โรคปอดอักเสบ / ปอดบวม (Pneumonia)- โรคปอดอักเสบ / ปอดอักเสบ คืออะไร ปอด (Lung) เป็นอวัยวะในระบบการหายใจที่อยู่ข้างในหน้าอกทั้ง 2 ข้าง มีลักษณะเป็นเนื้อหยุ่นๆมีสีออกชมพูมีหน้าที่เปลี่ยนก๊าสจากอากาศที่เราหายใจเข้าไปหมายถึงในตอนที่เราหายใจเข้าปอดจะปฏิบัติภารกิจนำก๊าสออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงร่างกายรวมทั้งในขณะเดียวกันปอดก็จะขับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ออกมากับลมหายใจ ธรรมดาเนื้อปอดนี้จะเป็นอวัยวะที่ไม่มีเชื้อโรค เมื่อมีเชื้อโรคหรือสิ่งเจือปนอื่นๆเข้าไปถึงเนื้อปอด จะส่งผลให้การอักเสบและก็มีการบวมเกิดขึ้น ซึ่งโรคปอดอักเสบ (Pneumonitis – นิวโมนิว่ากล่าวส) เป็นคำทั่วไปเป้าหมายถึงการอักเสบของเนื้อเยื่อปอด เวลาที่ปอดอักเสบ (Pneumonia – นิวโมเนีย) เป็นจำพวกของการติดเชื้อที่ทำให้มีการเกิดการอักเสบของปอด โรคปอดอักเสบและปอดบวมจึงสื่อความหมายคล้ายคลึงกันมากมายจนกระทั่งใช้เรียกแทนกันได้ แม้กระนั้นในขณะนี้นิยมเรียกโรคปอดอักเสบมากกว่าเพราะว่าสื่อความหมายตรงกว่า โรคปอดอักเสบ (Pneumonia) เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ ซึ่งระยะฟักตัวขึ้นอยู่กับเชื้อที่ก่อโรคโดยอาจใช้เวลาฟักตัว 1-3 วัน หรืออาจจะนาน 1-4 สัปดาห์ เลยทีเดียว ซึ่งจะก่อให้เกิด การอักเสบของเนื้อปอด*ซึ่งประกอบไปด้วยถุงลมปอดรวมทั้งเนื้อเยื่อโดยรอบทำให้ปอดปฏิบัติหน้าที่ได้น้อยลง และเกิดอาการหายใจหอบเหนื่อย หายใจติดขัด ซึ่งจัดเป็นภาวการณ์ร้ายแรงทำให้ผู้ป่วยอาจมีอาการรุนแรงจนกระทั่งขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุ๊ปเสี่ยง เป็นต้นว่า เด็กเล็ก ผู้สูงวัย คนที่มีภูมิคุ้มกันขัดขวางโรคต่ำ เป็นต้น
- ที่มาของโรคปอดอักเสบ/ปอดบวม ปอดอักเสบมีต้นเหตุที่เกิดจากหลายกรณี แต่ว่าที่พบมากเป็นการต่อว่าดเชื้อ ได้แก่ เชื้อไวรัส แบคทีเรีย โปโตซัว หรือ เชื้อวัณโรค ดังเช่น การต่อว่าดเชื้อแบคทีเรีย ชนิดหนึ่งที่เป็นต้นเหตุของปอดอักเสบที่พบได้มากที่สุดในคนทุกวัย ดังเช่นว่า เชื้อปอดอักเสบ ที่มีชื่อว่า “สเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus pheumoniae) หรือมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า “นิวโมค็อกคัส” (Pneumococcus) ซึ่งเป็นเชื้อที่ส่งผลให้เกิดอาการปอดอักเสบกระทันหันรวมทั้งร้ายแรง โดยแต่ละคนมีการ ติดโรคยากง่ายไม่เหมือนกัน ถ้า เป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานร่างกายบกพร่อง ติดเชื้อเอดส์ ได้ยากดภูมิคุ้มกันก็มีความเสี่ยงต่อการต่อว่าดเชื้อได้ง่ายดายยิ่งกว่าคนเดินดินทั่วๆไป เหมือนกับคนแก่ร่างกายไม่แข็งแรงเหมือนวัยรุ่น ถ้าติดโรคตัวเดียวกัน คนวัยชราอาจมีอาการรุนแรงกว่า นอกจากนี้คนสูงอายุบางทีอาจเป็นโรคอันอื่นร่วมด้วย อาทิเช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ถ้ามีภาวะพวกนี้ เพียงพอมีปอดอักเสบร่างกายก็จะทรุดเร็วภาวะแทรกซ้อนก็กำเนิดได้ง่ายขึ้น อย่างเช่น ขาดออกสิเจนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
- ลักษณะของโรคปอดอักเสบ/ปอดอักเสบ ลักษณะโรคปอดอักเสบ/ปอดบวม คนเจ็บจะมีลักษณะอาการไอ มักมีเสลด จับไข้ เจ็บหน้าอก อ่อนล้าง่าย อาการไข้ มักเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน หรือเป็นไข้ตัวร้อนตลอดเวลา อาการไอ ในระยะต้นอาจมีอาการไอแห้งๆไม่มีเสมหะ แล้วถัดมาจะมีเสลดขาวหรือขุ่นข้นออกเป็นสีเหลือง สีเขียว หรือบางรายอาจะเป็นสีสนิมเหล็กหรือมีเลือดปน ลักษณะของการเจ็บทรวงอก บางรายอาจมีอาการเจ็บทรวงอก แบบเจ็บแปลบเวลาหายใจเข้าหรือในขณะที่ไอแรงๆตรงบริเวณที่มีการอักเสบของปอด ซึ่งบางครั้งบางทีอาจเจ็บปวดรวดร้าวไปที่ศีรษะไหล่ สีข้าง หรือท้อง แล้วถัดมาจะมีลักษณะอาการหายใจหอบเร็ว อาการหอบเมื่อยล้าผู้เจ็บป่วยมักมีลักษณะอาการหอบเหน็ดเหนื่อย หายใจเร็ว ถ้าเป็นมากอาจมีอาการปากเขียว ตัวเขียว ส่วนในรายที่เป็นไม่มากมายบางทีอาจไม่มีอาการหอบเหนื่อยกระจ่างแจ้ง อาการเหล่านี้อาจมีไม่ครบทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้เจ็บป่วยเด็กตัวเล็กๆๆผู้สูงอายุ คนป่วยพิการทุพพลภาพที่ไม่อาจจะช่วยตัวเองรวมทั้งติดต่อสื่อสารได้จำกัด ควรให้ความสนใจรวมทั้งสงสัยมากกว่าธรรมดา เพราะว่าอาการบางทีอาจไม่ชัดเจน ยกตัวอย่างเช่น ในคนสูงอายุ อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีเพียงแค่จับไข้ หรือตัวอุ่นๆและก็ซึมลงเท่า นั้น อาจจะไอเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ หรืออาจจะไม่ไอให้เห็นก็ได้ เนื่องจากว่ามีความจำกัดสำหรับในการเคลื่อน ไหว และก็/หรือกล้ามเนื้อเหนื่อยพอที่จะไอได้อย่างมีคุณภาพ ส่วนอาการแทรกซ้อมที่บางทีอาจเกิดขึ้นได้ อาทิเช่น เกิดฝีในปอด หรือเกิดหนองในเยื่อห่อปอด โดยหากเป็นไม่มากก็ใช้วิธีใส่ท่อระบายหนองออก หากเป็นมากอาจถึงขั้นจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อเอาหนองออก เจาะเยื่อหุ้มห่อปอดออก ในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการไอเป็นเลือด ถุงลมรั่ว แต่ว่าพบได้น้อย
- ปัจจัยเสี่ยงที่จะกำเนิดโรคปอดอักเสบ/ปอดอักเสบ ดังเช่น
- อายุ ในเด็กตัวเล็กๆๆและก็ในผู้สูงอายุ เพราะร่างกายมีความผิดพลาดสำหรับในการคุ้มครองปกป้องและกำจัดเชื้อโรค
- การดื่มสุรา สูบบุหรี่ และ/หรือกินยาบางชนิด ดังเช่นว่า ยากดภูมิคุ้มกัน ยารักษาโรคมะ เร็ง (ยาเคมีบำบัดรักษา) ซึ่งจะทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันต้านโรค และการกำจัดเชื้อโรค
- การมีโรคประจำตัวบางอย่างเช่น โรคถุงลมโป่งพอง โรคมะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ โรคไตเรื้อรัง ฯลฯ
- การไม่รักษาสุขภาพและอนามัย ดังเช่น การได้รับอาหารน้อยเกินไป สุขภาพย่ำแย่ อาศัยในสถานที่ที่ไม่มีการถ่ายเทอากาศที่ดีพอ ในที่ที่มีมลภาวะที่ต้องหายจิตใจและก็สูดมลภาวะเข้าไปในปอด
- ขั้นตอนการรักษาโรคปอดอักเสบ/ปวดบวม การตรวจค้นเชื้อที่มาของโรคปอดบวมจะต้องใช้การตรวจทางห้องปฏิบัติการและต้องใช้เวลาสำหรับเพื่อการตรวจทางห้องทดลอง ซึ่งมี
- การตรวจ เพื่อวินิจฉัยโรคปอดอักเสบ
- การตรวจเพื่อประเมิน site of care,
- การตรวจเพื่อหาเชื้อมูลเหตุ,
- การตรวจเพื่อ ประเมินโรคประจำตัวของผู้เจ็บป่วย, และ
- การตรวจเพื่อหา ภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น
ส่วนในด้านการลดอัตราการตาย ของผู้ป่วยโรคปอดบวม สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การให้ยา ปฏิชีวนะที่สมควรรวมทั้งให้อย่างเร็วข้างใน 4 ถึง 6 ชั่วโมง ภายหลังให้การวินิจฉัยและก็ส่งไปทำการตรวจทางห้องทดลอง ซึ่งแนวทางการเลือกใช้ยาปฏิชีวนะ จะไตร่ตรองตาม site of care เนื่องมาจากมีข้อมูลทางระบาดวิทยาว่า เจอเชื้อสาเหตุอะไรได้บ่อยครั้งในผู้ป่วยแต่ละกรุ๊ป ซึ่งข้อมูลเชื้อก่อโรคในประเทศไทย จะราวกับทางประเทศอเมริกา ซึ่งกระบวนการรักษาปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ประกอบด้วย การให้ยายาปฏิชีวนะจำพวกรับประทาน เช่น เพนิสิลลินวี (Penicillin V.) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin) หรืออิริโทรมัยสิน (Erythromycin) ฯลฯ (สำหรับกลุ่มวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว ควรที่จะใช้ยาอิริดทรมัยซิน เพื่อครอบคลุมเชื้อไมโคพลาสมานิวโมเนียอี แล้วก็เชื้อคลามัยเดีย นิวโมเนียอี) หรือบางทีอาจให้ยายาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดแบบผู้ป่วยใน การรักษาประคับประคองตามอาการธรรมดายกตัวอย่างเช่น การให้ยาลดไข้ การให้สารน้ำทางหลอดเลือด การให้ออกสิเจน การให้อาการเหลวทางสายให้อาหารลงกระเพาะในรายที่ทานอาหารเองไม่เพียงพอ อื่นๆอีกมากมาย
- การติดต่อของโรคปอดอักเสบ/ปอดบวม ระยะติดต่อ สามารถแพร่เชื้อได้ตลอดเวลาที่เป็นโรคจนกว่าเสมหะจากปากและจมูกจะมีเชื้อไม่รุนแรงรวมทั้งมีจำนวนไม่มากพอ ส่วนเด็กที่เป็นพาหะของเชื้อโดยไม่ออกอาการซึ่งเจอได้ในสถานเลี้ยงเด็กก่อนวัยเรียนก็สามารถแพร่เชื้อได้เช่นเดียวกัน โดยเชื้อโรคและก็สารก่อโรคสามารถไปสู่ปอดได้โดยทางใดทางหนึ่ง ดังนี้ การหายใจนำเชื้อเข้าสู่ปอดโดยตรง โดยการสูดเอาเชื้อโรคที่แพร่อยู่ในอากาศในรูปละออกฝอยขนาดเล็ก (จาการไอหรือจามใส่) หรือเชื้อที่อยู่ปกติวิสัย (Normal flora) ในช่องปากและคอหอยลงไปในปอด ตัวอย่างเช่น สเตรปโตค็อกคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus pneumonia) ฮีสูดดมฟิลัส อินฟลูเอนเซ (Haemophilus influenzae) กลุ่มแบคทีเรียที่ไม่พึ่งออกซิเจน – แอนแอโรบส์ (Anaerobes) การสำลัก เป็นกรณีทีเกิดขึ้นจากการสำลักเอาน้ำรวมทั้งสิ่งแปดเปื้อน (ในคนป่วยจมน้ำ) น้ำย่อยในผู้เจ็บป่วยโรคกรดไหลย้อน สารเคมี (ดังเช่นว่า น้ำมันก๊าด เบนซิน) หรือเศษอาหารเข้าไปในปอด ซึ่งพบมากได้ในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้เจ็บป่วยอัมพาต ลมชัก สลบ หรือผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์จัด ก็เลยทำให้ปอดอักเสบจากการระคายเคืองของสารเคมีหรือการต่อว่าดเชื้อ เรียกว่า “ปอดอักเสบจากการสำลัก” (Aspiration Pneumonia) ซึ่งการอักเสบนอกเหนือจากที่จะมีต้นเหตุจากสารระคายเคืองแล้ว ยงอาจเกิดจากเชื้อโรคที่มีอยู่ในช่องปากแล้วก็คอหอยที่ถูกสำลักลงไปในปอดด้วย (ปอดอักเสบที่เกิดจากการสำลักมักเป็นที่ปอดข้างขวามากยิ่งกว่าข้างซ้ายเพราะว่าหลอดลมข้างขวาหักมุมน้อยกว่าข้างซ้าย)
ในปี พุทธศักราช2558 (คริสต์ศักราช2015) สำนักระบาดวิทยา ได้รับรายงานคนเจ็บ
โรคปอดอักเสบ 215,951ราย อัตราเจ็บป่วย 330.06 ต่อประชากรแสนคน เสียชีวิต 486 ราย อัตราตาย 0.74 ต่อประชากรแสนคน และอัตราเจ็บไข้ตายจำนวนร้อยละ 0.23 จากข้อมูลย้อนหลังตั้งแต่ปี พ.ศ.2549 – 2558 (คริสต์ศักราช2006 – 2015) อัตราเจ็บป่วย มีลักษณะท่าทางสูงขึ้นโดยตลอด แม้กระนั้นอัตราป่วยตายมีแนวโน้มน้อยลง โดยผู้เจ็บป่วยเป็นผู้ชาย 117,531 ราย เพศหญิง 98,420 ราย อัตราส่วนเพศหญิงต่อผู้ชาย พอๆกับ 1 : 1.2 แล้วก็กลุ่มวัย 0 – 4 ปี มีอัตราเจ็บไข้สูงสุด รองลงมา คือ กลุ่มอายุ 65 ปีขึ้นไป ภาคตะวันออกเฉียงเหนืออัตราเจ็บป่วยสูงสุด รองลงมา เช่นภาคเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง
- การกระทำตนเมื่อเป็นโรคปอดอักเสบ/ปอดอักเสบ แนวทางพิจารณาง่ายๆว่าตัวเองเป็นโรคปอดอักเสบ/ปอดบวมหรือเปล่า คือ เมื่อใดที่เกิดอาการอ่อนเพลีย รู้สึกเริ่มหายใจขัด ไม่ทั่วท้อง จำต้องเอะใจแล้ว หรือถ้าเกิดมีลักษณะไข้ ไอ มีเสมหะ เหมือนเป็นหวัด เกิน 3 วันไปแล้วไข้ยังสูงอยู่ เพราะเหตุว่าโดยธรรมดาคนเป็นหวัดธรรมดาไม่เกิน 3 วันไข้ก็ลดแล้ว แต่ว่าถ้าเกิดเกิน 3 วันไข้ยังสูง คิดว่าไม่ดีขึ้น และก็มีลักษณะอ่อนเพลียร่วมด้วย อยู่ในข่ายต้องสงสัยเป็นปอดอักเสบ ควรไปพบหมอเพื่อตรวจวินิจฉัย อีกอาการหนึ่งที่ทำให้สงสัยว่ามีลักษณะอาการปอดอักเสบ คือ มีลักษณะอาการเจ็บอกร่วมด้วย ซึ่งเรียกว่าเจ็บแบบเยื่อห่อหุ้มปอดอักเสบหมายถึงเจ็บตอนหายใจเข้าลึกๆแล้วก็เมื่อไปพบแพทย์แล้ว ปรากฏว่าหมอวิเคราะห์ว่ามีลักษณะ ปอดบวมนิดหน่อย ที่หมอตรึกตรองให้รักษาแบบผู้ป่วยนอกได้ หรือในกรณีที่เป็นปอดอักเสบเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลแล้ว รวมทั้งแพทย์ใคร่ครวญให้กลับไปอยู่ที่บ้านเพื่อรักษา และพักฟื้นต่อที่บ้าน ควรปฏิบัติตนดังต่อไปนี้ ควรกินยาต่อตามหมอสั่งอย่างถูกต้อง ครบถ้วนบริบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งยาปฏิชีวนะ ซึ่งไม่สมควรหยุดยาเอง ทานอาหารให้พอเพียงกับสิ่งที่จำเป็นของร่างกาย เนื่องด้วยเป็นตอนที่ร่างกายอยากได้พลังงานในการต่อสู้กับโรค แล้วก็ซ่อมร่างกายให้ฟื้น ควรที่จะใส่ใจพินิจอาการสอดแทรกที่อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีเกิดขึ้น
- การป้องดันตัวเองจากโรคปอดอักเสบ/ปอดอักเสบ รักษาสุขภาพรวมทั้งอนามัยให้แข็งแรงสมบูรณ์อยู่เป็นประจำอาทิเช่น การกินอาหาร พักผ่อน ออกกำลังกาย ให้เหมาะสมกับภาวะและก็วัยของท่าน หลบหลีกปัจจัยเสี่ยงต่างๆได้แก่ การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา การใช้สิ่งเสพติด ภาวการณ์ทุพโภชนา ควันไฟ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรืออากาศที่หนาวเย็นการงดแล้วก็เลิก ยาสูบ สุรา และก็สารเสพติด การคุ้มครองป้องกันการรับเชื้อโดยการปิดปากและจมูกเมื่อจำเป็นต้องสัมผัสผู้เจ็บป่วยที่ไอหรือจาม และก็คนเจ็บที่มีอาการไอหรือจาม ควรป้องกันการแพร่ไปฝอยละอองไปยังคนอื่นๆ ด้วยการปิดปากแล้วก็จมูกด้วยกระดาษหรือผ้าสำหรับเช็ดหน้าหรือหน้ากากอนามัย ผู้ที่มีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยง ดังเช่นว่า คนวัยชรา ผู้มีโรคประจำตัว เป็นต้นว่า โรคถุงลมโป่งพอง เบาหวาน โรคหัวใจ ผู้ได้ยากดภูมิคุ้มกันต้านโรค อาทิเช่น ยารักษาโรคโรคมะเร็ง/ยาเคมีบรรเทา
ฯลฯ ควรพินิจพิเคราะห์ฉีดวัคซีนคุ้มครองปกป้องไข้หวัดใหญ่ ถ้ามีโรคประจำตัว หรือเมื่อเป็นโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ ฝึกหัด อีสุกอีใส ฯลฯ ควรดูแลรักษาตั้งแต่เนิ่นๆ
- สมุนไพรชนิดไหนที่สามารถช่วยทุเลา/รักษาโรคปอดอักเสบ/ปอดอักเสบได้ ฟ้าทะลายมิจฉาชีพ รสขม เป็นยาครอบจักรวาล คุณประโยชน์กินแก้อาการอักเสบต่างๆแก้ไข้ แก้หวัด แก้ปอดอักเสบ แก้ไอ แก้เจ็บคอ ไม่สมควรกินติดต่อนานเกินเจ็ดวัน ทำให้ตับเย็น กระเทียม เป็นยาบำรุงร่างกาย กินเป็นยาแก้อักเสบในอก ในปอด แก้เสมหะ กระเทียมเจ็ดกลีบตำอย่างละเอียด ลายน้ำผึ้งกินต่อเนื่องกันเจ็ดวัน เพื่อขับเสลดในระบบฟุตบาทหายใจ แก้โรคหืดหอบ แก้ไอให้เสมหะแห้ง บำรุงปอด แก้ปอดทุพพลภาพ แก้ปอดอักเสบ แก้วัณโรคปอด แก้เสลด แก้น้ำลาบเหนียว แก้ริดสีดวงแตกออก เหง้าขิง รสเผ็ดร้อนมีนำมันหอมระเหยที่มีประโยชน์ต่อหัวจิตใจ ปอด ไล่เสลด ไล่ลม ให้ความอบอุ่นยามที่หนาวเปียกชื้น กลิ่นหอมสดชื่นทำให้หายใจสะดวก กินน้ำขิงอุ่นๆผสมนมร้อนบำรุงร่างกายบำรุงปอด ขมิ้น เป็นสมุนไพรรากฐานที่ใช้รักษาอาการอักเสบกับอวัยวะต่างๆมาหลายร้อยพันปี เป็นยาบำรุงปอด สมานแผลอักเสบในปอด
เอกสารอ้างอิง- นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ “ปอดอักเสบ/ปอดบวม (Pneumonia)” หนังสือตำราการตรวจรักษาโรคทั่วไป หน้า 441-445
- “ปอดอักเสบ”เป็นไข้ ไอ มีเสมหะ เหนื่อยเจ็บหน้าอก.สถานีรามาแชนแนล ขับเคลื่อนสังคมไทยให้สุขภาพดี (ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก http://wed.mahidol.ac.th/ramanel/old/index.php/kniwforhealth-20140910-31
- นพ.สุรเกียรติ อาชานุภาพ “โรคปอดอักเสบ ในโรคระบบการหายใจ” http://www.disthai.com/
- การรักษาโรคปอดบวม.บทความฟื้นฟูวิชาการ.วารสารอายุรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น.ปีที่ 1.ฉบับที่ 4.ตุลาคม-ธันวาคม 2558.หน้า 17-29
- Mandell LA, Wunderink RG, Anzueto A, et al. Infectious Diseases Society of America/American Thoracic Society consensus guidelines on the management of community-acquired pneumonia in adults. Clin Infect Dis 2007; 44 Suppl 2: S27-72.
- Watkins RR, Lemonovich TL. Diagnosis and management of community-acquired pneumonia in adults. Am Fam Physician 2011; 83: 1299-306.
- Liapikou A, Torres A. Current treatment of community-acquired pneumonia. Expert Opin Pharmacother 2013; 14: 1319-32.
- (นพ.สุรเกียรติ อาชานานุภาพ) “ปอดอักเสบ” นิตยสารหมอชาวบ้าน คอลัมน์:สารานุกรมทันโรค เล่มที่306
- Lim WS, Baudouin SV, George RC, et al. British Thoracic Society guidelines for the management of community acquired pneumonia in adults: update 2009. Thorax 2009; 64 (Suppl 3): iii1-55.
- Managing CAP: An evidence – based algorithm. The Journal of Family Practice. 2007;56:722-726.
- Reechaipichitkul W, Lulitanond V, Tantiwong P, Saelee R, Pisprasert V. Etiologies and treatment outcomes in patients hospitalized with community-acquired pneumonia (CAP) at Srinagarind Hospital, Khon Kaen, Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health 2005; 36: 156-61.
- Reechaipichitkul W, Lulitanond V, Sawanyawisuth, Lulitanond A, Limpawattana P. Etiologies and treatment outcomes for out-patients with community-acquired pneumonia (CAP) at Srinagarind Hospital, Khon Kaen, Thailand. Southeast Asian J Trop Med Public Health 2005; 36: 1261-7.
- . Wattanathum A, Chaoprasong C, Nunthapisud P, et al. Community-acquired pneumonia in Southeast-Asia: the microbial different between ambulatory and hospitalized patients. Chest 2003; 123: 1512-9.
- โรคปอดอักเสบ.สรุปรายงานการเฝ้าระวังโรคประจำปี 2558.สำนักระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวจสาธารณสุข.หน้า 101-103
- สมุนไพรบำรุงปอด.สยามรัฐ.