รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ เเมงมุม  (อ่าน 462 ครั้ง)

ณเดช2499

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 82
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ เเมงมุม
« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2017, 01:39:43 AM »


แมงมุม
แมงมุมเป็นชื่อเรียกสัตว์พวกแมงหลายอย่างในวงศ์ ทุกประเภทจัดอยู่ในชั้น  Araneae  มีชื่อสามัญว่า spider รับประทานสัตว์เป็นของกิน มีขนาดแตกต่างกันไปตามแต่ประเภท  พวกที่คราวขนาดเล็กอาจมีลำตัวยาวเพียง ๐.๗  เซนติเมตร ส่วนพวกที่มีขนาดใหญ่อาจมีลำตัวยาวถึง ๙ ซม. พวกที่เจอตามอาคารบ้านเรือนแล้วก็ก่อความสกปรกรุงรังมักเป็นแมงมุมที่อยู่สกุล Pholcus หลายอย่าง (สกุล  pholcidae )
แมงกับแมลง
ในทางกีฏวิทยา คำ “แมง” กับ “แมลง” สื่อความหมายแตกต่างกัน และมักเรียกงงเต็กกัน คำ “แมง”ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายชนิด ซึ่งเมื่อเติบโตเต็มที่แล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๒ ส่วนเป็นท่อนหัวกับอกรวมเป็นส่วนเดียวกันส่วนหนึ่ง กับส่วนท้องอีกส่วนหนึ่งส่วนใด มีขา ๘  หรือ ๑๐ ขา ไม่มีหนวด ไม่มีปีก ดังเช่นว่า แมงมุม  แมงป่อง แมงดาทะเล ส่วนคำ “แมลง” ใช้เรียกชื่อสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังหลายแบบ ซึ่งเมื่อเจริญวัยเต็มกำลังแล้ว  ลำตัวแบ่งออกได้เป็น ๓ ส่วนอย่างเห็นได้ชัดหมายถึงส่วนหัว ส่วนอก แล้วก็ส่วนท้อง  มีขา ๖ ขา เป็นสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลังเพียงแค่พวกเดียวที่มีปีก อาจมีปีก ๑ หรือ ๒ คู่  ไหมมีปีกเลยก็ได้ เป็นสัตว์ที่มีมากชนิดที่สุดในโลก ตัวอย่างเช่น แมลงสาบ แมลงวัน
ชีววิทยาของแมงมุม
แมงมุมมีลำตัวแบ่งได้เป็น  ๒  ส่วน  ส่วนหัวกับส่วนอกชิดกันเป็นส่วนเดียวหุ้มด้วยแผ่นแข็งอีกทั้งข้างหลังรวมทั้งข้างล่าง มีตาเล็กๆข้างละหลายตา ลางชนิดอาจมีได้ถึง  ๘  ตา อยู่ใกล้ๆกัน  (นอกจากแมงมุมลางจำพวกที่ไม่มีตา ซึ่งมักเป็นแมงมุมที่อาศัยอยู่ในที่มืด ตัวอย่างเช่นในถ้ำ)  ที่ปากมีเขี้ยวเป็นอวัยวะคู่  มีรูปร่างเหมือนปากคีบหรือคีมหนีบใช้คีบ  จับ  หรือยึดเหยื่อเป็นอาหารได้  ประกอบด้วยปล้องฐานปล้องเดียว ส่วนปลายอาจมีรูปล่อยพิษซึ่งเชื่อมต่อถึงต่อมพิษที่ฐานปาก  ยิ่งไปกว่านั้นที่ปากยังมีอวัยวะคู่ทรงเหมือนขา แม้กระนั้นสั้นกว่ารวมทั้งมักแบนกว่า (มักรุ่งเรืองดีและก็เห็นได้ชัดในตัวผู้ที่ยังไม่โตเต็มที่รวมทั้งในตัวเมีย) แมงมุมไม่มีหนวด  มีขา ๔ คู่  ที่ขามักมีองค์ประกอบพิเศษให้ใช้ถักใยได้ ดังเช่น มีแผ่นแบนอยู่ระหว่างง่ามเล็บ ส่วนท้องอาจกลมหรือยาวสุดแต่ชนิดของแมงมุมที่ปลายมีท่อเป็นรูเปิดสำหรับปล่อยใยได้  บริเวณด้านล่างของส่วนท้องปล้องที่  ๒  และก็ ๓ มีอวัยวะปฏิบัติภารกิจเป็นจมูกสำหรับหายใจ ซึ่งมักเป็นช่อง ภายในมีแผ่นบางๆเรียงซ้อนกันคล้ายกระดาษหนังสือ แมงมุมโดยมากที่ชาวไทยมองเห็นนั้น  มักเป็นประเภทถักใยขวางทางผ่านของสัตว์เพื่อจับกินเป็นของกิน เมื่อมีสัตว์มาติดใยแล้วก็ดิ้นรน  แรงกระเทือนจะไปถึงตัวแมงมุมผู้ครอบครองรัง แมงมุมซึ่งมีสายตาไม่ดีก็จะติดตามแนวทางของแรงสะเทือนนั้นเข้าพบเหยื่อ กัดเหยื่อ และก็ปล่อยน้ำพิษทำให้เหยื่อสลบ  ก่อนจะกินเป็นของกิน
แมงมุมในประเทศไทย
แมงมุมที่เจอในประเทศไทยมีมาก  จัดอยู่ในหลายสกุล  แม้กระนั้นทุกสกุลจัดอยู่ในอันดับเดียวกัน เป็น Araneae  ชนิดที่พบในประเทศไทยนั้น  โดยมากไม่มีพิษร้ายแรงถึงกับกัดคนให้เจ็บปวดหรือตายได้  ดังเช่น
๑.แมงใย หรือ ตัวหยากไย่  เป็นแมงมุมที่พบตามอาคารบ้านเรือนรวมทั้งถักใยจนกระทั่งดูสกปรกและรก  มักเป็นพวกที่จัดอยู่ในสกุล  Pholcus หลายชนิด (วงศ์ Pholcidae )  แมงมุมเหล่านี้มักมีลำตัวสีน้ำตาลหรือสีเทาทึบ หลังท้องสีมักเข้ม ลางชนิดมีลาย จำนวนมากมีลำตัวยาว ๔-๕  มม. ขายาวกว่าลำตัวมากมาย เป็นยาวราว ๕-๖ เซนติเมตร  ทำให้ดูเก้งก้างแล้วก็เปราะบาง  ก็เลยมีชื่อสามัญว่า  daddy  long-leg  spider  คนประเทศไทยลางถิ่น เรียก แมงมุมเถ้าถ่าน เพราะเหตุว่าถักใยทำให้รกรุงรังแล้วก็มีฝุ่นละอองหรือเถ้าถ่านมาติด ใยแมงมุมที่แมงมุมกลุ่มนี้ถักทอไว้ภายในบ้าน  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครัว  หรือที่อยู่ใกล้เตาไฟ ซึ่งมีขี้เขม่าไฟหรือเถ้าติดอยู่ด้วยกัน แพทย์โบราณใช้เป็นเครื่องยา เรียก ต้นหญ้ายองไฟ
๒.แมงมุมทำหลาว เป็นแมงมุม พวกที่ถักใยนอกบ้าน  พบได้บ่อยตามแปลงพืชหรือตามเรือกสวนไร่  เป็นแมงมุมที่จัดอยู่ในสกุล  Tetragnatha  หลายแบบ  (สกุล Tetragnathidae ) ซึ่งประชาชนเรียก แมงมุมทำหลาว  เนื่องจากเมื่อตกใจ  แมงมุมพวกนี้จะวิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังใบไม้  ยื่นขา ๒ คู่แรกไปด้านหน้า ขาคู่ที่ ๔ ยื่นไปข้างหลังอยู่ในระดับเดียวกับลำตัว ขาคู่ที่ ๓ ใช้ยึดเกาะยืนตั้งฉากกับลำตัว มองเหมือนคนที่จัดแจงพุ่งแหลนลงน้ำ แมงมุมพวกนี้ดักจับเพลี้ยจักจั่นกินเป็นอาหาร จัดเป็นสัตว์ที่มีสาระต่อเกษตรกร
๓.แมงมุมก๋า หรือ ตัวก๋า มีชื่อวิทยาศาสตร์  Heteropodae  venatoria  (Linnaeus ) จัดอยู่ในสกุล Sparassidae  มีชื่อสามัญว่า  banana  spider ( เพราะว่ามักพบแมงมุมก๋านี้ในโรงเก็บของเก็บกล้วย ) เป็นแมงมุมขาดกลาง เพศผู้ลำตัวยาว ๑.๕-๒  ซม.  ตัวเมียมีลำตัวยาว  ๒.๕-๓ เซนติเมตร ขายาว ๕-๖ เซนติเมตร หัว อก ขา และท้องสีน้ำตาล  ตาสีคล้ำ  ที่ข้างหลังอกมีแถบสีดำหนาพาดตามแนวขวางด้านหน้า รวมทั้งแถบเป็นง่ามคล้ายรูปตัววี (V) ด้านปลายอีก ๑ แถบที่สันหลังท้องมีเส้นสีน้ำตาลแก่พาดมาถึงกึ่งกลาง  อาจเจอจุดสีน้ำตาลแก่เป็นลายด้านข้าง ข้างละ ๔-๕ จุด  มีขนสีน้ำตาลอ่อนรอบๆหน้าและก็ขา  ทำให้มองน่าขนลุก แมงมุมชนิดนี้ไม่ถักใย  ออกหากินโดยการจับเหยื่อโดยตรง  เจออาศัยอยู่ตามอาคารบ้านเรือนหรือตามคลังสินค้า เป็นแมงมุมที่มีสาระ  เพราะว่าถูกใจกินแมลงสาบ
๔.แมงมุมมดแดง  มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Myrmarachne  formicaria  Linnaeus  จัดอยู่ในวงศ์  Salticidae เป็นแมงมุมจำพวกที่มีรูปร่างเลียนแบบสัตว์อื่น  พบได้บ่อยและมีชุกตามจังหวัดชายทะเล  อาทิเช่น  ชลบุรีหรือจังหวัดระยอง มีรูปร่าง   ขนาด  และก็สีสันใกล้เคียงกับมดแดง  รวมทั้งถูกใจอาศัยปะปนอยู่กับมดแดง แม้กระนั้นต่างกันตรงที่เมื่อแมงมุมเหล่านี้กระโจน  จะถักใยทิ้งตัวเพื่อเคลื่อนย้ายได้  เมื่อพินิจให้ละเอียดตั้งใจจริง จะพบว่าปริมาณขารวมทั้งลักษณะอื่นๆแตกต่างจากมดแดง

ประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ “ต้นหญ้ายองไฟ”และ “แมงมุมตายซาก” เป็นเครื่องยาด้วย  ดังต่อไปนี้
๑.ต้นหญ้ายองไฟ  แพทย์แผนไทยรู้จักใช้ใยแมงมุมแมงมุมเหนือเตาไฟในครัวของบ้านไทยในบ้านนอกสมัยเก่า (เตาไฟใช้ฟืนใช้ถ่าน)  หยากไย่แมงมุมที่มีเขม่า เถ้าถ่าน  และฝุ่นเกาะอยู่ด้วยนี้ หมอโบราณเรียก  ต้นหญ้ายองไฟ  ลางตำราเรียกเป็น  ใยแมงมุมไฟ  หรือ  หยักไย่ไฟ  ก็มี  ใช้เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง
สมุนไพร ตำราเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า  หญ้ายองไฟมีรสเค็ม  เฝื่อน  มีคุณประโยชน์แก้เลือด  ฟอกโลหิต  กระจัดกระจายโลหิตอันเป็นลิ่มเป็นก้อน  ขับโลหิตเมนส์
ตำราเรียนยาไทยหลายขนานเข้า “ต้นหญ้ายองไฟ”  เป็นเครื่องยาอย่างหนึ่ง  ในที่นี้ขอยกตัวอย่างยา  ๒  ขนาน ขนานแรกเป็นยาแก้กษัยอันกำเนิดเพื่อโชธาตุชื่อ “สันตัปปัคคี” ซึ่งบันทึกเอาไว้ในพระตำราไกษย  ดังต่อไปนี้ ขนานหนึ่งเล่า  ถ้าหากมันให้จุกเสียดปวดขบเปนกำลัง  ให้เอาพริกเทศ  ๑๐๘  เม็ด  พริกล่อน  ๑๐๘  เม็ด  ผักกะซึมซับเอาอีกทั้งต้นรากใบลูกเอาสิ่งละ ๑ บาท  หญ้าไซย้อย  ๑  หญ้าไซแห้ง ๑ เอาสิ่งละ ๑ บาท  ต้นหญ้ายองไฟ  ๑  บาท  ไพลแห้ง  ๑  บาท  ตำเปนผง  ละลายน้ำสุราน้ำส้มซ่าน้ำขิงน้ำมะนาวน้ำกระเทียมก็ได้  ยักกระสายให้ถูกใจโรคนั้นเถอะ อีกขนานหนึ่งเป็นยาขับเลือดของสตรีซึ่งมีบันทึกเอาไว้ใน  พระหนังสือมหาโชตรัต ดังต่อไปนี้ อนึ่งเอาสหัศคุณเทศ ๑   แก่นแสมทเล  ๑  หญ้ายองไฟ  ๑  ขมิ้นอ้อย  ๑  บดละลายสุรารับประทาน  ใหขับเลือดดีนักแล ตำรับยาลางขนาน  ผู้ครอบครองตำรับอาจเขียนตัวยาไว้เป็นปัญหาให้แปลความหมายกันเอาเอง  เช่น  ยาแก้บิดขนานหนึ่ง  ผู้ครอบครองยาให้ตำรับยาไว้ว่า “ลุกใต้ดิน  กินตีนท่า  อยู่หลังคา  ขี้คารู  คู่อ้ายบ้า”  ซึ่งหมายถึง “รากเจตมูลเพลิงเเดง  ๑  ผักเป็ด ๑  หญ้ายองไฟ ๑  ขี้ยาฝิ่น  ๑  เหล้าเป็นน้ำกระสาย”
๒. แมงมุมตายซาก  แพทย์แผนไทยใช้แมงมุมที่ตายแล้วซากแห้งสนิท  ไม่เหม็นและไม่ขึ้นรา  เป็นเครื่องยาในยาไทยโบราณหลายขนาน  ได้แก่  “ยานากพด”  ซึ่งมีบันทึกเอาไว้ภายในพระคัมภีร์ปฐมจินดาร์  ดังนี้ ยาชื่อนากพด  ท่านให้เอาใบหนาด  ๑  พริกไท  ๑  เบี้ยจั่นเผา  ๑  ขิง ๑  รังสุนัขร่าเผา  ๑  แมงมุมตายซาก  ๑  ลำพัน  ๑  รวมยา  ๗  สิ่งนี้เอาเท่าเทียม  บดทำแท่งไว้  แก้ทรางทั้งมวล  แก้ละอองพระบาท  แก้ตะพั้น  ทั้งกินอีกทั้งชะโลมดีนัก
บันทึกการเข้า