รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคโปลิโอ - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 406 ครั้ง)

แสงจันทร์5555

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 77
    • ดูรายละเอียด


โรคโปลิโอ (Poliomyelitis)
โรคโปลิโอคืออะไร โรคโปลิโอศึกษาและทำการค้นพบทีแรกเมื่อ ค.ศ. 1840 โดย Jakob Heine ส่วนเชื้อไวรัสโปลิโอซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคถูกพ้นเจอเมื่อ ค.ศ. 1908 โดย Karl Landsteiner โรคโปลิโอ หรือ ไข้ไขสันหลังอักเสบ  เป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดรวดร้าวทุกข์ทรมานแสนสาหัสแก่เด็กทั่วทั้งโลก ซึ่งมีผู้ป่วยในอดีตกาลมากยิ่งกว่า 350,000 รายต่อปี เนื่องด้วยทำให้เกิดความพิการ ขา หรือ แขนลีบ แล้วก็เสียชีวิต ซึ่งเป็นโรคที่เกิดจากการตำหนิดเชื้อไวรัสโปลิโอ โดยคนป่วยจำนวนมากมักไม่มีอาการแสดงของโรค ส่วนในกรุ๊ปคนป่วยที่มีลักษณะนั้นจำนวนมากจะมีลักษณะอาการเพียงแค่เล็กๆน้อยๆอย่างไม่เฉพาะเจาะจงรวมทั้งหายได้เองภายในช่วงเวลาไม่กี่วัน แม้กระนั้นจะมีผู้ป่วยเพียงแค่ส่วนน้อยที่จะมีลักษณะของกล้ามเนื้อเมื่อยล้าและก็เมื่อผ่านไปหลายๆปีหลังการดูแลรักษา คนป่วยที่เคยมีอาการกล้ามอ่อนแรงนี้อาจจะเกิดอาการกล้ามอ่อนกำลังซ้ำขึ้นมาอีก และอาจกำเนิดกล้ามฝ่อลีบและเกิดความพิกลพิการของข้อตามมาได้ ในขณะนี้โรคนี้ยังไม่มียารักษา แต่มีวัคซีนที่ใช้คุ้มครองป้องกันโรคได้
โรคโปลิโอ นับเป็นโรคที่มีความสำคัญมากโรคหนึ่ง เนื่องจากเชื้อ เชื้อไวรัสโปลิโอ จะทำให้มีการอักเสบของไขสันหลังทำให้มีอัมพาตของกล้ามแขนขา ซึ่งในรายที่อาการร้ายแรงจะก่อให้มีความพิกลพิการตลอดชีพ รวมทั้งบางรายบางทีอาจถึงเสียชีวิตได้ ในปี พุทธศักราช 2531 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้ทุกประเทศร่วมมือกวาดล้างโรคโปลิ โอ ทำให้อัตราการป่วยทั่วโลกน้อยลงไปมากถึง 99% โดยต่ำลงจาก 350,000 ราย (จาก 125 ประเทศทั้งโลก) ในปี พุทธศักราช 2531 เหลือเพียงแค่ 820 รายใน 11 ประเทศในปี พศาสตราจารย์ 2550 ซึ่งประ เทศที่ยังเจอโรคมากอยู่เป็น อินเดีย (400 กว่าราย) ปากีสถาน ไนจีเรีย รวมทั้งอัฟกานิสถาน
ส่วนในประเทศไทยไม่พบผู้ป่วยโรคโปลิโอมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว โดยพบรายท้ายที่สุดในปี พุทธศักราช 2540 ที่ จังหวัด เลย แต่ว่าเด็กทุกคนยังคงจำต้องได้การฉีดรับวัคซีนตามมาตรการกวาดล้างโรคโปลิโอร่วมกับนานาประเทศทั่วโลก ด้วยเหตุว่าโปลิโอเป็นโรครุนแรงที่สร้างความสูญเสียทั้งยังทางด้านร่างกายรวมทั้งเศรษฐกิจ และก็ปัจจุบันนี้ถึงแม้ว่า องค์การอนามัยโลก CWHO ได้ประกาศรับสมัครรองให้เป็นประเทศที่ปราศจากโรคโปลิโอแล้วตอนวันที่ 27 เดือนมีนาคม พุทธศักราช 2557 แต่ว่าเมืองไทยยังที่มีความเสี่ยงต่อโรคโปลิโออยู่ เพราะมีอาณาเขตชิดกับประเทศที่มีการระบาดของโรคโปลิโออย่างประเทศพม่ารวมทั้งลาวที่พึ่งจะเจอเชื้อโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธ์ไปเมื่อปี พุทธศักราช 2558
สาเหตุของโรคโปลิโอ โรคโปลิโอมีต้นเหตุมาจากเชื้อไวรัสโปลิโอ single-stranded RNA virus ไม่มีเปลือกหุ้มจัดอยู่ใน Family Picornaviridae, Genus Enterovirus มี 3 ทัยป์เป็นทัยป์ 1, 2 และ 3 โดยแต่ละจำพวกอาจทำให้กำเนิดอัมพาตได้ พบว่า type 1 ส่งผลให้เกิดอัมพาตและเกิดการระบาดได้บ่อยครั้งกว่าทัยป์อื่นๆและเมื่อติดเชื้อโรคชนิดหนึ่งแล้วจะมีภูมิต้านทานถาวรเกิดขึ้นเฉพาะต่อทัยป์นั้น ไม่มีภูมิคุ้มกันต่อทัยป์อื่น ดังนั้น ตามแนวคิดนี้แล้ว คน 1 คน อาจติดโรคได้ถึง 3 ครั้ง และแต่ละทัยป์ของไวรัสโปลิโอ จะแบ่งย่อยได้อีก 2 สายพันธุ์ เป็น

  • สายพันธุ์รุนแรงก่อโรค (Wild strain) ซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่อยู่ระหว่างการเฝ้าระวังและกวาดล้าง โดยปัจจุบันยังเจอสายพันธุ์รุนแรงนี้ใน 2 ประเทศหมายถึงอัฟกานิสถานและก็ปากีสถาน
  • สายพันธุ์วัคซีน (Vaccine strain หรือ Sabin strain) เป็นการทำให้เชื้อไวรัสโปลิโอทั้งยัง 3 ประเภทย่อยอ่อนฤทธิ์ลงจนไม่สามารถที่จะทำให้เกิดโรคได้ แล้วประยุกต์ใช้เป็นวัคซีนชนิดหยด หรือที่เรียกกันว่า OPV (Oral polio vaccine) เพื่อสร้างภูมิต้านทานโรคให้กับร่างกาย แต่ว่าอย่างไรก็ตาม เชื้อไวรัสโปลิโอสายพันธุ์วัคซีนอาจมีความเคลื่อนไหวในระดับโมเลกุลกระทั่งสามารถกระตุ้นให้เกิดสายพันธุ์วัคซีนกลายพันธุ์ รวมทั้งนำมาซึ่งโรคโปลิโอได้ ซึ่งการเกิดนี้ชอบเกิดในชุมชนที่มีระดับความครอบคลุมของวัคซีนโปลิโอค่อนข้างต่ำเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน


โดยเชื้อโปลิโอนี้จะอยู่ในไส้ของคนแค่นั้น ไม่มีแหล่งรังโรคอื่นๆเชื้อจะแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้ในลำไส้ของไม่มีภูมิคุ้มกันและอยู่ภายในไส้ 1-2 เดือน เมื่อถูกถ่ายออกมาข้างนอก จะไม่สามารถที่จะเพิ่มจำนวนได้ และเชื้อจะอยู่ข้างนอกร่างกายในสิ่งแวดล้อมมิได้นาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเขตร้อน อายุครึ่งชีวิตของไวรัสโปลิโอ (half life) โดยประมาณ 48 ชั่วโมง
อาการของโรคโปลิโอ  เมื่อเชื้อโปลิโอเข้าสู่ร่างกายของผู้ที่ไม่มีภูมิต้านทาน เชื้อไวรัสจะเข้าไปเพิ่มจำนวนในรอบๆ pharynx และลำไส้ สองสามวันถัดมาก็จะกระจัดกระจายไปสู่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอที่ต่อมทอนซิล แล้วก็ที่ลำไส้และเข้าสู่กระแสโลหิตทำให้มีลักษณะอาการไข้เกิดขึ้น ส่วนน้อยของไวรัสจะผ่านจากกระแสเลือดไปยังไขสันหลังแล้วก็สมองโดยตรง หรือบางส่วนบางทีอาจผ่านไปไขสันหลังโดยทางเส้นประสาท เมื่อไวรัสเข้าไปยังไขสันหลังแล้วมักจะไปที่ส่วนของไขสันหลังหรือสมองที่ควบคุมลักษณะการทำงานของกล้าม เมื่อเซลล์สมองในส่วนที่    ติดโรคมีลักษณะอาการอักเสบมากจนถูกทำลายไป กล้ามที่ควบคุมโดยเซลล์ประสาทนั้นก็จะมีอัมพาตและฝ่อไปท้ายที่สุด
         ดังนี้สามารถแบ่งผู้ป่วยโปลิโอตามกลุ่มอาการได้เป็น 4 กลุ่มเป็น

  • กลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ผู้เจ็บป่วยกลุ่มนี้มีราวๆ 90 – 95% ของผู้ติดเชื้อโปลิโอทั้งปวง มีความสำคัญทางด้านระบาดวิทยา เพราะเหตุว่าเชื้อไวรัสโปลิโอที่เข้าไปจะไปเพิ่มในลำไส้ รวมทั้งถ่ายออกมาเป็นเวลา 1-2 เดือน นับเป็นแหล่งแพร่โรคที่สำคัญในชุมชน
  • กรุ๊ปคนเจ็บที่มีลักษณะน้อยมาก (Abortive poliomyelitis) หรือที่เรียกว่า abortive case หรือ minor illness ซึ่งจะเจอได้ประมาณ 5-10% ของผู้ติดเชื้อโรคโปลิโอทั้งหมดทั้งปวง ชอบมีลักษณะไข้ต่ำๆเจ็บคอ อาเจียน ปวดท้อง เบื่ออาหาร แล้วก็เหน็ดเหนื่อย อาการจะเป็นอยู่ 3-4 วัน ก็จะหายเรียบร้อยโดยไม่มีอาการอัมพาต ซึ่งจะวินิจฉัยโรคแยกจากโรคติดเชื้อไวรัสอื่นมิได้
  • กรุ๊ปคนไข้ที่มีลักษณะอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบจากเชื้อไวรัสโปลิโอ (Nonparalytic poliomyelitis) กลุ่มนี้จะพบได้เพียงแค่ 1% ของผู้ติดเชื้อโปลิโอทั้งปวง จะมีลักษณะเช่นเดียวกับที่เกิดจากเชื้อไวรัสอื่นๆผู้เจ็บป่วยจะมีลักษณะเหมือน abortive case แต่ว่าจะตรวจเจอคอแข็งชัดเจน มีลักษณะอาการปวดศีรษะ ปวดตามกล้ามเนื้อ เมื่อตรวจน้ำไขสันหลังก็จะพบไม่ปกติแบบการต่อว่าดเชื้อไวรัส มีเซลล์ขึ้นไม่มากมายส่วนมากเป็นลิมโฟซัยท์ ระดับน้ำตาลรวมทั้งโปรตีนธรรมดา หรือเปลี่ยนเพียงเล็กน้อย
  • กลุ่มผู้ป่วยที่มีลักษณะอาการกล้ามอ่อนเปลี้ยเพลียแรง (Paralytic poliomyelitis) เป็นอัมพาต กลุ่มนี้เจอได้น้อยมากจะมีลักษณะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ ระยะเริ่มต้นคล้ายกับใน abortive case หรือเป็น minor illness เป็นอยู่ 3-4 วัน หายไป 3-4 วัน เริ่มจับไข้กลับมาใหม่ พร้อมกับมีลักษณะปวดกล้ามเนื้ออาจมีการเกร็งตัวของกล้ามก่อนจะมีอัมพาตเกิดขึ้น กล้ามเนื้อจะเริ่มมีอัมพาตและเพิ่มกล้ามที่มีอัมพาตอย่างรวดเร็ว ส่วนมากจะกำเนิดเต็มที่ภายใน 48 ชั่วโมง แล้วก็จะไม่ขยายมากขึ้นคราวหลัง 4 วัน เมื่อตรวจดูรีเฟลกซ์บางโอกาสจะพบว่าหายไปก่อนที่จะกล้ามเนื้อจะมีอัมพาตสุดกำลัง


          ลักษณะของอัมพาตในโรคโปลิโอมักจะเจอที่ขามากยิ่งกว่าแขนและจะเป็นฝ่ายเดียวมากกว่า 2 ข้าง (asymmetry) มักจะเป็นกล้ามต้นขา หรือต้นแขนมากยิ่งกว่าส่วนปลาย เป็นแบบอ่อนเปียก (flaccid) โดยไม่มีความเคลื่อนไหวในระบบความรู้สึก (sensory) ที่พบได้ทั่วไปคือเป็นแบบ spinal form ที่มีอัมพาตของแขน ขา หรือกล้ามเนื้อลำตัว ในรายที่เป็นมากอาจมีอัมพาตของกล้ามส่วนลำตัวที่หน้าอกแล้วก็หน้าท้อง ซึ่งมีความหมายสำหรับการหายใจ ทำให้หายใจเองมิได้ อาจจนตายได้ถ้าเกิดช่วยไม่ทัน
สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่จะนำมาซึ่งโรคโปลิโอ โรคโปลิโอพบได้ทั่วไปได้ในเด็กมากกว่าคนแก่ โดยอีกทั้งเพศชายและเพศหญิงได้โอกาสติดโรคนี้ได้เสมอกัน และก็มีโอกาสติดเชื้อโปลิโอได้ง่าย แต่ว่ามีผู้เจ็บป่วยน้อยมากที่จะมีอาการกล้ามเมื่อยล้า เชื้อไวรัสจำพวกนี้จะเจริญวัยอยู่ในไส้ เชื้อจึงถูกขับออกมาจากร่างกายมากับอุจจาระแล้วก็แพร่ไปสู่ผู้อื่นผ่านการกินของกินหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระของคนเจ็บ ซึ่งเกิดจากการขับถ่ายที่ไม่ถูกสุขลักษณะและไม่ล้างมือก่อนอาหาร โรคนี้จึงพบมากมากในประเทศที่ด้อยพัฒนาแล้วก็กำลังพัฒนาที่ขาดการดูแลเรื่องสุขอนามัยที่ดี
ทั้งคนที่มิได้รับการฉีดยาโปลิโอนั้น จะยิ่งเสี่ยงต่อการติดเชื้อเพิ่มขึ้นหากอยู่ในภายในกลุ่มเสี่ยงดังต่อไปนี้
           หญิงท้องและก็คนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อโรคไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่อง รวมทั้งเด็กตัวเล็กๆซึ่งจะมีความไวต่อการได้รับเชื้อโปลิโอ
           เดินทางไปยังพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอหรือพึ่งจะมีการระบาดของโรคเมื่อไม่นานมานี้
           เป็นผู้ดูแลหรืออาศัยอยู่กับผู้ติดเชื้อโรคโปลิโอ
           ปฏิบัติงานในห้องทดลองที่สัมผัสใกล้ชิดกับเชื้อไวรัส
           ผู้ที่ผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกไป
กรรมวิธีการรักษาโรคโปลิโอ หมอจะวินิจฉัยโรคโปลิโอด้วยการไต่ถามอาการจากผู้เจ็บป่วยว่ารู้สึกเจ็บปวดบริเวณข้างหลังและคอ หรือมีปัญหาเกี่ยวกับการกลืนหรือหายใจหรือเปล่า ตรวจทานปฏิกิริยาย้อนกลับกลับของร่างกาย รวมทั้งการตรวจทางเรือเหลือง โดยเก็บตัวอย่างในช่วงระยะรุนแรงแล้วก็ระยะแอบแฝงของโรค ตรวจสารภูมิต้านทาน IgM หรือ IgG ยิ่งไปกว่านี้เพื่อยืนยันให้แน่ใจอาจมีการตรวจหาเชื้อไวรัสโปลิโอด้วยการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากคอ อุจจาระ หรือน้ำหล่อเลี้ยงสมองรวมทั้งไขสันหลังส่งตรวจทางห้องทดลอง ในกรณีผู้เจ็บป่วยที่มีอาการกล้ามเนื้ออัมพาตแบบอ่อนเปียก (acute flaccid paralysis : AFP) หมอจะดำเนินการสืบสวนโรค พร้อมกับเก็บอุจจาระส่งไปทำการตรวจเพื่อ    แยกเชื้อโปลิโอ การวินิจฉัยที่แน่ๆเป็น แยกเชื้อโปลิโอได้จากอุจจาระ และทำการตรวจว่าเป็นทัยป์ใดเป็นสายพันธุ์ wild strain หรือ vaccine strain (Sabin strain)
          การเก็บอุจจาระส่งไปทำการตรวจจะเก็บ 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 24 ชั่วโมง จำต้องเก็บให้เร็วด้านใน 1-2 สัปดาห์ภายหลังที่เจอมีลักษณะ AFP ซึ่งเป็นตอนที่มีปริมาณไวรัสในอุจจาระมากกว่าระยะอื่นๆการจัดส่งอุจจาระเพื่อส่งไปเพื่อทำการตรวจต้องให้อยู่ในอุณหภูมิ 4-8๐ ซ ตลอดเวลา มิฉะนั้นเชื้อโปลิโอบางทีอาจตายได้ ปัจจุบันนี้โรคโปลิโอยังไม่มีวิธีรักษาให้หายสนิท หมอสามารถให้การรักษาผู้ป่วยตามอาการ  รวมทั้งเดี๋ยวนี้ก็ยังไม่มียารักษาโรคโปลิโอโดยเฉพาะ การดูแลและรักษาจะเป็นแบบจุนเจือ อย่างเช่น ให้ยาลดไข้ รวมทั้งลดลักษณะของการปวดของกล้าม ในรายที่มีลักษณะอัมพาตของกล้ามเนื้อแขน ขา กระบวนการทำกายภาพ บรรเทาจะช่วยฟื้นฟูความสามารถของกล้ามเนื้อให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับการรักษาคนไข้กรุ๊ปอาการหลังกำเนิดโรคโปลิโอ (Post-polio syndrome – PPS) การดูแลและรักษาหลักจะเน้นไปที่วิธีการทำกายภาพบำบัดมากกว่า เป็นต้นว่า การใส่เครื่องใช้ไม้สอยช่วยยึดลำตัว วัสดุอุปกรณ์ช่วยสำหรับในการเดิน วัสดุอุปกรณ์ที่ช่วยคุ้มครองป้องกันข้อบิดผิดแบบหรืออาจใช้การผ่าตัดช่วย การฝึกหัดกล่าวและฝึกหัดกลืนในคนเจ็บที่มีปัญหา การบริหารร่างกายที่ย้ำการเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามภายใต้ข้อแนะนำที่ถูกต้องจากแพทย์หรือนักกายภาพบำบัด การใช้งานเครื่องช่วยหายใจในขณะหลับถ้าเกิดคนป่วยมีปัญหาเรื่องการหยุดหายใจในขณะหลับ รวมทั้งการดูแลทางด้านอารมณ์และก็จิตใจของผู้เจ็บป่วยร่วมด้วย

การกระทำตนเมื่อป่วยด้วยโรคโปลิโอ

  • ถ้าเกิดได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโปลิโอไม่ว่ามีอาการอยู่ในกรุ๊ปใด หากหมอให้กลับไปอยู่บ้านญาติต้องระมัดระวังการแพร่เชื้อสู่บุคคลในบ้าน เพราะว่าคนเจ็บจะสามารถขับเชื้อออกมาทางอุจจาระได้นานถึงโดยประมาณ 3 เดือนข้างหลังติดเชื้อโรค รวมทั้งถ้าเกิดคนเจ็บมีภาวะภูมิต้านทานต้าน ทานโรคผิดพลาดด้วยแล้วจะสามารถกระจายเชื้อได้นานถึงประมาณ 1 ปี โดยให้เครือญาติดูแลเรื่องการขับ ถ่ายของผู้เจ็บป่วยให้ถูกสุขลักษณะ การล้างมือทุกคราวหลังเข้าห้องอาบน้ำและก่อนหยิบจับของกินเข้าปาก การกินอาหารปรุงสุกใหม่เสมอ การล้างผักผลไม้ให้สะอาดรวมทั้งปอกเปลือกผลไม้ก่อนรับประทาน แล้วก็ถ้าเกิดบุคคลในบ้านคนไหนกันแน่ยังไม่เคยรับวัคซีนโปลิโอ ก็ให้ขอความเห็นแพทย์เพื่อรับวัคซีนให้ครบ
  • ให้คนไข้กินอาหารที่มีคุณประโยชน์ครบทั้ง 5 หมู่
  • ถ้าหากคนป่วยมีลักษณะอาการกล้ามเนื้ออ่อนเปลี้ยเพลียแรงให้เครือญาติช่วยทำกายภาพบำบัดเพื่อสนับสนุนความชำนาญการเคลื่อนไหว และเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อตามคำเสนอแนะของนักกายภาพบำบัด
  • เครือญาติควรดูแลรวมทั้งใส่ใจผู้เจ็บป่วย รวมถึงดูแลทางด้านสภาวะจิตใจ สภาพการณ์ทางอารมณ์ของผู้เจ็บป่วยและก็ให้กำลังใจแก่คนเจ็บด้วย
  • พี่น้องควรจะพาคนไข้ไปพบหมอตามนัดอย่างเคร่งครัด หรือ หากมีอาการผิดปกติที่ก่อให้เกิดอันตราย ก็ควรพาไปพบแพทย์โดยด่วน
การปกป้องคุ้มครองโรคโปลิโอ

  • โรคโปลิโอสามารถปกป้องได้ด้วยวัคซีน ซึ่งวัคซีนที่มีใช้ ทั่วโลกมี 2 ชนิดหมายถึง
  • วัคซีนโปลิโอจำพวกกิน (Oral Poliomyelitis Vaccine: OPV, Sabin) การกวาดล้าง ในประเทศไทย โรคโปลิโอ H T กรุ๊ปโรคติดต่อที่ปกป้องได้ด้วยวัคซีน สำนักโรคติดต่อทั่วไป Albert Bruce Sabin M.D. Jonas Edward Salk M.D. เป็นวัคซีนชนิดเชื้อเป็นอ่อนฤทธิ์ (attenuated live oral poliomyelitis vaccine) สายพันธุ์ Sabin คิดค้นโดย Albert Bruce Sabin คนประเทศอเมริกา เมื่อปี พ.ศ. 2504 วัคซีนมีเชื้อ เชื้อไวรัสโปลิโอ 3 ทัยป์หมายถึงทัยป์ 1, 2 รวมทั้ง 3 ให้วัคซีนโดยการกินเป็นการเลียนแบบการต่อว่าดเชื้อ ตามธรรมชาติ ที่สามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันที่เยื่อบุลำคอแล้วก็ไส้ของผู้รับวัคซีน รวมทั้งสามารถแพร่ระบาด วัคซีนไปกระตุ้นภูมิต้านทานให้กับผู้สัมผัสสนิทสนมได้อีกด้วย ตอนนี้วัคซีนโปลิโอชนิดรับประทานนี้นับว่าเป็น วัสดุสำคัญในการกวาดล้างโรคโปลิโออย่างมาก เนื่องจากสามารถคุ้มครองป้องกันแล้วก็กำจัดเชื้อโปลิโอสายพันธุ์ ก่อโรคได้เป็นอย่างดี ราคาแพงถูกแล้วก็มีวิธีการให้วัคซีนง่าย แต่มีข้อเสีย เป็นอาจจะส่งผลให้เกิดอาการข้างๆ คล้ายโรคโปลิโอ (Vaccine Associated Paralytic Polio: VAPP) ซึ่งเกิดขึ้นน้อยมาก ราวๆ 1 ใน 2.7 ล้านโด้ส หรืออาจมีการกลายพันธุ์ (Vaccine Derive Polio Virus: VDPV) จนถึงก่อ โรคได้ในพื้นที่ที่มีความครอบคลุมของการได้รับวัคซีนต่ำ
  • วัคซีนโปลิโอจำพวกฉีด (Inactivated Poliomyelitis Vaccine: IPV, Salk) เป็นวัคซีนที่ทำมาจากเชื้อไวรัสโปลิโอที่ตายแล้ว (kill vaccine) คิดค้นโดย Jonas Edward Salk ชาว อเมริกัน เมื่อปี พ.ศ. 2498 วัคซีนชนิดนี้ประกอบด้วยเชื้อโปลิโอ 3 ทัยป์ ให้วัคซีนโดยการฉีด


ในขณะนี้เมืองไทยมีการใช้วัคซีนโปลิโอในแผนงานเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค โดยให้วัคซีน OPV 5 ครั้ง เมื่ออายุ 2, 4, 6 เดือน 1 ปีครึ่ง และ 4 ปี และก็ให้วัคซีน IPV 1 ครั้ง เมื่ออายุ 4 เดือน

  • คุ้มครองป้องกันการติดเชื้อรวมทั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโปลิโอ ด้วยการรับประทานอาหารแล้วก็กินน้ำสะอาดถูกสุขลักษณะ รวมถึงการถ่ายอุจจาระลงส้วมที่ถูกสุขลักษณะทุกคราว
  • วันหลังเข้าไปคลุกคลีสนิทสนมผู้ป่วยโรคโปลิโอ หรอเข้าไปดูแลเปลี่ยนผ้าให้แก่ผู้ป่วยควรล้ามือด้วยสบู่ทุกคราว
  • เมื่ออยู่ในเขตพื้นที่มีการระบาดของโรคโปลิโอ ควรจะดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงกระทำตามหลักสุขบัญญัติให้เคร่ง


สมุนไพรที่ใช้รักษา/ทุเลาโรคโปลิโอ เนื่องด้วยโรคโปลิโอเป็นโรคที่ติดต่อจากเชื้อไวรัสที่มีการติดต่อได้ง่าย และในคนเจ็บที่มีความร้ายแรงของโรคนั้นอาจทำให้เสียชีวิตหรือพิการได้ ซึ่งในปัจจุบันนั้นยังไม่มียาที่ใช้รักษาโรคโปลิโอให้หายได้ รวมถึงยังไม่มีข้อมูลว่ามีสมุนไพรประเภทไหนที่ใช้รักษาหรือบรรเทาอาการโรคโปลิโอได้ด้วยเหมือนกัน
เอกสารอ้างอิง

  • การกวาดล้างโรคโปลิโอในประเทศไทย.กลุ่มโรคติดต่อที่ป้องกันได้ด้วยวัคซีนสำนักโรคติดต่อทั่วไป.วารสาร ดร.สัมพันธ์.ปีที่ 3.ฉบับที่ 4.เมษายน-พฤษภาคม 2559.หน้า 2-3
  • โปลิโอ.อาการ,สาเหตุ,การรักษา.พบแพทย์.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป 2. “โปลิโอ (Poliomyelitis)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 571-572.
  • Paul JR (1971). A History of Poliomyelitis. Yale studies in the history of science and medicine. New Haven, Conn: Yale University Press. pp. 16– ISBN 0-300-01324-8. http://www.disthai.com/
  • Cohen JI (2004). "Chapter 175: Enteroviruses and Reoviruses". In Kasper DL, Braunwald E, Fauci AS, et al. (eds.). Harrison's Principles of Internal Medicine (16th ed.). McGraw-Hill Professional. p. ISBN 0-07-140235-7.
  • โรคโปลิโอ(Poliomyelitis).ความรู้เรื่องโรคติดต่อ.สำนักโรคติดต่อทั่วไป.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข
  • Ryan KJ, Ray CG (eds.) (2004). "Enteroviruses". Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 535– ISBN 0-8385-8529-9.
  • Jeffrey I. Cohen, enteroviruses and reoviruses, in Harrison’s Principles of Internal Medicine, 15th edition, Braunwald , Fauci, Kasper, Hauser, Longo, Jameson (eds). McGrawHill, 2001
  • โรคโปลิโอ(Polio).สำนักโรคติดต่อทั่วไป.กรมควบคุมโรค.กระทรวงสาธารณสุข.

บันทึกการเข้า