รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคนิ่วในไต - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 566 ครั้ง)

หนุ่มน้อยคอยรัก007

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 98
    • ดูรายละเอียด


นิ่วในไต (Kidney Stone)
นิ่วในไตคืออะไร ก่อนที่จะเราจะมาทำความรู้จักนิ่วในไตนั้น ก่อนอื่นต้องรู้จักโรคนิ่วกันก่อน โรคนิ่วเป็นขี้ตะกอนจากแร่ต่างๆศูนย์รวมตัวกันเป็นก้อนแข็งๆที่เกิดขึ้นมาจากมูลเหตุต่างๆตัวอย่างเช่น ขาดสารอาหารต่างๆหลายประเภท โดยยิ่งไปกว่านั้น สิเทรต โพแทสเซียม แมกนีเซียม และโปรตีนจากเนื้อสัตว์ หรืออาจเกิดจากการอักเสบ จากโรคบางจำพวก ดังเช่นว่า โรคเก๊าท์ฯลฯ และโรคนิ่วนั้นยังสามารถแบ่งได้ของจำพวก คือนิ่วในถุงน้ำดี แล้วก็นิ่วในระบบทางเท้าปัสสาวะ แล้วก็ยังสามารถแบ่งนิ่วในทางเดินฉี่ได้อีกตามตำแหน่งที่เกิดนิ่ว ตัวอย่างเช่น นิ่วในไต นิ่วในทอไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ รวมทั้งนิ่วในทอปัสสาวะ ซึ่งนิ่วทั้งสองชนิดนี้ มีความแตกต่างกันในส่วนประกอบ มูลเหตุ รวมถึงการรักษา แต่ว่าในบทความนี้นักเขียนจะขอกล่าวถึงเฉพาะนิ่วในไตเพียงแค่นั้น
นิ่วในไต เป็นก้อนผลึกขนาดเล็ก มีหินปูน (แคลเซียม) กับสารเคมีและแร่ นๆตัวอย่างเช่น ออกซาเลต ยูริก โปรตีน เป็นต้น หรือบางรายอาจจะมีขนาดใหญ่ที่เกิดขึ้นมาจากสารตกค้างต่างๆทั้งยังจากสารอาหารที่พวกเรากินเข้าไป หรือกรดบางจำพวกที่ร่างกายขับออกไม่หมด ซึ่งก้อนนิ่วในไตนี้ ยังไปเพิ่มอัตราเสี่ยงสำหรับในการเป็นโรคไตอีก
ชนิดของนิ่วในไต ก้อนนิ่วมีส่วนประกอบ 2 ส่วนหมายถึงส่วนที่เป็น แร่ (mineral composition) และส่วนที่เป็นสาร อินทรีย์(organic matrix) ซึ่งมีประมาณจำนวนร้อยละ 5-10 เป็นสารโมเลกุลใหญ่ที่พบในปัสสาวะ เป็นต้นว่า โปรตีน ไขมัน และก็คาร์โบไฮเดรต ฯลฯ ส่วนที่เป็นแร่เกิดจาก การตกผลึกของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ ดังเช่นว่า แคลเซียม ออกซาเลต ฟอสเฟต และก็กรดยูริค สามารถจัดประเภทของนิ่วในไตได้ดังนี้ นิ่วสงามไวท์(struvite stones) เจอ จำนวนร้อยละ 15 กำเนิดในผู้ป่วยที่มีทางเดินเยี่ยวอักเสบเรื้อรัง นิ่วกรดยูริค (uric acid stones) เจอประมาณปริมาณร้อยละ 6 เกิดขึ้นจากรับประทานอาหารที่มีพิวรีน (purine) สูง เป็นต้นว่า เครื่องใน สัตว์ปีก เป็นต้น นิ่วซีสตี (cystine stones) เจอประมาณจำนวนร้อยละ 2 มีเหตุมาจากความผิดแปลกของร่างกาย สำหรับเพื่อการซึมซับสารซีสตีน นิ่วแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate stones) เป็นประเภทที่พบได้ทั่วไปที่สุด ในประเทศไทย โดยพบปริมาณร้อยละ 75-80 ซึ่งจากรายงาน การค้นคว้าที่จังหวัดขอนแก่นพบนิ่วจำพวกนี้จำนวนร้อยละ 88 และก็ที่อเมริกาเจออุบัติการณ์ร้อยละ 90 นิ่วแคลเซียมออกซาเลตมีสาเหตุมาจากแคลเซียมรวมกับกรด ออกซาลิก (oxalic acid) เมื่อไปรวมกับธาตุตัวอื่น ตัวอย่างเช่น โซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม หรือโปแตสเซียม จะกลายเป็นผลึกออกซาเลต และกลายเป็นก้อนนิ่วในเวลาต่อมา
นิ่วในไตสามารถพบได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนถึงคนวัยแก่ แต่พบได้สูงขึ้นยิ่งกว่าในช่วงอายุ 40 - 50 ปี โดยพบในผู้ชายสูงขึ้นยิ่งกว่าหญิงราว 2 - 3 เท่า
นิ่วในไตอาจเกิดกับไตเพียงแค่ข้างเดียว โดยจังหวะเกิดใกล้เคียงกันทั้งข้างซ้ายแล้วก็ขวาหรือกำเนิดนิ่วพร้อมกันทั้งสองข้าง แต่ว่าความรุนแรงของนิ่วในทั้งสองไตมักไม่เท่ากันขึ้นอยู่กับขนาดรวมทั้งตำแหน่งของนิ่ว ในประเทศที่เจริญแล้ว จะพบโรคนี้ได้ราว 0.2% ของมวลชน ส่วนในเอเชียพบได้ราวๆ 2-5%
สำหรับในประเทศไทย เจออัตรา การเกิดโรคนิ่วในไตรวมทั้งในระบบฟุตบาทฉี่ของผู้ป่วยใน จากสถิติกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้นจาก 99.25 ต่อ 100,000 ของราษฎร ในปีพุทธศักราช 2550 เป็น 122.46 ในปี พุทธศักราช 2553 พบได้มากที่สุดในประชาชน ภาคเหนือและภาคอีสาน ในอัตรา 188.55 แล้วก็ 174.67 เป็นลำดับ จากการเรียนรู้ นิ่วในระบบฟุตบาทฉี่ ในปีพ.ศ. 2552 แยกเป็นชนิดและประเภทตามครอบครัว แล้วก็ หมู่บ้าน ในพลเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จังหวัด ขอนแก่น จำนวน 1,034 ราย (โดยรวมผู้ที่เป็นนิ่ว อยู่แล้ว 135 ราย) จาก 551 ครอบครัว และ 348 หมู่บ้าน เรียนด้วยแนวทางถ่ายภาพรังสี Kidney-Ureter Bladder (KUB) พบว่า สมาชิกในครอบครัวจำนวน 116 ครอบครัว (ร้อยละ 21.05) รวมทั้งใน 23 หมู่บ้าน (ร้อยละ 6.61) เป็นนิ่วในไต ตำแหน่งที่เจอนิ่วเยอะที่สุด คือ ในไต ราวๆร้อยละ 80 สำหรับในภูมิภาคอื่นๆมีการศึกษาไม่มากนัก แม้กระนั้นมีรายงานการศึกษาพบว่า เจอนิ่วเยอะที่สุดในช่วงอายุ 40-50 ปีรวมทั้ง เจอในเพศชายมากยิ่งกว่าผู้หญิง 3 เท่า รวมทั้งเจอ การเกิดซ้ำ ภายใน 2 ปี หลังผ่าตัดหรือสลายนิ่วสูงถึง จำนวนร้อยละ 39
ในปัจจุบันโรคนิ่วในไตมีลักษณะท่าทางที่สูงขึ้น ทั้งยังในประเทศไทยและก็ทุกภูมิภาคทั้งโลก การมีนิ่วในไต ทำ ให้การทำ งานของไตเสื่อมลง แล้วก็บางทีอาจรุนแรงจนกระทั่ง เกิดภาวะไตวายเรื้อรังแล้วก็โรคไตระยะสุดท้าย ซึ่งทำ ให้ เสียชีวิตได้ ยิ่งกว่านั้นโรคนิ่วในไตมีอุบัติการณ์กำเนิดนิ่วซ้ำ สูงมากมาย ทำ ให้คนไข้แล้วก็รัฐบาลจำเป็นต้องสูญเสียค่าครองชีพ สำหรับในการรักษาอย่างมากมาย โดยเหตุนั้นการหลีกเลี่ยงปัจจัย เสี่ยงหรือปัจจัยที่ก่อให้เกิดนิ่ว อาทิเช่น พืชที่มีออกซาเลต สูง หรือการรับประทานแคลเซียมเม็ดเสริม ควรจะเป็นสิ่งที่ จำเป็นต้องคำ ระลึกถึงเพื่อป้องการกันกำเนิดนิ่ว
ต้นเหตุของนิ่วในไต มีต้นเหตุมาจากหลากหลายเหตุ ปัจจัยเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม เมตตาบอลิซึม พันธุกรรม วิถีการดำนงชีพ แล้วก็อุปนิสัยการกินอาหารของเพศผู้เจ็บไข้เอง แต่ว่าปัจจัยที่สำคัญของการเกิดนิ่วในไต คือ การมีสารก่อนิ่วในปัสสาวะสูงยิ่งกว่าระดับสารยั้งนิ่ว ร่วมกับต้นสายปลายเหตุเสริมเป็น ความจุของเยี่ยวน้อย เป็นสาเหตุของการเกิดสภาวะอิ่มตัวยิ่งยวดของสารก่อนิ่วในปัสสาวะ จึงเกิดผลึกที่ไม่ละลายน้ำขึ้น เป็นต้นว่า แคลเซียมออกซาเลต แคลเซียมฟอสเฟต และยูเรต ผลึกนิ่วที่เกิดขึ้นจะเป็นตัวกระตุ้นให้มีการอักเสบ นำมาซึ่งการทำให้เซลล์บุด้านในไตถูกทำลาย ตำแหน่งถูกทำลายนี้จะเป็นหลักที่ให้ผลึกนิ่วเกาะยึดแล้วก็รวมกลุ่มกัน เกิดการทับถมของผลึกนิ่วเป็นระยะเวลานานจนถึงแปลงเป็นก้อนนิ่วได้ในที่สุด ในคนธรรมดาที่มีสารยับยั้งนิ่วในฉี่สูงพอเพียงจะสามารถยั้งการก่อตัวของผลึกนิ่วได้ โดยสารพวกนี้จะไปแย่งจับกับสารก่อนิ่ว อาทิเช่น สิเทรตจับกับแคลเซียม หรือแมกนีเซียมจับกับออกซาเลต นำไปสู่เป็นสารที่ละลายน้ำก้าวหน้า รวมทั้งขับออกไปกับน้ำปัสสาวะ ทำให้ปริมาณสารก่อนิ่วในปัสสาวะน้อยลงและไม่สามารถรวมตัวกันเป็นผลึกนิ่วได้ เว้นเสียแต่สารยั้งนิ่วกลุ่มนี้แล้วโปรตีนในเยี่ยวหลายอย่างยังทำหน้าที่คุ้มครองป้องกันการก่อผลึกในฉี่ แล้วก็เมื่อฉาบที่ผิวผลึกจะช่วยขับผลึกออกไปกับเยี่ยวได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
ตอนนี้มีหลายงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยกล่าวว่า ความแตกต่างจากปกติของการสังเคราะห์และลักษณะการทำงานของโปรตีนยั้งนิ่วกลุ่มนี้เป็นต้นเหตุหนึ่งของการเกิดโรคนิ่วในไต  การเกิดนิ่วในไตยังอาจมีต้นเหตุที่เกิดจากโรคอื่นที่เป็นอยู่ ยกตัวอย่างเช่น การตำหนิดเชื้อในระบบทางเท้าเยี่ยว โรคเมตาบอลิก รวมทั้งการใช้ยารักษาโรคบางจำพวกอย่างโรคเกาท์ ต่อมไทรอยด์ดำเนินงานเกินธรรมดา โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันเลือดสูง และการกินวิตามินดี และก็แคลเซียมเม็ดเสริมมากจนเกินความจำเป็น
ลักษณะของนิ่วในไต สำหรับนิ่วในไตส่วนมาก ผู้เจ็บป่วยมักไม่มีอาการแสดง แต่จะมีลักษณะอาการแสดงก็ต่อเมื่อมีการติดเชื้อซ้ำซ้อนแล้วก็ก้อนนิ่วที่มีขนาดเล็กมากมายๆอาจหลุดออกไปพร้อมทั้งการขับปัสสาวะโดยไม่นำไปสู่อาการหรือความรู้สึกปวดอะไรก็แล้วแต่ลักษณะของนิ่วในไตอาจไม่ปรากฏให้มองเห็นจนกว่าก้อนนิ่วเริ่มเคลื่อนตัวบริเวณไตหรือไปยังท่อไต ซึ่งเป็นท่อเชื่อมต่อระหว่างไตและกระเพาะปัสสาวะ นำมาซึ่งการทำให้คนป่วยที่มีนิ่วในไตอาจมีอาการกลุ่มนี้ตามมา อย่างเช่น ปวดบริเวณหลังหรือท้องข้างล่างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง บางทีอาจเจ็บปวดรวดร้าวลงไปถึงบริเวณขาหนีบ  มีอาการปวดบีบเป็นระยะ และก็ปวดรุนแรงเป็นระยะๆที่รอบๆดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้ว เยี่ยวเป็นเลือด หรืออาจมีสีแดง ชมพู รวมทั้งน้ำตาล  เยี่ยวแล้วเจ็บ  ปวดท้องเยี่ยวหลายครั้ง  ปัสสาวะน้อย  เยี่ยวขุ่นหรือมีกลิ่นฉุน อ้วก อาเจียน หนาวสั่น เจ็บป่วย และก็ถ้าเกิดก้อนนิ่วมีขนาดเล็กและตกลมมาที่ท่อไต จะทำให้กำเนิดอาการปวดบิดในท้องรุนแรง เรียกว่า “นิ่วในท่อไต” ผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะอาการเคืองเวลาเยี่ยว อยากฉี่ แม้กระนั้นเยี่ยวขัด ทีละน้อย ในเรื่องที่มีการติดเชื้อโรคเข้าแทรกจะมีอาการไข้ร่วมด้วย ถ้าหากปล่อยให้เป็นนิ่วไปนานๆโดยมิได้รับการดูแลและรักษาจะก่อให้ไตบาดเจ็บเรื้อรัง ส่งผลให้ไตมีรูปร่างและปฏิบัติงานผิดปกติเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งนำมาซึ่งสภาวะไตวายสุดท้าย
แนวทางการรักษานิ่วในไต  แพทย์วิเคราะห์นิ่วในไตได้จากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจฉี่ แล้วก็อาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มขึ้นกับอาการผู้เจ็บป่วยและก็ดุลพินิจของหมอ ดังเช่น

  • การตรวจเยี่ยว เพื่อมองว่าร่างกายมีการขับธาตุที่รวมตัวเป็นก้อนนิ่วมากจนเกินไป หรือมีสารคุ้มครองการเกิดนิ่วที่น้อยเกินไปหรือเปล่า และก็ตรวจเม็ดเลือดแดงในฉี่ ตลอดจนตรวจค้นสภาวะติดโรค สามารถทำเป็นโดยเก็บปัสสาวะของคนป่วยทั้งหมดในตอน 1 วัน ได้แก่ ถ้าเกิดเริ่มนับตั้งแต่ 8.00 นาฬิกา ในตอนนี้คนป่วยจำต้องเยี่ยวทิ้งไปก่อน แล้วเก็บครั้งต่อๆไปทุกคราวจนถึง 8.00 นาฬิกาของวันต่อไป
  • การตรวจเลือด ผลการตรวจเลือดจะสามารถบ่งบอกถึงสุขภาพไตของผู้ป่วย รวมทั้งช่วยให้หมอวินิจฉัยโรคต่างๆได้ รวมทั้งวัดระดับของสารที่อาจก่อให้เกิดนิ่ว โดยผู้เจ็บป่วยที่มีนิ่วในไตบางทีอาจตรวจเจอว่ามีจำนวนแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดที่มากเหลือเกิน
  • การตรวจโดยดูจากภาพถ่ายไต วิธีนี้จะช่วยทำให้หมอสามารถเห็นก้อนนิ่วที่เกิดขึ้นตามทางเดินเยี่ยว การถ่ายรูปไตมีมากมายหลากหลายแนวทางให้เลือกใช้ ตัวอย่างเช่น การฉายรังสีเอกซ์เรย์ในช่องท้อง ซึ่งอาจจะเป็นผลให้มองไม่เห็นก้อนนิ่วในไตขนาดเล็กหรือนิ่วบางจำพวก การตรวจด้วยเครื่องอัลยี่ห้อซาวน์ไต นอกจาก 2 วิธีการแบบนี้ แพทย์บางทีอาจตรึกตรองใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ซึ่งอาจจะส่งผลให้มองเห็นนิ่วก้อนเล็กๆได้แล้วก็
  • การตรวจ x-ray เงาไตที่เรียก KUB (Kidney ureter and bladder) หากว่าเป็นนิ่วที่ทึบแสงก็สามารถเห็นนิ่วได้ ถ้าเกิดเป็นนิ่วที่ไม่ทึบแสงก็ไม่อาจจะเห็น รวมทั้งการตรวจ IVP (Intravenous pyelogram) เป็นการฉีดสีเข้าเส้นเลือดดำ และก็สีนั้นจะถูกขับออกทางไตภายหลังจากฉีดจะ x-ray เงาไตที่เวลาต่างๆข้างหลังฉีดสี เพื่อมองรูปร่าง ลักษณะของไต ว่ามีการตันจากนิ่วไหม รวมทั้งแนวทางการทำงานของไต ว่าดีมากน้อยแค่ไหน
  • การรักษานิ่วในไต การดูแลและรักษามีหลายวิธี แพทย์จะพิเคราะห์โดยอาศัยข้อมูลเรื่องขนาดของนิ่ว ตำแหน่งของนิ่ว ความแข็งแรงของนิ่ว ไตบวมมากหรือน้อย การอักเสบของไตเป็นต้น เพื่อใคร่ครวญเลือกขั้นตอนการที่ดีเยี่ยมที่สุดในแต่ละราย บางคนบางครั้งก็อาจจะเหมาะสมที่จะรักษาโดยใช้การสลายนิ่ว แม้กระนั้นบางท่านไม่เหมาะสมที่จะสลายนิ่ว บางทีอาจรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆผู้ป่วยควรจะขอความเห็นแพทย์ถึงกรรมวิธีการต่างๆเหล่านี้เพื่อจะได้เข้าใจในเรื่องเหตุผลที่แพทย์เลือกแนวทางนั้นๆสำหรับการรักษา


การรักษานิ่วในไตขนาดเล็ก  การดูแลและรักษานิ่วขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 5 มิลลิเมตร อาจทำได้ด้วยการกินน้ำมากมายๆเพื่อช่วยขับก้อนนิ่วออกมาพร้อมปัสสาวะ และควรดื่มให้มากพอ (วันละ 8 – 10 แก้ว) จนถึงฉี่เจือจางเยี่ยวเป็นสีใสๆนิ่วอาจหลุดลงมาเป็นนิ่วในทอไต แม้กระนั้น ถ้าคนไข้ด้วยนิ่วจำพวกนี้มีอาการ หมอบางทีอาจตรึกตรองให้ผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออกได้ด้วยเหมือนกัน
ถ้าหากกำเนิดก้อนนิ่วเล็กๆที่กระตุ้นให้เกิดความเจ็บ แพทย์อาจใช้ยาเพื่อทุเลาลักษณะของการปวด เป็นต้นว่า ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อะเซตามิโนเฟ่น (Acetaminophen) หรือที่รู้จักในชื่อพาราเซตามอล และที่นาพรอกเซน (Naproxen)
นอกนั้น การใช้ยาช่วยขับก้อนนิ่วก็เป็นอีกหนึ่งขั้นตอนการรักษา หมออาจสั่งจ่ายยากลุ่มแอลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha Blocker) ซึ่งเป็นยาช่วยขับก้อนนิ่วออกมาทางฉี่ ออกฤทธิ์โดยทำให้กล้ามเนื้อบรรเทา ทำให้ให้ก้อนนิ่วในไตถูกขับออกมาได้เร็วรวมทั้งเจ็บน้อยกว่า
การดูแลรักษานิ่วในไตขนาดใหญ่ ก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 มม.ขึ้นไปสามารถทำให้มีเลือดออก รวมทั้งอาจจะทำให้มีการเกิดแผลที่ท่อไตหรือการต่อว่าดเชื้อในระบบทางเท้าฉี่ จนไม่สามารถที่จะหลุดมาเองได้ หมออาจจำเป็นต้องใช้การรักษาชนิดอื่นๆดังต่อไปนี้

  • การใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว เหมาะสมกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 2 ซม. รักษาด้วยการใช้เครื่อง Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy (ESWL) โดยใช้แรงสั่นของคลื่นเสียงทำให้นิ่วกระจายตัวเป็นชิ้นเล็กๆกระทั่งสามารถผ่านออกทางการขับเยี่ยวได้ แนวทางลักษณะนี้ผู้ป่วยอาจรู้สึกเจ็บปวดระดับปานกลาง แพทย์ก็เลยอาจใช้ยาระงับประสาทเพื่อให้คนไข้สงบหรือทำให้สลบแบบตื้น กระบวนการรักษาใช้เวลาโดยประมาณ 45-60 นาที และก็อาจส่งผลข้างๆให้เยี่ยวเป็นเลือด มีแผลบวมช้ำด้านหลังช่องท้อง เลือดออกรอบบริเวณไตและอวัยวะรอบข้าง รวมถึงรู้สึกเจ็บเมื่อเสี้ยวก้อนนิ่วเคลื่อนผ่านทางเท้าฉี่ออกมา การดูแลรักษาโรคนิ่วแนวทางแบบนี้ช่วงเวลากว่าเศษนิ่วจะหลุดออกมาหมดนั้นไม่แน่นอน บางรายจะต้องสลายนิ่วซ้ำอีกหนึ่งหรือหลายหน ไม่สามารถรับประกันผลของการรักษาได้ทุกราย โดยมีอัตราปราศจากนิ่วที่ 3 เดือนราวๆจำนวนร้อยละ 75
  • การผ่าตัดก้อนนิ่วออก (Percutaneous Nephrolithotomy) เหมาะสมกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 ซม. อาจใช้ตามหลังวิธีการใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว (ESWL) ไม่เป็นผล แพทย์อาจเลือกใช้การผ่าตัดนิ่วด้วยการใช้กล้องส่องทางไกลขนาดเล็กและอุปกรณ์สอดเข้าไปบริเวณข้างหลังของคนเจ็บ โดยพักฟื้นที่โรงหมอตรงเวลา 1-2 วัน และมีคุณภาพถึง 72-99 เปอร์เซ็นต์
  • การส่องกล้อง สำหรับก้อนนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 ซม. หมออาจใช้กล้องถ่ายภาพ Ureteroscope เพื่อฉายลำแสงแคบผ่านหลอดเยี่ยวและกระเพาะปัสสาวะ แล้วก็ใช้เครื่องมือประเภทพิเศษจับหรือทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กจนสามารถถูกขับออกมาทางเดินปัสสาวะได้ เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัดและช่วยให้หายเร็วขึ้น จึงอาจมีการใช้ท่อเล็กๆยึดไว้ที่หลอดปัสสาวะด้วย การส่องกล้องนี้พบว่ารักษาสำเร็จถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเป็นนิ่วเขากวางมีกิ่งก้านมากกว่า 2 กิ่ง หรือนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 เซนติเมตร หมอมักไตร่ตรองเป็นการผ่าตัดเปิดตามความเหมาะสม
  • การผ่าตัดต่อมต่อมไทรอยด์ โรคต่อมไทรอยด์ดำเนินการสูง มีการผลิตฮอร์โมนพาราต่อมไทรอยด์ขึ้นมามากเปลี่ยนไปจากปกติ และเป็นต้นเหตุให้กำเนิดก้อนนิ่วจากแคลเซียมฟอสเฟตได้ง่าย การทำงานที่แตกต่างจากปกตินี้แม้มีต้นเหตุที่เกิดจากเนื้องอกที่เติบโตบนต่อมไทรอยด์ การผ่าตัดเอาเนื้องอกดังกล่าวข้างต้นออกจะเป็นช่วยลดการเกิดนิ่วในไตได้ด้วย

สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดนิ่วในไต

  • รับประทานอาหารมีสารที่ก่อการนอนก้นเป็นนิ่วจำนวนสูงตลอดอย่างเช่น รับประทานอาหารมีออกซาเลตสูง อาทิเช่น โยเกิร์ต ถั่วที่มีรูปทรงราวกับไต เป็นต้นว่า ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง งา ลูกนัท ผลเบอร์รีต่างๆมะเดื่อ แครอด บีทรูท มะเขือ ผักกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง บคอยคโคลิ ผักโขม ชะพลู ผักกะเฉด แล้วก็ยอดผักต่างๆหรือมีกรดยูริคสูง เช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ปลาสมุทร หอยแครง น้ำเกรวี/Gravy และจากพืชบางชนิดอย่างเช่น หน่อไม่ฝรั่ง ผักขม ยอดผัก และถั่วประเภทมีรูปร่างคล้ายไต/ถั่วดำ/ถั่วแดง
  • การตีบแคบของทางเดินปัสสาวะทำ ให้มี เยี่ยวค้างด้านในไต
  • ความเข้มข้นของน้ำ เยี่ยว กำเนิดเพราะเหตุว่า คนไข้กินน้ำ น้อยกว่าธรรมดา หรือสูญเสียน้ำ ออกจาก ร่างกายมากยิ่งกว่าธรรมดา ผู้มีอาชีพเกษตรกรทำ งานที่โล่งแจ้ง จะมีการเสียเหงื่อมากมายทำ ให้เยี่ยวมีความเข้มข้นสูง จังหวะที่สารละลายในฉี่จะตกผลึกจึงมีเพิ่มมากขึ้น และก็ อาจเกี่ยวโยงกับเกลือแร่ที่ละลายอยู่ในน้ำที่ใช้ดื่ม ซึ่งขึ้นกับแต่ละแคว้นทำให้มีการเกิดเป็นนิ่วขึ้นได้ การบริหารร่างกายอย่างมาก ทำ ให้มีการสูญเสียน้ำ และ เกลือแร่ไปกับเหงื่อ ทำให้ฉี่จะมีปริมาณซิเทรตต่ำ ซึ่งการขาดสิเทรตทำ ให้แคลเซียมรวมกับออกซาเลตเป็นแคลเซียมออกซาเลต หรือแคลเซียมรวมกับฟอสเฟตเป็นแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งละลายน้ำ ได้ไม่ดี
  • ความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ เยี่ยวที่มี ฤทธิ์เป็นกรดมากอาจเกิดการตกผลึกของกรดยูริค และก็ซีสทีน ส่วนฉี่ที่มีฤทธิ์เป็นด่าง อาจเกิดการตกตะกอน ของผลึกออกซาเลต ฟอสเฟส และคาบอเนต ซึ่งคนธรรมดา ในตอน 06.00 น. เยี่ยวจะมีความเป็นกรดที่ pH 5.2 ในช่วง 18.00 น. จะมีความเป็นกลาง pH 7.0 ก็เลยมี ช่องทางเกิดผลึกได้ทั้งผลึกกรดยูริค แล้วก็ผลึกแคลเซียม ซึ่งการรวมตัวกันของผลึกทำ ให้เกิดเป็นก้อนนิ่วในที่สุด
  • โรคเรื้อรังบางชนิดที่ทำให้ในร่างกายมีสารต่างๆที่ก่อนิ่วสูงขึ้นยิ่งกว่าธรรมดาอาทิเช่น โรคของ ต่อมพาราไทรอยด์(Parathyroid gland) ซึ่งคือต่อมไร้ท่อขนาดเล็กอยู่ใต้ต่อมไทรอยด์ มีหน้าที่ควบคุมหลักการทำงานของแคลเซียม) ดำเนินการเกิน หรือโรคเกาต์ซึ่งมีกรดยูริคสูงภายในร่างกาย
  • อาจจากกินวิตามินซี วิตามินดี และก็แคลเซียมเสริมของกินจำนวนสูงต่อเนื่อง โดยเหตุนี้การกินวิตามินเกลือแร่เหล่านี้เสริมของกิน ควรปรึกษาหมอก่อนเสมอ
  • ยาบางประเภททำ ให้กำเนิดนิ่วได้อาทิเช่น ยาขับปัสสาวะ ยากลุ่ม carbonic anhydrase inhibitors ยาระบาย หรือยาลดกรดที่รับประทานอยู่เป็นเวลานาน ทำ ให้กำเนิด นิ่วด้วยกลไกผ่านทางเมตาบอลิค


การติดต่อของนิ่วในไต  นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดจากการตกตะกอนของธาตุต่างๆและแคลเซียม (หินปูน) เป็นก้อนผลึกขนาดต่างๆตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย เป็นต้นว่า ถุงน้ำดี แล้วก็ ระบบทางเท้าปัสสาวะของร่างกาย ซึ่งขาดการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนอะไร
การกระทำตนเมื่อเป็นนิ่วในไต การดูแลตนเองเมื่อเป็นนิ่วในไตและก็เพื่อป้องกันนิ่วถอยกลับเป็นซ้ำข้างหลังรักษานิ่วหายแล้ว เป็นต้นว่า

  • กินน้ำสะอาดมากๆขั้นต่ำวันละ 2 ลิตรถ้าหากว่าไม่มีโรคที่จะต้องจำกัดน้ำ
  • จำกัดอาหารที่มีสารออกซาเลต กรดยูริค และก็สารซีสตีนสูง
  • ไม่กลั้นฉี่นาน และอุตสาหะเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ
  • ทำตามหมอ/พยาบาลชี้แนะอย่างเคร่งครัด
  • กินยาต่างๆให้ถูกครบบริบรูณ์ ไม่ขาดยา และไม่หยุดยาเอง
  • สังเกตสีแล้วก็ลักษณะของปัสสาวะเสมอเพื่อรีบเจอหมอก่อนนัดหมายเมื่อมีความผิดธรรมดาเกิด ขึ้นเช่น ขุ่นมากมายหรือเป็นเลือดและก็เมื่อมีนิ่วหลุดออกมา ควรที่จะเก็บไว้และจากนั้นจึงนำไปพบแพทย์ เพื่อเล่าเรียนทางห้องทดลองว่าเป็นนิ่วจำพวกใด เพื่อการดูแลรักษาและการดูแลตนเองได้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อหมอเสนอแนะให้เก็บนิ่วมาให้หมอมอง ควรเยี่ยวในกระโถนหรือฉี่ผ่านผ้ากรองเพื่อการเก็บนิ่วได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
  • เลี่ยงเครื่องดื่มน้ำอัดลม เหตุเพราะอาจจะทำให้ปริมาณของสิเทรดในปัสสาวะลดน้อยลง


การคุ้มครองตนเองจากนิ่วในไต ช่วงอายุที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่วสูงสุดเป็น 40-60 ปี และอัตราการเกิดเป็นนิ่วซ้ำ พบสูงถึงจำนวนร้อยละ 50 ด้านใน 5 ปี การปฏิบัติตนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว หรือการเกิดนิ่วซ้ำ ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้

  • ควรกินน้ำ วันละ 6-8 แก้ว (2.5 ลิตรหรือมากยิ่งกว่า) หรือให้ได้ความจุของปัสสาวะมากยิ่งกว่า 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดความอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในฉี่ แล้วก็ลดโอกาสการก่อผลึกนิ่วในระบบฟุตบาทเยี่ยว
  • ควรจะเลี่ยงการดื่มกาแฟที่เข้มข้นมาก อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำ ให้ระดับแคลเซียมสูงมากขึ้นในเยี่ยว
  • คนเจ็บที่มีน
ตารางที่ 1 แสดงปริมาณกรดออกซาลิคในผักต่อน้ำ หนักผัก 100 กรัม
           ชื่อผัก                    ปริมาณกรดออกซาลิค ชื่อผัก            ปริมาณกรดออกซาลิค
                                    (มิลลิกรัม)                                            (มิลลิกรัม)
ผักชีฝรั่ง (parsley)               1,700                           หัวไชเท้า                        480
มันสำปะหลัง                       1,260                           ใบกระเจี๊ยบ                    389.5
ใบชะพลู                              1,088.4                        ใบยอ                            387.6
ผักโขม (amaranth)             1,090                           ผักปัง                            385.3
ผักโขม (spinach)                 970                              ผักกระเฉด                     310
ยอดพริกชี้ฟ้า                        761.7                           ผักแพงพวย                   243.9
แครอท                                500                              กระเทียม                       360

  • กินอาหารจำพวกผักและก็ผลไม้ (ที่ไม่มีสารออกซาเลต , ยูริกสูง) เพราะว่าเป็นแหล่งของสารยับยั้งการเกิดนิ่ว ช่วยทำให้จำนวนซิเทรต โพแทสเซียม รวมทั้ง pH ของเยี่ยวมากขึ้น แล้วก็ลดการทำลายของเซลล์เยื่อบุหลอดไต ก็เลยสามารถยั้งการเกิดนิ่วได้อย่างมีคุณภาพ
  • รับประทานไขมันจากพืชแล้วก็ไขมันจากปลา เพราะเหตุว่าไขมันกลุ่มนี้สามารถลดจำนวนแคลเซียมในปัสสาวะได้ดีกว่าไขมันที่ได้จากเนื้อสัตว์อื่นๆจึงช่วยลดจังหวะเกิดนิ่วซ้ำได้
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครอง/รักษานิ่วในไต
กระเจี๊ยบแดง Hibiscus sabdariffa L.

  • ส่วนประกอบทางเคมี: มีสาร Anthocyanin และกรดอินทรีย์หลายตัว อย่างเช่น citric acid, mallic acid, tartaric acid, vitamin c ทำให้ปัสสาวะมีฤทธิ์เป็นกรด
  • สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา แก้เสลด ขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ ขับนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • การศึกษาทางสถานพยาบาล: ลดระดับความดันเลือด ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินฉี่ ทำให้ผู้ป่วยโรคนิ่วในท่อไต ถ่ายปัสสาวะสะดวกขึ้น ผู้เจ็บป่วยกระเพาะปัสสาวะอักเสบมีลักษณะอาการปวดแสบเวลาปัสสาวะน้อยลง


ขทาง Pluchea indica (L.) Less.

  • องค์ประกอบทางเคมี: เจอสารอนุพันธ์ของ eudesmane กรุ๊ป cauhtemone และเจอเกลือแร่ sodium chloride เพราะเหตุว่าถูกใจขึ้นที่น้ำทะเลขึ้นถึง
  • สรรพคุณ: แบบเรียนยาไทย: ใช้ ใบ รสหอมฝาดเมาเค็ม เป็นยาขับปัสสาวะ อีกทั้งต้น รสหอมฝาดเมาเค็ม ใช้ต้มรับประทานรักษาอาการขัดเบา แก้นิ่วในไต ขับเยี่ยว แก้เยี่ยวพิการ


ตะไคร้   Cymbopogon citratus  Stapf

  • คุณประโยชน์ ทั้งต้น แก้โรคทางเดินเยี่ยว นิ่ว ขับเยี่ยว ประจำเดือนมาเปลี่ยนไปจากปกติ  แก้ฉี่เป็นเลือด แก้โรคหืด  ราก ขับฉี่ แก้นิ่ว แก้ฉี่พิการ แก้อาการขัดเบา


ทานตะวัน    Helianthus annuus  L.

  • คุณประโยชน์ แกนต้น – ขับปัสสาวะ แก้นิ่วในทางเดินฉี่ นิ่วในไต เม็ด – ขับฉี่ ราก – ขับปัสสาวะ


สับปะรด    Ananas comosus  (L.) Merr.

  • สรรพคุณ ราก – แก้นิ่ว ขับปัสสาวะ ใบสด – เป็นยาถ่าย ฆ่าพยาธิในท้อง ยาขับปัสสาวะ ผลสุก – ขับปัสสาวะ ไส้กลางสับปะรด – แก้ขัดเบา เปลือก – ขับเยี่ยว ทำให้ไตมีสุขภาพดี จุก – ขับเยี่ยว แก้นิ่ว กิ่งก้านสาขา – แก้โรคนิ่ว ยอดอ่อนสับปะรด – แก้นิ่ว
เอกสารอ้างอิง

  • ผศ.วิทย์ วิเศษสินธ์.โรคนิ่ววในระบบทางเดินปัสสาวะ.หน่วยศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
  • Sritippayawan S, Borvornpadu
บันทึกการเข้า