รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ มดเเดง  (อ่าน 501 ครั้ง)

bilbill2255

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 112
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ มดเเดง
« เมื่อ: มกราคม 04, 2018, 03:25:23 AM »


มดแดง
มดแดงเป็นมด มีสีแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oecophyllasmaragdina(Fabricius)
จัดอยู่ในตระกูล Formicidae
ชีววิทยาของมด
มดเป็นแมลงพวกหนึ่ง มีลักษณะที่สำคัญคือ  บริเวณส่วนท้องคอดกิ่วในระหว่างที่ตืดกับอกทางข้างหลังของส่วนท้องปล้องที่ ๑  หรือในมดบางชนิดที่รวมไปถึงปล้องที่  มดมีลักษณะเป็นโหนกสูงขึ้น โหนกนี้บางทีอาจโค้งมนหรือมีลักษณะเป็นแผนแบนก็ได้ ลักษณะโหนกนี้เป็นลักษณะเฉพาะที่ทำให้มดไม่เหมือนกันกับกรุ๊ปแมลงที่มองดูคล้ายกัน  ดังเช่น  พวกต่อแล้วก็แตน หรือแตกต่างไปจากปลวกที่คนทั่วไปมักสับสนกัน โดยเห็นมดกับปลวกเช่นเดียวกันไปหมด นอกเหนือจากไม่เสมือนมดตรงที่ไม่มีโหนกแล้วปลวกยังมีส่วนท้องไม่คอดกิ่วอีกดัวย ทั้งนี้เพราะปล้องแรกๆของส่วนท้องของปลวกนั้น มีขนาดโตเท่าๆกับส่วนนอก หรือโตกว่าส่วนนอก
มดอยู่รวมกันเป็นกรุ๊ปเดียวกับปลวก มีชีวิตแบบสังคม โดยทำรังอยู่ดัวยกันรังหนึ่งๆเป็นร้อย เป็นพัน หรือ หลายหมื่น หลายแสนตัว ไม่มีจำพวกใดอยู่โดดเดี่ยว ประกอบดัวยวรรณะ แต่ละวรรณะมีขนาด รูปร่าง ลักษณะ และก็เพศไม่เหมือนกัน พูดอีกนัยหนึ่ง มดตัวเมียเป็นแม่รัง ตัวผู้เป็นพ่อรัง แล้วก็มดงานอันเป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันปฏิบัติภารกิจสร้างรัง เลี้ยงรัง และก็เฝ้ารัง แต่ละวรรณะอาจมีรูปร่างลักษณะไม่เหมือนกันออกไปอีก
เป็นต้นว่า มดงานซึ่งเป็นพวกที่ไม่มีปีกก็อาจปฏิบัติหน้าที่ทำรังรวมทั้งเลี้ยงรัง เหล่านี้มีร่างกายขนาดธรรมดา หัวกระทรวงอุตสาหกรรมและท้องได้สัดส่วนกัน แต่ในเวลาเดียวกันบางทีอาจเจอมดงานซึ่งปฏิบัติภารกิจเฝ้ารัง มดพวกนี้นอกเหนือจากตัวใหญ่กว่ามดงานธรรมดาอย่างยิ่งแล้ว ยังมีหัวโต ฟันกรามใหญ่ มิได้สัดส่วนกับลำตัวดัวย
ในกลุ่มมดเพศผู้แล้วก็มดตังเมียซึ่งเป็นบิดารังและก็แม่รังนั้น บางทีอาจพบได้ทั้งพวกที่มีปีกและไม่มีปีก หรือมีลำตัวโตหรือเล็กขนาดพอๆกับมดงานก็มี อย่างไรก็แล้วแต่มดตัวเมียที่เป็นแม่รังนั้นมักมีขนาดโตกว่าตัวผู้รวมทั้งมดงาน อาจดูมดเพศผู้ได้จากดางตาที่โตกว่ามดแม่รังแล้วก็มดงานลูกรัง ซึ่งพวกหลังนี้มักมีตาเล็ก จนถึงบางครั้งแทบจะไม่เห็นว่าเป็นตา ส่วนมดพ่อรังหรือมดแม่รังที่มีปีกนั้น ลักษณะของปีกไม่เหมือนกับพวกปลวกหรือแมลงเม่าอย่างชัดเจน พูดอีกนัยหนึ่ง ปีกคู่หน้าของมดโตกว่าปีกคู่หลังมากมาย รูปร่างของปีกคู่หน้ารวมทั้งปีกคู่ข้างหลังก็แตกต่างกัน และที่สำคัญเป็นมีเส้นปีกน้อย ส่วนปลวกนั้น ปีกคู่หน้ากับปีกคู่ข้างหลังมีขนาดไล่เลี่ยกัน และก็รูปร่างของปีกก็คล้ายกัน เส้นปีกมีมากยิ่งกว่าเส้นปีกของมดมาก เห็นเป็นลวดลายเต็มไปตลอดปี

สมุนไพร ในปัจจุบันมีการโดยประมาณกันว่า มดที่มีการแยกชื่อวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว มีอยู่ไม่น้อยกว่า ๖,๐๐๐ชนิด คนประเทศไทยต่างคุ้นเคยกับมดเป็นอย่างดี เนื่องจากว่ามีมดหลายอย่างอาศัยตามบ้านเมือง หรือในรอบๆใกล้เคียงกัยบ้านที่พัก การเรียกชื่อมดของคนประเทศไทยอาจเรียกชื่อตามสีสันของมด โดยการเรียก “มด” นำหน้า อาทิเช่น มดแดง(OecophyllasmaragdinaFabrius) เนื่องจากมีตัวสีแดง มดดำ (CataulacusgranulatusLatreillr, Hypocli-neathoracicus Smith) ซึ่งเพี้ยนไปเป็นมด ฯลฯ มดบางประเภทพวกเราเรียกชื่อตามอาการอันมีเหตุที่เกิดจากถูกมดนั้นกัด ดังเช่น มดคัน (CamponotusmaculatusFabricius) ซึ่งเมื่อถูกกัดแล้วจะทำให้รู้สึกคันในบริเวณแผลที่กัด  หรือผูกคันไฟ  (Solenopsis  geminate Fabricius, SolenopsisgeminataFabricius var. rufaJerdon) ซึ่งเมื่อถูกกัด นอกเหนือจากมีลักษณะคันแล้ว ยังมีอาการแสบร้อนเสมือนถูกไฟลวก
บางประเภทก็เรียกตามกิริยาท่าทางที่มดแสดงออก ตัวอย่างเช่น มดตะลีตะลาน (AnoploessislongipesJerdon) ซึ่งเป็นมดที่ถูกใจวิ่งเร็วและก็วิ่งพล่านไป เปรียบได้ดั่งวิ่งดัวยความตระหนกตกใจ  มดจำพวกนี้บางที่เรียกสั้นๆว่า มดตะลาน  ที่เพี้ยนเป็นมดตาลานก็มี หรือมดก้นงอล (CrematogasterdoheniiMaye) อันเป็นมดที่เวลาเดินหรือวิ่งมักยกท้องอืดท้องเฟ้อสูงตั้งฉากกับพื้น  ทำให้ดูเสมือนก้นงอล  เป็นต้น
มดบางชนิดเป็นมดที่พสกนิกรตามแคว้นใช้บริโภค  ก็เลยเรียกไปตามรสยกตัวอย่างเช่น  ทางภาคเหนือ  อันดังเช่น  ชาวจังหวัดแพร่  น่าน  จังหวัดลำพูน  จังหวัดเชียงราย  จังหวัดเชียงใหม่  เป็นต้น  นิยมใช้มดแดงซึ่งมีรสเปรี้ยวแทนน้ำส้ม  ก็เรียกว่า มดส้มหรือมดมัน  ซึ่งชาวบ้านบางถิ่นนิยมกินกันเหตุเพราะมีรสชาติมันและก็อร่อย  จึงเรียกชื่อตามรสชาตินั้น อย่างไรก็ตาม  มีมดบางชนิดที่ราษฎรไม่ได้รัยกชื่อโดยใข้คำ “มด” นำหน้าได้แก่ เสี้ยนดิน (Doeylusorientalis  Westwood) ซึ่งเป็นมดประเภทหนึ่งที่ทำลายกัดรับประทานฝักถั่งลิสงที่ยังมิได้เก็บเกี่ยวอยู่ในดิน
มดก็เหมือนกันกับแมลงจำพวกอื่นที่อาจมีการรัยกชื่อสติไม่ดีไปตามท้องภิ่นเช่น  แม่รังที่มีปีกของมดแดง (OecophyllasmsrhdineFabrius) คนชนบทในแคว้นภาคอีสาน  อันเป็นต้นว่า  ชาวจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ ศรีสะเกษ จังหวัดสุรินทร์ จังหวัดนครพนม ร้อยเอ็ด จังหวัดอุบลราชธานีเรียกแม่เป้งในตอนที่คนภาคกบางมัดเรียกมดโม่ง  ส่วนชาวจังหวัดภาคใต้  อาทิเช่น  จังหวัดชุมพร  สุราษฎร์ธานี  สงขา  นครศรีธรรมราช  ภูเก็ต  เรียกว่าแม่เย้าหรือแม่เหยา
มดมีวงจรชีวิตในลักษณะที่บิดารังและก็แม่รังที่มีปีกจะบินอกกจากรังและก็ผสมพันธุ์กันเมื่อถึงเวลาแล้ว  มดเพศผู้มักตาย  มดตัวเมียซึ่งจัดแจงทำรังใหม่ก็จะหาที่พักพิงอันมิดชิด  แล้วสลัดปีกทิ้ง  รอคอยจวบจนกระทั่งไข่แก่ก็จะว่างไข่ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแม่รังก็จะให้อาหารเลี้ยงลูกอ่อนจนกระทั่งเข้าดักแด้  รวมทั้งอกกมาเป็นตัวโตเต็มที่กลายเป็นมดงานที่อุปถัมภ์ค้ำชูแม่ต่อไป  เมื่อมดงานทำหน้าที่เลี้ยงรังได้แล้ว  แม่รังก็ทำ
หน้าที่ออกไข่เพียงอย่างเดียว  การควบคุมวรรณะของรังบางทีอาจปฏิบัติโดยการวางไข่ที่ต่างกัน  เช่น  ขนาดแตกต่าง  ไข่ขนาดเล็ฟกออกมาเป็นมดตัวเมียที่เป็นแม่รังแล้วก็มดงาน  ส่วนไข่ขนาดใหญ่เป็นมดตัวผู้หรือมดพ่อรัง  ลักษณะของวงจรชีวิตแบบนี้ต่างจากปลวก  เนื่องจากปลวกนั้นเป็ฯแมลงเม่า  ซึ่งประกอบดัสยพ่อแล้วก็แม่ปลวกที่มีปีกบินขึ้นผสมกันแล้  บิดารังมักมีชืวิตอยู่แล้วก็ร่วมทำรักับแม่ปลวกซึ่งจัดเตรียมตกไข่  เมื่อไข่ฟักเป็นตัว  ก็จะเป็นปลวกงานที่สามารถดำเนินงานเลี้ยงดูบิดามารดาได้โดยไม่ต้องรอให้โตเต็มกำลังซะก่อน
นิสัยคาวมเป็นอยู่ของมดก็มีลักษณะต่างๆกัน  บางพวกทำรังอยู่บนต้อนไม้โยใช่ใบไม้ที่อาศัยมาห่อทำเป็นรวงรัง  เช่นมดแดง  หรือขนเศษพืชดินผสมน้ำลายสร้างรังติดกับไม้ที่อาศัย  เป็นต้นว่ามดลี่หรือมดตูดงอล  บางพวกทำรังในดินมีลักษณะเป็นช่องซับซ้อนคล้ายรังปวก  เป็นต้นว่ามดมันหรือแมลงมัน  รังของมดก็เลยมัลักษณะของสิ่งของที่สร้าง  องค์ประกอบ  และรูปร่างแตกต่างกันไปมากมายให้มองเห็นได้เสมอ
ชีวิวิทยาของมดแดง
เมื่อมดแม่รังได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  พอไข่แก่ก็จะตกไข่  ไข่มดแดงมีขนาดเล็กสีขาวขุ่น  จะถูกวางเป็นกระจุกชิดกับใบไม้ข้างในรัง   ไข่ที่ได้รับการผสมจะก้าวหน้าไปเป็นมดงานและมดแม่รังส่วนไข่ที่มิได้รับผสมจะเจริญไปเป็นมดเพศผู้  เมื่อไข่เจริญขึ้นก็จะเข้าสู้ระยะตัวอ่อนในเดี๋ยวนี้อาจรับประทานอาหารรวมทั้งขยับเขยื้อนตัวได้นิดหน่อย  แล้วต่อจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นดักแด้ซึ่งมีลักษณะคล้ายตัวเต็มวัยทั้งหมดทุกอย่าง ขาและก็ปีกเป็นอิสระจากลำตัว  รวมทั้งหยุดกินอาหาร  และจะลอกตราบออกมาเป็นตัวเต็มวัย  และก็ที่ขาวขุ่นก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีอื่นตามวรรณะมดตัวโตเต็มวัยทั้ง๓ วรรณะดังเช่น
๑. มดแม่รัง มีความยาว  ๑๕-๑๘ มิลลิเมตร  สีเขียวใสจนถึงสีน้ำตาลปนแดงหัวและก็อกสีน้ำตาลคล้ายมดงาน  แม้กระนั้นหัวกว้างว่า  ส่วนนอกสั้น  อกปล้องแรกตรงอกปล้องที่ ๓ ทื่อ ขาสั้นกว่ามดงาน ปีกกว้าง  ข้อต่อหนวดสั้นกว่ากว่ามดงาน  ส่วนท้องเป็นรูปไข่  เมื่อได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัว  ปฏิบัติภารกิจเพาะพันธุ์  รังหนึ่งบางทีอาจเจอมดแม่รังหลายตัว  แต่ว่าจะมีเพียงแต่ตัวเดียวเพียงแค่นั้นที่จะผสมพันธุ์ได้
๒. มดตัวผู้  มีความยาว ๖-๗ มิลลิเมตร  ลำตัวสีดำ  หัวเล็ก  ฟันกรามแคบตาโต  หนวดเป็นแบบเส้นด้าย  มี ๑๓ ข้อ  ฐานหนวดยาว  ปลายเส้นหนวดเบาๆใหญ่ขึ้นเป็นรูปกระบอก  อกปล้องที่ ๓ ใหญ่  ข้อต่อหนวดยาว  ท้องรูปไข่  ปีกสีนวลใสมีหน้าที่ผสมพันธุ์พียงอปิ้งเดียว  อายุสั้นมาก  เมื่อสืบพันธุ์แล้วจะตาย
๓.  มดงาน  มีความยาว ๗-๑๑ มม.  กว้าง ๑.๕– ๒ มิลลิเมตร  สีแดงหัวและอกมีขนสั้นๆ หัวกลม  ด้านล่างแคบ  กรามไขว้กัน  ปลายแหลมโค้งตอนหน้าแคบ  อกปล้องที่  ๒  กลม  โค้งขึ้น  อกปล้องที่ ๓ คอด  คล้ายอาน  ขายาวเรียว  ข้อต่อหนวดรูปไข่  ส่วนท้องสั้น  เป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันไม่มีปีก  มีบทบาทหาร  สร้างรัง  และก็คุ้มครองศัตรู
ผลดีทางยา
หนังสือเรียนคุณประโยชน์ยาบาราที่ว่า  น้ำเยี่ยวมดแดงสีรสเปรี้ยว  ฉุน  ดมกลิ่นแก้ลมแก้พิษเสมหะเลือด ประชาชนบางถิ่นใช้มดแดงทำลายพิษ  โดยการเอารังมดแดงมาเคาะใส่รอบๆปากแผลที่ถูกงูพิษกัด  ให้มดต่อยที่รอบๆนั้น  ไม่นานมดแดงก็จะตาย  ใช้มือเฉือนเอามดแดงเอาไป  แล้วเคาะมดแดงลงไปใหม่  ทำซ้ำๆไปเรื่อยจชูว่าใกล้จะถึงมือแพทพ์  บางทีอาจต้องใช้มดแดงถึงกว่า ๑๐ รัง นอกเหนือจากนี้  ประชาชนบางถิ่นยังอาจใช้เยี่ยวมดแดงทำความสอาดรอยแผลได้โดยเฉพาะเมื่อกำเนิดรอยแผลขึ้น  และไม่อยู่ในเงื่อนไขที่จะชำระล้างบาดแผลหรือหายาใส่แผลได้  อาทิเช่น  เมือ่อยู่ในป่าหรือในทุ่งข้าว  ก็บางทีอาจเอามดแดง ๕-๑๐ ตัว (ตามขนาดของบาดแผล)  วางไว้บริเวณปากแผล  ให้ปวดแสบปวดร้อนมาก
พระคู่มือธาตุวิภังค์ให้ยาแก้ “ฝีในท้อง ๗ ประการ”  อันกำเนิดอาจ “หนองพิการหรือแตก” ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการไอ  ผอมบาง  ไม่อยากอาหารยาขนานนี้เข้า “รังมดแดง” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ปุพ์โพ  เป็นหนองพิการหรือแตก ให้ไอเป็นกำลัง  ให้กายซูบซีดหนัก  ให้ทานอาหารไม่จักรส  มักเป็นฝีในท้อง ๗ ประการ  ถ้าหากจะแก้ท่านให้เอารังมดแดง ๑ ตำลึง  หัวหอม ๑ ตำลึง ๑ บาท ขมิ้นอ้อยยาว ๑ องคุลี  ยาทั้ง ๗ สิ่งนี้ ต้ม ๓ เอา ๑ แทรก ดีเกลือตามธาตุหนักและธาตุเบาชำระบุมีดพร้ายเสียก่อน แล้วจึงประกอบยาประจำธาตุในเสลดก็ได้
บันทึกการเข้า