รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: โรคมะเร็ง-อาการ-สาเหตุ-การรักษา-การรักษา-วิธีการป้องกัน-เเละ สมุนไพร  (อ่าน 413 ครั้ง)

bilbill2255

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 112
    • ดูรายละเอียด


โรคมะเร็ง (Canaer)

  • โรคมะเร็งเป็นยังไง โรคมะเร็งเป็นโรคที่มีความผิดธรรมดาของเซลล์ในอวัยวะต่างๆของร่างกาย โดยมีการเปลี่ยนทางพันธุกรรมของเซลล์ ก่อกำเนิดเป็นเซลล์ของมะเร็งที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็วโดยไม่อยู่ภายใต้การควบคุมที่เหมาะสม คำตอบคือ การเกิดเป็นก้อนเนื้อโรคมะเร็งที่เติบโตรบกวนรูปแบบการทำงานของเซลล์ธรรมดาในอวัยวะ นอกจากนี้ยังสามารถลุกลามแพร่ไปยังอวัยวะอื่นได้โดยผ่านระบบกระแสโลหิตหรือน้ำเหลืองของเราเป็นตัวน้ำกาม โรคมะเร็งอาจมีความต่างได้มากมาย ตามตำแหน่งของอวัยวะที่เป็นจุดเริ่มต้นของโรคมะเร็ง รวมทั้งประเภทของเนื้อเยื่อที่อยู่ข้างในอวัยวะนั้นๆโดยอวัยวะที่มีการตรวจพบเซลล์มะเร็ง เป็นต้นว่า มะเร็งตับ มะเร็งปอด โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวโรคมะเร็งสมอง มะเร็งปากมดลูก มะเร็งไส้ มะเร็งกล่องเสียง โรคมะเร็งผิวหนัง มะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งเต้านม โรคมะเร็งกระเพาะ มะเร็งกระดูก โรคมะเร็งหลอดของกิน มะเร็งลิ้น มะเร็งช่องปากแล้วก็ลำคอ โรคมะเร็งท่อน้ำดีรวมทั้งถุงน้ำดี โรคมะเร็งหลอดลม โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ โรคมะเร็งตับอ่อน โรคมะเร็งไต มะเร็งต่อมไทรอยด์ โรคมะเร็งโพรงมดลูก และก็โรคมะเร็งมักพบในเด็กไทย เรียงจากขั้นตอนแรก 4 ลำดับ ดังเช่น โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งสมอง และโรคมะเร็งนิวโรบลาสโตมา
  • สิ่งที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง มีเหตุที่เกิดจากสิ่งแวดล้อมหรือ ภายนอกร่างกาย ซึ่งในเวลานี้เชื่อกันว่าโรคมะเร็ง โดยมาก เกิดจากต้นสายปลายเหตุอาทิเช่น
  • สารก่อโรคมะเร็งที่แปดเปื้อนในของกินและก็เครื่องดื่ม ได้แก่ สารพิษจาก เชื้อราที่มีชื่อ อัลฟาทอกซิน (Alfatoxin) สารก่อมะเร็งที่เกิดขึ้นจากการปิ้ง ย่าง พวกไฮโดคาร์บอน (Hydrocarbon) สารเคมีที่ใช้ในขั้นตอนถนอมอาหาร ชื่อไนโตรซามิน (Nitosamine) สีผสมอาหารที่มาจากสีย้อมผ้า
  • ยาสูบ เป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็ง การสูบยาสูบหรือการอยู่ในรอบๆที่มีควันที่เกิดจากบุหรี่ นำมาซึ่งการทำให้เป็นโรคมะเร็ง และก็โรคระบบฟุตบาทหายใจต่างๆและก็ถึงแก่กรรมได้
  • แอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก มีโอกาสเป็นมะเร็งในโพรงปาก คอ หลอดอาหาร แล้วก็กล่องเสียงได้ ยิ่งไปกว่านี้แอลกอฮอล์ยังไปทำลายตับ แล้วก็ได้โอกาสเป็นมะเร็งตับได้
  • ฮอร์โมน ผู้หญิงที่ใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจนควบคุมอาการร้อนวูบวาบ หรืออาการเสื่อมของกระดูก ซึ่งมักจะเกิดในวัยหมดระดู จากการเรียนรู้พบว่า การใช้ฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้ได้โอกาสเป็นมะเร็งมดลูก และมะเร็งเต้านมเพิ่มขึ้น
  • รังสี รังสีเอกซเรย์ที่ใช้เพื่อการวินิจฉัยโรค เพิ่มอัตราเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้ แม้ว่าจะมีจำนวนเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ แต่ถ้าได้รับรังสีซ้ำๆกันหลายๆครั้ง อาจจะเป็นผลให้ทำให้เป็นอันตรายได้
  • แสงสว่างอุลตร้าไวโอเล็ต แสงจากดวงตะวัน หรือจากแหล่งอื่นๆอาจทำลายผิวหนังและนำไปสู่มะเร็งผิวหนังได้ ด้วยเหตุนี้ควรต้องหลีกเลี่ยงการเช็ดกแดดในช่วงเวลา 11.00-15.00 น. เพราะเหตุว่าเป็นตอนๆที่แสงแดดแรงจัด
  • เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากความผิดปกติภายในร่างกาย ซึ่งมีเป็นส่วนน้อย เช่น เด็กที่มีความพิการ มาแต่ว่า เกิดได้โอกาสเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ฯลฯ การมีภูมิต้านทานที่ขาดตกบกพร่องรวมทั้งภาวการณ์ ทุพโภชนาการ เป็นต้นว่า การขาดไวตามินบางประเภท ได้แก่ ไวตามินเอ ซี


รวมถึงปัจจัยทางพันธุกรรม มะเร็งบางจำพวก ยกตัวอย่างเช่น โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ แล้วก็โรคมะเร็งไส้ มีแนวโน้มเกิดขึ้นได้กับบุคคลภายในครอบครัวที่มีประวัติเป็นมะเร็งดังที่กล่าวถึงมาแล้วต้นเหตุของมะเร็งที่หลักๆในตอนนี้ อย่างเช่น

  • โรคมะเร็งที่ผิวหนัง ปัจจัยมีสาเหตุมาจากถูกแสงแดดหรือแสงอุลตราไวโอเลตแล้วก็เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากพวกสารหนู หรือการดูแลรักษาโดยใช้ยาที่เข้าน้ำมันดิน ยาไทย-จีน ซึ่งน้ำมันดินเป็นองค์ประกอบ สำหรับเล็บแล้วก็ขน ไม่เป็นมะเร็ง
  • มะเร็งที่ปอด ต้นสายปลายเหตุมีเหตุที่เกิดจากหายใจในอากาศที่ไม่บริสุทธิ์ มีฝุ่นละอองที่มีสารพวกไฮโดรคาร์บอน ดังเช่นว่า ควันดำจากท่อไอเสียรถยนต์ หรือเขม่าควันจากโรงงาน สำหรับยาสูบ มีผลนำไปสู่โรคมะเร็งปอดได้
  • โรคมะเร็งที่โพรงปาก ชอบมีต้นเหตุมาจากการระคายเคืองเรื้อรัง ยกตัวอย่างเช่น กินเหล้าเพียวๆรับประทานหมาก แล้วรักษาสุขภาพไม่สะอาดด้วย แล้วก็ที่สำคัญเป็นยาฉุน การเคี้ยวอาหารแล้วมีการระคายเคือง ดังเช่น ฟันเก หรือใส่ฟันปลอมไม่กระชับ ทำให้เป็นแผลเล็กๆจนกว่าเป็นโรคมะเร็งได้
  • โรคมะเร็งที่หลอดอาหาร ส่วนใหญ่มีสาเหตุจากการระคายเคืองเรื้อรัง การกินของร้อน ดังเช่นว่า จิบชา กาแฟร้อนๆ
  • โรคมะเร็งที่กระเพาะอาหาร ส่วนใหญ่มีเหตุที่เกิดจากสารไนโตรซามีนส์ อาทิเช่น กินอาหารพวกโปรตีนหมัก สารที่เข้าดินประสิวที่ใช้ทำให้เนื้อมีสีแดง เนื้อเปื่อย และ ดี.ดี.ที.ซึ่งเมื่อเข้าไปในร่างกายแล้ว มันจะกลายเป็นไดเมธิลไนโตรซามีนส์ พวกที่รับประทานผักที่มี ดี.ดี.หน. นอกเหนือจากการที่จะตายจาก ดี.ดี.ที. แล้ว ยังบางทีอาจตายจากมะเร็งได้อีกด้วย
  • โรคมะเร็งที่ลำไส้เล็ก-ใหญ่ ปัจจัยคล้ายคลึงกันกับมะเร็งที่กระเพาะ
  • มะเร็งที่เต้านม สาเหตุเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อไวรัส เมื่อก่อนเชื่อว่ามีต้นเหตุจากด้านเชื้อชาติแล้วก็การกระทบกระแทกที่เต้านม
  • มะเร็งที่ตับ มูลเหตุมีต้นเหตุที่เกิดจากไนโตรซามีนต์ อะฟล่าท็อกซิน และก็จากพยาธิใบไม้ในตับ และก็จากโรคตับแข็ง
  • มะเร็งปากมดลูก เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเชื้อไวรัส และก็จากการระคายเคืองเรื้อรัง ตัวอย่างเช่น คนที่คลอดลูกเป็นประจำร่วมประเวณีเสมอๆหรือคนที่เป็นผู้หญิงหากิน แล้วก็คนที่ไม่รักษาความสะอาดบริเวณอวัยวะเพศ
  • โรคมะเร็งของกระเพาะปัสสาวะ โดยมากมีสาเหตุจากยาสูบ สีย้อมผ้าที่ใช้ผสมอาหาร นอกจากนี้พวกโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (ลิวคีภรรยา), โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (ลิมโฟม่า) ก็มีเหตุที่เกิดจากไวรัสด้วยเหมือนกัน
  • ลักษณะโรคโรคมะเร็ง สำหรับในตอนแรกของการเกิดโรคมะเร็งขึ้นในร่างกายนั้นพูดได้ว่าแทบจะไม่มีอาการอะไรส่อแวว หรือบอกให้ผู้ป่วยรู้ได้เลยว่ากำลังพบเจอกับโรคมะเร็งนี้อยู่ ทำให้กว่าที่จะรู้สึกตัวก็สายเกินแก้ เมื่อเป็นประสักระยะหนึ่ง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งส่วนมากมักจะเริ่มรู้สึกเมื่อยล้าง่าย เบื่ออาหาร รับประทานอาหารได้ลดน้อยลง อิ่มเร็ว ซูบผอมซูบ น้ำหนักลด ร่างกายเริ่มดูทรุดโทรมลง ไม่สดชื่นกระฉับกระเฉงดังเดิม รวมทั้งเมื่ออยู่ในระยะที่มะเร็งเริ่มแพร่กระจายมากเพิ่มขึ้นก็จะเริ่มปรากฏอาการอย่างแจ่มแจ้งในระยะนี้ จะรู้สึกปวดแล้วก็ทรมานมหาศาลตามจุดต่างๆที่เกิดมะเร็งขึ้น ทั้งนี้จะมีอาการมากมายน้อยเช่นไรก็ขึ้นอยู่กับโรคมะเร็งที่เป็นว่าเป็นมะเร็งชนิดใด ชนิดไหน รวมทั้งการกระจายของเซลล์มะเร็งข้างในนั้นไปเบียดบังอวัยวะส่วนใดบ้าง


  • ไอมีเสมหะคละเคล้าเลือด เป็นลักษณะของโรคโรคมะเร็งปอด
  • ไอเรื้อรังรวมทั้งมีเสียงแหบ เป็นอาการโรคมะเร็งกล่องเสียงหรือโรคมะเร็งปอดโดยไม่มีอาการของหวัด คือ เป็นไข้ มีน้ำมูก และก็มีเสมหะมาก่อนหน้า
  • ลูบคลำก้อนถึงที่เหมาะเต้านมหรือที่อื่นๆของร่างกายที่ไม่เคยลูบคลำได้มาก่อนเป็นอาการของมะเร็งเต้านมรวมทั้งเร็งอื่น
  • ขี้ลำบาก ท้องผูกสลับกับท้องเดิน เป็นอาการของมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยยิ่งไปกว่านั้นถ้าเกิดมีลักษณะอาการตลอดมากยิ่งกว่า 2 อาทิตย์ ร่วมกับน้ำหนักลด
  • มูกหรือเลือดออกทางทวารหนักหรือช่องคลอด เป็นอาการของโรคมะเร็งทางนรีเวช ดังเช่นว่า มะเร็งปากมดลูก หรือ โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ส่วนไส้ตรง
  • ฉี่มีเลือดคละเคล้า บางทีอาจเป็นอาการโรคมะเร็งทางเท้าเยี่ยว ดังเช่น กระเพาะปัสสาวะต่อมลูกหมาก
  • น้ำหนักต่ำลงโดยไม่มีสาเหตุ
  • ไข้เรื้อรัง ไข้ที่เป็นมายาวนานกว่า 1 อาทิตย์ เป็นลักษณะของมะเร็งเม็ดโลหิตหรือต่อมน้ำเหลือง
  • ปวดเรียกตัวหรือที่กระดูก โดยยิ่งไปกว่านั้นอาการปวดที่สม่ำเสมอ แล้วก็มีลักษณะอาการปวดกลางคืนเป็นอาการของมะเร็งแพร่กระจายเข้ากระดูกได้
  • หมดแรง เบื่ออาหาร เป็นลักษณะของมะเร็งระบบทางเดินอาหาร อาทิเช่น กระเพาะอาหารลำไส้ใหญ่ ตับอ่อน หรือเป็นแค่อาการที่เกิดขึ้นจากมะเร็งจำพวกอื่นๆ


โดยทั่วไปโรคมะเร็งมี 4 ระยะ เป็นต้นว่า ระยะที่ 1-4 ซึ่ง 4 ระยะ ส่วนโรคมะเร็งระยะศูนย์ (0) ยังไม่จัดเป็นโรคมะเร็งอย่างแท้จริง เนื่องจากเซลล์เพียงแต่มีลักษณะเป็นมะเร็ง แต่ว่ายังไม่มีการรุกราน (Invasive) เข้าเนื้อเยื่อข้างๆ

  • ระยะที่ 1: ก้อนเนื้อหรือแผลโรคมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่แผ่ขยาย
  • ระยะที่ 2: ก้อนหรือแผลมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มขยายด้านในเยื่อหรืออวัยวะ
  • ระยะที่ 3: ก้อนหรือแผลโรคมะเร็งขนาดใหญ่ขึ้น เริ่มขยายขาดทุนเยื่อหรืออวัยวะใกล้กัน และก็แผ่ขยายเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้เนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่เป็นโรคมะเร็ง
  • ระยะที่ 4: ก้อนหรือแผลโรคมะเร็งขนาดโตมาก ซึ่งลุกลามขาดทุนเยื่อหรืออวัยวะข้างๆ จนทะ ลุ และเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ก้อนมะเร็ง โดยพบต่อมน้ำเหลืองโตคลำได้ แล้วก็/หรือ แพร่ไปเข้ากระแสโลหิต หรือสายน้ำเหลือง ไปยังเยื่อ/อวัยวะที่อยู่ไกลออกไป ตัวอย่างเช่น ปอด ตับ สมอง กระดูก ไขกระดูก ต่อมหมวกไต ต่อมน้ำเหลืองในช่องท้อง ในช่องอก ต่อมน้ำเหลืองเหนือกระดูกไหปลาร้า
  • ปัจจัยเสี่ยงที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดโรคมะเร็ง ที่ สำคัญ มี 2 ข้อ


ข้อ แรกหมายถึงสาเหตุจากสภาพแวดล้อมภายนอกร่างกาย เช่น สารก่อโรคมะเร็งที่แปดเปื้อน ในอาหาร อากาศ เครื่องดื่ม ยารักษาโรค ฯลฯ แล้วก็การได้รับรังสี เชื้อไวรัส เชื้อแบคทีเรีย และก็พยาธิบางชนิด
ข้อที่สอง คือ ตัวอย่างเช่นปัจจัยภายในร่างกาย เช่น ความไม่ดีเหมือนปกติทางพันธุกรรม ความบกพร่องของระบบภูมิต้านทาน แล้วก็ภาวการณ์ทุพโภชนา ฯลฯ   
 
โดยเหตุนี้คนที่เสี่ยงต่อการ เป็นโรคโรคมะเร็งเป็นผู้ที่มีความประพฤติปฏิบัติดังนี้
คนที่ดูดบุหรี่  อีกทั้งยาสูบมวนเอง บุหรี่ กล้องยาสูบ หรือการเคี้ยวยาสูบ จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะกำเนิดเป็นโรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งในโพรงปาก กล่องเสียง โรคมะเร็ง หลอดอาหาร โรคมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ แล้วก็โรคมะเร็งของตับอ่อน
คนที่ดื่มสุราเป็นประจำ สามารถนำมาซึ่งตับอักเสบรวมทั้งโรคตับแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับตามมา นอกจากนี้ สุรายังเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคมะเร็งในช่องปากและก็คอ
ผู้ที่ติดเชื้อ เชื้อไวรัสบางชนิด ดังเช่นว่า   เชื้อไวรัสตับอักเสบจำพวกบีรวมทั้งซี มีความข้องเกี่ยวต่อการเกิดโรคตับแข็งแล้วก็โรคมะเร็งตับ ไวรัสเอปสไตน์บารร์มีความเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งข้างหลังโพรงจมูกหรือโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองประเภท Burkitt ไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus) เป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งปากมดลูกในหญิง หรือ โรคมะเร็งช่องปากและก็คอ  หรือผู้ที่ชอบทานอาหารที่มี พิษ ชื่อ อัลฟาทอกสิล ที่พบจากเชื้อราที่แปดเปื้อนในอาหารตัวอย่างเช่น ถั่วลิสงป่น ฯลฯ ถ้าเกิดรับประทานประจำจะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งตับ รวมทั้งถ้าหากได้รับ 2 อย่าง ช่องทาง จะเป็นมะเร็งตับเยอะขึ้น
ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงเสมอๆ จะเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง เต้านม ลำไส้ใหญ่ เยื่อบุมดลูก และต่อมลูกหมาก
ผู้ที่ติดเชื้อโรคพยาธิใบไม้ตับ แล้วก็ทานอาหารที่ใส่ดิน ประสิวบ่อยๆ จะเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งท่อน้ำดีในตับ
คนที่มีภูมิคุ้มกันขาดตกบกพร่องอันเป็นผลมาจากความแตกต่างจากปกติจากพันธุกรรมหรือติดเชื้อโรคไวรัส เอดส์ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งของเส้นเลือด ฯลฯ
คนที่ทานอาหารเค็ม จัด ของกินที่มีส่วนผสมโปตัสเซี่ยมไนเตรดแล้วก็ส่วนไหม้เกรียม ของของกินเสมอๆจะเสี่ยง ต่อการเป็นโรคมะเร็งกระเพาะ อาหารและก็ลำไส้ใหญ่
ผู้ที่มีประวัติโรคมะเร็งในครอบครัว อาทิเช่น โรคมะเร็งของเรตินา โรคมะเร็งเต้านม มะเร็งรังไข่ แล้วก็มะเร็งลำไส้ใหญ่ชนิดที่ เป็นติ่งเนื้อ เป็นต้น
ผู้ที่ตากแดดจัดบ่อยๆจะ เป็นอันตรายจากแสงแดดที่ มีจำนวนของแสงอุลตรา ไวโอเลต ไม่น้อยเลยทีเดียว มีผลทำให้เป็นมะเร็งผิวหนังได้
สัญญาณเตือน 7 ประการ ที่บางทีอาจหมายความว่าเป็นลักษณะโรคโรคมะเร็ง มีดังนี้

  • มีการเปลี่ยนในการอุจจาระ ปัสสาวะ ที่แตกต่างจากปกติ อาทิเช่น มีเลือดออก ท้องร่วงหรือท้องผูกผิดปกติ
  • มีแผลเรื้อรังที่ไม่หาย โดยเป็นเป็นเวลานานมากกว่า 3 อาทิตย์
  • มีเลือดออก หรือมีสารคัดเลือกหลั่งออกมาจากรอบๆช่องต่างๆของร่างกายเปลี่ยนไปจากปกติ เป็นต้นว่า จุกนม, จมูก, ช่องคลอด ทวารหนัก ฯลฯ
  • คลำเจอก้อนที่เต้านม หรือที่อื่นๆของร่างกาย
  • อาการท้องอืด ของกินไม่ย่อย มีลักษณะปวดท้อง กลืนของกินทุกข์ยากลำบาก เป็นต้น
  • ไฝหรือจุดเล็กๆตามร่างกายเกิดการเปลี่ยน เช่น โตขึ้น มีสีไม่ดีเหมือนปกติหรือมีเลือดออก
  • มีลักษณะอาการไอที่ไม่ปกติ ดังเช่นว่า ไอผสมเลือด ไอเรื้อรัง หรือเสียงแหบ
  • ขั้นตอนการรักษาโรคมะเร็ง แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งได้จาก ประวัติความเป็นมาอาการต่างๆของผู้ป่วย การตรวจร่างกาย การตรวจภาพเนื้อเยื่อรวมทั้งอวัยวะที่มีลักษณะด้วยเอกซเรย์ หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือ เอมอาร์ไอ แต่ที่ได้ผลแน่นอนเป็นการตรวจเซลล์จากก้อนเนื้อเพื่อ การตรวจทางเซลล์วิทยา หรือ ตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา


วิธีรักษาโรคมะเร็ง สำหรับในการรักษาโรคโรคมะเร็งนี้ภายหลังแพทย์วิเคราะห์ลักษณะโรคเสร็จแล้ว จะมีการตรวจอย่างพิถีพิถันอีกครั้งว่าเซลล์ของมะเร็งร้ายกระจัดกระจายไปอยู่ในบริเวณใดของร่างกายบ้าง เมื่อรู้และเข้าใจดีแล้วก็จะรักษาไปตามอาการ โดยมะเร็งแต่ละประเภทการดูแลรักษาก็บางทีอาจจะแตกต่างออกไปบ้าง แต่ว่าดังนี้ก็มีแนวทางที่แพทย์นิยมรักษากันอยู่ เป็น
การผ่าตัด โรคมะเร็งช่วงแรกจำนวนมากชอบใช้การผ่าตัดเป็นส่วนมาก ดังเช่นว่า โรคมะเร็งศรีษะและคอ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยหมอจะทำการผ่าตัดก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อกำจัดก้อนเนื้อร้ายที่อยู่ภายในร่างกายเราออกไป แม้กระนั้นวิธีการแบบนี้มิได้สามารถทำรักษาได้กับมะเร็งทุกประเภท และการผ่าตัดก็ยังไม่แน่ว่าจะหายสนิท หรือไม่ เนื่องจากเซลล์ของมะเร็งอาจยังหลงเหลือหรือหลบอยู่ในร่างกาย โดยบางทีอาจเป็นเซลล์ของโรคมะเร็งที่กำลังเริ่มจะเกิด ทำให้แพทย์ไม่อาจจะทราบหรือมองเห็น เมื่อปล่อยไปสักระยะก็จะกลับเข้าสู่วังวนเดิม คือเริ่มก่อตัวขยายใหญ่ขึ้น ก็จะต้องมาผ่าตัดกันใหม่อีกรอบ แม้กระนั้นโดยมากกับแนวทางการผ่าตัดนี้แพทย์มักชี้แนะให้ทำคีโมหรือเคมีบำบัดร่วมด้วย เพื่อเพิ่มช่องทางที่จะช่วยให้หายสนิทจากโรคมะเร็งนี้ได้
การใช้รังสีรักษา เป็นการฉายแสงไปยังเซลล์ของมะเร็งภายในร่างกาย เพื่อทำลายกลุ่มก้อนเซลล์ของมะเร็งนั้น ในการฉายแสงนี้เป็นการรักษาแบบเฉพาะที่ โดยอาศัยต้นเหตุจากประเภทของโรคมะเร็งที่เป็น ช่วงเวลาที่เกิดโรคมะเร็ง ตลอดจนสุขภาพของคนป่วยด้วยว่าแข็งแรงพอหรือเปล่า ซึ่งหากผู้ป่วยพร้อมก็จะกระทำการเปล่งแสงโดยประมาณ 2 – 10 นาที โดยจำเป็นต้องกระทำส่องแสงอาทิตย์ละ 5 วัน รวมราวๆ 5 – 8 อาทิตย์ ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ของแพทย์ แม้กระนั้นการรักษาด้วยรังสีรักษานี้จะทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้น ได้
เคมีบำบัด (คีโม) สำหรับวิธีนี้ถือว่าเป็นการรักษาอย่างตรงจุด แก้ที่มูลเหตุโดยตรงของปัญหา ด้วยเหตุว่าเป็นการให้ยาเข้าไปทำลายเซลล์ของมะเร็งทั้งผองที่อยู่ภายในร่างกาย รวมทั้งที่กระจายเข้าไปตามต่อมน้ำเหลืองหรือกระแสเลือดด้วย โดยหมอจะนัดมากระทำตรวจร่างกายวัดความดันแล้วก็กระทำการเจาะเลือด ซึ่งถ้าผลของการตรวจร่างกายผ่าน แพทย์ก็จะให้ไปกระทำการให้คีโมซึ่งก็ดังการให้น้ำเกลือทั่วๆไป เพียงแค่จำเป็นต้องนอนรอหลายชั่วโมงกระทั่งตัวยาจะหมด และในระหว่างการให้คีโมนี้คนไข้บางบุคคลอาจกำเนิดอาการแพ้ได้ ซึ่งบางทีอาจรู้สึกเวียนหัว อาเจียน หรืออ้วก และก็ผลข้างเคียงที่ตามมาภายหลังจากการให้คีโมประมาณ 1 – 2 สัปดาห์ ผมจะเริ่มหล่น รู้สึกอาเจียน คลื่นไส้ เป็นแผลในปาก และปริมาณเม็ดเลือดต่ำลงทำให้มีความรู้สึกอ่อนล้า ตลอดจนบางทีอาจรู้สึกหายใจลำบาก มีผื่นขึ้น ท้องผูกถ่ายไม่ออก หรือมีไข้ ฯลฯ แต่ว่าการดูแลรักษาด้วยวิธีแบบนี้ก็มีค่ารักษาที่ออกจะแพงเลยและก็ยังจำต้องทำหลายที ขึ้นอยู่กับหมอเป็นผู้วินิจฉัยว่าจำเป็นต้องทำทั้งสิ้นกี่ครั้งจึงจะหายเป็นปกติ

  • การติดต่อของโรคมะเร็ง โรคมะเร็งเป็นโรคที่ไม่ติดต่อจากคนหนึ่งสู่อีกคนหนึ่งหรือติดต่อจากสัตว์สู่คน แต่ว่าโรคมะเร็งบางจำพวกอาจมีการถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ เช่น โรคมะเร็งเต้านม ถ้าเกิดมีประวัติบุคคลในครอบครัวเคยเป็นโรคนี้ สมาชิกภายในครอบครัวนั้นก็อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีช่องทางเป็นโรคนี้สูงกว่าคนทั่วๆไปเล็กน้อย
  • การปฏิบัติตนเมื่อเป็นโรคโรคมะเร็ง


การดูแลตนเองในเรื่องทั่วไป รักษาสุขลักษณะอย่างเคร่งครัด เพราะเหตุว่าเป็นช่วงติดโรคได้ง่าย พักผ่อนให้เต็มที่ ถ้าหมดแรง ควรจะลาหยุดงาน แต่ว่าหากไม่อ่อนล้า ก็สามารถปฏิบัติงานได้ แต่ว่าควรเป็นงานเบาๆไม่ใช้แรงงาน แล้วก็สมองมากมาย ทำงานบ้านได้ตามกำลัง งดเว้น/เลิก ยาสูบ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
จำกัดเครื่องดื่มคาเฟอีนดังได้กล่าวแล้ว เลี่ยงการอยู่ในที่ยัดเยียดเนื่องจากว่าจะติดเชื้อได้ง่าย ยังคงต้อง ดูแล รักษา ควบคุมโรคร่วมอื่นๆโดยตลอดร่วมไปด้วยเสมอกับการดูแลรักษาโรคมะเร็ง
รักษาสุขภาพจิต ให้กำลังใจตัวเอง และก็คนที่อยู่รอบข้าง มองโลกในด้านบวกเสมอ พบหมอตามนัดเสมอ เจอหมอก่อนนัด เมื่ออาการต่างๆชั่วช้าสารเลวลง หรือเกิดความไม่ปกติไม่ถูกไปจากเดิม หรือเมื่อไม่ค่อยสบายใจในอาการ
การดูแลตนเองในเรื่องของกิน เมื่อทานอาหารได้น้อย ให้บากบั่นกินในปริมาณมื้อที่บ่อยมากขึ้น กินครั้งน้อยๆแต่ว่าเสมอๆแม้กระนั้นยังต้องจำกัดของว่าง และของกินเค็ม เพราะมีผลต่อน้ำตาลในเลือด รวมทั้งการทำงานของไต ให้กำลังใจตัวเอง เข้าใจว่า อาหารเป็นตัวยาสำคัญยิ่งตัวยาหนึ่ง ของการดูแลและรักษาโรคมะเร็ง ทดลองปรับเปลี่ยน จำพวกของกินให้กินได้ง่ายมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น อาหารอ่อน อาหารเหลว แต่ว่าควรจะหลบหลีกของกินทอด หรือผัด หรือมีกลิ่นรุนแรง เพราะมักกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการอ้วก คลื่นไส้ เตรียมอาหารครั้งละน้อยๆอย่าให้กินเหลือ เนื่องจากจะได้เกิดกำลังใจว่ากินหมดทุกมื้อ ควรจะแจ้งแพทย์ พยาบาลเมื่อกินมิได้ หรือกินได้น้อย แล้วก็ควรเห็นด้วย เมื่อหมอแนะนำการให้อาหารทางสายให้อาหาร การกินอาหารที่มีประโยชน์ครบทั้งยัง 5 กลุ่มเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารโปรตีน (เช่น เนื้อ นม ไข่ ปลา ตับ) เพราะสำหรับในการรักษาโรคมะเร็ง ความแข็งแรงของไขกระดูก (เม็ดเลือดต่างๆ) เป็นเรื่องสำคัญที่สุด เพราะว่าเป็นตัวช่วยทำให้ร่างกายตอบสนองที่ดีต่อรังสีรักษา และยาเคมีบรรเทา แล้วก็ช่วยลดจังหวะติดโรค ซึ่งการติดเชื้อในขณะกำลังรักษาโรคโรคมะเร็งมักเป็นการติดโรคที่รุนแรง

  • การคุ้มครองป้องกันตัวเองจากโรคมะเร็ง แนวทางป้องกันโรคมะเร็งที่เยี่ยมที่สุดเป็นหลบหลีกปัจจัยเสี่ยง ที่หลบหลีกได้ ได้แก่ รับประทานอาหารเป็นประโยชน์ครบทั้งยัง 5 หมู่ทุกวี่วัน ในปริมาณที่เหมาะสมเป็นไม่ให้อ้วนหรือ ผอม เกินไป โดยจำกัดเนื้อแดง แป้ง น้ำตาล ไขมัน เกลือ แต่ว่าเพิ่มผัก ผลไม้ให้มากมายๆรวมทั้งเลี่ยงอาหารพวกที่ทำมาจากการปิ้งย่างที่มีลักษณะไหม้เกรียม ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสุขภาพ บ่อย รับการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งเป็นปัจจุบันนี้
  • สมุนไพรที่ช่วยคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็ง สมุนไพรตั้งแต่นี้ต่อไปล้วนส่งผลการทดลองที่เป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาโรคมะเร็ง


ฟ้าทะลายโจร(Andrographis paniculata) ในประเทศอินเดียใช้กันมานานรักษาไข้รากสาดน้อย แก้อักเสบ แก้มาเลเรีย กระตุ้นภูมิต้านทาน สารสำคัญคือ andrographolide สามารถยั้งเซลล์ของโรคมะเร็งได้หลายแบบ
บัวบก (Centella asiatica) มีสาร asiaticoside ที่ช่วยทำให้แผลเรื้อรังหายได้เร็วขึ้น เพิ่มภูมิคุ้มกัน แล้วก็ในบราซิลมีการใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งมดลูก
ขมิ้น (Curcuma longa) สารสำคัญคือ curcumin มีฤทธิ์ต้านการอ็อกซิไดส์และก็ต้านทานการอักเสบที่แรง สามารถนำมาซึ่งการก่อให้เกิดการถึงแก่กรรมของเซลมะเร็งหลายอย่างดังเช่นว่า โรคมะเร็งผิวหนัง โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งกระเพาะ โรคมะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งรังไข่ แล้วก็ยังมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส แบคทีเรียและราอีกด้วย
ว่านหางจรเข้ (Aloe vera) มีสาร aloe-emodin ที่กระตุ้น macrophage ให้กำจัดเซล์ลมะเร็ง รวมทั้งยังมี acemannan ช่วยกระตุ้นภูมิต้านทาน ว่านหางจรเข้ช่วยกระตุ้นการก้าวหน้าของเซลล์ปกติและยับยั้งการเจริญก้าวหน้าของเซลล์ของโรคมะเร็ง
ทุเรียนเทศ (Anona muricata) สาร acetogenin จากผลทำให้เซลล์ของมะเร็งตายได้
ดีปลี (Piper longum) มี piperine ซึ่งมีฤทธิ์ต้านทานการอ็อกซิไดส์ทั้ง in vitro แล้วก็ in vivo ก็เลยเป็นส่วนประกอบของตำรับยารักษาโรคมะเร็งของอายุรเวท
บอระเพ็ด (Tinospora cordifolia) สารสำคัญจากบอระเพ็ดกระตุ้นภูมิต้านทานโดยการเพิ่มระดับเม็ดเลือดขาว รวมทั้งสามารถลดขนาดเนื้องอกได้ 58.8% เทียบเท่า cyclophosphamide
เอกสารอ้างอิง

  • เอกสารเผยแพร่ทำความรู้จักกับโรคมะเร็งกับเถอะ.มะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย.พิมพ์ครั้งที่ 1.59 หน้า.
  • Khuhaprema, T., Srivatanakul, P., Attasara, P., Sriplung, H., Wiangnon,S., and Sumitsawan, Y. (2010). Cancer in Thailand. Volume IV, 2001--2003. National Cancer Institute. Thailand
  • สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการเกิดมะเร็ง.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ.http://www.disthai.com/
  • สาเหตุและการป้องกันภัยร้ายจากมะเร็ง.นิตยสารออนไลน์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์(ออนไลน์)เข้าถึงได้จาก.
  • ศ.นพ.ไพรัช เทพมงคล.มะเร็ง.นิตยสารหมอชาวบ้าน,เล่มที่30.คอลัมน์โรคน่ารู้.ตุลาคม.2524
  • Kushi, L. et al. (2006). American Cancer Society Guidelines on nutrition and physical activity for cancer prevention: reducing the risk of cancer withy food choices and physical activity. CA Cancer J Clin. 56, 254-281.
  • ความรู้เรื่องโรคมะเร็ง.หน่วยสารสนเทศมะเร็ง คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
  • DeVita, V., Hellman, S., and Rosenberg, S. (2005). Cancer: principles& practice of oncology (7th edition). New York: Lippincott Williams & Wilkins.
  • Thomas, R., and Davies, N. (2007). Lifestyle during and after cancer treatment. Clinical Oncology. 19, 616-627.
  • Haffty, B., and Wilson, L. (2009). Handbook of radiation oncology: basic principles and clinical protocols. Boston: Jones and Bartlett Publishers
  • รศ.ดร.อ้อมบุญ วัลลิสุต.บทความเผยแพร่ความรู้สู่ประชาชน”การใช้สมุนไพรอายุรเวทรักษามะเร็ง”.ภาควิชาเภสัชวินิจฉัย คณะเ
บันทึกการเข้า