รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สมุนไพรหญ้าหนวดเเมว มีสรรพคุณดีอย่างไร-เเละสามารถรักษาโรคได้อย่างไร  (อ่าน 512 ครั้ง)

Tawatchai1212

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 92
    • ดูรายละเอียด


หญ้าหนวดแมว
ชื่อสมุนไพร  ต้นหญ้าหนวดแมว
ชื่ออื่นๆ/ชื่อท้องถิ่น  พยับเมฆ (จ.กรุงเทพฯ) บางรักป่า (ประจวบคีรีขันธ์), อีตู่ดง (เพชรบุรี) หญ้าหนวดเสือ
ชื่อสามัญ Kidney tea plant, Cat’s whiskers, Java tea, Hoorah grass
ชื่อวิทยาศาสตร์ Orthosiphon aristatus (Blume) Miq.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์  Orthosiphon grandiflorus Bold. ,Orthosiphon stamineus Benth.
ตระกูล Lamiaceae หรือ Lamiaceae
บ้านเกิด  ต้นหญ้าหนวดแมวจัดเป็นพืชป่าในเขตร้อนชื้นมีบ้านเกิดเมืองนอนแถวเอเชียใต้แถบอินเดีย , บังคลาเทศ , ศรีลังการวมทั้งทางตอนใต้ของจีนแล้วมีการกระจายประเภทไปสู่ในประเทศเขตร้อนที่ใกล้เคียง (ในเอเซียอาคเนย์) ดังเช่นว่า ประเทศพม่า ไทย ลาว เขมร มาเลเซีย ฯลฯ ในประเทศไทย มีการนำต้นหญ้าหนวดแมวมาเป็นสมุนไพรรักษาโรคนิ่วและขับฉี่มานานแล้ว กระทั่งในขณะนี้มีการทำการค้นคว้าเกี่ยวกับหญ้าหนวดแมวว่าสามารถรักษาโรครวมทั้งสภาวะต่างๆได้มากมายหลายโรคก็เลยทำให้ความนิยมชมชอบในการใช้ต้นหญ้าหนวดแมวเพิ่มมากขึ้น
ลักษณะทั่วไป   หญ้าหนวดแมวมีลักษณะ ต้น เป็นไม้พุ่มล้มลุก ขนาดเล็ก เนื้ออ่อน สูง 30-60 เซนติเมตร มีอายุนับเป็นเวลาหลายปี ลำต้นรวมทั้งกิ่งค่อนข้างจะเป็นสี่เหลี่ยมเห็นได้ชัดเจน มีสีม่วงแดง และมีขนนิดหน่อย แตกกิ่งก้านสาขามากมาย โคนต้นอ่อนโค้ง ปลายตั้งชัน ตามยอดอ่อนมีขนกระจัดกระจาย ใบเป็นลำพัง ออกตรงกันข้าม สีเขียวเข้ม รูปไข่ หรือรูปสี่เหลี่ยมผ่านหลามตัด ตามเส้นใบมักมีขน กว้าง 2-5 ซม. ยาว 5-10 เซนติเมตร ปลายใบเรียวแหลม โคนใบสอบ ขอบของใบจักเป็นฟันเลื่อยห่างๆนอกจากขอบที่โคนใบจะเรียบ มีขนตามเส้นใบอีกทั้งด้านบนและก็ด้านล่าง เนื้อใบบาง ก้านใบยาว 2-4.5 ซม. มีขน ดอก มีสีขาว หรือขาวอมม่วงอ่อน ออกเป็นช่อกระจะตั้งขึ้น ที่ปลายยอด เป็นรูปฉัตร ยาว 7-29 เซนติเมตร มีดอกย่อยประมาณ 6 ดอก ขนาดดอก 1.5 ซม. ดอกจะบานจากข้างล่างขึ้นไปข้างบน ริ้วแต่งแต้มรูปไข่ ยาว 1-2 มิลลิเมตร ไม่มีก้าน กลีบเลี้ยงเชื่อมชิดกันเป็นรูประฆัง งอบางส่วน ยาว 2.5-4.5 มิลลิเมตร เมื่อสำเร็จยาว 6.5-10 มิลลิเมตร ด้านนอกมีต่อมน้ำมันหรือเป็นปุ่มๆกลีบดอกโคนเชื่อมติดกันเป็นหลอดตรงเล็ก ยาว 10-20 มิลลิเมตร ปลายแยกเป็นปากสองปาก ปากบนใหญ่กว่า ปากบนมีหยักตื้นๆ4 หยัก โค้งไปทางข้างหลัง ปากล่างตรง โค้งเป็นรูปช้อน เกสรเพศผู้มี 4 อัน เรียงเป็น 2 คู่ คู่ล่างยาวกว่าคู่บนน้อย ก้านเกสรยาว หมดจด ไม่ติดกัน ยื่นยาวออกมานอกกลีบดอกเห็นได้ชัดเสมือนหนวดแมว อับเรณูเป็น 2 พู ข้างบนบรรจบกัน ก้านเกสรเพศเมียเรียวเล็ก ยาว 5-6 ซม. ปลายก้านเป็นรูปกระบอง ปลายสุดมี 2 พู ผลได้ผลแห้งไม่แตก รูปขอบขนานกว้าง แบน แข็ง สีน้ำตาลเข้ม ขนาดเล็ก ยาวราวๆ 1-2 มม. ผลจะเจริญรุ่งเรืองเป็น 4 ผลย่อยจากดอกหนึ่งดอก ตามผิวมีรอยย่น ออกดอกและก็ติดผลราวกันยายนถึงต.ค. ถูกใจขึ้นที่เปียกชื้น มีแดดรำไรในป่าริมลำน้ำ หรือน้ำตก
การขยายพันธุ์ หญ้าหนวดแมว เป็นไม้ล้มลุกที่เติบโตเจริญในดินชื้น คล้ายกับกระเพราแล้วก็โหระพา จึงทนต่อสภาพแห้งได้น้อย ดังนั้น การปลูกต้นหญ้านวดแมวควรต้องเลือกสถานที่ปลูกที่ค่อนข้างเปียกชื้นเสมอหรือมีระบบให้น้ำอย่างทั่วถึง แต่ในฤดูฝนสามารถเติบโตได้ทุกพื้นที่
                อีกทั้งต้นหญ้าหนวดแมวเป็นพืชถูกใจดินร่วน แล้วก็มีสารอินทรีย์สูง ด้วยเหตุดังกล่าว ดินหรือแปลงปลูกควรเติมอินทรียวัตถุ เป็นต้นว่า ปุ๋ยธรรมชาติ ปุ๋ยธรรมชาติ ก่อนกระพรวนผสมเข้าด้วยกันไปเรื่อยๆจนกว่าจะเข้ากันและก็กำจัดวัชพืชออกให้หมด
ส่วนการปลูกต้นหญ้าหนวดแมว ปลูกได้ด้วย 2 แนวทาง คือ

  • การปักชำกิ่ง ตัดกิ่งที่ยังไม่มีดอก ยาวราว 15-20 เซนติเมตร จากนั้น เด็ดกิ่งกิ้งก้าน แล้วก็ใบออกด้านโคนกิ่งออก ในความยาวโดยประมาณ 5 เซ็นติเมตร พร้อมกับเด็ดยอดทิ้ง ก่อนเอามาปักชำ ซึ่งบางทีอาจปักชำในกระถางหรือปักชำลงแปลงปลูก
  • การหว่านเมล็ด นำเมล็ดหว่านลงแปลงที่เตรียมไว้ โดยหว่านให้เม็ดมีระยะห่างกันราว 3-5 เซนติเมตร ก่อนให้น้ำ ใส่ปุ๋ย และก็ดูแลกระทั่งต้นกล้าอายุราวๆ 20-30 วัน หรือสูงราว 10-15 ซม. ก่อนแยกปลูกลงแปลงถัดไป


ต้นหญ้านวดแมว เป็นพืชที่ต้องการความชุ่มชื้นสูง ถ้าหากขาดน้ำนาน ลำต้นจะเหี่ยวเฉา และตายได้รวดเร็ว ดังนั้น กล้าหญ้าหนวดแมวหรือต้นที่ปลูกลงในแปลงแล้ว ควรมีการให้น้ำอย่างน้อย 2 วัน/ครั้ง
การเก็บเกี่ยว ต้นหญ้าหนวดแมว แก่เก็บเกี่ยวราว 120-140 วัน ข้างหลังปลูก บางทีอาจเก็บเกี่ยวด้วยการถอนอีกทั้งต้นหรือทยอยเด็ดเก็บกิ่งมาใช้ประโยชน์ก็ได้
ส่วนประกอบทางเคมี
ต้นหญ้าหนวดแมวมีองค์ประกอบทางด้านพฤกษเคมีที่โดดเด่นคือ สารกลุ่ม phenolic compoundsอย่างเช่น rosmarinic acid, 3’-hydroxy-5, 6,    7, 4’-tetramethoxyflavone, sinensetin รวมทั้งeupatorin รวมถึง pentacyclic triterpenoid ที่สำคัญเป็น betulinic acid2 นอกนั้นยังเจอ glucoside orthosiphonin, myoinositol, essential oil, saponin, alkaloid, phytosterol, tannin พบสารกรุ๊ปฟลาโอ้อวดน ตัวอย่างเช่น sinensetin, 3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxy flavones Potassium Salf ในใบ และHederagenin, Beta-Sitosterol, Ursolic acid ในต้นอีกด้วย
ซึ่งสารในต้นหญ้าหนวดแมวกลุ่มนี้มีรายงานฤทธิ์ทางสรีรวิทยาและก็เภสัชวิทยามากมายก่ายกอง ยกตัวอย่างเช่น การขับฉี่ ลดระดับกรดยูริค (hypouricemic activity) ปกป้อง ตับ ไต แล้วก็กระเพาะอาหาร ลดระดับความดันโลหิต ต้านทานสารอนุมูลอิสระหรือปฏิกิริยาออกซิเดชัน ต้านทานการอักเสบ เบาหวาน และจุลชีพ ลดไขมัน (antihyper-lipidemic activity) ลดความต้องการทานอาหาร (anorexic  activity)  รวมทั้งปรับสมดุลภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immunomodulation)
 
 
 องค์ประกอบทางเคมีของสารพฤกษเคมีในต้นหญ้าหนวดแมว (a)    rosmarinic acid, (b)  3’-hydroxy-5,6,7,4’-tetramethoxyflavone, (c) eupatorin, (d) sinensetin, (e) betulinic acid
                 
     Tannin ที่มา: Wikipedia                      Myo-inositol   ที่มา: Google
สรรพคุณ  ต้นหญ้าหนวดแมวเป็นสมุนไพรที่คนประเทศไทยได้ประยุกต์ใช้รักษาโรคมานานแล้ว โดยมีสรรพคุณตามตำราไทยเป็นใบมีรสจืด ใช้เป็นยาชงแทนใบชา กินขับเยี่ยว ขับนิ่ว แก้โรคไต แล้วก็กระเพาะปัสสาวะอักเสบ แก้ปวดเมื่อย และไขข้ออักเสบ แก้คลื่นเหียนอาเจียน แก้ถุงน้ำดีอักเสบ บรรเทาอาการไอ แก้โรคหนองใน ราก ขับเยี่ยว ขับนิ่ว ต้น แก้โรคไต ขับฉี่ รักษาโรคกระษัย รักษาโรคปวดตามสันหลัง แล้วก็บั้นท้าย รักษาโรคนิ่ว แก้โรคหนองใน รักษาโรคเยื่อจมูกอักเสบ ล้างสารพิษในไต
ส่วนในทางการแพทย์แผนปัจจุบันนั้น ส่งผลการวิจัยบอกว่า หญ้าหนวดแมวมีคุณประโยชน์

  • ความดันโลหิตสูง ต้นหญ้าหนวดแมวทำให้ความดันเลือดต่ำลง รวมทั้งยังสามารถลดภาวะเส้นเลือดหดตัวได้ด้วย ก็ยิ่งทำให้ไม่เป็นอันตรายในคนป่วยกลุ่มนี้เยอะขึ้น
  • การติดเชื้อระบบทางเท้าฉี่ โรคนี้หมอมักเสนอแนะให้คนไข้ดื่มน้ำมากมายๆโดยยิ่งไปกว่านั้นในระยะเริ่มแรกถ้าหากดื่มน้ำมากๆก็จะสามารถช่วยให้หายได้โดยไม่ต้องกินยาปฏิชีวนะ การกินน้ำมากๆราวกับเป็นการช่วยทำให้เชื้อโรคถูกขับออกไทยจากระบบทางเดินฉี่ไปเรื่อยๆยิ่งขับออกเร็วมากเท่าไรลักษณะของโรคก็จะหายเร็วมากยิ่งกว่าเดิมเท่านั้นถ้าหากเชื้อสะสมอยู่ในระบบฟุตบาทเยี่ยวก็จะเป็นตัวกระตุ้นการหลั่งสารกรุ๊ป cytokines โดยเฉพาะ interleukin 6  ที่ให้ผลทั้งเฉพาะที่ในระบบทางเท้าปัสสาวะแล้วก็กระทบไปทั่วร่างกาย (systemic effect) คือส่งผลให้เกิดการปวด อักเสบ และจับไข้ได้ ต้นหญ้าหนวดแมวก็ยังสามารถช่วยลดการอักเสบ ปวด ไข้ รวมถึงคุ้มครองปกป้องไม่ให้เชื้อติดตามเนื้อเยื่อระบบทางเดินเยี่ยว เชื้อก็จะหลุดออกไปกับน้ำเยี่ยวได้เร็วขึ้น
  • เบาหวาน หญ้าหนวดแมวทำให้น้ำตาลในกระแสโลหิตลดลงเนื่องจากยับยั้งเอนไซม์ α-glucosidase และก็  α-amylase  แล้วก็ลดพิษจากการได้รับกลูโคสปริมาณสูง จึงสามารถนำมาใช้ในคนไข้โรคเบาหวานได้อย่างปลอดภัยแล้วก็ตำรายาโบราณยังบางทีอาจใช้รักษาโรคเบาหวานได้ด้วย
  • นิ่ว ต้นหญ้าหนวดแมวเป็น hypourecimic agent คือขับกรดยูริกออกมาจากกระแสโลหิต ลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริกได้ ทั้งยังยังลดการบิดเจ็บในไตที่เกิดขึ้นจากนิ่ว calcium oxalate ได้ด้วย
  • มะเร็ง ต้นหญ้านวดแมวเป็นพิษต่อเซลล์ของมะเร็งหลายประเภทแล้วก็ลดการสร้างเส้นโลหิตใหม่ไม่ให้แตกหน่อไปเลี้ยงก้อนเนื้อโรคมะเร็ง จึงให้ผลดีสำหรับการร่วมรักษาโรคมะเร็งได้
  • ท่อฉี่ตีบแคบ หญ้าหนวดแมวนับว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากสำหรับในการช่วยขับเยี่ยวในคนไข้ที่มีปัญหาในเรื่องท่อฉี่ตีบแคบซึ่งเจอได้ย่อยในคุณผู้หญิงสูงวัย เพราะว่าทำให้กล้ามเรียบของท่อเยี่ยวคลายตัว
ต้นแบบ/ขนาดวิธีการใช้ ตามตำรายาไทยกำหนดได้ว่า

  • ใช้ขับปัสสาวะ
  • ใช้กิ่งกับใบต้นหญ้าหนวดแมว ขนาดกึ่งกลาง ไม่แก่หรืออ่อนกระทั่งเกินความจำเป็น ล้างสะอาด เอามาผึ่งในที่ร่มให้แห้ง เอามา 4 กรัม หรือ 4 ถือมือ ชงกับน้ำเดือด 1 ขวดน้ำปลา (750 ซีซี.) เช่นกันชงชา ดื่มต่างน้ำตลอดทั้งวัน กินนาน 1-6 เดือน
  • ใช้ต้นกับใบวันละ 1 กอบมือ (สด 90- 120 กรัม แห้ง 40- 50 กรัม ) ต้มกับน้ำรับประทาน ครั้งละ 1 ถ้วยชา (75 ซีซี.) วันละ 3 ครั้ง ก่อนรับประทานอาหาร
  • ใช้แก้นิ่ว/ขับนิ่ว ให้นำใบอ่อน (ไม่ใช่ดอก) ขอบต้นหญ้าหนวดแมว ราว 2-3 ใบ (ควรเก็บตอนที่ต้นหญ้าหนวดแมวกำลังมีดอก) มาหั่นเป็นท่อนประมาณ 2-3 ซม. ตากแดดให้แห้งแล้วนำมาชงกับน้ำร้อน (โดยประมาณ 2 กรัมต่อน้ำร้อน 1 แก้ว) ปิดฝาทิ้งเอาไว้ 5-10 นาที ใช้ดื่ม วันละ 3-4 ครั้ง
  • แก้อาการคลื่นไส้ อ้วก หนังสือเรียนยาให้ใช้ใช้อีกทั้งใบ และก็กิ่งต้มน้ำรวมกับสารส้ม ดื่มวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร


การศึกษาเล่าเรียนทางพิษวิทยา การเรียนรู้ทางเภสัชวิทยาของต้นหญ้าหนวดแมวส่วนใหญ่จะมีด้านฤทธิ์การขับฉี่รวมทั้งฤทธิ์ในการรักษานิ่ว อย่างเช่น

  • มีสารฤทธิ์ขับฉี่ ทดสอบป้อนทิงเจอร์ของสารสกัดจากใบด้วยเอทานอลปริมาณร้อยละ 50 และปริมาณร้อยละ 70 ให้หนูแรทพบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 50 มีฤทธิ์ขับเยี่ยวและขับโซเดียมได้ดีมากยิ่งกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 70 แม้กระนั้นขับโปแตสเซียมออกได้น้อยกว่า นอกเหนือจากนั้นสารสกัดด้วยเอทานอลจำนวนร้อยละ 50 ยังมีฤทธิ์ขับกรดยูริคก้าวหน้ามาก แล้วก็พบว่าสารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 50 มีจำนวนสารสำคัญ เป็นต้นว่า sinesetine, eupatorine, caffeic acid รวมทั้ง cichoric acid สูงขึ้นมากยิ่งกว่าสารสกัดด้วยเอทานอลร้อยละ 70 แต่ว่ามีสาร rosemarinic acid น้อยกว่า
  • ฤทธิ์สำหรับเพื่อการรักษานิ่ว มีการศึกษาฤทธิ์ในการรักษานิ่วในทางเดินเยี่ยวส่วนบนของต้นหญ้าหนวดแมวเปรียบเทียบกับการดูแลและรักษามาตรฐานด้วยไฮโดรคลอไรไธอาไซด์ และโซเดียมไบคาร์บอเนต พบว่าผู้เจ็บป่วยที่ได้รับหญ้าหนวดแมวมีการขับเคลื่อนของนิ่วบริเวณกระดูกกระเบนเหน็บมากยิ่งกว่า และก็ช่วยลดการใช้ยารับประทานแก้ปวดได้มากกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยามาตรฐาน แม้กระนั้นไม่ต่างกันอย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ คนไข้ที่ได้รับหญ้าหนวดแมวจะมีความดันเลือดลดลงน้อย เวลาที่กรุ๊ปที่ได้ยามาตรฐานจะมีความดันโลหิตลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ คนเจ็บที่ได้รับหญ้าหนวดแมวจะมีชีพจรในช่วงแรก (วันที่ 3 ของการทดลอง) เร็วขึ้น แต่ไม่เจอความเคลื่อนไหวของระดับโปแตสเซียมในเลือด กรุ๊ปที่ได้ยามาตรฐานจะมีเม็ดเลือดแดงในฉี่ในวันที่ 30 ของการทดสอบลดลง ความเคลื่อนไหวของความถ่วงจำเพาะของปัสสาวะทั้งคู่กลุ่มไม่ได้มีความแตกต่างกัน ตอนที่เจอผลกระทบในกรุ๊ปที่ใช้หญ้าหนวดแมวน้อยกว่ากลุ่มที่ใช้ยามาตรฐาน แต่ว่าไม่ต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ นอกจากนี้ มีรายงานผลของการรักษานิ่วในไตในคนเจ็บที่ให้กินยาต้มที่จัดแจงจากใบต้นหญ้าหนวดแมวแห้ง ความเข้มข้นร้อยละ 0.5 ขนาด 300 มล. ครั้งเดียว ติดต่อกันเป็นเวลานาน 1-10 เดือน พบว่า 9 ราย มีการสนองตอบทางคลินิกที่ดี พบว่าเยี่ยวของคนไข้มีแนวโน้มเป็นด่างเพิ่มขึ้น ซึ่งแนะนำว่าน่าจะช่วยลดการเกิดนิ่วจากกรดยูริคได้

นอกจากนั้นยังมีการศึกษาวิจัยในต่างชาติของฤทธิ์สำหรับในการบำบัดและรักษาอาการของโรคต่างๆดังต่อไปนี้

  • การขับเยี่ยว (diuresis) ตอนนี้พบว่าเนื้อเยื่อบุผิวของกระเพาะปัสสาวะ (uroepithelial tissue) ที่มีตัวรับขอบ ที่มีตัวรับของ adenosinereceptor  A1 A2A A2B และ A3    สาระสำคัญในต้นหญ้าหนวดแมวมีกลไกการทำงานที่สำคัญเป็น กระตุ้น adenosine receptor ประเภท A1    receptor แต่ก็ให้ฤทธิ์ที่เกี่ยวเนื่องถึง adenosine receptor อีก 3 จำพวกด้วย ทำให้กล้ามเรียบของกระเพาะปัสสาวะหดตัวแม้กระนั้นกล้ามเนื้อเรียบของท่อเยี่ยว (urethra) คลายตัวซึ่งเอื้อต่อการขับฉี่ ก็เลยน่าจะเป็นกลไกที่ประยุกต์ใช้อธิบายการขับเยี่ยวได้
  • นิ่วในไต (urolithiasis) เป็นโรคที่ยังนับว่าเป็นปัญหาอยู่มากมายและก็ยังไม่รู้จักกลไกที่แจ่มชัด ยาแผนโบราณใช้หญ้าหนวดแมวสำหรับเพื่อการรักษานิ่ว Gao แล้วก็คณะชี้ให้เห็นความสามารถของต้นหญ้าหนวดแมวสำหรับในการปรับแต่งนิ่วที่เกิดขึ้นจากผลึกของ calcium oxalateในเยื่อไตของหนูทดลอง โดยการทำให้สาร biomarker กว่า 20 จำพวกที่เปลี่ยนแปลงไปเมื่อไตเจ็บจากผลึกของ calcium oxalate สามารถกลับสู่สภาวะปกติได้เรื่องดำเนินการของสารในต้นหญ้าหนวดแมวคาดว่าน่าจะผ่านหลายกลไกในลักษณะ multiple metabolicpathways โดยเฉพาะเมแทบอลิซึมของพลังงานต่างๆกรดอะมิโน taurine hypotaurine purine รวมถึง citrate cycle นอกนั้นยังมีรายงานเพิ่มเติมว่าการขับฉี่บางทีอาจเป็นการช่วยละลายนิ่วแล้วก็ขับออกมากับปัสสาวะง่ายขึ้น ทั้งยังช่วยขับกรดยูริคและก็ป้องกัน  uric acid stone formation
  • การตำหนิดเชื้อของระบบทางเท้าเยี่ยว (urinary tract infection, UTI) เมื่อนำต้นหญ้าหนวดแมวมาใช้ในระบบทางเดินฉี่ ผลประโยชน์ที่น่าสนใจคือ นอกจากจะขับเยี่ยวที่ช่วยให้อาการของการตำหนิดเชื้อแล้ว ยังสามารถลดการยึดติดของเชื้อชนิด uropathognicEscherichia coli กับเซลล์กระเพาะปัสสาวะ ทำให้เชื้อถูกขับออกไปจากระบบฟุตบาทเยี่ยวได้ง่ายรวมทั้งเร็วขึ้น ยิ่งกว่านั้นคุณลักษณะสำหรับการต้านปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน ที่จะลดความเคร่งเครียดจากภาวการณ์ออกซิเดชัน (oxidative stress) ก็เลยลดการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชันสำคัญเป็น lipid peroxidation ทำให้ลดการเกิดแผลเป็น (scar formation) ได้
  • การต้านอักเสบ (anti-inflammation) สารสกัดจากใบหญ้าหนวดแมว  (chloroform extract) มีคุณสมบัติตามอักเสบได้ดิบได้ดี ก็เลยมีการนำมาใช้ใน rheumatoid arthritis gout และก็โรคอันเกิดจากการอักเสบต่างๆกลไกหนึ่งของสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมวที่ลดการอักเสบเป็นยั้ง cytosolic phospholipaseA2a (cPLA2a) ทำให้การสลาย phospholipid ต่ำลงสาร eupatorin แล้วก็ sinensetin ยับยั้งการแสดงออกของยีน iNOS และ COX-2 ทำให้การสังเคราะห์ nitric oxide รวมทั้ง PGE2 ลดน้อยลงเป็นลำดับ เว้นแต่สารกลุ่ม phenolic compounds  คือ eupatorin และก็sinensetin แล้วสารกรุ๊ป diterpines ในต้นหญ้าหนวดแมวก็สามารถยั้งการสังเคราะห์ nitric oxide ได้เหมือนกัน นอกจากนี้ยังลดการสังเคราะห์ tumornecrosis factor a อีกด้วย คาดการณ์ว่ากลไกการต้านอักเสบผ่าน transcription factor ที่ชื่อ STAT1a
  • การลดไข้ (antipyretic activity)สารสกัดจากหญ้าหนวดแมวมีคุณลักษณะลดการเกิดไข้ได้โดยสารสำคัญที่ออกฤทธิ์เป็น rosmarinic acid,sinensetin, eupatorin รวมทั้ง tetramethoxy-flavone จุดเด่นที่นอกเหนือจากการต่อต้านอักเสบและลดไข้แล้วยังช่วยลดของกินปวดได้อีกด้วย31 ซึ่งอาการอักเสบ ไข้และปวดจะพบมากในการติดโรคของระบบทางเดินฉี่
  • สภาวะน้ำตาลในเลือดสูง (Hyperglycaemia) การใช้หญ้าหนวดแมวในผู้เจ็บป่วยเบาหวานคงจะมีความปลอดภัยสูงเนื่องด้วยสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว สามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดของหนูทดลองที่เป็นเบาหวานได้ โดยยั้งเอนไซม์ a-glucosidase เพิ่มการแสดงออกของยีนอินซูลินรวมทั้งคุ้มครองปกป้องความเป็นพิษที่เกิดขึ้นมาจากการรับเดกซ์โทรสขนาดสูงๆ(high glucosetoxicity) โดยผ่านการเติมหมู่ฟอสเฟตให้กับphosphatidylino-sitol 3-kinase (PI3K)


เมื่อทำการสกัดแยกสาร sinensetin ออกมาทดลองฤทธิ์การขัดขวางเอนไซม์ a-glucosidase รวมทั้งa-amylase ก็พบว่าสมรรถนะของสารบริสุทธิ์sinensetin ในการยับยั้งเอนไซม์ a-glucosidase สูงยิ่งกว่าสารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว (ethanolic extract) ถึง 7 เท่า ด้วยค่า IC50 พอๆกับ 0.66 และ 4.63 มก.ต่อมิลลิลิตร เป็นลำดับ ในขณะที่สมรรถนะของsinensetin สำหรับเพื่อการยับยั้งเอนไซม์ a-amylase สูงขึ้นยิ่งกว่าสารสกัดหญ้าหนวดแมวถึง 32.5 เท่า ด้วยค่า IC50 พอๆกับ 1.13 แล้วก็ 36.7 มก.ต่อมิลลิลิตรตามลำดับ จึงคาดการณ์ว่าสาร sinensetin บางทีอาจเป็นสารสำคัญในการออกฤทธิ์ของต้นหญ้าหนวดแมวในการต้านทานเบาหวานประเภทที่ไม่ขึ้นกับอินซูลิน (non-insulin-dependent diabetes) ได้

  • ความดันเลือดสูง (Hypertension) สารสกัดต้นหญ้าหนวดแมว สามารถลดสภาวะหลอดเลือดหดรัด (vasoconstriction) ด้วยการหยุดยั้งตัวรับ alpha 1 adrenergic และก็ angiotensin 1 จึงคงจะไม่มีอันตรายในผู้ป่วยความดันเลือดสูง นอกจากจะไม่เป็นอันตรายในคนป่วยความดันโลหิตสูงแล้วยังสามารถนำมาใช้ผลดีสำหรับในการรักษาความดันเลือดสูงได้ด้วย คาดว่าสารสำคัญที่ออกฤทธิ์มาจากกรุ๊ป diterpenes รวมทั้ง methylripario-chromene A
  • พิษต่อเซลล์มะเร็ง (cytotoxicity)ต้นหญ้าหนวดแมวที่สกัดด้วยวิธี supercritical carbon-dioxide ให้ผลที่น่าดึงดูด ในการยั้งการเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากด้วยความเข้มข้นที่ยั้งการก้าวหน้าของเซลล์ (inhibitory concemtration) ได้ 50 % เป็นค่า IC50 ต่ำเพียง 28 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร เมื่อศึกษาลงไปในระดับเซลล์ก็พบว่าทำให้เซลล์ตายในลักษณะ apoptosis ที่สามารถมองเห็น nuclearcondensation รวมทั้งความไม่ปกติของเยื่อไมโตคอนเดรียได้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อทำสกัดสาร eupatorin มาทดสอบความเป็นพิษต่อเซลล์มะเร็งหลายๆชนิดก็ให้ค่า    IC50  ในระดับตำเป็นไมโครโมล่าร์ ด้วยการหยุดยั้งวงจรการแบ่งเซลล์ ระยะ G2/M phase จุดเด่นที่เหนือยาเคมีบรรเทาในขณะนี้คือ eupatorin ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ธรรมดา
  • การต้านปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (anti-oxidation) สารสกัดหญ้าหนวดแมวสามารถลดสารอนุมูลอิสระ เป็นต้นว่า การลดปฏิกิริยา lipid peroxidation ทำให้เยื่อเซลล์คงทนและก็แข็งแรง ก็เลยลดการเกิดรอยแผลของระบบฟุตบาทปัสสาวะได้  เว้นแต่ลดการเกิดปฏิกิริยา lipid peroxidation แล้วยังสามารถลดการเกิด hydrogen peroxide ได้อีกด้วย ทำให้เซลล์รอดพ้นจากการตายแบบ apoptosis ด้วยการเพิ่มการแสดงออกของยีน  Bcl-2  พร้อมกับลดการแสดงออกของยีน Bax42  Ho แล้วก็แผนกตรวจสอบและลองใช้เคล็ดวิธีultrasound-assisted extraction (UAE) มาช่วยในการสกัดสารจากต้นหญ้าหนวดแมวทำได้สารสกัดที่มีฤทธิ์ต่อต้านปฏิกิริยาขบวนการออกซิเดชัน โดยเจอสารrosmarinic  acid,  kaempferol-rutinoside  แล้วก็sinesetine อยู่ในสารสกัดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว


การเรียนรู้ทางพิษวิทยา เมื่อฉีดสารสกัดด้วยน้ำร้อนจากใบรวมทั้งลำต้นเข้าช่องท้องหนูแรทเพศผู้และก็เพศเมีย หนูเม้าส์เพศผู้และเพศเมีย พบความเป็นพิษปานกลาง   เมื่อป้อนสารสกัดเดียวดันนี้ให้กับหนูแรททั้งสองเพศทุกวันต่อเนื่องกัน 30 วัน ไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของน้ำหนักตัว ค่าการตรวจทางชีวเคมีในเลือด รวมทั้งพยาธิภาวะของอวัยวะสำคัญเมื่อดูด้วยตาเปล่า  และเมื่อเรียนรู้ความเป็นพิษในระยะยาวนาน 6 เดือน โดยการป้อนหนูแรทด้วยยาชงด้วยน้ำร้อน ซึ่งมีความแรงเสมอกันกับ 11.25, 112.5 รวมทั้ง 225 เท่าของขนาดที่ใช้ในคนป่วยโรคนิ่วในท่อไต ไม่เจอความแตกต่างของการเจริญเติบโต  การกินของกิน ลักษณะด้านนอกหรือความประพฤติปฏิบัติที่แตกต่างจากปกติ และค่าการตรวจทางวิชาชีวเคมีในเลือดเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปควบคุม นอกจากปริมาณเกร็ดเลือดจะมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเมื่อใช้ยาในขนาด 18 กรัม/กิโล/วัน พบว่าระดับโซเดียมในเลือดในกลุ่มทดลองทุกกลุ่ม โปแตสเซียมในหนูเพศภรรยา และก็คอเลสเตอรอลในหนูเพศผู้ จะหรูหราต่ำกว่ากรุ๊ปควบคุม   นอกนั้น เมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดจากหญ้าหนวดแมว ติดต่อกันนาน 6 เดือน เปรียบเทียบกลุ่มควบคุม พบว่า หนูทุกกรุ๊ปมีการเจริญเติบโตและก็ทานอาหารได้ใกล้เคียงกัน ไม่พบความไม่ปกติในระบบโลหิตวิทยารวมทั้งความแปลกของอวัยวะภายใน ส่วนการตรวจผลทางชีวเคมีพบว่าหนูที่ได้รับสารสกัดทุกขนาดมีระดับโซเดียมน้อยกว่ากลุ่มควบคุม แต่ว่าระดับโปแตสเซียมมีลักษณะท่าทางสูงมากขึ้น ในหนูเพศผู้ที่ได้รับสารสกัด 0.96 กรัม/กก./วัน จะมีน้ำหนักโดยเฉลี่ยของตับและม้ามมากยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม อย่างไรก็ดีการตรวจทางจุลพยาธิภาวะไม่พบความแปลกที่เซลล์ตับและก็อวัยวะอื่นๆยกเว้นการโป่งพองของกรวยไตในหนูขาวที่ได้รับสารสกัด 4.8 กรัม/กก./วัน ที่มีปริมาณเพิ่มมากกว่ากรุ๊ปควบคุม  กล่าวโดยสรุปสารสกัดหญ้าหนวดแมวเป็นพิษน้อย  แม้กระนั้นจำเป็นต้องรอติดตามวัดระดับโซเดียมแล้วก็โปแตสเซียมถ้าใช้ติดต่อกันนาน
คำแนะนำ/สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวัง

  • สำหรับคนที่เป็นโรคไตหรือโรคหัวใจ ไม่ควรใช้สมุนไพรต้นหญ้าหนวดแมว เพราะว่าสมุนไพรชนิดนี้มีสารโพแทสเซียมสูงมาก ถ้าหากว่าไตเปลี่ยนไปจากปกติก็จะไม่สามารถขับโพแทสเซียมออกมาได้ ส่งผลให้เกิดโทษต่อสุขภาพร่างกายอย่างร้ายแรง แล้วก็ยังมีฤทธิ์สำหรับการขับปัสสาวะให้ออกมามากยิ่งกว่าปกติ แล้วก็เกรงว่าขนาดของโพแทสเซียมที่สูงมากมายนั้น บางครั้งก็อาจจะไปกระตุ้นหัวใจให้เต้นเร็วไม่ดีเหมือนปกติ ก็เลยอาจทำให้เกิดผลกระทบต่อโรคหัวใจได้
  • การใช้ใบชองต้นหญ้าหนวดแมวไม่สมควรใช้การต้ม ให้ใช้การชง แล้วก็ควรใช้ใบอ่อน เพราะเหตุว่าใบแก่จะมีความเข้มข้นอาจทำให้มีฤทธิ์กดหัวจิตใจ
  • การเลือกต้นประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพร ควรเลือกต้นที่ดูแข็งแรง แข็งรวมทั้งหนา ไม่อ่อนห้อยลงมา ลำต้นดูอ้วนเป็นเหลี่ยม ต้นมีสีม่วงแดงเข้ม แล้วก็มองได้จากใบที่มีสีเขียวเข้มเป็นมันและก็ใหญ่
  • การใช้สมุนไพรหญ้าหนวดแมวเพื่อรักษานิ่วจะได้ผลดีก็เมื่อใช้กับนิ่วก้อนเล็กๆแม้กระนั้นจะไม่ได้ผลกับก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่
  • สมุนไพรหญ้าหนวดแมว ไม่สมควรใช้ร่วมกับยาแอสไพริน เนื่องจากต้นหญ้าหนวดแมวจะทำให้ยาแอสไพรินไปจับกล้ามเนื้อหัวใจเพิ่มมากขึ้น
  • ผลกระทบของหญ้าหนวดแมว ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับคนธรรมดาที่ไม่เคยเป็นโรคหัวใจมาก่อน โดยอาการที่อาจเจอได้เป็น ใจสั่น หายใจไม่สะดวก โดยเหตุนั้นการใช้สมุนไพรประเภทนี้หนแรก แม้ใช้ขั้นตอนการชงดื่มให้ใช้แนวทางจิบๆดูซิ ถ้ามีอาการแตกต่างจากปกติก็ควรจะหยุด แล้วดื่มน้ำตามให้มากมายๆครู่หนึ่งอาการก็จะหายไปเอง
เอกสารอ้างอิ
บันทึกการเข้า