นิ่วในไต (Kidney Stone)นิ่วในไตเป็นอย่างไร ก่อนที่พวกเราจะมาทำความรู้จักนิ่วในไตนั้น ประการแรกต้องรู้จักโรคนิ่วกันก่อน โรคนิ่วเป็นขี้ตะกอนจากธาตุต่างๆที่รวมตัวกันเป็นก้อนแข็งๆที่เกิดจากสาเหตุต่างๆตัวอย่างเช่น ขาดสารอาหารต่างๆหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ซิเทรต โพแทสเซียม แมกนีเซียม รวมทั้งโปรตีนซึ่งได้มาจากเนื้อสัตว์ หรืออาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะการอักเสบ จากโรคบางประเภท ดังเช่น โรคเก๊าท์ฯลฯ และโรคนิ่วนั้นยังสามารถแบ่งได้เป็นของจำพวก เป็นนิ่วในถุงน้ำดี แล้วก็นิ่วในระบบทางเท้าปัสสาวะ และก็ยังสามารถจัดชนิดและประเภทนิ่วในทางเดินปัสสาวะได้อีกตามตำแหน่งที่เกิดนิ่ว เป็นต้นว่า นิ่วในไต นิ่วในทอไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ แล้วก็นิ่วในทอเยี่ยว ซึ่งนิ่วทั้งสองชนิดนี้ มีความต่างกันทั้งในองค์ประกอบ ปัจจัย รวมทั้งการดูแลรักษา แต่ว่าในบทความนี้ผู้เขียนจะขอกล่าวถึงเฉพาะนิ่วในไตเท่านั้น
นิ่วในไต เป็นก้อนผลึกขนาดเล็ก ประกอบด้วยหินปูน (แคลเซียม) กับสารเคมีรวมทั้งแร่ นๆยกตัวอย่างเช่น ออกซาเลต ยูริก โปรตีน เป็นต้น หรือบางรายอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีขนาดใหญ่ที่เกิดจากสารตกค้างต่างๆทั้งจากสารอาหารที่พวกเรากินเข้าไป หรือกรดบางจำพวกที่ร่างกายขับออกไม่หมด ซึ่งก้อนนิ่วในไตนี้ ยังไปเพิ่มอัตราเสี่ยงในการเป็นโรคไตอีก
ชนิดของนิ่วในไต ก้อนนิ่วมีองค์ประกอบ 2 ส่วน คือ ส่วนที่เป็น แร่ (mineral composition) และส่วนที่เป็นสาร อินทรีย์(organic matrix) ซึ่งมีราวร้อยละ 5-10 เป็นสารโมเลกุลใหญ่ที่พบในฉี่ ยกตัวอย่างเช่น โปรตีน ไขมัน รวมทั้งคาร์โบไฮเดรต เป็นต้น ส่วนที่เป็นแร่เกิดขึ้นจาก การตกผลึกของสารก่อนิ่วในเยี่ยว อย่างเช่น แคลเซียม ออกซาเลต ฟอสเฟต รวมทั้งกรดยูริค สามารถจัดประเภทของนิ่วในไตได้ดังนี้ นิ่วสสวยไวท์(struvite stones) พบ จำนวนร้อยละ 15 กำเนิดในผู้เจ็บป่วยที่มีทางเดินเยี่ยวอักเสบเรื้อรัง นิ่วกรดยูริค (uric acid stones) พบประมาณร้อยละ 6 มีสาเหตุจากทานอาหารที่มีพิวรีน (purine) สูง เป็นต้นว่า เครื่องใน สัตว์ปีก ฯลฯ นิ่วซีสตี (cystine stones) พบราวๆปริมาณร้อยละ 2 มีเหตุมาจากความไม่ดีเหมือนปกติของร่างกาย สำหรับการซับสารซีสตีน นิ่วแคลเซียมออกซาเลต (calcium oxalate stones) เป็นประเภทที่พบได้บ่อยที่สุด ในประเทศไทย โดยเจอปริมาณร้อยละ 75-80 ซึ่งจากรายงาน การค้นคว้าที่จังหวัดขอนแก่นเจอนิ่วชนิดนี้จำนวนร้อยละ 88 แล้วก็ที่ประเทศอเมริกาเจออุบัติการณ์จำนวนร้อยละ 90 นิ่วแคลเซียมออกซาเลตมีสาเหตุมาจากแคลเซียมรวมกับกรด ออกซาลิก (oxalic acid) เมื่อไปรวมกับแร่ธาตุตัวอื่น ได้แก่ โซเดียม แมกนีเซียม แคลเซียม หรือโปแตสเซียม จะกลายเป็นผลึกออกซาเลต และก็กลายเป็นก้อนนิ่วในเวลาถัดมา
นิ่วในไตสามารถเจอได้ทุกช่วงอายุตั้งแต่เด็กจนกระทั่งคนวัยแก่ แต่ว่าเจอได้สูงกว่าในช่วงอายุ 40 - 50 ปี โดยเจอในผู้ชายสูงกว่าหญิงราวๆ 2 - 3 เท่า
นิ่วในไตบางทีอาจเกิดกับไตเพียงแต่ฝ่ายเดียว โดยโอกาสกำเนิดใกล้เคียงกันทั้งข้างซ้ายแล้วก็ขวาหรือเกิดนิ่วพร้อมทั้งสองข้าง แม้กระนั้นความรุนแรงของนิ่วในทั้งสองไตมักไม่เท่ากันขึ้นกับขนาดแล้วก็ตำแหน่งของนิ่ว ในประเทศที่เจริญรุ่งเรืองแล้ว จะพบโรคนี้ได้ประมาณ 0.2% ของพลเมือง ส่วนในทวีปเอเชียเจอได้ราวๆ 2-5%
สำหรับในประเทศไทย เจออัตรา การเกิดโรคนิ่วในไตและก็ในระบบทางเท้าปัสสาวะของผู้ป่วยใน จากสถิติกระทรวงสาธารณสุขมากขึ้นจาก 99.25 ต่อ 100,000 ของประชากร ในปีพุทธศักราช 2550 เป็น 122.46 ในปี พ.ศ. 2553 พบบ่อยที่สุดในสามัญชน ภาคเหนือและก็ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในอัตรา 188.55 และก็ 174.67 ตามลำดับ จากการเรียนรู้ นิ่วในระบบทางเดินเยี่ยว ในปีพ.ศ. 2552 จำแนกแยกแยะตามครอบครัว รวมทั้ง หมู่บ้าน ในมวลชนภาคอีสาน ที่จังหวัด ขอนแก่น จำนวน 1,034 ราย (โดยรวมผู้ที่เป็นนิ่ว อยู่แล้ว 135 ราย) จาก 551 ครอบครัว และก็ 348 หมู่บ้าน เรียนรู้ด้วยวิธีถ่ายรูปรังสี Kidney-Ureter Bladder (KUB) พบว่า สมาชิกในครอบครัวปริมาณ 116 ครอบครัว (ร้อยละ 21.05) และก็ใน 23 หมู่บ้าน (ร้อยละ 6.61) เป็นนิ่วในไต ตำแหน่งที่พบนิ่วมากที่สุดหมายถึงในไต โดยประมาณปริมาณร้อยละ 80 สำหรับในภูมิภาคอื่นๆมีการศึกษาเล่าเรียนไม่มากนัก แม้กระนั้นมีรายงานการศึกษาพบว่า เจอนิ่วเยอะที่สุดในช่วงอายุ 40-50 ปีรวมทั้ง พบในผู้ชายมากยิ่งกว่าผู้หญิง 3 เท่า และก็พบ การเกิดซ้ำ ด้านใน 2 ปี ข้างหลังผ่าตัดหรือสลายนิ่วมากถึง ปริมาณร้อยละ 39
ในตอนนี้โรค
นิ่วในไตมีลัษณะทิศทางที่สูงขึ้น ทั้งในประเทศไทยแล้วก็ทุกภูมิภาคทั้งโลก การมีนิ่วในไต ทำ ให้การทำ งานของไตเสื่อมลง แล้วก็อาจรุนแรงจนถึง เกิดภาวะไตวายเรื้อรังและก็โรคไตระยะสุดท้าย ซึ่งทำ ให้ เสียชีวิตได้ นอกเหนือจากนี้โรคนิ่วในไตมีอุบัติการณ์กำเนิดนิ่วซ้ำ สูงมาก ทำ ให้คนป่วยรวมทั้งรัฐบาลจำต้องสูญเสียค่าครองชีพ สำหรับเพื่อการรักษาอย่างใหญ่โต ด้วยเหตุนี้การหลีกเลี่ยงเหตุ เสี่ยงหรือมูลเหตุที่ส่งผลให้เกิดนิ่ว ยกตัวอย่างเช่น พืชที่มีออกซาเลต สูง หรือการรับประทานแคลเซียมเม็ดเสริม ควรจะเป็นสิ่งที่ จำต้องคำ คิดถึงเพื่อป้องการป้องกันเกิดนิ่ว
สิ่งที่ทำให้เกิดนิ่วในไต มีต้นเหตุที่เกิดจากหลากหลายต้นสายปลายเหตุ ทั้งยังสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางด้านสิ่งแวดล้อม เมตตาบอลิซึม กรรมพันธุ์ วิถีการดำนงชีพ แล้วก็นิสัยการกินอาหารของเพศผู้เจ็บไข้เอง แต่ต้นสายปลายเหตุที่สำคัญของการเกิดนิ่วในไตเป็นการมีสารก่อนิ่วในเยี่ยวสูงขึ้นยิ่งกว่าระดับสารยับยั้งนิ่ว ร่วมกับต้นสายปลายเหตุเสริมเป็น ขนาดของเยี่ยวน้อย นำมาซึ่งการก่อให้เกิดภาวการณ์อิ่มตัวยิ่งยวดของสารก่อนิ่วในเยี่ยว ก็เลยเกิดผลึกที่ไม่ละลายน้ำขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แคลเซียมออกซาเลต แคลเซียมฟอสเฟต แล้วก็ยูเรต ผลึกนิ่วที่เกิดขึ้นจะทำการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ส่งผลให้เซลล์บุด้านในไตถูกทำลาย ตำแหน่งถูกทำลายนี้จะเป็นพื้นที่ให้ผลึกนิ่วเกาะยึดแล้วก็รวมกลุ่มกัน มีการทับถมของผลึกนิ่วเป็นระยะเวลานานจนถึงแปลงเป็นก้อนนิ่วได้ในที่สุด ในคนปกติที่มีสารยับยั้งนิ่วในเยี่ยวสูงพอเพียงจะสามารถยั้งการก่อตัวของผลึกนิ่วได้ โดยสารพวกนี้จะไปแย่งจับกับสารก่อนิ่ว อย่างเช่น สิเทรตจับกับแคลเซียม หรือแมกนีเซียมจับกับออกซาเลต ส่งผลให้เกิดเป็นสารที่ละลายน้ำได้ดี และขับออกไปพร้อมทั้งน้ำปัสสาวะ ทำให้ปริมาณสารก่อนิ่วในปัสสาวะลดลงและไม่สามารถรวมตัวกันเป็นผลึกนิ่วได้ นอกจากสารยั้งนิ่วกลุ่มนี้แล้วโปรตีนในเยี่ยวหลายประเภทยังปฏิบัติภารกิจคุ้มครองการก่อผลึกในฉี่ รวมทั้งเมื่อเคลือบที่ผิวผลึกจะช่วยขับผลึกออกไปพร้อมด้วยฉี่ได้ง่ายขึ้น
ตอนนี้มีหลายงานศึกษาเรียนรู้บอกว่า ความผิดปกติของการสังเคราะห์และหลักการทำงานของโปรตีนยับยั้งนิ่วพวกนี้เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคนิ่วในไต การเกิดนิ่วในไตยังอาจเกิดขึ้นจากโรคอื่นที่เป็นอยู่ ได้แก่ การตำหนิดเชื้อในระบบทางเท้าฉี่ โรคเมตาบอลิก รวมทั้งการใช้ยารักษาโรคบางจำพวกอย่างโรคเกาท์ ต่อมไทรอยด์ดำเนินการเกินธรรมดา โรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคความดันโลหิตสูง แล้วก็การรับประทานวิตามินดี และแคลเซียมเม็ดเสริมมากเกินไป
อาการของนิ่วในไต สำหรับนิ่วในไตโดยมาก ผู้ป่วยมักไม่มีอาการแสดง แต่ว่าจะมีลักษณะอาการแสดงก็ต่อเมื่อมีการติดเชื้อซ้ำซ้อนรวมทั้งก้อนนิ่วที่มีขนาดเล็กมากๆอาจหลุดออกไปพร้อมด้วยการขับฉี่โดยไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการหรือความรู้สึกเจ็บปวดอะไรก็ตามลักษณะของนิ่วในไตบางทีอาจไม่ปรากฏให้มองเห็นจวบจนกระทั่งก้อนนิ่วเริ่มเคลื่อนตัวรอบๆไตหรือไปยังท่อไต ซึ่งเป็นท่อเชื่อมต่อระหว่างไตและก็กระเพาะปัสสาวะ ส่งผลให้คนป่วยที่มีนิ่วในไตอาจมีอาการกลุ่มนี้ตามมา เป็นต้นว่า ปวดรอบๆหลังหรือช่องท้องด้านล่างข้างใดข้างหนึ่ง บางทีอาจเจ็บปวดรวดร้าวลงไปถึงรอบๆขาหนีบ มีลักษณะอาการปวดบีบเป็นระยะ รวมทั้งปวดรุนแรงเป็นช่วงๆที่รอบๆดังกล่าวข้างต้น เยี่ยวเป็นเลือด หรืออาจมีสีแดง ชมพู และน้ำตาล ฉี่แล้วเจ็บ ปวดเยี่ยวบ่อย เยี่ยวน้อย ปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นแรง อ้วก คลื่นไส้ หนาวสั่น เจ็บป่วย และก็หากก้อนนิ่วมีขนาดเล็กและตกลมมาที่ท่อไต จะทำให้เกิดลักษณะของการปวดบิดในท้องรุนแรง เรียกว่า “นิ่วในท่อไต” คนป่วยจะมีลักษณะอาการระคายเคืองเวลาเยี่ยว อยากฉี่ แต่ว่าปัสสาวะขัด กะปริบกะปรอย ในกรณีที่มีการติดโรคสอดแทรกจะมีอาการไข้ร่วมด้วย ถ้าปลดปล่อยให้เป็นนิ่วไปนานๆโดยมิได้รับการรักษาจะก่อให้ไตเจ็บเรื้อรัง นำมาซึ่งการทำให้ไตมีรูปร่างและก็ดำเนินงานผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆและก็นำไปสู่สภาวะไตวายในที่สุด
กรรมวิธีรักษานิ่วในไต แพทย์วิเคราะห์นิ่วในไตได้จากประวัติอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจปัสสาวะ และก็อาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มอีกสังกัดอาการคนป่วยรวมทั้งดุลพินิจของหมอ อาทิเช่น
- การตรวจเยี่ยว เพื่อมองว่าร่างกายมีการขับธาตุศูนย์รวมตัวเป็นก้อนนิ่วมากเกินความจำเป็น หรือมีสารคุ้มครองป้องกันการเกิดนิ่วที่น้อยเกินไปไหม และก็ตรวจเม็ดเลือดแดงในเยี่ยว ตลอดจนตรวจค้นภาวะติดเชื้อโรค สามารถทำได้โดยเก็บปัสสาวะของผู้เจ็บป่วยทั้งหมดทั้งปวงในช่วง 24 ชั่วโมง ได้แก่ ถ้าหากเริ่มนับตั้งแต่ 8.00 นาฬิกา ณ เวลานี้ผู้ป่วยต้องเยี่ยวทิ้งไปก่อน แล้วเก็บครั้งต่อๆไปทุกคราวจนกระทั่ง 8.00 นาฬิกาของวันต่อไป
- การวิเคราะห์เลือด ผลการตรวจเลือดจะสามารถบ่งถึงสุขภาพไตของผู้เจ็บป่วย และก็ช่วยทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคต่างๆได้ และก็วัดระดับของสารที่อาจจะทำให้เกิดนิ่ว โดยผู้เจ็บป่วยที่มีนิ่วในไตอาจตรวจพบว่ามีปริมาณแคลเซียมหรือกรดยูริกในเลือดที่มากเกินความจำเป็น
- การตรวจโดยมองจากรูปถ่ายไต แนวทางลักษณะนี้จะช่วยให้แพทย์สามารถเห็นก้อนนิ่วที่เกิดขึ้นตามทางเดินเยี่ยว การถ่ายภาพไตมีมากมายหลายวิธีให้เลือกใช้ เป็นต้นว่า การฉายรังสีเอกซ์เรย์ในท้อง ซึ่งอาจก่อให้ไม่เห็นก้อนนิ่วในไตขนาดเล็กหรือนิ่วบางจำพวก การตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวน์ไต นอกเหนือจาก 2 แนวทางแบบนี้ หมออาจไตร่ตรองใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ซึ่งอาจจะก่อให้มองเห็นนิ่วก้อนเล็กๆได้รวมทั้ง
- การตรวจ x-ray เงาไตที่เรียก KUB (Kidney ureter and bladder) ถ้าหากว่าเป็นนิ่วที่ทึบแสงก็สามารถมองเห็นนิ่วได้ หากเป็นนิ่วที่ไม่ทึบแสงก็ไม่สามารถที่จะเห็น รวมทั้งการตรวจ IVP (Intravenous pyelogram) เป็นการฉีดสีเข้าเส้นเลือดดำ และก็สีนั้นจะถูกขับออกทางไตหลังจากฉีดจะ x-ray เงาไตที่เวลาต่างๆหลังฉีดสี เพื่อมองรูปร่าง ลักษณะของไต ว่ามีการอุดตันจากนิ่วหรือไม่ รวมถึงการทำงานของไต ว่าดีมากน้อยขนาดไหน
- การรักษานิ่วในไต การดูแลและรักษามีหลายแนวทาง แพทย์จะพิจารณาโดยอาศัยข้อมูลเรื่องขนาดของนิ่ว ตำแหน่งของนิ่ว ความแข็งของนิ่ว ไตบวมมากหรือน้อย การอักเสบของไตเป็นต้น เพื่อพินิจเลือกขั้นตอนการที่ยอดเยี่ยมในแต่ละราย บางท่านบางครั้งอาจจะสมควรที่จะรักษาด้วยการสลายนิ่ว แม้กระนั้นบางท่านไม่เหมาะสมที่จะสลายนิ่ว บางทีอาจรักษาได้ด้วยวิธีอื่นๆผู้ป่วยควรจะปรึกษาหมอถึงกระบวนการต่างๆพวกนี้เพื่อจะได้เข้าใจถึงเหตุผลที่แพทย์เลือกแนวทางนั้นๆสำหรับการรักษา
การรักษานิ่วในไตขนาดเล็ก การดูแลและรักษานิ่วขนาดเล็กที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางไม่เกิน 5 มม. บางทีอาจทำได้ด้วยการดื่มน้ำมากๆเพื่อช่วยขับก้อนนิ่วออกมาพร้อมฉี่ และควรจะดื่มให้มากพอ (วันละ 8 – 10 แก้ว) จนเยี่ยวเจือจางเยี่ยวเป็นสีใสๆนิ่วอาจหลุดลงมาเป็นนิ่วในทอไต แต่ ถ้าผู้เจ็บป่วยด้วยนิ่วประเภทนี้มีลักษณะ หมอบางทีอาจพิจารณาให้ผ่าตัดเอาก้อนนิ่วออกได้เช่นกัน
หากกำเนิดก้อนนิ่วเล็กๆที่นำมาซึ่งความเจ็บ แพทย์บางทีอาจใช้ยาเพื่อทุเลาอาการปวด ดังเช่น ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) อะเซตาไม่โนเฟ่น (Acetaminophen) หรือที่รู้จักในชื่อพาราเซตามอล รวมทั้งที่นาพรอกเซน (Naproxen)
นอกเหนือจากนั้น การใช้ยาช่วยขับก้อนนิ่วก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางการรักษา หมออาจสั่งจ่ายยากลุ่มแอลฟา-บล็อกเกอร์ (Alpha Blocker) ซึ่งเป็นยาช่วยขับก้อนนิ่วออกมาทางปัสสาวะ ออกฤทธิ์โดยการทำให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย ทำให้ให้ก้อนนิ่วในไตถูกขับออกมาได้เร็วและเจ็บน้อยกว่า
การดูแลรักษานิ่วในไตขนาดใหญ่ ก้อนนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 5 มิลลิเมตรขึ้นไปสามารถทำให้มีเลือดออก แล้วก็อาจกระตุ้นให้เกิดแผลที่ท่อไตหรือการตำหนิดเชื้อในระบบทางเท้าเยี่ยว จนไม่อาจจะหลุดมาเองได้ แพทย์บางทีอาจต้องใช้การรักษาชนิดอื่นๆดังต่อไปนี้
- การใช้คลื่นเสียงกระจายตัวก้อนนิ่ว เหมาะสมกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 2 ซม. รักษาโดยใช้เครื่อง Extracorporeal Shock Wave Lithotripsy (ESWL) โดยใช้แรงสะเทือนของคลื่นเสียงทำให้นิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กๆจนสามารถผ่านออกทางการขับเยี่ยวได้ วิธีการแบบนี้ผู้เจ็บป่วยอาจรู้สึกเจ็บปวดระดับปานกลาง แพทย์ก็เลยบางทีอาจใช้ยาระงับประสาทเพื่อให้ผู้เจ็บป่วยสงบหรือทำให้สลบแบบตื้น ขั้นตอนรักษาใช้เวลาราว 45-60 นาที รวมทั้งบางทีอาจส่งผลใกล้กันให้ปัสสาวะเป็นเลือด มีแผลบวมช้ำด้านหลังท้อง เลือดออกรอบรอบๆไตรวมทั้งอวัยวะรอบกาย รวมทั้งรู้สึกเจ็บเมื่อเสี้ยวก้อนนิ่วเคลื่อนผ่านทางเท้าปัสสาวะออกมา การดูแลและรักษาโรคนิ่วแนวทางนี้ระยะเวลากว่าเศษนิ่วจะหลุดออกมาหมดนั้นไม่แน่นอน บางรายจำต้องสลายนิ่วซ้ำอีกหนึ่งหรือบ่อยมาก ไม่สามารถรับประกันผลของการรักษาได้ทุกราย โดยมีอัตราปราศจากนิ่วที่ 3 เดือนราวๆจำนวนร้อยละ 75
- การผ่าตัดก้อนนิ่วออก (Percutaneous Nephrolithotomy) เหมาะสมกับนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 ซม. อาจใช้ตามหลังวิธีใช้คลื่นเสียงแตกตัวก้อนนิ่ว (ESWL) ไม่ได้เรื่อง หมอบางทีอาจเลือกใช้การผ่าตัดนิ่วด้วยการใช้กล้องส่องทางไกลขนาดเล็กรวมทั้งอุปกรณ์สอดเข้าไปรอบๆข้างหลังของคนป่วย โดยพักฟื้นที่โรงหมอตรงเวลา 1-2 วัน และก็มีคุณภาพถึง 72-99 เปอร์เซ็นต์
- การส่องกล้อง สำหรับก้อนนิ่วที่มีขนาดไม่เกิน 3 เซนติเมตร แพทย์บางทีอาจใช้กล้องถ่ายรูป Ureteroscope เพื่อฉายลำแสงแคบผ่านหลอดปัสสาวะและกระเพาะปัสสาวะ แล้วก็ใช้อุปกรณ์จำพวกพิเศษจับหรือทำให้ก้อนนิ่วแตกตัวเป็นชิ้นเล็กจนสามารถถูกขับออกมาทางเท้าปัสสาวะได้ เพื่อลดอาการบวมหลังผ่าตัดแล้วก็ช่วยทำให้หายเร็วขึ้น ก็เลยอาจมีการใช้ท่อเล็กๆยึดไว้ที่หลอดเยี่ยวด้วย การส่องกล้องนี้พบว่ารักษาเห็นผลถึง 94 เปอร์เซ็นต์ ถ้าเกิดเป็นนิ่วเขากวางมีกิ่งมากกว่า 2 กิ่ง หรือนิ่วที่มีขนาดใหญ่กว่า 3 เซนติเมตร หมอมักพินิจพิเคราะห์เป็นการผ่าตัดเปิดตามความเหมาะสม
- การผ่าตัดต่อมต่อมไทรอยด์ โรคต่อมไทรอยด์ดำเนินงานสูง เกิดการผลิตฮอร์โมนพาราต่อมไทรอยด์ขึ้นมามากมายไม่ดีเหมือนปกติ และก็เป็นสาเหตุให้กำเนิดก้อนนิ่วจากแคลเซียมฟอสเฟตได้ง่าย การทำงานที่เปลี่ยนไปจากปกตินี้ถ้าหากเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเนื้องอกที่เติบโตบนต่อมไทรอยด์ การผ่าตัดเอาเนื้องอกดังที่กล่าวถึงแล้วออกจะเป็นช่วยลดการเกิดนิ่วในไตได้ด้วย
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะก่อเกิดนิ่วในไต- รับประทานอาหารมีสารที่ก่อการตกตะกอนเป็นนิ่วจำนวนสูงตลอดตัวอย่างเช่น ทานอาหารมีออกซาเลตสูง ยกตัวอย่างเช่น โยเกิร์ต ถั่วที่มีรูปทรงเสมือนไต อาทิเช่น ถั่วแดง ถั่วดำ ถั่วเหลือง งา ลูกนัท ผลเบอร์รีต่างๆมะเดื่อ แครอด บีทรูท มะเขือ ผักกะหล่ำ หน่อไม้ฝรั่ง บคอยควัวลิ ผักโขม ชะพลู ผักกะเฉด และยอดผักต่างๆหรือมีกรดยูริคสูง อาทิเช่น เนื้อสัตว์ เครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ปลาสมุทร หอยแครง น้ำเกรวี/Gravy รวมทั้งจากพืชบางชนิดอาทิเช่น หน่อไม่ฝรั่ง ผักขม ยอดผัก รวมทั้งถั่วชนิดมีรูปร่างคล้ายไต/ถั่วดำ/ถั่วแดง
- การตีบแคบของทางเดินเยี่ยวทำ ให้มี ฉี่ค้างข้างในไต
- ความเข้มข้นของน้ำ ปัสสาวะ เกิดเนื่องมาจาก ผู้ป่วยกินน้ำ น้อยกว่าธรรมดา หรือสูญเสียน้ำ ออกจาก ร่างกายมากกว่าปกติ ผู้มีอาชีพเกษตรกรทำ งานที่โล่งแจ้ง จะมีการเสียเหงื่อมากทำ ให้เยี่ยวมีความเข้มข้นสูง โอกาสที่สารละลายในฉี่จะกลายเป็นผลึกจึงมีมากยิ่งขึ้น รวมทั้ง บางทีอาจเกี่ยวข้องกับเกลือแร่ที่ละลายอยู่ในน้ำที่ใช้ดื่ม ซึ่งสังกัดแต่ละท้องถิ่นส่งผลให้เกิดเป็นนิ่วขึ้นได้ การออกกำลังกายอย่างมาก ทำ ให้มีการสูญเสียน้ำ รวมทั้ง เกลือแร่ไปกับเหงื่อ ทำให้เยี่ยวจะมีปริมาณซิเทรตต่ำ ซึ่งการขาดซิเทรตทำ ให้แคลเซียมรวมกับออกซาเลตเป็นแคลเซียมออกซาเลต หรือแคลเซียมรวมกับฟอสเฟตเป็นแคลเซียมฟอสเฟต ซึ่งละลายน้ำ ได้ไม่ดี
- ความเป็นกรด-ด่างของฉี่ ฉี่ที่มี ฤทธิ์เป็นกรดมากมายอาจเกิดการกลายเป็นผลึกของกรดยูริค รวมทั้งซีสทีน ส่วนปัสสาวะที่มีฤทธิ์เป็นด่าง อาจเกิดการตกตะกอน ของผลึกออกซาเลต ฟอสเฟส รวมทั้งคาบอเนต ซึ่งคนธรรมดา ในช่วง 06.00 น. เยี่ยวจะมีความเป็นกรดที่ pH 5.2 ในตอน 18.00 น. จะมีความเป็นกลาง pH 7.0 ก็เลยมี ช่องทางเกิดผลึกได้ทั้งผลึกกรดยูริค และก็ผลึกแคลเซียม ซึ่งการรวมตัวกันของผลึกทำ ให้กำเนิดเป็นก้อนนิ่วท้ายที่สุด
- โรคเรื้อรังบางประเภทที่ส่งผลให้ภายในร่างกายมีสารต่างๆที่ก่อนิ่วสูงขึ้นมากยิ่งกว่าธรรมดาดังเช่นว่า โรคของ ต่อมพาราต่อมไทรอยด์(Parathyroid gland) ซึ่งคือต่อมไร้ท่อขนาดเล็กอยู่ใต้ต่อมไทรอยด์ มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของแคลเซียม) ดำเนินการเกิน หรือโรคเกาต์ซึ่งมีกรดยูริคสูงภายในร่างกาย
- อาจจากกินวิตามินซี วิตามินดี รวมทั้งแคลเซียมเสริมของกินจำนวนสูงสม่ำเสมอ เพราะฉะนั้นการกินวิตามินเกลือแร่พวกนี้เสริมอาหาร ควรจะขอคำแนะนำหมอก่อนเสมอ
- ยาบางจำพวกทำ ให้เกิดนิ่วได้ดังเช่น ยาขับฉี่ ยากลุ่ม carbonic anhydrase inhibitors ยาระบาย หรือยาลดกรดที่กินอยู่เป็นเวลานาน ทำ ให้กำเนิด นิ่วด้วยกลไกผ่านทางเมตาบอลิค
การติดต่อของ
นิ่วในไต นิ่วในไตเป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการตกขี้ตะกอนของแร่ธาตุต่างๆรวมทั้งแคลเซียม (หินปูน) เป็นก้อนผลึกขนาดต่างๆตามอวัยวะต่างๆของร่างกาย อาทิเช่น ถุงน้ำดี และ ระบบทางเดินฉี่ของร่างกาย ซึ่งขาดการติดต่อจากคนสู่คนหรือจากสัตว์สู่คนแต่อย่างใด
การกระทำตนเมื่อเป็นนิ่วในไต การดูแลตัวเองเมื่อเป็นนิ่วในไตแล้วก็เพื่อป้องกันนิ่วย้อนไปเป็นซ้ำหลังรักษานิ่วหายแล้ว อาทิเช่น
- กินน้ำสะอาดมากมายๆขั้นต่ำวันละ 2 ลิตรหากว่าไม่มีโรคที่จำต้องจำกัดน้ำ
- จำกัดอาหารที่มีสารออกซาเลต กรดยูริค แล้วก็สารซีสตีนสูง
- ไม่กลั้นปัสสาวะนาน และพากเพียรขยับเขยื้อนร่างกายเสมอ
- ปฏิบัติตามหมอ/พยาบาลชี้แนะอย่างเคร่งครัด
- กินยาต่างๆให้ถูกครบถ้วนบริบูรณ์ ไม่ขาดยา และไม่หยุดยาเอง
- ดูสีและลักษณะของเยี่ยวเสมอเพื่อรีบเจอแพทย์ก่อนนัดหมายเมื่อมีความผิดปกติเกิด ขึ้นเช่น ขุ่นมากหรือเป็นเลือดและก็เมื่อมีนิ่วหลุดออกมา ควรที่จะเก็บเอาไว้และจากนั้นจึงนำไปพบแพทย์ เพื่อเล่าเรียนทางห้องทดลองว่าเป็นนิ่วประเภทใด เพื่อการรักษาและก็การดูแลตนเองได้ถูกต้อง ซึ่งเมื่อหมอเสนอแนะให้เก็บนิ่วมาให้แพทย์ดู ควรจะปัสสาวะในกระโถนหรือปัสสาวะผ่านผ้ากรองเพื่อการเก็บนิ่วได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- เลี่ยงเครื่องดื่มน้ำอัดลม เนื่องมาจากอาจจะส่งผลให้ปริมาณของซิเทรดในฉี่น้อยลง
การคุ้มครองป้องกันตนเองจากนิ่วในไต ช่วงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วสูงสุดเป็น 40-60 ปี และอัตราการเกิดเป็นนิ่วซ้ำ เจอมากถึงจำนวนร้อยละ 50 ข้างใน 5 ปี การกระทำตนเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว หรือการเกิดนิ่วซ้ำ ควรปฏิบัติดังต่อไปนี้
- ควรดื่มน้ำ วันละ 6-8 แก้ว (2.5 ลิตรหรือมากยิ่งกว่า) หรือให้ได้ขนาดของฉี่มากกว่า 2 ลิตรต่อวัน เพื่อลดความอิ่มตัวของสารก่อนิ่วในเยี่ยว และก็ลดช่องทางการก่อผลึกนิ่วในระบบทางเท้าปัสสาวะ
- ควรจะหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟที่เข้มข้นมากมาย อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งทำ ให้ระดับแคลเซียมสูงมากขึ้นในฉี่
- คนป่วยที่มีน
ตารางที่ 1 แสดงปริมาณกรดออกซาลิคในผักต่อน้ำ หนักผัก 100 กรัม
ชื่อผัก ปริมาณกรดออกซาลิค ชื่อผัก ปริมาณกรดออกซาลิค (มิลลิกรัม) (มิลลิกรัม)ผักชีฝรั่ง (parsley) 1,700 หัวไชเท้า 480
มันสำปะหลัง 1,260 ใบกระเจี๊ยบ 389.5
ใบชะพลู 1,088.4 ใบยอ 387.6
ผักโขม (amaranth) 1,090 ผักปัง 385.3
ผักโขม (spinach) 970 ผักกระเฉด 310
ยอดพริกชี้ฟ้า 761.7 ผักแพงพวย 243.9
แครอท 500 กระเทียม 360
- ทานอาหารพวกผักแล้วก็ผลไม้ (ที่ไม่มีสารออกซาเลต , ยูริกสูง) เพราะเหตุว่าเป็นแหล่งของสารยับยั้งการเกิดนิ่ว ช่วยทำให้ปริมาณสิเทรต โพแทสเซียม และก็ pH ของเยี่ยวเพิ่มขึ้น แล้วก็ลดการทำลายของเซลล์เยื่อบุหลอดไต ก็เลยสามารถยั้งการเกิดนิ่วได้อย่างมีคุณภาพ
- กินไขมันจากพืชแล้วก็ไขมันจากปลา ด้วยเหตุว่าไขมันพวกนี้สามารถลดปริมาณแคลเซียมในปัสสาวะได้ดีมากว่าไขมันที่ได้จากเนื้อสัตว์อื่นๆจึงช่วยลดจังหวะเกิดนิ่วซ้ำได้
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษานิ่วในไตกระเจี๊ยบแดง Hibiscus sabdariffa L.
- องค์ประกอบทางเคมี: มีสาร Anthocyanin และกรดอินทรีย์หลายตัว ดังเช่นว่า citric acid, mallic acid, tartaric acid, vitamin c ทำให้ฉี่มีฤทธิ์เป็นกรด
- สรรพคุณ: หนังสือเรียนยาไทย: กลีบเลี้ยงมีรสเปรี้ยว แก้อาการขัดเบา แก้เสลด ขับน้ำดี ลดไข้ แก้ไอ ขับนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- การศึกษาทางคลินิก: ลดระดับความดันโลหิต ยับยั้งเชื้อแบคทีเรียในทางเดินเยี่ยว ทำให้ผู้เจ็บป่วยโรคนิ่วในท่อไต ปัสสาวะสบายขึ้น คนไข้กระเพาะปัสสาวะอักเสบมีลักษณะปวดแสบเวลาเยี่ยวลดน้อยลง
ขทาง Pluchea indica (L.) Less.
- องค์ประกอบทางเคมี: พบสารอนุพันธ์ของ eudesmane กรุ๊ป cauhtemone แล้วก็เจอเกลือแร่ sodium chloride ด้วยเหตุว่าชอบขึ้นที่น้ำทะเลขึ้นถึง
- คุณประโยชน์: หนังสือเรียนยาไทย: ใช้ ใบ รสหอมฝาดเมาเค็ม เป็นยาขับฉี่ อีกทั้งต้น รสหอมฝาดเมาเค็ม ใช้ต้มรับประทานรักษาอาการขัดเบา แก้นิ่วในไต ขับฉี่ แก้ปัสสาวะพิการ
ตะไคร้ Cymbopogon citratus Stapf
- คุณประโยชน์ ต้น แก้โรคทางเดินฉี่ นิ่ว ขับปัสสาวะ ระดูมาไม่ปกติ แก้ฉี่เป็นเลือด แก้โรคหืด ราก ขับปัสสาวะ แก้นิ่ว แก้เยี่ยวพิการ แก้อาการขัดเบา
ทานตะวัน Helianthus annuus L.
- สรรพคุณ แกนต้น – ขับเยี่ยว แก้นิ่วในทางเดินเยี่ยว นิ่วในไต เม็ด – ขับฉี่ ราก – ขับปัสสาวะ
สับปะรด Ananas comosus (L.) Merr.
- สรรพคุณ ราก – แก้นิ่ว ขับฉี่ ใบสด – เป็นยาถ่าย ฆ่าพยาธิในท้อง ยาขับเยี่ยว ผลสุก – ขับเยี่ยว ไส้กึ่งกลางสับปะรด – แก้ขัดเบา เปลือก – ขับเยี่ยว ทำให้ไตมีร่างกายแข็งแรง จุก – ขับฉี่ แก้นิ่ว แขนง – แก้โรคนิ่ว ยอดอ่อนสับปะรด – แก้นิ่ว
เอกสารอ้างอิง