นกกะลิงนกกะลิง หรือพื้นที่พายัพเรียก นกกะแลมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Psittacula himalayana finchii (Hume)จัดอยู่ในวงศ์ Psittacidaeมีชื่อสามัญว่า gray – headed parakeet หรือ slaty – headed parakeetชีววิทยาของนกกะลิงนกนี้เป็นนกปากงุ้มเป้นขอชนิดหนึ่ง ความยาวยาวของตัววัดจากปลายปากถึงปลายหายราว ๔๖ เซนติเมตร ความยาวนี้เป็นความยาวของหางราวกึ่งหนึ่ง ปากบนสีแดงปลายเหลือง ปากล่างสีเหลือง ตาสีดำ หัวสีเทาแก่ ที่คอมีแถบดำใหญ่พาดจากบริเวณใต้คางไปถึงด้านหลัง แถบนี้จะเบาๆเรียวเล็กลงกระทั่งเหลือเป็นเพียงเส้นเล็กๆที่ท้ายทอย ก้านคอใต้เส้นดำเป็นสีฟ้า ใต้ปีกสีน้ำเงินอมเขียว หางยาว ตอนบนสีฟ้าแกอมเขียว ปลายเหลือง เมื่อมองผาดๆจะมองเห็นเป็นนกที่มีสีเขียว เพศผู้มีทาสีสีแดงเข้มที่ที่หัวปีกข้างๆ รวมทั้งแถบดำที่คางมีขนาใหญ่กว่าของตัวเมีย นกกะลิงอยู่รวมกันเป็นฝูง มักพบทางภาคเหนือที่ระดับความสูงจากระดับน้ำมะเลปานกลาง ๖๐๐ – ๑,๒๐๐ เมตร นกชนิดนี้รับประทานผลไม้ เมล็ดพืชรวมทั้งยอดอ่อนของพืช สร้างรังตามโพรงไม้ ตกไข่คราวละ ๒ – ๕ ฟอง ในระหว่างมกราคมถึงเมษายน ไข่ค่อนข้างจะกลม สีขาว ใช้เวลาฟัก ๒๒ – ๒๕ วัน
คุณประโยชน์ทางยาแพทย์แผนไทยตามต่างจังหวัดใช้เลือดนกกะลิงผสมกับยาอื่น เป็นยาบำรุงโลหิต แก้โรคโลหิตจางแล้วก็โลหิตพิการ
สมุนไพร ใน พระคู่มือชวดารให้ยาขนานหนึ่ง เป็นยาแก้ลมกล่อน ยาขนานนี้เข้า “หางนกกะลิง” เป็นเครื่องยาด้วยดังนี้ ยาแก้ลมกล่อน อัณฑะเจ็บปวดเมื่อยตายไปข้างหนึ่ง กายก้ดี เอายาเข้าเย็น ๑ พันพาย ๑ พรมคตตีนเต่า ๑ หางนกกะลิง ๑
กำลังวัวเถลิง ๑ หนวดนาคราช ๑ เอาเสมอกัน ต้มทากล่อนลม หายแล