รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคริดสีดวงทวาร - อาการ, สาเหตุ, การรักษา-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 532 ครั้ง)

กาลครั้งหนึ่ง2560

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 120
    • ดูรายละเอียด


โรคริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids/Piles)
โรคริดสีดวงทวาร คืออะไร โรคริดสีดวงทวาร มาจากคำสองคำประสมกัน คือคำว่า "ริดสีดวง" + "ทวาร"   คำว่า "ริดสีดวง" จะเป็น เรื่องผิดปกติที่เป็นติ่ง หรือเนื้อยื่นออกมาจากร่างกาย ซึ่งนิยมใช้เรียกโรคริดสีดวง ที่เกิดขึ้นที่ทวารหนักเสียเป็นส่วนมาก จนกระทั่งบางคราวจะเรียกสั้นๆว่า  ริดสีดวงž ก็เป็นที่เข้าใจว่าเป็นโรคริดสีดวงของทวารหนัก
                ในอดีตกาลมีอีกโรคหนึ่งที่ใช้คำว่าริดสีดวงเช่นเดียวกัน คือโรคริดสีดวงของจมูก ซึ่งก็คือ เนื้องอกเปลี่ยนไปจากปกติในโพรงจมูก พบมากในผู้เจ็บป่วย โรคภูมิแพ้จำพวกเรื้อรัง ซึ่งปัจจุบันไม่นิยมเรียกว่าริดสีดวงจมูกแล้ว แม้กระนั้นจะเรียกเนื้อผลิออกในโพรงจมูกแทน
โรคริดสีดวงทวาร ก็คือ โรคที่เกิดขึ้นจากการอักเสบ รวมทั้งการบวมของกลุ่มเยื่อเส้นเลือด ที่อยู่ข้างในทวารหนักแล้วก็บริเวณปากทวารหนัก โดยเยื่อกลุ่มนี้มีหน้าที่ช่วยป้องกันเนื้อเยื่อทวารหนักในตอนมีการขับถ่ายอุจจาระ แล้วก็ช่วยทำให้ปากทวารหนักปิดสนิทช่วงไม่ปวดอุจจาระ
โดยริดสีดวงทวารจะเกิดความแตกต่างจากปกติขึ้นในส่วนของรูทวารหนัก ที่เรียก ว่า หมอนรอง หรือ เบาะรอง (Cushion) หมอนรองจะอยู่ลึกเข้าไป ราว 3-4 ซ.ม. ลักษณะเป็นก้อนนูนออกมา ข้างในมี เส้นโลหิตและก็กล้ามเนื้อ ซึ่งจะต่อกับกล้ามหูรูดทวารหนักรวมทั้งอยู่ใต้ ต่อจากเยื่อบุทวารหนัก ริดสีดวงทวารหนักกำเนิด จากการเคลื่อนลงมาของหมอนรองมีการยืดตัวของกล้ามเนื้อแล้วก็การ โป่งพองของกรุ๊ปเส้นโลหิตรวมทั้งเยื่อบริเวณส่วนปลายของไส้ตรง ในคนปกติจะมีริดสีดวง (hemorrhoid tissue) ทุกคน โดยจะอยู่บริเวณ ส่วนล่างของทวารหนัก เนื้อเยื่อริดสีดวงจะมีอยู่ 3 กลุ่มใหญ่ๆเมื่อบวมหรืออักเสบจะมีพยาธิภาวะเป็น หัวริดสีดวง แล้วอาจมีการปริแตกของฝาผนังหลอดเลือดในขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ จึงทำให้มีเลือดออกเป็นบางครั้งบางคราว โดยมักจะมีลักษณะอาการของโรคเกิดขึ้นในเวลาท้องผูกหรือกำเนิดท้องเดินบ่อยครั้ง ธรรมดาแล้วจะไม่ค่อยมีลักษณะอาการรุนแรงหรืออันตราย โดยบางครั้งอาจจะเป็นๆหายๆเรื้อรัง ทำให้น่าเบื่อหน่าย หรือทำให้วิตกกังวลได้
โรคริดสีดวงทวาร แบ่งได้เป็น 2 จำพวก คือ

  • ริดสีดวงด้านใน (Internal Hemorrhoids) คือ ริดสีดวงที่อยู่เหนือเส้นสมมุติที่เรียกว่า dentate line (บริเวณ แถบรอยที่หยักๆ) เป็นกรุ๊ปหลอดโลหิตดำที่อยู่ใต้ชั้นเยื่อบุลำไส้ภายในรูทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งจะตรวจเจอได้เมื่อใช้กล้องถ่ายรูปส่องตรวจ
  • ริดสีดวงทวารนอก (External Hemorrhoids)เป็นริดสีดวงที่อยู่ใต้เส้น Dentate line เป็นกลุ่มหลอดเลือดดำที่ อยู่ใต้ผิดหนังบริเวณปากทวารหนักปูดพอง (ขอด) ซึ่งสามารถมองเห็นรวมทั้งคลำได้ไพเราะผิวหนังรอบๆทวารจะถูกดันจนถึงโป่งออกมาคนไข้จึงรู้สึกปวด


โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคพบมาก ในสหรัฐฯเจอคนไข้มีลักษณะจากโรคนี้ได้โดยประมาณ 5% ของพลเมืองผู้ใหญ่ทั้งหมด โดยเจอได้สูงในช่วงอายุ 45-65 ปี โดยเพศหญิงและผู้ชายได้โอกาสเกิดโรคได้ใกล้เคียงกันสิ่งที่ทำให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร  มีสาเหตุมาจากกลุ่มเนื้อเยื่อเส้นเลือดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วได้รับบาดเจ็บ หรือมีการหมุนวนโลหิต ไม่ดีจากต้นสายปลายเหตุต่างๆจนกระทั่งส่งผลให้เกิดการโป่งพอง บวม อักเสบ หรือเกิดมีลิ่มเลือดในกลุ่มเนื้อเยื่อดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ซึ่งต้นเหตุ ส่วนใหญ่มีเหตุที่เกิดจากการเบ่งขี้เป็นประจำนานๆซึ่งเป็นผลของท้องผูก การมีครรภ์ ความประพฤติการดำรงชีพ และลักษณะของการอึ ซึ่งการเบ่งอุจจาระเสมอๆนานๆจะมีผลเพิ่มระดับแรงกดดันในช่องท้อง ทำให้การไหลเวียนของเลือดในหลอดโลหิตดำบริเวณทวารหนักไม่สบาย เกิดการยืด ย่น คด งอ พอง และโตขึ้นเป็นติ่งเนื้อ เหมือนกับการเป่าเพิ่มเติมลมเข้าไปในลูกโป่ง เมื่อลูกโป่งโตขึ้น ก็จะมีความครึ้มของฝาผนังลดลง เมื่อใดก็ตามที่มีของแข็งๆมาเสียดสี ได้แก่ อุจจาระแข็งหรือเพิ่มระดับแรงดันขึ้นอีก ก็จะทำให้เกิดการปริแตกหรือฉีกขาดของหลอดเลือดดำ ก่อให้เกิดเลือดออกมาเป็นเลือดสดๆได้
    นอกเหนือจากการเบ่งอึนานๆซึ่งเป็นต้นเหตุ หลักแล้ว ยังพบว่าระดับความดันโลหิตในตับที่สูง (ซึ่งเกิดได้จากความอ้วน หรือโรคตับ) อายุที่มากขึ้น อาการท้องร่วงเรื้อรังยังเป็นอีกต้นสายปลายเหตุหนึ่งของโรคริดสีดวงทวารได้อีกด้วย
ลักษณะของโรคริดสีดวงทวารภายใน คือ ผู้ป่วยโดยมากชอบมีอาการเลือดออกทางทวารหนัก โดยไม่รู้จักสึกเจ็บอะไร ซึ่งจะเกิดขึ้นในระหว่างหรือหลังจากถ่ายอุจจาระเสร็จ เลือดที่ออกมานั้นจะมีลักษณะเป็นเลือดสีแดงสด ออกผสมมากับอุจจาระ หรือมีเลือดไหลหยดลงในโถส้วม และก็บางทีอาจสังเกตว่ามีเลือดสกปรกบนกระดาษชำระ เลือดจะออกมาในลักษณะอาบก้อนอุจจาระ ไม่มีมูกคละเคล้า และเลือดชอบหยุดไหลได้เอง ซึ่งอาการกลุ่มนี้จะมีลักษณะเป็นๆหายๆถ้าเกิดมีเลือดออกมากหรือเป็นเรื้อรัง อาจส่งผลให้เกิดอาการซีดเซียวตามมาได้ ในรายที่เป็นมาก หลอดเลือดจะบวมมาก ทำให้หัวริดสีดวงโผล่ออกมานอกปากทวารหนัก หรือมองเห็นเป็นก้อนเนื้อนิ่มๆปลิ้นโผล่ออกมา ซึ่งในภาวการณ์แบบนี้จะก่อให้เกิดลักษณะของการปวดหรือเจ็บที่ทวารหนักได้ ในบางรายอาจก่อให้กำเนิดอาการคันและอาการกลั้นอุจจาระไม่อยู่ได้ด้วยเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ โดยปกติแบ่งความรุนแรงของโรคริดสีดวงข้างใน เป็น 4 ระดับตามความรุนแรง เช่น

  • ระดับ 1 เส้นเลือดที่โป่งพอง ยังเกิดอยู่ข้างในทวารหนักและลำไส้ตรง
  • ระดับ 2 เส้นโลหิต พร้อมเยื่อรอบๆหลอดเลือดปลิ้นโผล่ออกมาที่ปากทวารหนักในขณะอุจจาระ แต่ว่าก้อนเนื้อนี้สามารถกลับเข้าไปด้านในทวารหนักได้เองข้างหลังสิ้นสุดอุจจาระ
  • ระดับ 3 ก้อนเนื้อไม่กลับเข้าภายในทวารหนัก หลังสุดอุจจาระแล้ว แต่สามารถใช้นิ้วดันกลับเข้าไปได้
  • ระดับ 4 ก้อนเนื้อกลับเข้าไปด้านในทวารหนักไม่ได้ ค้างอยู่หน้าปากทวารหนัก ถึงจะใช้นิ้วช่วยดันและตาม ซึ่งเวลานี้คนเจ็บจะเจ็บมาก ที่มา : Wikipedia


รวมทั้งจึงควรรีบเจอแพทย์เป็นการเร่งด่วน ก่อนที่ก้อนเนื้อจะเน่าตายจากการขาดเลือด
อาการโรคริดสีดวงภายนอกเป็นมีติ่งเนื้อสีชมพูคล้ำออกมาจากปากทวารหนักเมื่อมีลักษณะท้องผูกหรือท้องเสีย ทำให้คนเจ็บมีอาการปวด บวม เจ็บ รวมทั้งระคายเคือง แล้วก็ถ้าหากมีลิ่มเลือดเกิดขึ้นในเส้นเลือดที่โป่งพองจะทำให้กำเนิดลักษณะของการปวด บวม เจ็บมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าชอบไม่ค่อยพบว่ามีเลือดออกจากติ่งเนื้อนี้ ซึ่งธรรมดาแล้วชอบหายเจ็บได้ข้างใน 2-3 วัน อย่างไรก็ดี กว่าจะหายบวมอาจจำต้องใช้เวลาขั้นต่ำ 2-3 อาทิตย์ เมื่อหายก็ดีบางทีก็อาจจะยังมีผิวหนังเป็นติ่งคงเหลือ แล้วก็แม้หัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ก็อาจส่งผลให้เกิดการระคายหรือคันรอบๆรอบปากทวารหนักได้ด้วย
กระบวนการรักษาโรคริดสีดวงทวาร แพทย์จะวินิจฉัยโรคริดสีดวงทวารได้จาก เรื่องราวอาการ การตรวจร่างกาย การตรวจก้อนเนื้อบริเวณทวารหนัก และก็การส่องกล้องตรวจทวารหนักและก็ไส้ตรง ในบางครั้งอาจมีการตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อต้องแยกจากโรคมะเร็ง โดยแพทย์จะวินิจฉัยในอาการสำคัญๆเหล่านี้เป็นพิเศษ เป็นต้นว่า

  • มีเลือดแดงสดหยดออกมา หรือพุ่งออกมาขณะเบ่งถ่าย หรือหลังจากถ่ายอุจจาระ ปริมาณแต่ละครั้งไม่มากมายหนัก ไม่มีลักษณะของการปวดหรือแสบของทวาร
  • มีก้อนเนื้อปลิ้นจากข้างในขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ และก็ยุบกลับเข้าเมื่อหยุดเบ่ง เมื่อเป็นมากจำต้องดันก็เลยจะกลับเข้าไป และก็ขั้นท้ายสุดอาจย้อนอยู่ภายนอกตลอดระยะเวลา
  • มีก้อนรวมทั้งปวดที่ขอบทวารเกิดขึ้นเร็วใน 24 ชั่วโมง แล้วก็เจ็บมากในระยะเวลา 5-7 วันแรก


กรรมวิธีการรักษาโรคริดสีดวงทวาร เช่น ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคริดสีดวงทวาร รวมทั้งการใช้ยาต่างๆดังเช่น ยาทาลดอาการคัน ยาเหน็บทวารลดอาการบวม ปวด และก็ยาพารา เป็นต้น แต่เมื่อการดูแลรักษาในลักษณะจุนเจือไม่ได้เรื่อง การดูแลและรักษาขั้นต่อไปหมายถึงการรักษาทางศัลยกรรม ที่มีหลายต้นแบบ ดังเช่นว่า การจี้ด้วยกระแสไฟฟ้า หรือ เลเซอร์ การฉีดยาเข้าเส้นเลือด เพื่อให้เส้นโลหิตยุบแฟบ การผูกเส้นเลือด หรือการผ่าตัดเส้นเลือด ทั้งนี้ สังกัดความรุน แรงของโรค ข้อชี้ชัด และดุลยพินิจของหมอซึ่งมีเนื้อหาดังนี้

  • การดูแลและรักษาแบบจุนเจืออาการ ได้แก่ การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเพิ่มความดันในกรุ๊ปเนื้อเยื่อเส้นโลหิตที่เป็นสาเหตุของโรคริดสีดวงทวาร และการใช้ยาต่างๆซึ่งมักใช้ในกรณีที่เป็นริดสีดวงทวาร โดยไม่มีต้นสายปลายเหตุที่รุนแรง อาทิเช่น
  • ทำตามคำแนะนำของหมอ อย่างเช่น การใส่ยาใช้ภายนอกบริเวณหัวริดสีดวง การเหน็บยา หรือการกินยาต่างๆดังที่แพทย์สั่ง
  • ระวังไม่ให้ท้องผูกหรือท้องร่วงเป็นประจำผู้เจ็บป่วยควรกินผักรวมทั้งกินผลไม้ที่มีกากใยสูงๆให้มากมายๆแล้วก็ดื่มน้ำให้มากมายๆขั้นต่ำวันละ 8-10 แก้ว เพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่มและก็ขับถ่ายออกได้ง่าย
  • ฝึกหัดถ่ายอุจจาระให้ตรงเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระมากเกินความจำเป็น
  • หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัด
  • การรักษาทางศัลยกรรม (ถ้าใช้ขั้นตอนการรักษาแบบเกื้อกูลมาสุดแท้แต่ไม่เป็นผล) ดังนี้ ขึ้นกับความรุนแรงของโรค ข้อบ่งชี้ แล้วก็ดุลยพินิจของหมอ อย่างเช่น
  • การฉีดยาเข้าที่เข้าทางหัวริดสีดวงทวาร ตัวยาจะก่อให้หลอดเลือดดำฝ่อรวมทั้งหัวริดสีดวงยุบไป มักใช้กับโรคริดสีดวงในระยะที่ 2 วิธีแบบนี้เป็นวิธีที่สะดวก ไม่เป็นอันตราย ไม่มีความเจ็บปวด หมอมักจะนัดหมายมาฉีดอาทิตย์ละครั้งราวๆ 3-5 ครั้ง สามารถช่วยให้หายขาดได้ราว 60-70%
  • การรักษาโดยวิธีใช้ยางรัด (Rubber band ligation) หรือยิงยางรัดโคนหรือหัวของริดสีดวงที่โผล่ออกมา ซึ่งจะก่อให้หัวของริดสีดวงนั้นฝ่อรวมทั้งหลุดออกไปเองข้างใน 5-7 วัน แนวทางจะใช้ได้ผลในด้านที่ดีในระยะ 2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหัวริดสีดวงมีขนาดใหญ่ ผู้ป่วยมักไม่มีลักษณะของการเจ็บปวด แต่หากรัดยางใกล้กับแนวเส้นประสาทมากเกินความจำเป็น จะทำให้เกิดความรู้สึกปวดอย่างรุนแรงโดยทันที
  • การทำลายเยื่อด้วยการเผา เป็นกรรมวิธีการรักษาที่ใช้กับโรคริดสีดวงระยะที่ 2 แต่ว่ายังไม่เป็นที่ชื่นชอบอย่างแพร่หลาย โดยธรรมดาแล้วแพทย์จะใช้เฉพาะเมื่อแนวทางอื่นไม่ได้เรื่อง ซึ่งก็มีอยู่ร่วมกันหลายวิธี ดังเช่นว่า การเผาเนื้อเยื่อด้วยการใช้กระแสไฟฟ้าจี๋, การฉายรังสีอินฟราเรด, การใช้เลเซอร์ผ่าตัด, การผ่าตัดด้วยการใช้ความเย็น ฯลฯ (การทำลายเนื้อเยื่อด้วยแสงอินฟราเรดอาจเป็นโอกาสหนึ่งสำหรับกรณีที่เป็นโรคในระยะที่ 1-2 ส่วนระยะที่ 3-4 การกลับมาเป็นซ้ำจะมีอัตราที่สูง)
  • การผ่าตัดริดสีดวงทวาร มักทำให้กรณีที่เป็นมากแล้วในระยะที่ 3-4 หรือเมื่อมีลิ่มเลือด หรือมีการขาดเลือดของริดสีดวงทวาร เรื่องจริงแล้วการผ่าตัดริดสีดวงไม่ใช่เรื่องน่าสยอง และไม่เจ็บในขณะผ่าตัด ด้วยเหตุว่าแพทย์จะให้ยาสลบหรือฉีดยาชาเข้าไขสันหลังก่อนเสมอ ข้างหลังการผ่าตัดผู้ป่วยอาจมีลักษณะของการเจ็บปวดบ้าง แต่ว่าก็ไม่เยอะมากแต่อย่างใด และก็สามารถยับยั้งได้ด้วยการรับประทานยาแก้ปวด นอนพักฟื้นในโรงหมอประมาณ 3-4 วันก็กลับไปอยู่บ้านได้


สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่ก่อให้เกิดโรคริดสีดวงทวาร เหตุที่ทำให้มีการเกิดโรคริดสีดวง

  • กรรมพันธุ์
  • อาชีพ ยกตัวอย่างเช่น ผู้ที่จำต้องยืนนานๆ
  • มีต้นเหตุมาจากโรคแทรกของโรค ได้แก่ ตับแข็ง ซึ่งจะมีลักษณะโรคท้องมานในระยะในที่สุด และเมื่อมีน้ำในช่องท้องมากๆจะมีผลไปกดการไหลเวียนของโลหิตในท้อง เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดดำไหลกลับเข้าท้องได้ไม่ดีนัก
  • ท้องผูก จำเป็นต้องเบ่งอึบ่อยๆ
  • เพศหญิงมีท้อง เนื่องจากว่ามีการเพิ่มความดันในท้อง การขยายตัวของเส้นเลือดที่ปากทวารหนักร่วมกับท้องผูก
  • โรคอ้วนและก็น้ำหนักตัวเกิน ทำให้เพิ่มแรงดันในช่องท้องรวมทั้งในอุ้งเชิงกรานสูงมากขึ้น เลือดจึงคั่งในกลุ่มเยื่อหลอดเลือดเหมือนกับในหญิงท้อง
  • ท้องเดินเรื้อรัง การอุจจาระบ่อยๆจะเพิ่มความดัน แล้วก็/หรือการเจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อเส้นโลหิต ด้วยเหมือนกัน
  • โรคแต่กำเนิดที่ไม่มีลิ้นปิดเปิด (Valve) ในหลอดโลหิตดำในเยื่อหลอดเลือดซึ่งช่วยสำหรับในการไหลเวียนเลือด ก็เลยเกิดภาวะเลือดคั่งในเส้นเลือด จึงกำเนิดเส้นเลือดโป่งพองง่าย
  • การนั่งแช่นานๆรวมทั้งนั่งถ่ายอุจจาระนานๆจะกดทับกรุ๊ปเนื้อเยื่อเส้นโลหิต ก็เลยเพิ่มความดัน/การบาดเจ็บต่อกลุ่มเนื้อเยื่อหลอดเลือด
  • การมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก จึงเกิดการกดเบียดทับ/เจ็บต่อกรุ๊ปเยื่อเส้นโลหิตส่วนนี้เรื้อรัง จึงมีเลือดคั่งในเส้นเลือด กำเนิดโป่งพองได้ง่าย


การติดต่อของโรคริดสีดวงทวาร โรคริดสีดวงทวารเป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ รวมทั้งการบวมของเยื่อเส้นโลหิตของทวารหนัก และเมื่อมีของแข็งๆมาเสียดสี หรือมีการเพิ่มระดับแรงดันในท้องขึ้น จึงกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการต่างๆของโรคริดสีดวงทวารขึ้น ซึ่งโรคริดสีดวงทวารนี้มิได้เป็นโรคติดต่อแต่ว่าอย่างได
การปฏิบัติตนเมื่อป่วยเป็นโรคริดสีดวงทวาร

  • ทายาทาบริเวณตูด/รอบๆริดสีดวง หรือ เหน็บยาตามแพทย์เสนอแนะ
  • กินยาต่างๆรวมถึงยาพาราตามแพทย์แนะนำ
  • เมื่อมีก้อนเนื้อบวมออกมารอบๆก้น อาจประคบด้วยน้ำเย็น ซึ่งบางทีอาจช่วยลดบวมได้
  • เมื่ออุจจาระ/ปัสสาวะ ไม่สมควรกระทำความสะอาดด้วยกระดาษชำระที่แข็ง ควรจะชุบน้ำ หรือ ใช้กระดาษชำระชนิดเปียก (มีขายในท้องตลาดแล้ว)
  • เมื่อเลือดออกมาก ใช้ผ้าขนหนูสะอาดกดบริเวณก้นไว้ให้แน่น ถ้าเกิดเลือดไม่หยุด ควรจะเจอหมอเป็นการเร่งด่วน
  • ดื่มน้ำสะอาดมากมายๆขั้นต่ำวันละ 8-10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคจำเป็นต้องจำกัดน้ำดื่ม
  • กินผัก ผลไม้จำพวกมีกากใยสูงมากมายๆได้แก่ ฝรั่ง แอบเปิ้ล มะละกอสุก เพื่อป้องกันท้องผูก
  • ฝึกฝนอุจจาระให้ตรงเวลา ไม่กลั้น และไม่เบ่งอุจจาระ
  • ไม่ควรนั่ง หรือ ยืนนานๆรวมทั้งนั่งส้วมนานๆไม่นั่งอ่านหนังสือนานๆขณะอุจจาระ
  • พบหมอตามนัดเสมอ รวมทั้งรีบพบก่อนนัดหมายเมื่อมีลักษณะแตกต่างจากปกติไปจากเดิม หรือ เมื่ออาการต่างๆหยาบช้าลง หรือเมื่อเป็นห่วงในอาการ

การปกป้องตนเองจากโรคริดสีดวงทวาร

  • เลี่ยงอาการท้องผูก เนื่องจากท้องผูกเป็นสาเหตุที่สำคัญอย่างหนึ่งของริดสีดวงทวารหนัก ทั้งเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดการเบ่ง รวมทั้งทำให้อุจจาระแข็ง ซึ่งมีทางแก้ไขอาการท้องผูกด้วยการปรับพฤติกรรมของตัวเอง ดังต่อไปนี้
  • รับประทานอาหารที่มีเส้นใยสูง อย่างเช่น ผัก ผลไม้ และธัญญาหาร เพื่อช่วยให้อุจจาระนุ่มขึ้น
  • ควรกินน้ำอย่างต่ำวันละ 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร อย่างสม่ำเสมอ
  • ควรจะหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ และก็กาเฟอีน ตัวอย่างเช่น เหล้า เบียร์สด ไวน์ กาแฟ ชา น้ำโคล่า ด้วยเหตุว่าจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ อุจจาระแข็ง รวมทั้งถ่ายลำบากขึ้น
  • ควรหลบหลีกกลั้นอุจจาระ
  • ไม่สมควรนั่งหรือเบ่งอุจจาระโดยไม่รู้จักสึกปวดจะถ่าย
  • ควรจะหลบหลีกการขัดเช็ดบริเวณทวารหนักอย่างรุนแรง เพราะจะยิ่งระคายเคืองริดสีดวงทวารหนัก
  • ควรออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพราะจะช่วยเพิ่ม กระตุ้นการเคลื่อนไหวของไส้ ทำให้อึได้ง่าย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาระบายอย่างหนัก หรือการสวนทวาร
  • พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอ
  • หลบหลีกความตึงเครียด ทำจิตใจให้สบายอยู่เสมอ
  • เมื่อมีสภาวะน้ำหนักตัวเกิน หรือ มีสภาวะอ้วนควรจะลดความอ้วนเพื่อลดความดันในท้องและก็อุ้งเชิงกราน
สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกัน/รักษาโรคริดสีดวงทวาร
เพชรสังฆาต
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Cissus quadrangularis  L.
ตระกูล :   Vitaceae
สารเคมี :  เถา มีผลึก calcium oxalate รูปเข็มจำนวนมากต้นสด 100 กรัม ประกอบด้วย carotene 267 มิลลิกรัม, ascorbic acid (Vitamin C.) 398 มก.
คุณประโยชน์ :  เถา – ใช้เป็นยาแก้ริดสีดวงทวารหนัก
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้เถาสด 2-3 องคุลีต่อหนึ่งมื้อ รับประทานสดๆถ้าเกิดเคี้ยวจะคันปากคันคอ เพราะเหตุว่าในสมุนไพรนี้จะมีสารเป็นผลึกรูปเข็มอยู่มากมาย เป็นสารแบบเดียวกับที่พบในต้นบอน ต้นเผือก การกินจึงใช้ใส่ไส้ในกล้วยสุก หรือมะขาม แล้วกลืนลงไป รับประทาน 10-15 วัน จะได้ผล
ครอบฟันสี
ชื่อวิทยาศาสตร์ :   Abutilon indicum (L.) Sweet
ชื่อสามัญ :   Country mallow, Indian mallow
ตระกูล :   Malvaceae
ราก มี Asparagin
คุณประโยชน์ : ราก - ปวดท้อง ท้องร่วง ริดสีดวงทวาร ขับเยี่ยว
แก้ริดสีดวงทวาร  ใช้ราก 150 กรัม ต้มเอาน้ำข้นๆดื่มราว 1 ถ้วยชา ที่เหลืออุ่นเอาไอรมที่ตูดพอเพียงอุ่นๆทนได้ ใช้รมวันละ 5-6 ครั้ง เอาน้ำอุ่นๆล้างแผลริดสีดวงทวาร
ขลู่
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Pluchea indica  (L.) Less.
ชื่อสามัญ :  Indian Marsh Fleabane
สกุล :   Asteraceae (Compositae)
คุณประโยชน์ :
ทั้งยังต้นสด หรือแห้ง - ปรุงเป็นยาต้มกินขับปัสสาวะ แก้โรคนิ่วในไต แก้ฉี่พิการ แก้ริดสีดวงทวารหนัก ริดสีดวงจมูก
เปลือก ใบ เมล็ด  - แก้ริดสีดวงทวาร ริดสีดวงจมูก
ใบ - มีกลิ่นหอมสดชื่น แก้ริดสีดวงทวาร
ยาริดสีดวงทวาร ใช้เปลือกต้น ต้มน้ำ เอาไอรมทวารหนัก และก็กิน แก้โรคริดสีดวงทวาร หรือใช้เปลือกต้น (ขูดเอาขนออก) แบ่งเป็น 3 ส่วน
ส่วนที่ 1 นำมาตากแห้ง ทำเป็นยาสูบ
ส่วนที่ 2 เอามาต้มน้ำรับประทาน
ส่วนที่ 3 ต้มน้ำเอาไปรมทวารหนัก
ว่านหางจระเข้
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Aloe vera  (L.)  Burm.f.
ชื่อพ้อง : Aloe barbadensis  Mill
ชื่อสามัญ :  Star cactus, Aloe, Aloin, Jafferabad, Barbados
สกุล :  Asphodelaceae
สารเคมี:   ใบมี Aloe-emodin, Alolin, Chrysophanic acid Barbaboin, AloctinA, Aloctin B, Brady Kininase Alosin, Anthramol Histidine, Amino acid , Alanine Glutamic acid Cystine, Glutamine, Glycine.
คุณประโยชน์ :
ยางในใบ - เป็นยาระบาย
เนื้อวุ้น - เหน็บทวาร รักษาริดสีดวงทวาร
เป็นยาถ่าย/ยาระบาย ใช้น้ำยางสีเหลืองที่มีรสขม คลื่นไส้ อ้วก น้ำยางสีเหลืองที่ไหลออกมาระหว่างผิวนอกของใบกับตัววุ้น จะให้ยาที่เรียกว่า ยาดำ
สารเคมี - สารสำคัญในยาดำเป็น G-glycoside ที่มีชื่อว่า barbaloin (Aloe-emodin anthrone C-10 glycoside)
รักษาริดสีดวงทวาร นอกเหนือจากการที่จะช่วยรักษาแล้ว ยังช่วยทุเลาอาการปวด อาการคันได้ด้วย โดยการทำความสะอาดทวารหนักให้สะอาดและแห้ง ควรปฏิบัติภายหลังการอุจจาระ หรือข้างหลังอาบน้ำ หรือก่อนนอน เอาว่านหางจระเข้ปอกส่วนนอกของใบ แล้วเหลาให้ปลายแหลมนิดหน่อย เพื่อใช้เหน็บในช่องทวารหนัก ถ้าหากจะให้เหน็บง่าน นำไปแช่ตู้เย็น หรือน้ำแข็งให้แข็ง จะมีผลให้สอดได้ง่าย จำเป็นต้องหมั่นเหน็บวันละ 1-2 ครั้ง จนกว่าจะหาย
ไฟทวาร
ชื่อวิทยาศาสตร์ :  Clerodendrum serratum  (L.) Moon. var.wallichii  C.B.Clarke
วงศ์ :   Limiaceae (Labiatae)
สรรพคุณ : ใบ, ราก, ต้น – ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร
ใช้เป็นยารักษาริดสีดวงทวาร

  • นำรากหรือต้นยาว 1-2 องคุลี ฝนกับน้ำปูนใสให้ข้นๆทาที่ริดสีดวงทวาร เป็นยากระจัดกระจายหัวริดสีดวง
  • นำใบ 10-20 ใบ มาตากแห้ง บดให้เป็นผง แล้วคลุกกับน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นเม็ดขนาดเม็ดพุทรา รับประทานครั้งละ 2-4 เม็ด ทุกวันติดต่อกัน 7-10 วัน
  • ใช้ใบแห้งป่นเป็นผุยผง โรยในถ่านไฟ เผาเอาควันรมหัวริดสีดวงงอกทวารหนัก ให้ยุบฝ่อ
เอกสารอ้างอิง

  • ภก.ดร.วิรัตน์ ทองรอด.ยารักษาโรคริดสีดวง.นิตยสารหมอชาวบ้าน.เล่มที่337.คอลัมน์การใช้ยาพอเพียง.พฤษภาคม.2550
  • ขลู่.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • แนะนำการปฏิบัติตัวโรคริดสีดวงทวาร.เอกสารเผยแพร่.ห้องตรวจศัลยกรรม.งานพยาบาลผู้ป่วยนอก กลุ่มภารกิจบริการวิชาการโรงพยาบาลราชวิถี.
  • Mounsey, A., Halladay, J., and Sadiq, T. (2011). Am Fam Physician. 84, 204-210. http://www.disthai.com/
  • เพชรสังฆาต.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • Chen, Herbert (2010). Illustrative Handbook of General Surgery. Berlin: Springer. p. 217. ISBN 1-84882-088-7.
  • ครอบฟันสี.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป “ริดสีดวงทวาร (Hemorrhoids)”.  (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ).  หน้า 551-553.
  • ภาควิชาศัลยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล. “ผ่าตัดริดสีดวงทวารอย่างไรไม่ให้เจ็บ (หรือเจ็บน้อย)”.  (ผศ.ดร.นพ.วรุตม์ โล่ห์สิริวัฒน์).  [ออนไลน์].  เข้าถึงได้จาก : si.mahidol.ac.th.  [05 มี.ค. 2016].
  • อัคคีทวาร.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก
  • ธีรพล อังกูรภักดีกุล.(2546).ริดสีดวงทวาร.Healthtoday,ปีที่3(ฉบับที่25),หน้า68-73.
  • สุรเกียรติ อาชานานุภาพ.ท้องผูกและริดสีดวงทวาร.(พิมพ์ครั้งที่1).กรุงเทพฯ:สำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน(2546).
  • ว่านหางจระเข้.กลุ่มยารักษาริดสีดวงทวาร.สรรพคุณสมุนไพร 200 ชนิด.โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี.
  • รศ.นพ.วิรุณ บุญชู.ริดสีดวงทวาร.ภาควิชาศัลยศาสตร์.คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล.มหาวิทยาลัยมหิดล.



Tags : โรคริดสีดวงทวาร
บันทึกการเข้า