รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ มดเเดง  (อ่าน 477 ครั้ง)

กาลครั้งหนึ่ง2560

  • Full Member
  • ***
  • กระทู้: 120
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ มดเเดง
« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2017, 07:06:21 AM »


มดแดง
มดแดงเป็นมดประเภทหนึ่ง มีสีแดง
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Oecophyllasmaragdina(Fabricius)
จัดอยู่ในสกุล Formicidae
ชีววิทยาของมด
มดเป็นแมลงพวกหนึ่ง มีลักษณะที่สำคัญเป็น  รอบๆส่วนท้องคอดกิ่วในขณะที่ตืดกับอกทางข้างหลังของส่วนท้องปล้องที่ ๑  หรือในมดบางประเภทศูนย์รวมไปถึงข้อที่  มดมีลักษณะเป็นโหนกสูงมากขึ้น โหนกนี้บางทีอาจโค้งมนหรือมีลักษณะเป็นแผนแบนก็ได้ ลักษณะโหนกนี้เป็นคุณสมบัติเฉพาะที่ทำให้มดแตกต่างไปจากกลุ่มแมลงที่มองดูคล้ายคลึงกัน  เป็นต้นว่า  พวกต่อและก็แตน หรือแตกต่างไปจากปลวกที่คนทั่วไปมักงงกัน โดยเห็นมดกับปลวกเช่นกันไปหมด เว้นเสียแต่ไม่ราวกับมดตรงที่ไม่มีโหนกแล้วปลวกยังมีส่วนท้องไม่คอดกิ่วอีกดัวย แบบนี้เพราะข้อแรกๆของส่วนท้องของปลวกนั้น มีขนาดโตเท่าๆกับส่วนนอก หรือโตกว่าส่วนนอก
มดอยู่รวมกันเป็นกลุ่มเดียวกับปลวก มีชีวิตแบบสังคม โดยทำรังอยู่ดัวยกันรังหนึ่งๆเป็นร้อย เป็นพัน หรือ หลายหมื่น หลายแสนตัว ไม่มีจำพวกใดอยู่โดดเดี่ยว ประกอบดัวยวรรณะ แต่ละวรรณะมีขนาด รูปร่าง ลักษณะ แล้วก็เพศต่างกัน พูดอีกนัยหนึ่ง มดตัวเมียเป็นแม่รัง ตัวผู้เป็นบิดารัง รวมทั้งมดงานอันเป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันปฏิบัติหน้าที่สร้างรัง เลี้ยงรัง และก็เฝ้ารัง แต่ละวรรณะอาจมีรูปร่างลักษณะไม่เหมือนกันออกไปอีก
เป็นต้นว่า มดงานซึ่งเป็นพวกที่ไม่มีปีกก็บางทีอาจปฏิบัติภารกิจสร้างรังแล้วก็เลี้ยงรัง พวกนี้มีร่างกายขนาดปรกติ หัว อก แล้วก็ท้องได้สัดส่วนกัน แม้กระนั้นในขณะเดียวกันอาจเจอมดงานซึ่งปฏิบัติภารกิจเฝ้ารัง มดเหล่านี้เว้นเสียแต่ตัวใหญ่กว่ามดงานธรรมดาอย่างยิ่งแล้ว ยังมีหัวโต กรามใหญ่ มิได้รูปร่างกับลำตัวดัวย
ในหมู่มดตัวผู้และก็มดตังเมียซึ่งเป็นพ่อรังรวมทั้งแม่รังนั้น บางทีอาจเจอได้ทั้งพวกที่มีปีกและไม่มีปีก หรือมีลำตัวโตหรือเล็กขนาดเท่าๆกับมดงานก็มี แต่มดตัวเมียที่เป็นแม่รังนั้นมักมีขนาดโตกว่าเพศผู้และก็มดงาน อาจพิจารณามดเพศผู้ได้จากดางตาที่โตกว่ามดแม่รังแล้วก็มดงานลูกรัง ซึ่งพวกข้างหลังนี้มักมีตาเล็ก จนถึงครั้งคราวแทบมองไม่เห็นว่าเป็นตา ส่วนมดพ่อรังหรือมดแม่รังที่มีปีกนั้น ลักษณะของปีกแตกต่างจากพวกปลวกหรือแมลงเม่าอย่างชัดเจน กล่าวคือ ปีกคู่หน้าของมดโตกว่าปีกคู่ข้างหลังมากมาย รูปร่างของปีกคู่หน้าและปีกคู่ข้างหลังก็แตกต่าง และที่สำคัญคือมีเส้นปีกน้อย ส่วนปลวกนั้น ปีกคู่หน้ากับปีกคู่ข้างหลังมีขนาดไล่เลี่ยกัน แล้วก็รูปร่างของปีกก็คล้ายคลึงกัน เส้นปีกมีมากยิ่งกว่าเส้นปีกของมดมากมาย มองเห็นเป็นลวดลายเต็มไปทั้งปี

สมุนไพร ในตอนนี้มีการราวๆกันว่า มดที่มีการแยกชื่อวิทยาศาสตร์ไว้แล้ว มีอยู่ไม่น้อยกว่า ๖,๐๐๐จำพวก คนประเทศไทยต่างรู้จักกับมดเป็นอย่างดี เนื่องจากมีมดหลายแบบอาศัยตามบ้านเมือง หรือในรอบๆใกล้เคียงกัยบ้านช่อง การเรียกชื่อมดของคนประเทศไทยอาจเรียกชื่อตามสีสันของมด โดยการเรียก “มด” นำหน้า อาทิเช่น มดแดง(OecophyllasmaragdinaFabrius) เนื่องจากว่ามีตัวสีแดง มดดำ (CataulacusgranulatusLatreillr, Hypocli-neathoracicus Smith) ซึ่งฟั่นเฟือนไปเป็นมด ฯลฯ มดบางประเภทพวกเราเรียกชื่อตามอาการอันมีต้นเหตุจากถูกมดนั้นกัด เป็นต้นว่า มดคัน (CamponotusmaculatusFabricius) ซึ่งเมื่อถูกกัดแล้วจะมีผลให้รู้สึกคันในบริเวณแผลที่กัด  หรือผูกคันไฟ  (Solenopsis  geminate Fabricius, SolenopsisgeminataFabricius var. rufaJerdon) ซึ่งเมื่อถูกกัด เว้นเสียแต่มีอาการคันแล้ว ยังมีลักษณะอาการแสบร้อนเสมือนถูกไฟลวก
บางประเภทก็เรียกตามลักษณะท่าทางที่มดแสดงออก อย่างเช่น มดรีบ (AnoploessislongipesJerdon) ซึ่งเป็นมดที่ถูกใจวิ่งเร็วรวมทั้งวิ่งพล่านไป เปรียบได้กับวิ่งดัวยความตระหนกตกใจ  มดชนิดนี้บางที่เรียกสั้นๆว่า มดตะลาน  ที่เพี้ยนเป็นมดตาลานก็มี หรือมดก้นงอล (CrematogasterdoheniiMaye) อันเป็นมดที่เวลาเดินหรือวิ่งมักชูท้องขึ้นท้องเฟ้อสูงตั้งฉากกับพื้น  ทำให้มองเสมือนตูดงอล  ฯลฯ
มดบางชนิดเป็นมดที่พสกนิกรตามท้องถิ่นใช้บริโภค  จึงเรียกไปตามรสชาติยกตัวอย่างเช่น  ทางภาคเหนือ  อันตัวอย่างเช่น  ชาวจังหวัดแพร่  น่าน  จังหวัดลำพูน  เชียงราย  จังหวัดเชียงใหม่  เป็นต้น  นิยมใช้มดแดงซึ่งมีรสเปรี้ยวแทนน้ำส้ม  ก็เรียกว่า มดส้มหรือมดมัน  ซึ่งราษฎรบางถิ่นนิยมกินกันเหตุเพราะมีรสชาติมันและอร่อย  ก็เลยเรียกชื่อตามรสชาตินั้น แต่  มีมดบางชนิดที่ราษฎรไม่ได้รัยกชื่อโดยใข้คำ “มด” นำหน้าได้แก่ เศษไม้ดิน (Doeylusorientalis  Westwood) ซึ่งเป็นมดที่ทำลายกัดกินฝักถั่งลิสงที่ยังมิได้เก็บเกี่ยวอยู่ในดิน
มดก็เช่นเดียวกับแมลงประเภทอื่นที่อาจมีการรัยกชื่อสติไม่ดีไปตามท้องภิ่นอาทิเช่น  แม่รังที่มีปีกของมดแดง (OecophyllasmsrhdineFabrius) ชาวชนบทในแคว้นภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  อันดังเช่นว่า  ชาวจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น บุรีรัมย์ จังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ นครพนม ร้อยเอ็ด จังหวัดอุบลราชธานีเรียกแม่เป้งในขณะที่คนภาคกบางมัดเรียกมดโม่ง  ส่วนชาวจังหวัดภาคใต้  ดังเช่นว่า  จังหวัดชุมพร  สุราษฎร์ธานี  สงขา  นครศรีธรรมราช  จังหวัดภูเก็ต  เรียกว่าแม่เย้าหรือแม่เหยา
มดมีวงจรชีวิตในลักษณะที่พ่อรังและก็แม่รังที่มีปีกจะบินอกกจากรังแล้วก็ผสมพันธุ์กันเมื่อถึงเวลาแล้ว  มดตัวผู้มักตาย  มดตัวเมียซึ่งเตรียมสร้างรังใหม่ก็จะหาที่พักพิงอันมิดชิด  แล้วสลัดปีกทิ้ง  รอจนกระทั่งไข่แก่ก็จะว่างไข่ เมื่อไข่ฟักเป็นตัวอ่อนแม่รังก็จะให้อาหารเลี้ยงลูกอ่อนกระทั่งเข้าดักแด้  และอกกมาเป็นตัวโตสุดกำลังแปลงเป็นมดงานที่อุปถัมภ์แม่ต่อไป  เมื่อมดงานปฏิบัติหน้าที่เลี้ยงรังได้แล้ว  แม่รังก็ทำ
หน้าที่ออกไข่เพียงอย่างเดียว  การควบคุมวรรณะของรังอาจทำโดยการวางไข่ที่แตกต่าง  ได้แก่  ขนาดแตกต่าง  ไข่ขนาดเล็ฟกออกมาเป็นมดตัวเมียที่เป็นแม่รังและก็มดงาน  ส่วนไข่ขนาดใหญ่เป็นมดเพศผู้หรือมดพ่อรัง  รูปแบบของวงจรชีวิตแบบนี้แตกต่างจากปลวก  เพราะปลวกนั้นเป็ฯแมลงเม่า  ซึ่งประกอบดัสยพ่อและแม่ปลวกที่มีปีกบินขึ้นผสมกันแล้  บิดารังมักมีชืวิตอยู่และก็ร่วมทำรักับแม่ปลวกซึ่งจัดเตรียมตกไข่  เมื่อไข่ฟักเป็นตัว  ก็จะเป็นปลวกงานที่สามารถดำเนินการอุปการะพ่อแม่ได้โดยไม่ต้องรอคอยให้โตเต็มที่เสียก่อน
นิสัยคาวมเป็นอยู่ของมดก็มีลักษณะต่างๆกัน  บางพวกสร้างรังอยู่บนต้อนไม้โยใช่ใบไม้ที่อาศัยมาห่อทำเป็นรวงรัง  ดังเช่นว่ามดแดง  หรือขนเศษพืชดินผสมน้ำลายสร้างรังติดกับไม้ที่อาศัย  อย่างเช่นมดลี่หรือมดก้นงอล  บางพวกทำรังในดินมีลักษณะเป็นช่องซับซ้อนคล้ายรังปวก  ยกตัวอย่างเช่นมดมันหรือแมลงมัน  รังของมดจึงมัลักษณะของวัสดุที่สร้าง  โครงสร้าง  และก็รูปร่างนาๆประการมากให้เห็นได้เสมอ
ชีวิวิทยาของมดแดง
เมื่อมดแม่รังได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  ครั้นเมื่อไข่แก่ก็จะออกไข่  ไข่มดแดงมีขนาดเล็กสีขาวขุ่น  จะถูกวางเป็นกลุ่มใกล้กับใบไม้ด้านในรัง   ไข่ที่ได้รับการผสมจะรุ่งโรจน์ไปเป็นมดงานและมดแม่รังส่วนไข่ที่ไม่ได้รับผสมจะก้าวหน้าไปเป็นมดตัวผู้  เมื่อไข่เจริญขึ้นก็จะเข้าสู้ระยะตัวอ่อนในเดี๋ยวนี้บางทีอาจกินอาหารและก็ขยับเขยื้อนตัวได้น้อย  จากนั้นก็แปลงเป็นดักแด้ซึ่งมีลักษณะคล้ายตัวเต็มวัยทุกสิ่งทุกอย่าง ขาแล้วก็ปีกเป็นอิสระจากลำตัว  และก็หยุดกินอาหาร  แล้วก็จะลอกตราบออกมาเป็นตัวเต็มวัย  แล้วก็ที่ขาวขุ่นก็จะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีอื่นตามวรรณะมดตัวโตเต็มวัยทั้งยัง๓ วรรณะเป็นต้นว่า
๑. มดแม่รัง มีความยาว  ๑๕-๑๘ มม.  สีเขียวใสจนถึงสีน้ำตาลปนแดงหัวแล้วก็อกสีน้ำตาลคล้ายมดงาน  แต่หัวกว้างว่า  ส่วนนอกสั้น  อกข้อแรกตรงอกบ้องที่ ๓ ทื่อ ขาสั้นกว่ามดงาน ปีกกว้าง  ข้อต่อหนวดสั้นกว่ากว่ามดงาน  ส่วนท้องเป็นรูปไข่  เมื่อได้รับการผสมพันธุ์แล้ว  จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเท่าตัว  ทำหน้าที่เพาะพันธุ์  รังหนึ่งบางทีอาจพบมดแม่รังหลายตัว  แม้กระนั้นจะมีเพียงแค่ตัวเดียวแค่นั้นที่จะสืบพันธุ์ได้
๒. มดเพศผู้  มีความยาว ๖-๗ มิลลิเมตร  ลำตัวสีดำ  หัวเล็ก  ฟันกรามแคบตาพอง  หนวดเป็นแบบเส้นด้าย  มี ๑๓ ข้อ  ฐานหนวดยาว  ปลายเส้นหนวดเบาๆใหญ่ขึ้นเป็นรูปกระบอก  อกข้อที่ ๓ ใหญ่  ข้อต่อหนวดยาว  ท้องรูปไข่  ปีกสีนวลใสมีบทบาทผสมพันธุ์พียงอย่างเดียว  อายุสั้นมากมาย  เมื่อสืบพันธุ์แล้วจะตาย
๓.  มดงาน  มีความยาว ๗-๑๑ มิลลิเมตร  กว้าง ๑.๕– ๒ มิลลิเมตร  สีแดงหัวและอกมีขนสั้นๆ หัวกลม  ส่วนล่างแคบ  ฟันกรามไขว้กัน  ปลายแหลมโค้งตอนต่อไปแคบ  อกข้อที่  ๒  กลม  โค้งขึ้น  อกปล้องที่ ๓ คอด  เหมือนอาน  ขายาวเรียว  ข้อต่อหนวดรูปไข่  ส่วนท้องสั้น  เป็นมดตัวเมียที่เป็นหมันไม่มีปีก  มีบทบาทหาร  ทำรัง  รวมทั้งคุ้มครองปกป้องศัตรู
คุณประโยชน์ทางยา
แบบเรียนสรรพคุณยาบาราณว่า  น้ำเยี่ยวมดแดงสีรสเปรี้ยว  ฉุน  สูดดมแก้ลมแก้พิษเสมหะโลหิต ราษฎรบางถิ่นใช้มดแดงทำลายพิษ  โดยการเอารังมดแดงมาเคาะใส่บริเวณปากแผลที่ถูกงูที่มีพิษกัด  ให้มดต่อยที่รอบๆนั้น  ไม่นานมดแดงก็จะตาย  ใช้มือเฉือนเอามดแดงเอาไป  แล้วเคาะมดแดงลงไปใหม่  ทำซ้ำๆไปเรื่อยจยกว่าจะถึงมือแพทพ์  บางโอกาสอาจจำต้องใช้มดแดงถึงกว่า ๑๐ รัง ยิ่งไปกว่านั้น  ราษฎรบางถิ่นยังบางทีอาจใช้เยี่ยวมดแดงทำความสอาดรอยแผลได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกิดรอยแผลขึ้น  และไม่อยู่ในข้อแม้ที่จะชำระล้างรอยแผลหรือหายาใส่แผลได้  อย่างเช่น  เมือ่อยู่ในป่าหรือในนา  ก็อาจเอามดแดง ๕-๑๐ ตัว (ตามขนาดของรอยแผล)  วางไว้รอบๆปากแผล  ให้ปวดแสบปวดร้อนมาก
พระคู่มือธาตุวิภังค์ให้ยาแก้ “โรคฝีในท้อง ๗ ประการ”  อันเกิดอาจ “หนองพิการหรือแตก” ซึ่งกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการไอ  ผอมเกร็ง  เบื่ออาหารยาขนานนี้เข้า “รังมดแดง” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้ ปุพ์โพ  คือหนองทุพพลภาพหรือแตก ให้ไอเป็นอันมาก  ให้กายผอมแห้งหนัก  ให้ทานอาหารไม่จักรส  มักเป็นฝีในท้อง ๗ ประการ  ถ้าจะแก้ท่านให้เอารังมดแดง ๑ ตำลึง  หัวหอม ๑ ตำลึง ๑ บาท ขมิ้นอ้อยยาว ๑ องคุลี  ยาอีกทั้ง ๗ สิ่งนี้ ต้ม ๓ เอา ๑ แทรก ดีเกลือตามธาตุหนักและธาตุเบาชำระบุมีดพร้ายเสียก่อน แล้วจึงประกอบยาประจำธาตุในเสมหะก็ได้
บันทึกการเข้า