รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร  (อ่าน 580 ครั้ง)

กาลครั้งหนึ่ง2560

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 120
    • ดูรายละเอียด


ต้นหญ้าหนวดแมว
ชื่อสมุนไพร  หญ้าหนวดแมว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น  พยับก้อนเมฆ (กรุงเทพฯ) บางรักป่า (จังหวัดประจวบคีรีขันธ์), อีตู่ป่าดง (เพชรบุรี) ต้นหญ้าหนวดเสือ
ชื่อสามัญ Kidney tea plant, Cat’s whiskers, Java tea, Hoorah grass
ชื่อวิทยาศาสตร์ Orthosiphon aristatus (Blume) Miq.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Orthosiphon grandiflorus Bold. ,Orthosiphon stamineus Benth.
วงศ์ Lamiaceae หรือ Lamiaceae
ถิ่นกำเนิด  หญ้าหนวดแมวจัดเป็นพืชป่าในเขตร้อนชื้นมีถิ่นกำเนิดแถวเอเชียใต้แถบอินเดีย , บังคลาเทศ , ศรีลังการวมทั้งทางตอนใต้ของจีนแล้วมีการกระจัดกระจายพันธุ์ไปสู่ในประเทศเขตร้อนที่ใกล้เคียง (ในเอเซียอาคเนย์) ดังเช่น ประเทศพม่า ไทย ลาว กัมพูชา มาเลเซีย ฯลฯ ในประเทศไทย มีการนำต้นหญ้าหนวดแมวมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคนิ่วและขับปัสสาวะมานานแล้ว ตราบจนกระทั่งในตอนนี้มีการทำการศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับหญ้าหนวดแมวว่าสามารถเยียวยารักษาโรคและก็ภาวะต่างๆได้มากมายหลายโรคก็เลยทำให้ความชื่นชอบสำหรับการใช้หญ้าหนวดแมวมากขึ้นเรื่อยๆ
ลักษณะทั่วไป   หญ้าหนวดแมวมีลักษณะ ต้น เป็นไม้พุ่มล้มลุก ขนาดเล็ก เนื้ออ่อน สูง 30-60 เซนติเมตร มีอายุหลายปี ลำต้นและกิ่งค่อนข้างจะเป็นสี่เหลี่ยมเห็นได้ชัดเจน มีสีม่วงแดง และก็มีขนน้อย แตกกิ่งก้านสาขามาก โคนต้นอ่อนโค้ง ปลายตั้งชัน ตามยอดอ่อนมีขนกระจัดกระจาย ใบเป็นคนเดียว ออกตรงกันข้าม สีเขียวเข้ม รูปไข่ หรือรูปสี่เหลี่ยมผ่านหลามตัด ตามเส้นใบมักมีขน กว้าง 2-5 เซนติเมตร ยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ขอบของใบจะเป็นฟันเลื่อยห่างๆเว้นเสียแต่ขอบที่โคนใบจะเรียบ มีขนตามเส้นใบทั้งยังข้างบนรวมทั้งด้านล่าง เนื้อใบบาง ก้านใบยาว 2-4.5 ซม. มีขน ดอก มีสีขาว หรือขาวอมม่วงอ่อน ออกเป็นช่อกระจะตั้ง ที่ปลายยอด เป็นรูปฉัตร ยาว 7-29 เซนติเมตร มีดอกย่อยประมาณ 6 ดอก ขนาดดอก 1.5 ซม. ดอกจะบานจากด้านล่างขึ้นไปด้านบน ริ้วประดับประดารูปไข่ ยาว 1-2 มม. ไม่มีก้าน กลีบเลี้ยงเชื่อมชิดกันเป็นรูประฆัง งอเล็กน้อย ยาว 2.5-4.5 มิลลิเมตร เมื่อได้ผลสำเร็จยาว 6.5-10 มม. ข้างนอกมีต่อมน้ำมันหรือเป็นปุ่มๆกลีบดอกโคนเชื่อมชิดกันเป็นหลอดตรงเล็ก ยาว 10-20 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็นปากสองปาก ปากบนใหญ่กว่า ปากบนมีหยักตื้นๆ4 หยัก โค้งไปทางข้างหลัง ปากล่างตรง โค้งเป็นรูปช้อน เกสรเพศผู้มี 4 อัน เรียงเป็น 2 คู่ คู่ด้านล่างยาวกว่าคู่บนเล็กน้อย ก้านเกสรยาว สะอาด ไม่ชิดกัน ยื่นยาวออกมานอกกลีบเห็นได้ชัดเสมือนหนวดแมว อับเรณูเป็น 2 พู ข้างบนบรรจบกัน ก้านเกสรเพศเมียเรียวเล็ก ยาว 5-6 เซนติเมตร ปลายก้านเป็นรูปกระบอง ปลายสุดมี 2 พู ผลได้ผลแห้งไม่แตก รูปขอบขนานกว้าง แบน แข็ง สีน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็ก ยาวประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ผลจะเจริญรุ่งเรืองเป็น 4 ผลย่อยจากดอกหนึ่งดอก ตามผิวมีรอยย่น มีดอกแล้วก็ติดผลราวเดือนกันยายนถึงเดือนตุลาคม ชอบขึ้นที่เปียกชื้น มีแดดรำไรในป่าขอบลำน้ำ หรือน้ำตก
การขยายพันธุ์ หญ้าหนวดแมว เป็นไม้ล้มลุกที่เติบโตก้าวหน้าในดินชื้น คล้ายกับกระเพราและโหระพา ก็เลยทนต่อภาวะแห้งได้น้อย ด้วยเหตุนี้ การปลูกหญ้านวดแมวควรต้องเลือกสถานที่ปลูกที่ค่อนข้างจะชื้นเสมอหรือมีระบบให้น้ำอย่างทั่วถึง แม้กระนั้นในช่วงฤดูฝนสามารถเติบโตได้ทุกพื้นที่
                ทั้งยังหญ้าหนวดแมวเป็นพืชถูกใจดินร่วน และมีสารอินทรีย์สูง ด้วยเหตุดังกล่าว ดินหรือแปลงปลูกควรเติมสารอินทรีย์ อาทิเช่น ปุ๋ยคอก ปุ๋ยคอก ก่อนกระพรวนผสมเข้าด้วยกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากันแล้วก็กำจัดวัชพืชออกให้หมด
ส่วนการปลูกหญ้าหนวดแมว ปลูกได้ด้วย 2 วิธี เป็น

  • การปักชำกิ่ง ตัดกิ่งที่ยังไม่มีดอก ยาวราวๆ 15-20 ซม. ต่อจากนั้น เด็ดกิ่งแขนง แล้วก็ใบออกด้านโคนกิ่งออก ในความยาวโดยประมาณ 5 เซ็นต์ กับเด็ดยอดทิ้ง ก่อนเอามาปักชำ ซึ่งอาจปักชำในกระถางหรือปักชำลงแปลงปลูก
  • การโปรยเม็ด นำเม็ดหว่านลงแปลงที่จัดแจงไว้ โดยหว่านให้เม็ดมีระยะห่างกันประมาณ 3-5 เซนติเมตร ก่อนให้น้ำ ให้ปุ๋ย และดูแลจนถึงต้นกล้าอายุประมาณ 20-30 วัน หรือสูงราว 10-15 เซนติเมตร ก่อนแยกปลูกลงแปลงถัดไป


ต้นหญ้านวดแมว เป็นพืชที่ต้องการความชื้นสูง ถ้าขาดน้ำนาน ลำต้นจะเฉา รวมทั้งตายได้เร็วทันใจ ดังนั้น กล้าต้นหญ้าหนวดแมวหรือต้นที่ปลูกเอาไว้ภายในแปลงแล้ว ควรจะมีการให้น้ำอย่างต่ำ 2 วัน/ครั้ง
การเก็บเกี่ยว ต้นหญ้าหนวดแมว แก่เก็บเกี่ยวราวๆ 120-140 วัน ข้างหลังปลูก บางทีอาจเก็บเกี่ยวด้วยการถอนต้นหรือทยอยเด็ดเก็บกิ่งมาใช้ประโยชน์ก็ได้
องค์ประกอบทางเคมี
หญ้าหนวดแมวมีส่วนประกอบทางด้านพฤกษเคมีที่โดดเด่นเป็น สารกลุ่ม phenolic compoundsยกตัวอย่างเช่น rosmarinic acid, 3’-hydroxy-5, 6,    7, 4’-tetramethoxyflavone, sinensetin รวมทั้งeupatorin และก็ pentacyclic triterpenoid ที่สำคัญคือ betulinic acid2 นอกเหนือจากนี้ยังพบ glucoside orthosiphonin, myoinositol, essential oil, saponin, alkaloid, phytosterol, tannin พบสารกรุ๊ปฟลาโวน ยกตัวอย่างเช่น sinensetin, 3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxy flavones Potassium Salf ในใบ แล้วก็Hederagenin, Beta-Sitosterol, Ursolic acid ในต้นอีกด้วย
ซึ่งสารในหญ้าหนวดแมวเหล่านี้มีรายงานฤทธิ์ทางสรีรวิทยาแล้วก็เภสัชวิทยาเยอะมาก อย่างเช่น การขับฉี่ ลดระดับกรดยูริค (hypouricemic activity) ปกป้องรักษา ตับ ไต และกระเพาะอาหาร ลดความดันเลือด ต้านทานสารอนุมูลอิสระหรือปฏิกิริยาออกซิเดชัน ต้านทานการอักเสบ โรคเบาหวาน แล้วก็จุลชีวัน ลดไขมัน (antihyper-lipidemic activity) ลดความต้องการทานอาหาร (anorexic  activity)  และก็ปรับสมดุลภูมิต้านทานของร่างกาย (immunomodulation)
 
 
 โครงสร้างทางเคมีของสารพฤกษเคมีในหญ้าหนวดแมว (a)    rosmarinic acid, (b)  3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxyflavone, (c) eupatorin, (d) sinensetin, (e) betulinic acid
                 
     Tannin ที่มา: Wikipedia                      Myo-inositol   ที่มา: Google
คุณประโยชน์  ต้นหญ้าหนวดแมวเป็นสมุนไพรที่คนไทยได้ประยุกต์ใช้รักษาโรคมานานแล้ว โดยมีสรรพคุณตามตำราไทยหมายถึงใบมีรสจืด ใช้เป็นยาชงแทนใบชา กินขับเยี่ยว ขับนิ่ว แก้โรคไต และก็กระเพาะปัสสาวะอักเสบ แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว รวมทั้งไขข้ออักเสบ แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ถุงน้ำดีอักเสบ ทุเลาอาการไอ แก้โรคหนองใน ราก ขับฉี่ ขับนิ่ว ต้น แก้โรคไต ขับเยี่ยว รักษาโรคกษัย รักษาโรคปวดตามสันหลัง และก็บั้นท้าย รักษาโรคนิ่ว แก้โรคหนองใน รักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบ ล้างสารพิษในไต
ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น มีผลการค้นคว้าวิจัยบอกว่า ต้นหญ้าหนวดแมวมีสรรพคุณ

  • ความดันโลหิตสูง หญ้าหนวดแมวทำให้ความดันเลือดลดลง แล้วก็ยังสามารถลดสภาวะเส้นโลหิตหดตัวได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ไม่มีอันตรายในผู้เจ็บป่วยกลุ่มนี้มากขึ้น
  • การตำหนิดเชื้อระบบทางเท้าเยี่ยว โรคนี้แพทย์มักเสนอแนะให้ผู้เจ็บป่วยดื่มน้ำมากมายๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งในระยะเริ่มแรกถ้าหากดื่มน้ำมากๆก็จะช่วยให้หายได้โดยไม่ต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ การดื่มน้ำมากมายๆเสมือนเป็นการช่วยให้เชื้อโรคถูกขับออกไทยจากระบบทางเดินฉี่ไปเรื่อยยิ่งขับออกเร็วมากเท่าไรลักษณะโรคก็จะหายเร็วมากยิ่งกว่าเดิมเพียงแค่นั้นแม้เชื้อสะสมอยู่ในระบบทางเท้าฉี่ก็จะเป็นตัวกระตุ้นการหลั่งสารกรุ๊ป cytokines โดยเฉพาะอย่างยิ่ง interleukin 6  ที่ให้ผลทั้งยังเฉพาะที่ในระบบทางเดินปัสสาวะและก็กระทบไปทั่วร่างกาย (systemic effect) คือก่อให้เกิดการปวด อักเสบ รวมทั้งเป็นไข้ได้ ต้นหญ้าหนวดแมวก็ยังสามารถช่วยลดการอักเสบ ปวด ไข้ รวมทั้งคุ้มครองป้องกันมิให้เชื้อติดตามเยื่อระบบทางเดินปัสสาวะ เชื้อก็จะหลุดออกไปกับน้ำเยี่ยวได้เร็วขึ้น
  • เบาหวาน ต้นหญ้าหนวดแมวทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดต่ำลงเพราะว่ายับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี α-glucosidase แล้วก็  α-amylase  แล้วก็ลดพิษจากการได้รับกลูโคสปริมาณสูง ก็เลยสามารถประยุกต์ใช้ในคนเจ็บเบาหวานได้โดยสวัสดิภาพแล้วก็แบบเรียนยาโบราณยังบางทีอาจใช้รักษาโรคเบาหวานได้ด้วย
  • นิ่ว ต้นหญ้าหนวดแมวเป็น hypourecimic agent เป็นขับกรดยูริกออกมาจากกระแสเลือด ลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริกได้ ทั้งยังยังลดการบิดเจ็บในไตที่เกิดขึ้นจากนิ่ว calcium oxalate ได้ด้วย
  • มะเร็ง ต้นหญ้านวดแมวเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งหลายอย่างและก็ลดการผลิตเส้นเลือดใหม่ไม่ให้งอกไปเลี้ยงก้อนเนื้อโรคมะเร็ง ก็เลยให้ผลดีสำหรับเพื่อการร่วมรักษาโรคมะเร็งได้
  • ท่อเยี่ยวตีบแคบ ต้นหญ้าหนวดแมวถือว่าเป็นสมุนไพรที่เป็นประโยชน์มากมายสำหรับเพื่อการช่วยขับปัสสาวะในผู้เจ็บป่วยที่มีปัญหาในเรื่องท่อเยี่ยวตีบแคบซึ่งพบได้ย่อยในสุภาพสตรีสูงวัย เพราะทำให้กล้ามเนื้อเรียบของท่อปัสสาวะคลายตัว
แบบ/ขนาดวิธีใช้ ตามตำรายาไทยกำหนดได้ว่า

  • ใช้ขับฉี่
  • ใช้กิ่งกับใบต้นหญ้าหนวดแมว ขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป ล้างสะอาด เอามาผึ่งในที่ร่มให้แห้ง นำมา 4 กรัม หรือ 4 จับมือ ชงกับน้ำเดือด 1 ขวดน้ำปลา (750 ซีซี.) เช่นเดียวกันชงชา ดื่มต่างน้ำตลอดทั้งวัน กินนาน 1-6 เดือน
  • ใช้ต้นกับใบวันละ 1 กอบมือ (สด 90- 120 กรัม แห้ง 40- 50 กรัม ) ต้มกับน้ำกิน ทีละ 1 ถ้วยชา (75 ซีซี.) วันละ 3 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร
  • ใช้แก้นิ่ว/ขับนิ่ว ให้นำใบอ่อน (ไม่ใช่ดอก) ขอบต้นหญ้าหนวดแมว ประมาณ 2-3 ใบ (ควรที่จะเก็บตอนที่หญ้าหนวดแมวกำลังมีดอก) มาหั่นเป็นท่อนประมาณ 2-3 ซม. ผึ่งแดดให้แห้งแล้วนำมาชงกับน้ำร้อน (โดยประมาณ 2 กรัมต่อน้ำร้อน 1 แก้ว) ปิดฝาทิ้งเอาไว้ 5-10 นาที ใช้ดื่ม วันละ 3-4 ครั้ง
  • แก้อาการคลื่นเหียน อ้วก ตำราเรียนยาให้ใช้ใช้ใบ แล้วก็กิ่งต้มน้ำรวมกับสารส้ม ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนที่จะกินอาหาร


การเล่าเรียนทางพิษวิทยา การเล่าเรียนทางเภสัชวิทยาของต้นหญ้าหนวดแมวส่วนมากจะมีด้านฤทธิ์การขับปัสสาวะและก็ฤทธิ์สำหรับการรักษานิ่ว อาทิเช่น

  • มีสารฤทธิ์ขับฉี่ ทดลองป้อนทิงเจอร์ของสารสกัดจากใบด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 และก็จำนวนร้อยละ 70 ให้หนูแรทพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 50 มีฤทธิ์ขับเยี่ยวและก็ขับโซเดียมได้ดีกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 70 แต่ขับโปแตสเซียมออกได้น้อยกว่า นอกเหนือจากนี้สารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 50 ยังมีฤทธิ์ขับกรดยูริคเจริญมาก แล้วก็พบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 มีปริมาณสารสำคัญ อย่างเช่น sinesetine, eupatorine, caffeic acid และ cichoric acid สูงยิ่งกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 70 แต่ว่ามีสาร rosemarinic acid น้อยกว่า
  • ฤทธิ์สำหรับเพื่อการรักษานิ่ว มีการศึกษาฤทธิ์ในการรักษานิ่วในทางเดินปัสสาวะส่วนบนของหญ้าหนวดแมวเปรียบเทียบกับการดูแลและรักษามาตรฐานด้วยไฮโดรคลอไรไธอาไซด์ แล้วก็โซเดียมไบคาร์บอเนต พบว่าผู้เจ็บป่วยที่ได้รับต้นหญ้าหนวดแมวมีการเคลื่อนตัวของนิ่วรอบๆกระดูกกระเบนเหน็บมากยิ่งกว่า รวมทั้งช่วยลดการใช้ยารับประทานแก้ปวดได้มากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยามาตรฐาน แม้กระนั้นไม่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คนเจ็บที่ได้รับหญ้าหนวดแมวจะมีความดันเลือดลดลงน้อย ในระหว่างที่กลุ่มที่ได้ยามาตรฐานจะมีความดันเลือดลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คนไข้ที่ได้รับต้นหญ้าหนวดแมวจะมีชีพจรในช่วงแรก (วันที่ 3 ของการทดลอง) เร็วขึ้น แต่ว่าไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับโปแตสเซียมในเลือด กรุ๊ปที่ได้ยามาตรฐานจะมีเม็ดเลือดแดงในฉี่ในวันที่ 30 ของการทดลองลดลง ความเคลื่อนไหวของความถ่วงจำเพาะของเยี่ยวทั้งสองกลุ่มไม่ต่างกัน ในขณะเจอผลกระทบในกรุ๊ปที่ใช้หญ้าหนวดแมวน้อยกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยามาตรฐาน แต่ว่าไม่ต่างอะไรอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ ยิ่งไปกว่านี้ มีรายงานผลของการรักษานิ่วในไตในผู้เจ็บป่วยที่ให้กินยาต้มที่เตรียมจากใบหญ้าหนวดแมวแห้ง ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 0.5 ขนาด 300 มิลลิลิตร ครั้งเดียว ติดต่อกันนาน 1-10 เดือน พบว่า 9 ราย มีการสนองตอบทางคลินิกที่ดี พบว่าปัสสาวะของคนป่วยมีทิศทางเป็นด่างมากขึ้น ซึ่งแนะนำว่าน่าจะช่วยลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริคได้

นอกจากนั้นยังมีการวิจัยในต่างแดนของฤทธิ์สำหรับเพื่อการบำบัดและรักษาลักษณะโรคต่างๆดังต่อไปนี้

  • การขับฉี่ (diuresis) ตอนนี้พบว่าเนื้อเยื่อบุผิวของกระเพาะปัสสาวะ (uroepithelial tissue) ที่มีตัวรับขอบ ที่มีตัวรับของ adenosinereceptor ทั้ง A1 A2A A2B และก็ A3    สาระสำคัญในหญ้าหนวดแมวมีกลไกการทำงานที่สำคัญคือ กระตุ้น adenosine receptor จำพวก A1    receptor แต่ก็ให้ฤทธิ์ที่เกี่ยวข้องถึง adenosine receptor อีก 3 ประเภทด้วย ทำให้กล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะหดตัวแต่ว่ากล้ามเนื้อเรียบของท่อฉี่ (urethra) คลายตัวซึ่งเอื้อต่อการขับปัสสาวะ จึงน่าจะเป็นกลไกที่ประยุกต์ใช้อธิบายการขับฉี่ได้
  • นิ่วในไต (urolithiasis) เป็นโรคที่ยังถือว่าเป็นปัญหาอยู่มากรวมทั้งยังไม่รู้กลไกที่แจ่มชัด ยาแผนโบราณใช้หญ้าหนวดแมวในการรักษานิ่ว Gao รวมทั้งแผนกบ่งบอกถึงความสามารถของหญ้าหนวดแมวสำหรับในการปรับปรุงแก้ไขนิ่วที่เกิดขึ้นจากผลึกของ calcium oxalateในเนื้อเยื่อไตของหนูทดลอง โดยการทำให้สาร biomarker กว่า 20 ชนิดที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อไตเจ็บจากผลึกของ calcium oxalate สามารถกลับสู่ภาวการณ์ปกติได้เรื่องดำเนินการของสารในต้นหญ้าหนวดแมวคาดว่าน่าจะผ่านหลายกลไกในลักษณะ multiple metabolicpathways โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมเกือบจะอลิซึมของพลังงานต่างๆกรดอะมิโน taurine hypotaurine purine รวมทั้ง citrate cycle นอกเหนือจากนั้นยังมีรายงานเพิ่มเติมอีกว่าการขับปัสสาวะบางทีอาจเป็นการช่วยละลายนิ่วและขับออกมากับเยี่ยวง่ายดายมากยิ่งขึ้น ทั้งช่วยขับกรดยูริครวมทั้งคุ้มครองป้องกัน  uric acid stone formation
  • การตำหนิดเชื้อของระบบทางเท้าฉี่ (urinary tract infection, UTI) เมื่อนำต้นหญ้าหนวดแมวมาใช้ในระบบทางเดินปัสสาวะ ผลพลอยได้ที่น่าสนใจคือ นอกเหนือจากที่จะขับฉี่ที่ช่วยให้อาการของการต่อว่าดเชื้อดียิ่งขึ้นแล้ว ยังสามารถลดการยึดติดของเชื้อชนิด uropathognicEscherichia coli กับเซลล์กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เชื้อถูกขับออกไปจากระบบทางเท้าปัสสาวะได้ง่ายรวมทั้งเร็วขึ้น นอกนั้นคุณสมบัติสำหรับการต้านทานปฏิกิริยาออกซิเดชัน ที่จะลดความตึงเครียดจากภาวะออกซิเดชัน (oxidative stress) จึงลดการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันสำคัญเป็น lipid peroxidation ทำให้ลดการเกิดแผล (scar formation) ได้
  • การต้านอักเสบ (anti-inflammation) สารสกัดจากใบต้นหญ้าหนวดแมว  (chloroform extract) มีคุณสมบัติตามอักเสบก้าวหน้า ก็เลยมีการนำมาใช้ใน rheumatoid arthritis gout และก็โรคอันมีสาเหตุจากการอักเสบต่างๆกลไกหนึ่งของสารสกัดหญ้าหนวดแมวที่ลดการอักเสบเป็นยับยั้ง cytosolic phospholipaseA2a (cPLA2a) ทำให้การสลาย phospholipid ลดน้อยลงสาร eupatorin และ sinensetin ยั้งการแสดงออกของยีน iNOS รวมทั้ง COX-2 ทำให้การสังเคราะห์ nitric oxide และก็ PGE2 ต่ำลงตามลำดับ เว้นเสียแต่สารกลุ่ม phenolic compounds หมายถึงeupatorin และsinensetin แล้วสารกลุ่ม diterpines ในหญ้าหนวดแมวก็สามารถยับยั้งการสังเคราะห์ nitric oxide ได้เช่นกัน ยิ่งกว่านั้นยังลดการสังเคราะห์ tumornecrosis factor a อีกด้วย สันนิษฐานว่ากลไกการต้านอักเสบผ่าน transcription factor ที่ชื่อ STAT1a
  • การลดไข้ (antipyretic activity)สารสกัดจากหญ้าหนวดแมวมีคุณลักษณะลดการเกิดไข้ได้โดยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์เป็น rosmarinic acid,sinensetin, eupatorin และก็ tetramethoxy-flavone จุดเด่นที่นอกเหนือจากการต้านทานอักเสบและก็ลดไข้แล้วยังช่วยลดของกินปวดได้อีกด้วย31 ซึ่งอาการอักเสบ ไข้และปวดจะพบได้ทั่วไปสำหรับในการติดเชื้อของระบบทางเดินเยี่ยว
  • ภาวการณ์น้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycaemia) การใช้ต้นหญ้าหนวดแมวในผู้ป่วยเบาหวานน่าจะมีความปลอดภัยสูงเพราะว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมว สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของตัวทดลองที่เป็นโรคเบาหวานได้ โดยยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี a-glucosidase เพิ่มการแสดงออกของยีนอินซูลินและคุ้มครองป้องกันความเป็นพิษที่เกิดจากการรับเดกซ์โทรสขนาดสูงๆ(high glucosetoxicity) โดยผ่านการเติมหมู่ฟอสเฟตให้กับphosphatidylino-sitol 3-kinase (PI3K)


เมื่อกระทำการสกัดแยกสาร sinensetin ออกมาทดลองฤทธิ์การหยุดยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี a-glucosidase และa-amylase ก็พบว่าความสามารถของสารบริสุทธิ์sinensetin สำหรับในการยั้งเอนไซม์ a-glucosidase สูงขึ้นยิ่งกว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมว (ethanolic extract) ถึง 7 เท่า ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 0.66 รวมทั้ง 4.63 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตร เป็นลำดับ เวลาที่สมรรถนะของsinensetin สำหรับการยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี a-amylase สูงยิ่งกว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมวถึง 32.5 เท่า ด้วยค่า IC50 เท่ากับ 1.13 รวมทั้ง 36.7 มิลลิกรัมต่อมิลลิลิตรตามลำดับ จึงคาดการณ์ว่าสาร sinensetin อาจเป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์ของหญ้าหนวดแมวสำหรับในการต้านโรคเบาหวานจำพวกที่ไม่ขึ้นกับอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes) ได้

  • ความดันเลือดสูง (Hypertension) สารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว สามารถลดภาวการณ์เส้นเลือดหดรัด (vasoconstriction) ด้วยการหยุดยั้งตัวรับ alpha 1 adrenergic และก็ angiotensin 1 ก็เลยน่าจะไม่มีอันตรายในคนไข้ความดันเลือดสูง นอกจากจะไม่เป็นอันตรายในคนป่วยความดันโลหิตสูงแล้วยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาความดันโลหิตสูงได้ด้วย คาดว่าสารสำคัญที่ออกฤทธิ์มาจากกลุ่ม diterpenes แล้วก็ methylripario-chromene A
  • พิษต่อเซลล์ของมะเร็ง (cytotoxicity)หญ้าหนวดแมวที่สกัดด้วยวิธี supercritical carbon-dioxide ได้ผลที่น่าดึงดูด ในการยับยั้งการเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยความเข้มข้นที่ยั้งการก้าวหน้าของเซลล์ (inhibitory concemtration) ได้ 50 % คือค่า IC50 ต่ำเพียง 28 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร เมื่อศึกษาเล่าเรียนลงไปในระดับเซลล์ก็พบว่าทำให้เซลล์ตายในลักษณะ apoptosis ที่สามารถมองเห็น nuclearcondensation รวมทั้งความแปลกของเยื่อไมโตคอนเดรียได้อย่างแจ่มแจ้ง เมื่อกระทำสกัดสาร eupatorin มาทดลองความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งหลายๆจำพวกก็ให้ค่า    IC50  ในระดับตำเป็นไมโครโมล่าร์ ด้วยการหยุดยั้งวงจรการแบ่งเซลล์ ระยะ G2/M phase ข้อดีที่เหนือยาเคมีบำบัดรักษาในปัจจุบันคือ eupatorin ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ธรรมดา
  • การต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (anti-oxidation) สารสกัดหญ้าหนวดแมวสามารถลดสารอนุมูลอิสระ อาทิเช่น การลดปฏิกิริยา lipid peroxidation ทำให้เยื่อเซลล์คงทนถาวรและแข็งแรง ก็เลยลดการเกิดรอยแผลของระบบทางเดินฉี่ได้  นอกจากลดการเกิดปฏิกิริยา lipid peroxidation แล้วยังสามารถลดการเกิด hydrogen peroxide ได้อีกด้วย ทำให้เซลล์รอดพ้นจากการเสียชีวิตแบบ apoptosis ด้วยการเพิ่มการแสดงออกของยีน  Bcl-2  พร้อมทั้งลดการแสดงออกของยีน Bax42  Ho และก็ภาควิชาทดลองใช้วิธีultrasound-assisted extraction (UAE) มาช่วยสำหรับการสกัดสารจากต้นหญ้าหนวดแมวทำได้สารสกัดที่มีฤทธิ์ต่อต้านปฏิกิริยาออกซิเดชันดีขึ้น โดยเจอสารrosmarinic  acid,  kaempferol-rutinoside  และก็sinesetine อยู่ในสารสกัดดังกล่าวมาแล้วข้างต้น


การเรียนรู้ทางพิษวิทยา เมื่อฉีดสารสกัดด้วยน้ำร้อนจากใบและก็ลำต้นเข้าท้องหนูแรทเพศผู้และเพศเมีย หนูเม้าส์เพศผู้แล้วก็เพศเมีย พบความเป็นพิษปานกลาง   เมื่อป้อนสารสกัดเดียวดันนี้ให้กับหนูแรททั้งคู่เพศทุกๆวันต่อเนื่องกัน 30 วัน ไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว ค่าการตรวจทางวิชาชีวเคมีในเลือด และพยาธิสภาพของอวัยวะสำคัญเมื่อดูด้วยตาเปล่า  รวมทั้งเมื่อศึกษาเล่าเรียนความเป็นพิษในระยะยาวนาน 6 เดือน โดยการป้อนหนูแรทด้วยยาชงด้วยน้ำร้อน ซึ่งมีความแรงเทียบเท่ากับ 11.25, 112.5 รวมทั้ง 225 เท่าของขนาดที่ใช้ในผู้ป่วยโรคนิ่วในท่อไต ไม่พบความไม่เหมือนของการเติบโต  การกินของกิน ลักษณะด้านนอกหรือความประพฤติที่แตกต่างจากปกติ และก็ค่าการตรวจทางวิชาชีวเคมีในเลือดเมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มควบคุม ยกเว้นจำนวนเกร็ดเลือดจะมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้ยาในขนาด 18 กรัม/กก./วัน พบว่าระดับโซเดียมในเลือดในกลุ่มทดลองทุกกลุ่ม โปแตสเซียมในหนูเพศเมีย และคอเลสเตอรอลในหนูเพศผู้ จะหรูหราต่ำลงยิ่งกว่ากลุ่มควบคุม   นอกนั้น เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดจากต้นหญ้าหนวดแมว ติดต่อกันนาน 6 เดือน เทียบกลุ่มควบคุม พบว่า หนูทุกกลุ่มมีการเจริญวัยแล้วก็กินอาหารได้ใกล้เคียงกัน ไม่เจอความผิดแปลกในระบบโลหิตวิทยาและก็ความเปลี่ยนไปจากปกติของอวัยวะภายใน ส่วนการตรวจผลทางชีวเคมีพบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดทุกขนาดมีระดับโซเดียมต่ำกว่ากลุ่มควบคุม แต่ระดับโปแตสเซียมมีลัษณะทิศทางสูงมากขึ้น ในหนูเพศผู้ที่ได้รับสารสกัด 0.96 กรัม/กก./วัน จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยของตับและก็ม้ามมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม แต่การตรวจทางจุลพยาธิสภาพไม่พบความแปลกที่เซลล์ตับแล้วก็อวัยวะอื่นๆยกเว้นการโป่งพองของกรวยไตในหนูขาวที่ได้รับสารสกัด 4.8 กรัม/กิโล/วัน ที่มีปริมาณเพิ่มมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม  กล่าวโดยย่อสารสกัดหญ้าหนวดแมวเป็นพิษน้อย  แต่ต้องคอยติดตามวัดระดับโซเดียมและโปแตสเซียมถ้าเกิดใช้ติดต่อกันนาน
ข้อเสนอแนะ/ข้อควรไตร่ตรอง

  • สำหรับคนที่เป็นโรคไตหรือโรคหัวใจ ไม่สมควรใช้สมุนไพรหญ้าหนวดแมว เพราะว่าสมุนไพรประเภทนี้มีสารโพแทสเซียมสูงมากมาย ถ้าเกิดไตผิดปกติก็จะไม่อาจจะขับโพแทสเซียมออกมาได้ ทำให้เกิดโทษต่อสถาพทางร่างกายอย่างร้ายแรง และก็ยังมีฤทธิ์สำหรับในการขับปัสสาวะให้ออกมามากยิ่งกว่าธรรมดา รวมทั้งเกรงว่าขนาดของโพแทสเซียมที่สูงมากมายนั้น บางครั้งอาจจะไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วไม่ปกติ ก็เลยอาจส่งผลเสียต่อโรคหัวใจได้
  • การกางใบชองหญ้าหนวดแมวไม่ควรใช้การต้ม ให้ใช้การชง รวมทั้งควรที่จะใช้ใบอ่อน ด้วยเหตุว่าใบแก่จะมีความเข้มข้นอาจก่อให้มีฤทธิ์กดหัวใจ
  • การเลือกต้นประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพร ควรเลือกต้นที่มองแข็งแรง แข็งแล้วก็หนา ไม่อ่อนแขวนลงมา ลำต้นมองอวบเป็นเหลี่ยม ต้นมีสีม่วงสีแดงเข้ม และดูได้จากใบที่มีสีเขียวเข้มวาวและใหญ่
  • การใช้สมุนไพรต้นหญ้าหนวดแมวเพื่อรักษานิ่วจะได้ผลดีก็เมื่อใช้กับนิ่วก้อนเล็กๆแม้กระนั้นจะไม่ได้เรื่องกับก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่
  • สมุนไพรหญ้าหนวดแมว ไม่ควรใช้ร่วมกับยาแอสไพริน เพราะว่าต้นหญ้าหนวดแมวจะมีผลให้ยาแอสไพรินไปจับกล้ามเนื้อหัวใจมากขึ้น
  • ผลกระทบของต้นหญ้าหนวดแมว ซึ่งบางทีอาจเกิดขึ้นได้กับคนธรรมดาที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน โดยอาการที่บางทีอาจเจอได้คือ ใจสั่น หายใจติดขัด ฉะนั้นการใช้สมุนไพรจำพวกนี
บันทึกการเข้า