ส้มป่อยชื่อสมุนไพร ส้มป่อย
ชื่ออื่นๆ/ชื่อแคว้น ส้มขอน , ส้มคอน (ไทยใหญ่,แม่ฮ่องสอน) , ส้มพอดิบพอดี (อีสาน) , ผ่อชิละ ผ่อชิบูทู (กะเหรี่ยง)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Acacia concinna (Willd.) DC.
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acacia rugata (Lam.) Merr., Mimosa concinna (Willd.) DC.
วงศ์ FABACEAE
บ้านเกิด
ส้มป่อย เป็นพืชที่เป็นที่รู้จักดันดีในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเหนือที่ถือว่าส้มป่อยเป็นไม้มงคล โดยมีความเห็นกันว่าถ้าเกิดบ้านใดมีต้นส้มป่อยในบ้าน จะช่วยคุ้มครองป้องกันเพศภัยและก็เคราะห์ต่างๆให้ปลดปล่อยออกไปจากบ้านดังชื่อของส้มป่อย และฝักของส้มป่อยก็ใช้แช่น้ำเชื่อว่าจะมีผลให้เป็นน้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์ใช้ขจัดสิ่งชั่วร้ายต่างๆได้ ซึ่งส้มป่อยนี้เป็นพืชที่มีบ้านเกิดในเขตร้อนของทวีปเอเชีย ยกตัวอย่างเช่น เอเซียอาคเนย์ เป็นต้นว่า ประเทศไทย , พม่า , ลาว , กัมพูชา , มาเลเซีย , แล้วก็ประเทศในทวีปเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย ศรีลังกา บังคลาเทศ ฯลฯ ส้มป่อยเป็นไม้ที่มีความทนทานต่อสภาพแล้งเจริญ พบมากขึ้นตามป่าคืนภาวะ ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ที่ราบตีนเขา รวมทั้งที่รกร้างว่างเปล่าทั่วๆไป ในประเทศไทยสามารถพบได้ทุกภาคของประเทศ
ลักษณะทั่วไป ส้มป่อยจัดเป็นไม้พุ่มรอเลื้อยซึ่งจะ พิงพันต้นไม้อื่นได้ราวๆ สูง 3-6 เมตร เถามีเนื้อแข็ง ผิวเรียบสีน้ำตาล ขนาดใหญ่ มีหนามเล็กแหลมตามลำต้น กิ่งแล้วก็ใบ ไม่มีมือเกาะจะเลื้อยพาดพันต้นไม้อื่น เถาอ่อนสีน้ำตาลปนแดง มีขนผ้ากำมะหยี่หรือขนสั้นหนานุ่ม ใบเป็นใบประกอบแบบขนสองชั้น เรียงสลับ ช่อใบย่อย 5-10 คู่ ใบย่อย 10-35 คู่ ต่อช่อ ใบย่อยรูปขอบขนาน ขนาดเล็ก ออกเรียงตรงข้าม ปลายใบมนหรือแหลม ที่ปลายเป็นติ่งหนามแหลมอ่อนโค้ง โคนใบตัด ขอบใบหนาเรียบ แผ่นใบเรียบ ก้านใบยาว 3.6-5.0 ซม. มีขนสั้นนุ่มแล้วก็หนาแน่น เจอก้อนนูนสีน้ำตาลคล้ายต่อม 1 อัน อยู่ที่โคนก้านใบ ศูนย์กลางยาว 6.6-8.5 เซนติเมตร ก้านใบย่อยสั้นมากมาย ยาว 0.5 มิลลิเมตร หรือน้อยกว่า สะอาด รวมทั้งมีขนนุ่มหนาแน่น ดอกเป็นช่อกระจุกกลม ออกตามซอกใบข้างลำต้น 1-3 ช่อดอกต่อข้อ ขนาด 0.7-1.3 เซนติเมตร มี 35-45 ดอก ก้านช่อดอกยาว 2.5-3.2 มิลลิเมตร มีขนนุ่มหนาแน่น ใบตกแต่งดอก 1 อัน รูปแถบ ยาวไม่เกิน 1 มิลลิเมตร โคนสอบเรียว สีแดง มีขนกระจัดกระจายทั่วไป ดอกขนาดเล็กอัดแน่นอยู่เป็นแกนดอก กลีบดอกเป็นหลอด สีขาวนวล กลีบเลี้ยงแล้วก็กลีบดอกอย่างละ 5 กลีบ กลีบเลี้ยง หลอดกลีบกว้าง 1.0-1.5 มิลลิเมตรยาว 2.5-3.0 ซม. ปลายแหลม สีแดง อาจมีสีขาวคละเคล้าเล็กน้อย กลีบ หลอดกลีบกว้าง 1.0-1.5 มิลลิเมตร ยาว 3.5-4.0 มิลลิเมตร มีขนบางส่วนที่ปลายกลีบ เกสรเพศผู้ 200-250 อัน ยาว 4-6 มม. เกสรเพศเมีย รังไข่ยาว 1 มิลลิเมตร มี 10-12 ออวุล มีก้านรังไข่ยาว 1 มิลลิเมตร ก้านและยอดเกสรเพศเมียยาว 2.5-3.5 มม. สีขาวอมเหลืองหรือสีเขียวอมเหลือง ผลเป็นฝักรูปขอบขนาน แบนยาว หนา ขนาด กว้าง 1.3-1.4 ซม. ยาว 7.0-9.3 ซม. ฝักอ่อนเปลือกสีเขียวอมแดง เมื่อแก่สีน้ำตาลเข้ม ผิวฝักเป็นลอนคลื่นเป็นข้อ ปลายฝักมีหางแหลม สันฝักครึ้ม ผิวย่นย่อมากมายเมื่อแห้ง ก้านผลยาว 2.8-3.0 เซนติเมตร แต่ละผลมี 5-12 เมล็ด เม็ดสีดำ แบนรี ผิวมัน กว้าง 4-5 มิลลิเมตร ยาว 7-8 มม. ออกดอกราวมกราคมถึงพ.ค. ติดผลพฤษภาคมถึงตุลาคม
การขยายพันธุ์ ส้มป่อยมักจะเจอได้ในป่าเบญจพรรณและก็ป่าดงดิบแล้วบริเวณที่ราบตีนเขาส่วนการขยายพันธุ์ ส้มป่อยนั้นสามารถทำได้ด้วยกรรมวิธีการเพาะเมล็ดแล้วก็การปักชำ แต่แนวทางที่เป็นที่ชื่นชอบกันมากเป็นการปักชำ โดยตัดกิ่งแก่ให้ยาวราว 50 ซม.มาปักชำในกระถางหรือในบริเวณที่ต้องการจะเพาะชำ ซึ่งในกระถางหรือรอบๆดังกล่าควรมีความชื้นมาก และก็รดน้ำแต่ละวันกระทั่งกิ่งที่ชำกำเนิดรากแล้วจึงย้ายลงหลุมที่จะปลูกต่อไป สำหรับการปลูกส้มป่อยนั้นควรจะปลูกไว้ในกลางแจ้งหรือที่ๆมีแสงสว่างมาก สามารถปลูกได้ในดิน Malic acid ที่มา : Wikipedia ทุกประเภทที่มีการระบายน้ำได้ดี เพราะส้มป่อยชอบความชื้นปานกลางถึงน้อยและก็ชอบแสงอาทิตย์มากมาย ส่วนการดูแลรักษานั้น ส้มป่อยไม่ค่อยมีโรคและศัตรูพืชมาก แม้กระนั้นควรจะตัดแต่งกิ่งหรือทำค้างให้ลำต้นของส้มป่อยพันเลื้อยขึ้นไปเพื่อสะดวกสำหรับเพื่อการเก็บเกี่ยวผลิตผลของส้มป่อย
ส่วนประกอบทางเคมี ฝักมีสารซาโปนิน 20.8% อย่างเช่น acasinin Tannin ที่มา : Wikipedia
A, B, C, D แล้วก็ E azepin , tannin , malic acid , concinnamide, lupeol , machaerinic acid , menthiafolic, sonuside, sitosterol ส่วนค่าทางโภชนาการของส้มป่อยมีดังนี้
คุณค่าทางโภชนาการ ส้มป่อย 100 กรัม ประกอบด้วย น้ำ 85.6 กรัม แคลเซียม 95 มิลลิกรัม ไทอะมีน 0.04 มก. เบต้าแคโรทีน 6568 ไมโครกรัม ไนอะซิน 1.1 มก. วิตามินเอรวม 1095 RE วิตามินซี 6 มก. วิตามินอี 6.7 มก.
ประโยชน์/สรรพคุณ ยอดอ่อน แล้วก็ใบอ่อน ของ
ส้มป่อย ใช้รับประทานเป็นผักแล้วก็เครื่องปรุงรส ช่วยทำให้อาหารมีรสเปรี้ยว และก็ช่วยขจัดกลิ่น คาวปลา ยอดเอามาปรุงอาหารได้หลายประเภท ดังเช่นว่า machaerinic acid ที่มา : Wikipedia แกงส้ม ต้มปลา ต้มน้ำกะทิปลาเค็ม น้ำของฝักส้มป่อย ใช้ขัดเครื่องเงิน เครื่องทองให้เงาสวยได้ ฝักแก่แห้งนำมาต้มเอาน้ำใช้สระผมแก้รังแค แก้อาการคันหัว บำรุงเส้นผม ทำให้ผมชุ่มชื้นเป็นเงางาม เป็นยาปลูกผม รวมทั้งคุ้มครองป้องกันผมหงอกก่อนวัย ใบส้มป่อยสามารถนำมาสกัดทำเป็นสีย้อมเส้นไหมได้ โดยสีที่ได้คือสีเขียวอ่อน สีเหลืองอ่อน สีน้ำตาลอ่อน หรือสีครีม ในด้านของความเชื่อถือส้มป่อยถือเป็นไม้ศักดิ์สิทธิ์ของชาวล้านนา โดยชาวบ้านจะใช้ฝักในพิธีการทำน้ำมนต์เพื่อสะเดาะเคราะห์ ใช้ในงานมงคล ทำน้ำมนต์รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ในตอนเทศกาลวันสงกรานต์ หรือใช้สรงน้ำพระพุทธปฏิมา ทั้งยังส้มป่อยยังจัดเป็นไม้มงคลของคนประเทศไทย โดยเชื่อว่าการปลูกส้มป่อยจะช่วยขับไสภูตผีปีศาจแล้วก็เรื่องเลวร้ายไม่ให้มารบกวน ช่วยเสริมหรือคืนอำนาจให้ผู้มีถาคาเวทมนตร์ โดยกำหนดให้ปลูกไว้ทางทิศเหนือ ส่วนสรรพคุณทางยาของส้มป่อยนั้นมีดังนี้
ใบ แก้โรคตา ชำระเมือกมันในลำไส้ ยาถ่ายเสลด ถ่ายตกขาว แก้บิด ฟอกล้างเลือดประจำเดือน ประคบให้เอ็นหย่อน ใบใช้ในสูตรยาอบสมุนไพร มีฤทธิ์เป็นกรดอ่อนๆช่วยชะล้างสิ่งสกปรก เพิ่มความต้านทานโรคให้กับผิวหนัง บำรุงผิวพรรณ แก้หวัด แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว สูตรยาลูกประคบสมุนไพร ช่วยบำรุงผิว แก้โรคผิวหนัง ลดความดัน ใบตำห่อผ้าประคบเส้นให้เส้นอ่อน ใช้ใบอ่อน ต้มเอาน้ำผสมกับน้ำผึ้ง รับประทานเป็นยาขับฉี่ ฝัก มีรสเปรี้ยว เป็นยาถ่าย ขับเสมหะ แก้ไอ แก้บิด แก้ไข้จับสั่น ฝักปิ้งให้เหลือง ชงน้ำจิบแก้ไอ ขับเสมหะ แก้น้ำลายเหนียว เป็นยาถ่ายทำให้อาเจียน แก้ซางในเด็ก ใช้สระผม ทำให้ผมเปียกชื้นเป็นเงาสวย ไม่มีรังแค ต้มน้ำอาบหลังคลอด ฝักตำพอกหรือชุบสำลีปิดแผลโรคผิวหนัง เปลือกฝัก รสขมเปรี้ยวเผ็ดปร่า เจริญอาหาร กัดเสมหะ แก้ไอ ต้น รสเปรี้ยวฝาด เป็นยาระบาย แก้โรคตาแดง แก้น้ำตาทุพพลภาพ ยอดอ่อน เอามาต้มน้ำ และผสมกับน้ำผึ้งดื่มเป็นยาช่วยขับปัสสาวะ หรือนำมาตำรวมกับขมิ้นอ้อย แล้วใส่น้ำมันพืชนิดหน่อย หมกไฟเพียงพออุ่น นำไปพอกแก้ฝี ดอก รสเปรี้ยว ฝาด มัน แก้เส้นเอ็นที่พิการให้สมบูรณ์ ใบแล้วก็ฝัก ต้มอาบ ชำระล้าง บำรุงผิว ราก รสขม แก้ไข้
บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์ความรู้เริ่มแรก ตามประกาศ คณะกรรมการแห่งชาติด้านยา (ฉบับที่ 5) ปรากฏการใช้ใบแล้วก็ฝักส้มป่อย ร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ เป็นยารักษากรุ๊ปอาการทางระบบทางเดินอาหาร ตำรับ “ยาถ่ายดีเกลือฝรั่ง” ประกอบด้วย ดีเกลือฝรั่ง ยาดำ ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย ฝักคูน รากขี้กาแดง รากขี้กาขาว รากตองแตก ฝักส้มป่อย สมอไทย สมอดีงู เถาวัลย์เปรียง ขี้เหล็ก หัวหอม หญ้าไทร ใบไผ่ป่า คุณประโยชน์ แก้อาการท้องผูก กรณีที่ใช้ยาอื่นแล้วไม่เป็นผล
แบบ/ขนาดการใช้ แก้ไอ ด้วยการใช้ฝักเอามาปิ้งให้เหลืองแล้วชงกับน้ำจิบกินเป็นยา หรือจะใช้เปลือกเอามาแช่กับน้ำทำให้เปียกแฉะคอแก้ไอได้ เม็ดเอามาคั่วให้เกรียมแล้วบดอย่างถี่ถ้วน ใช้เป่าจมูก ทำให้คันจมูกและก็ทำให้จามได้ ยอดอ่อนหรือใบอ่อนนำมาต้มกับน้ำ แล้วก็ผสมกับน้ำผึ้งใช้ดื่มกินเป็นยาช่วยขับปัสสาวะ ยอดอ่อนเอามาตำผสมกับขมิ้นอ้อย แล้วใส่น้ำมันพืชนิดหน่อย หมกไฟเพียงพออุ่น แล้วก็ค่อยนำไปพอกจะช่วยแก้ฝี แก้พิษฝี ทำให้ฝีแตกเร็วหรือยุบไป ส่วนอีกวิธีการใช้รากส้มป่อยนำมาฝนใส่น้ำปูนใสทาบริเวณที่เป็นฝี ใบใช้ตำประคบหรือตำห่อผ้าประคบเส้นช่วยทำให้เอ็นอ่อน แก้เส้นเอ็นทุพพลภาพ ปวดเมื่อย ช่วยให้สตรีตั้งท้องคลอดได้ง่าย ด้วยการใช้ฝักส้มป่อยโดยประมาณ 3-7 ข้อ เอามาต้มกับน้ำอาบตอนเวลาเย็น โดยให้อาบยังไม่ครบกำหนดคลอด 2-3 วัน แต่ว่าห้ามอาบมากเพราะว่าจะทำให้รู้สึกร้อน
การศึกษาทางเภสัชวิทยา- ฤทธิ์ต้านเชื้อรา สารสกัดน้ำจากผล ความเข้มข้น 20 มก./มิลลิลิตร มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อรา Epidermophyton floccosum ในหลอดทดสอบ แต่ว่าไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อรา Trichophyton rubrum แล้วก็ Microsporum gypseum เหมือนกับสารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 100 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร ไม่มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อรา T. rubrum, M. gypseum และก็ E. floccosum
- ฤทธิ์ต้านทานเชื้อยีสต์ สารสกัดน้ำ รวมทั้งสารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 100 และก็ 200 มิลลิกรัม/มล. ตามลำดับ และก็สารสกัดน้ำจากส้มป่อย (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้และก็ความเข้มข้น) ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อยีสต์ Candida albicans
- ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย สารสกัดน้ำและก็สารสกัดอัลกอฮอล์จากผล ความเข้มข้น 100 และก็ 200 มิลลิกรัม/มล. ตามลำดับ และสารสกัดน้ำจากส้มป่อย (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้และก็ความเข้มข้น) ไม่มีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรีย Staphylococcus aureus
- เมื่อปี คริสต์ศักราช2006 ที่อินเดีย ได้กระทำการทดลองสารสกัดจากดอกส้มป่อยกับหนูเพศผู้ โดยการให้สารสกัดในขนาด 50 มก.ต่อโล โดยใช้ช่วงเวลาการทดลองนาน 3 อาทิตย์ ผลการทดลองพบว่า ค่าคอเลสเตอรอลในเลือดของหนูทดลองต่ำลง ไตรกลีเซอไรด์ต่ำลง อย่างเป็นจริงเป็นจังทางสถิติ และสารสกัดจากส้มป่อยยังมีผลลดน้ำเชื้อแล้วก็ endometrial glands ในมดลูก มีการเปลี่ยนในชั้นเซลล์ในมดลูก สรุปว่าสมุนไพรส้มป่อยสามารถใช้เป็นยาคุมกำเนิดได้ด้วย
- สารสกัดซาโปนินจากเปลือกส้มปอยรวมทั้งสารสกัดเอทานอลแล้วก็น้ำ ในอัตราส่วน 1:1 มีฤทธิ์ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตก โดยค่าดรรชนีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงพอๆกับ 1,350
การเรียนทางพิษวิทยา หลักฐานความเป็นพิษและก็การทดลองความเป็นพิษ เมื่อให้สารสกัดจากใบแล้วก็ลำต้น (ไม่เจาะจงสารสกัดที่ใช้) แล้วก็สารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากใบรวมทั้งลำต้น ขนาด 10 ก./กิโลกรัม ทางสายยางให้อาหารหนูถีบจักร ไม่เจอพิษ เมื่อฉีดสารสกัดจากใบแล้วก็ลำต้น (ไม่เจาะจงสารสกัดที่ใช้) ขนาด 10 กรัม/กก. เข้าใต้ผิวหนังหนูถีบจักร ไม่เจอพิษด้วยเหมือนกัน แล้วก็เมื่อฉีดสารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากส่วนเหนือดินเข้าท้องหนูถีบจักร มีค่า LD50เท่ากับ 125 มก./กิโลกรัม
ส่วนสกัดซาโปนินจากเปลือก (ไม่ระบุความเข้มข้น) และสารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้) มีฤทธิ์ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดงแตก ค่าดัชนีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงเท่ากับ 1,350
สาร acacic acid จากเปลือก (ไม่ระบุความเข้มข้น) มีฤทธิ์ฆ่าสเปิร์ม และก็ส่วนสกัดซาโปนินจากเปลือก ความเข้มข้น 0.004% มีฤทธิ์ฆ่าสเปิร์มในคนเพศชาย
สารสกัดเอทานอล:น้ำ (1:1) จากส่วนเหนือดิน ไม่เป็นพิษต่อเซลล์ CA-9KB ขนาดของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์กึ่งหนึ่ง มากยิ่งกว่า 20 มคกรัม/มล. สารสกัดเมทานอล 75% จากผลเป็นพิษต่อเซลล์ Fibrosarcoma HT-1080 ความเข้มข้นของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ครึ่งเดียวเท่ากับ 2.1 มคก./มล. โดยมีสารที่ออกฤทธิ์เป็น Kinmoonosides A, B แล้วก็ C มีขนาดของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์กึ่งหนึ่งพอๆกับ 4.89, 1.43, และ 1.87 มคกรัม/มล. เป็นลำดับ ส่วนสารสกัดเมทานอล ส่วนสกัดที่ละลายน้ำ สารสกัดเมทานอล:เอทานอล (1:1) จากผล เป็นพิษต่อเซลล์ Fibrosarcoma HT-1080 อย่างอ่อน ความเข้มข้นของสารที่เป็นพิษต่อเซลล์ครึ่งหนึ่งเท่ากับ 10, 17.9 และก็ 21.5 มคกรัม/มิลลิลิตร เป็นลำดับ สารสกัดคลอโรฟอร์ม สารสกัดอะซีโตน ส่วนสกัดที่ละลายน้ำ สารสกัดเมทานอลแล้วก็สารสกัดเมทานอล:เอทานอล (1:1) จากผล เป็นพิษต่อเซลล์ CA-Colon-26-L5 อย่างอ่อน
ข้อเสนอ/ข้อควรคำนึง ในขณะนี้ไม่มีข้อมูลในด้านข้อควรตรึกตรองในการใช้ส้มป่อยแต่ว่าถึงกระนั้นก็ตามส้มป่อยก็ยังเป็นเสมือนสมุนไพรจำพวกอื่นๆที่ต้องมีการระมัดระวังสำหรับเพื่อการกินถ้าเกิดกินเป็นอาหารหรือองค์ประกอบของของกินอาจจะไม่มีอันตรายอะไร แต่ว่าถ้าจะใช้เพื่อคุณประโยชน์ทางยานั้นควรที่จะใช้แม้กระนั้นพอดี ไม่ใช้ในปริมาณที่มากและไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานด้วยเหตุว่าอาจทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อสุขภาพได้
เอกสารอ้างอิง- มงคล โมกขะสมิต กมล สวัสดีมงคล ประยุทธ สาตราวาหะ. การศึกษาพิษของสมุนไพรไทย. วารสารกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ 2514;13:36-66.
- ส้มป่อย.ฐานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี.
- หนังสือสมุนไพรไทย เล่ม 1. (ดร.นิจศิริ เรืองรังษี, ธวัชชัย มังคละคุปต์). “ส้มป่อย (Som Poi)”. หน้า 282.
- วันดี อวิรุทธ์นันท์ แม้นสรวง วุฒิอุดมเลิศ. ฤทธิ์ต้านเชื้อราของพืชสมุนไพร. วารสารเภสัชศาสตร์ ม.มหิดล 2536;10(3):87-9.
- Banerji R, Prakash D, Misra G, et al. Cardiovascular and hemolytic activity of saponins. Indian Drugs 1981;18(4):121-4.
- วไลพร พงวิรุฬห์ วีณา ถือวิเศษสิน วีณา จิรัจฉริยากูล และคณะ. ดัชนีการทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดงในมาตรฐานสมุนไพรไทย. โครงการพิเศษ ม.มหิดล, 2531-2532.
- ส้มป่อย.ฐานข้อมูลเครื่องยา คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี. http://www.disthai.com/
- หนังสือสมุนไพรสวนสิรีรุกขชาติ. (คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล). “ส้มป่อย”. หน้า 33.
- Avirutnant W, Pongpan A. The antimicrobial activity of some Thai flowers and plants. Mahidol Univ J Pharm Sci 1983;10(3):81-6.
- ส้มป่อย.สมุนไพรที่มีการใช้ในผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์.สำนักงานข้อมูลสมุนไพรคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- หนังสือสมุนไพรลดไขมันในเลือด 140 ชนิด. (เภสัชกรหญิง จุไรรัตน์ เกิดดอนแฝก). “ส้มป่อย” หน้า 178.
- Mokkhasmit M, Swatdimongkol K, Satrawaha P. Study on toxicity of Thai medicinal plants. Bull Dept Med Sci 1971;12(2/4):36-65.
- Banerji R, Nigam SK. Chemistry of Acacia concinna and a Cassia bark. J Indian Chem Soc 1980;57:1043-4.
- Ikegami F, Sekine T, Hjima O, Fujii Y, Okonogi S, Murakoshi I. Anti-dermatophyte activities of “tea seed cake” and “pegu – catechu”. Thai J Pharm Sci 1993;17(2):57-9.
- ส้มป่อย.ฐานข้อมูลความปลอดภัยของสมุนไพรที่มีการขึ้นทะเบียนยาแผนโบราณ.สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล.
- Tezuka Y, Honda K, Banskota AH, Thet MM, Kadota S. Kinmoonosides A-C, three new cytotoxic saponins from the fruits of Acacia concinna, a medicinal plant collected in Myanmar. J Nat Prod 2000;63:1658-64.
- Banergi R, Srivastava AK, Misra G, Nigam SK, Singh S, Nigam SC, Saxena RC. Steroid and triterpenoid saponins as spermicidal agents. Indian Drugs 1979;17(1):6-8.
- Bhakuni DS, Dhar ML, Dhar MM, Dhawan BN, Gupta B, Srimali RC. Screening of Indian plants for biological activity. Part III. Indian J Exp Biol 1971;9:91.
Tags : ส้มป่อย