิกแนนจากงาสามารถทุเลาความเป็นพิษของนิโคตินต่อการเกิดออกซิเดชั่นและความเป็นพิษต่อสารพันธุบาปในร่างกายได้ และก็การศึกษาเล่าเรียนทางคลินิกเรื่องฤทธิ์ของน้ำมันงาร่วมกับยาลดระดับความดันเลือดสูง คนป่วยชายและก็หญิงที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงระดับน้อยถึงปานกลาง คือมีค่าความดันโลหิตตัวบน ≥ 140 มม.ปรอท รวมทั้งค่าความดันเลือดตัวข้างล่าง ≥ 90 มม.ปรอท อายุ 35 – 60 ปี ปริมาณ 50 คน ได้รับยาเพื่อการดูแลและรักษาเป็นยาขับฉี่ hydrochlorothiazide หรือ β-blocker atenolol มานาน 1 ปีก่อนเข้าร่วมการศึกษา และก็ยังคงได้รับยานี้ตามปกติตลอดการเรียนนี้ คนไข้จะได้รับน้ำมันงาเพื่อใช้ในการเตรียมอาหารในครอบครัว 4 – 5 กก. ต่อสมาชิกในครอบครัว 4 คน ต่อเดือน (ประมาณ 35 กรัม/วัน/คน) และก็จำเป็นต้องใช้เฉพาะน้ำมันงาเพียงแต่ชนิดเดียวตลอด 45 วัน ต่อจากนั้นหยุดเปลืองน้ำมันงา ให้เปลี่ยนมาใช้น้ำมันที่เคยใช้อยู่เดิมอีก 45 วัน กระทำตรวจร่างกาย ความดันโลหิต น้ำหนักตัว, Body mass index (BMI), ระดับไขมัน อิเลคโตรไลท์ และเอนไซม์ในเลือด ก่อนจะมีการเรียน ภายหลังจากกินน้ำมันงา 45 วัน รวมทั้งภายหลังจากหยุดกินน้ำมันงา 45 วัน พบว่า การใช้น้ำมันงาแทนที่น้ำมันชนิดอื่นสำหรับการทำกับข้าวในผู้เจ็บป่วยความดันโลหิตสูง ทำให้ค่าความดันเลือดตัวบนรวมทั้งตัวด้านล่างกลับลงสู่ระดับปกติ น้ำหนักร่างกาย และ BMI ต่ำลง แม้กระนั้นหลังจากหยุดใช้น้ำมันงานค่าดังกล่าวกลับสูงมากขึ้น ระดับคอเลสเตอรอล, high density lipoprotein cholesterol รวมทั้ง low density lipoprotein cholesterol ในเลือดไม่ต่างกันเมื่อประเมินผลทั้งยัง 3 ช่วงเวลาที่ศึกษาเล่าเรียน เว้นเสียแต่ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลดลดลงเมื่อใช้น้ำมันงา รวมทั้งกลับสูงมากขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา ระดับโซเดียมในเลือดลดน้อยลงเมื่อใช้น้ำมันงาและกลับสูงมากขึ้นเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา   ระดับโปแตสเซียมในเลือดสูงขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาแล้วก็ต่ำลงสู่ค่าธรรมดาเมื่อหยุดใช้น้ำมันงา การเกิด lipid peroxidation ลดลงเมื่อใช้น้ำมันงาและก็ค่ายังคงที่ภายหลังที่หยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี catalase แล้วก็ superoxide dismutase ในเลือดสูงขึ้น รวมทั้ง glutathione peroxidase ในเลือดต่ำลง เมื่อใช้น้ำมันงารวมทั้งค่ายังคงเดิมหลังจากหยุดใช้น้ำมันงาแล้ว ระดับวิตามินซี วิตามินอี เบต้า-ค้างโรทีน แล้วก็ reduced glutathione สูงมากขึ้นเมื่อใช้น้ำมันงาแล้วก็ลดลงภายหลังจากหยุดใช้น้ำมันงา จากการเรียนแปลว่าน้ำมันงาสามารถช่วยลดระดับความดันเลือด ลดการเกิด lipid peroxidation และก็เพิ่มฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ในคนไข้ความดันโลหิตสูงร่วมกับยาขับปัสสาวะได้
การเรียนทางพิษวิทยา การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยาของงาขาวเป็นการศึกษาเล่าเรียนควบรวมไปกับงาดำ (ซึ่งเป็นการเล่าเรียนรวมกันอีกทั้งงาขาว งาดำ) โดยเหตุนี้ผลการศึกษาทางพิษวิทยาของงาขาวจึงอย่างกับงาดำ (มองการเรียนรู้ทางพิษวิทยาของ งาดำ)
 
อแนะนำ/ข้อควรคำนึง

  • ในการรับประทานงาขาวในบางรายอาจมีอาการแพ้ได้ ด้วยเหตุว่ามีสาร Sesamol ซึ่งจะทำให้เกิดอาการต่างๆตัวอย่างเช่น ผื่นคัน คันจมูก หายใจลำบาก กลีบตาและริมฝีปากบวมแดง
  • การรับประทานงาขาวอาจก่อให้ระดับความดันเลือดลดต่ำเกินความจำเป็นได้ในผุ้ทีมีความดันโลหิตต่ำ
  • ถ้าหากรับประทานงาขาวมากกระทั่งเหลือเกินอาจก่อให้เกิดการระบายท้องมากจนเกินไปจนกระทั่งนำมาซึ่งอาการท้องเสียได้
  • หนังสือเรียนจีน ห้ามใช้งานในคนที่ท้องร่วงเรื้อรัง เสื่อมความสามารถทางเพศ มีตกขาว หรือ ถ้าเกิดจะใช้ควรใช้ในขนาดน้อย การใช้เกิน 4 ช้อนโต๊ะต่อวัน อาจจะเป็นผลให้ท้องเดินได้
  • ตำราเรียนอายุรเวท ระบุว่า งา เป็นยาขับระดู การใช้ในสตรีท้องระยะเริ่มต้น (1-3 เดือน) ในขนาดที่มากจนเกินความจำเป็น อาจจะทำให้แท้งได้
เอกสารอ้างอิง

  • ชยันต์  พิเชียรสุนทร , แม้นมาส  ชวลิต และ วิเชียร จีรวงส์ 2542. คำอธิบาย ตำราพระโอสถ พรนารายณ์ สำนักพิมพ์ อมรินทร์ กุมภาพันธ์ 2548
  • มนตรา ศรีษะแย้ม , นาถธิดา วีระปรียากูร , พนมพร ศรีบัวรินทร์.ฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นในหลอดทดลองของเมล็ด งา ขาว ดำ และ แดง .วารสารสารเภสัชศาสตร์อีสาน.ปีที่ 10 .ฉบับที่ 2.พฤษภาคม – สิงหาคม 2557.หน้า 136-146
  • ปราณี รัตนสุวรรณ . งา ...ธัญพืชเมล็ดจิ๋วดินทรงคุณค่า.ภาควิชาเภสัชงาขาวและเภสัชพฤกษศาสตร์.คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • กรมวิชาการเกษตร.2549.รายงานความก้าวหน้าโครงการวิจัยและพัฒนาด้านพืชและเทคโนโลยีการเกษตร รอบ 12 เดือน.วันที่ 20 – 24 พฤศจิกายน 2549.
  • งาขาว สรรพคุณ และการปลูกงาขาว.พืชเกษตรดอทคอม.เว็บเพื่อเกษตรกรไทยนันทวัน บุณยะประภัศร (บรรณาธิการ) 2539.สมุนไพรพื้นบ้าน(1) คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/
  • ตารางแสดงคุณค่าทางโภชนาการของอาหารไทย.กองโภชนาการ กรมอนามัย.2544
  • Bowden, Jonny. The 150 Healthiest foods on earth: The surprising, unbiased truth about what you should eat and why (PAP/COM). Fair Winds Pr,2007:309-310
  • สมุนไพรเพื่อสุขภาพ ปีที่ 2 ฉบับที่ 23 ประจำเดือน กันยายน 2545 บริษัท สำนักพิมพ์ยูทิไลซ์ จำกัด
  • สารลิกแนน จากงาช่วยลดพิษของนิโคติน.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล
  • งา,ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
  • ฤทธิ์ของน้ำมันงาร่วมกับยาลดความดันโลหิตสูง.ข่าวความเคลื่อนไหวสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล.



Tags : งาขาว
บันทึกการเข้า