อีแอ่นอีแอ่น เป็นชื่อไทยแท้ของนก ๒ วงศ์ (เดี๋ยวนี้คนประเทศไทยมีความคิดเห็นว่าชื่อ “อีแอ่น” ไม่สุภาพหรือเปล่าเพราะว่า ก็เลยเปลี่ยนเป็นชื่อ“นางแอ่น” หรือ“นกแอ่น” เช่นเดียวกับ“
กา” เป็น “นกกา” หรือ “
อีแร้ง” เป็น “นกแร้ง”) คือ ตระกูล Apodidae (ชั้น Apodiformes) กับวงศ์ Hirundinidae (ชั้น Passeriformes)
อีแอ่นรับประทานรังเป็นนกในวงศ์ Apodidae ส่วนนกในวงศ์ Hirundinidae หลายประเภทเรียก “อีแอ่น” เช่นกัน แต่นกที่จัดอยู่ในสกุลหลังนี้ทำรังด้วยดิน ไม่มีน้ำลายเป็นตัวเชื่อมอยู่ประการใด รวมทั้งนกตาพอง (Pseudochelidon sirintarae Thonglongya) ที่มีผู้ตั้งชื่อให้ใหม่เป็นนกเจ้าฟ้าหญิงสิรินธร อันเป็นนกถิ่นเดียวของไทย เจอที่บ่อน้ำบอระเพ็ด จังหวัดนครสวรรค์ ปัจจุบันเป็นนกหายากและก็มีปริมาณน้อยหรือบางครั้งก็อาจจะสิ้นซากไปแล้งก็ได้
๕.อีแอ่นหิมาลัย มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Colocalia brevirostris (Horsfield) มีชื่อสามัญว่า Himalayan swiftlet จำพวกนี้ทำรังด้วยต้นหญ้าแล้วก็พืชประเภทต่างๆมีน้ำลายเป็นตัวเชื่อมเพียงนิดหน่อย อีแอ่น ๒ จำพวกแรกเป็นอีแอ่นกินรังกับอีแอ่นรับประทานรังสะโพกขาว สร้างรังด้วยน้ำลายล้วนๆจึงเป็น
รังนกที่มีคุณภาพดียอด เป็นที่รู้จักกันมานานรวมทั้งเป็นที่เรียกร้องของตลาด ราคาแพงแพงมาก ส่วนรังของอีแอ่นประเภทอื่นในสกุลเดียวกันนี้ไม่เป็นที่นิยมของตลาด โดยเฉพาะ ๒ จำพวกข้างหลัง คือ อีแอ่นท้องขาวและก็อีแอ่นหิมาลัย
อีแอ่นรับประทานรังเป็นนกที่อาศัยอยู่ในถ้ำหินปูนหรือถ้ำหินทรายตามเกาะต่างๆตามทะเลหรือตามริมฝั่งต่างๆหรือบางทีอาจอาศัยอยู่ตามสิ่งปลูกสร้างต่างๆอาทิเช่น ตึก โบสถ์ และก็บินออกมาจากถิ่นในช่วงเวลาเช้ามืด ไปพบกินตามแหล่งน้ำในช่องเขาหรือตามป่า โดยบินไม่หยุดตลอดทั้งวัน ห่อนกลับมายังถิ่นที่อยู่ในช่วงเย็นหรือค่ำ นกพวกนี้สามารถบินโดยใช้เสียงสะท้อนกลับ (echolocation) ก็เลยไม่ชนกับเครื่องกีดขวางใดๆก็ตามทั้งๆที่ถิ่นที่อยู่มืดสนิท ราวร้อยละ ๘0 ของอาหารเป็นแมลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมดมีปีก ในช่วงฤดูฝนนั้น ของกินของนกเหล่านี้เป็นนกเกือบจะทั้งหมด อีแอ่นกินรังที่อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราชข้อมูลตั้งแต่นี้ต่อไปเป็นผลงานของการค้นคว้าวิจัยของรองศาสตราจารย์โอภาส ขอบเขตต์ ราชบัณฑิต ผู้เชี่ยวชาญเรื่องนก ซึ่งได้รายงานต่อที่ประชุมราชบัณฑิต สำนักวิทยาศาสตร์ แห่งราชบัณฑิตยสถาน เมื่อวันที่ ๗ เดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช๒๕๔๔ ในหัวข้อเรื่อง “อีแอ่นรับประทานรังในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช” ก่อนที่จะท่านจะถึงแก่บาปเพียง ๕ เดือนเศษ
สมุนไพร อีแอ่นกินรังในอำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นจำพวก Colocalia fuciphaga (Gmelin) หรือ eible – nest swiftlet ในราว ๕0 ปีที่ล่วงเลยไป อีแอ่นกินรังได้เข้ามาอาศัยรวมทั้งสร้างรังในบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งประชาชนเรียก “บ้านร้อยปี” โดยเริ่มเข้ามาอาศัยที่ชั้น ๓ อันเป็นชั้นบนสุด เจ้าของบ้านก็เลยย้ายมาอยู่ที่ชั้น ๒ ต่อมาจำนวนนกมีเป็นจำนวนมากกระทั่งรุกพื้นที่ชั้น ๒ เจ้าของบ้านจึงย้ายมาอยู่ที่ชั้น ๑ ซึ่งเป็นร้าน แต่ว่าเดี๋ยวนี้บ้านหลังนี้มีนกอยู่เต็มทั้งยัง ๓ ชั้น โดยเจ้าของบ้านปิดกิจการและก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นๆ แต่กลับมาเก็บรังนกทุกเดือน โดยเฉลี่ยได้รังนกราวเดือนละ ๖ โล (มูลค่าโลละ ๕0000-๗0000 บาท) ในช่วงนั้นอีแอ่นกินรังไปอาศัยอยู่บริเวณโบสถ์ของวัดซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ โดยที่เดิมที่ทางวัดมิได้เก็บรัง แต่ว่าปัจจุบันคณะกรรมการวัดก็เก็บรังนกขายเช่นเดียวกับบ้านร้อยปี โดยได้รังนกเฉลี่ยราวเดือนละ ๒ กิโลกรัม
ในตอน ๕ ปีที่ล่วงเลยไป อีแอ่นกินรังรอบๆตลาดอำเภอปากพนังได้เพิ่มขึ้น จนกระทั่งเข้าไปอยู่ในอาคารสูงๆหลายอาคารทางฝั่งด้านทิศตะวันออก(ฝั่งบ้านร้อยปี) ส่วนฝั่งทางตะวันตก(ฝั่งวัด) ก็มีบ้าง แต่ว่าน้อยกว่ามากมาย ปัจจุบันมีการก่อสร้างอาคารสูง๑๐ชั้น มากกว่า ๑๐ตึก แต่ละตึกใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า ๕ ล้านบาท โดยหวังให้อีแอ่นเข้าไปอาศัยทำรัง รวมแล้วมีตึกที่สร้างขึ้น โดยหวังว่าอีแอ่นรับประทานรังจะเข้าไปสร้างรังไม่น้อยกว่า ๕0 ตึก แม้กระนั้นอีแอ่นก็ไม่ได้เข้าไปอาศัยสร้างรังทุกอาคาร
เพราะเหตุใดอีแอ่นจึงเลือกตึกใดอาคารหนึ่งเพื่อทำรัง คำตอบนี้ยังไม่หาคำตอบได้แต่ว่าจากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า อีแอ่นจะเข้าไปทำรังในอาคารสูงตั้งแต่ ๑-๗ ชั้น อาคารจำนวนมากมักมีสีเหลืองไข่ไก่ แม้กระนั้นลางตึกที่ยังสร้างไม่เสร็จแล้ว ยังเป็นสีอิฐ ก็มีนกเข้าไปอาศัยแล้วก็ทำรัง ส่วนทิศทางการเข้าออกของอีแอ่นนั้น พบว่ามีแทบทุกทิศทาง ไม่แน่นอน แม้กระนั้นทางเข้าออกของนกโดยส่วนมากเป็นทิศใต้ค่อนไปทางทิศตะวันตก
อย่างไรก็ตาม อุณหภูมิและความชุ่มชื้นภายใต้ตึกน่าจะเป็นปัจจัยหลักที่สุดที่นกเลือกอาศัยและก็สร้างรัง พบว่าอาคารที่นกอาศัยจะอยู่ระหว่าง ๒๖- ๒๙ องศาเซลเซียส และความชื้นสัมพัทธ์ไม่น้อยกว่าปริมาณร้อยละ ๗๕ (อยู่จำนวนร้อยละ ๗๙-๘0 ) ฝาผนังอาคารต้องไม่น้อยกว่า ๓0 เซนติเมตร ด้านในมีอ่างน้ำรอบๆหรือเกือบรอบ ไม่มีหน้าต่าง แต่ว่ามีช่องลมให้นกเข้าออกขั้นต่ำ ๒ ช่อง ซึ่งอุณหภูมิรวมทั้งความชื้นสัมพัทธ์ในตึกพวกนี้ใกล้เคียงกับถ้ำธรรมชาติที่นกจำพวกนี้ใช้เป็นที่อาศัยและสร้างรัง สำหรับการเก็บรังนกนั้น เจ้าของบ้านเก็บก่อนที่จะนกจะออกไข่ เป็นราว ๓0 วัน ภายหลังนกเริ่มทำรัง รวมทั้งเก็บทุกๆเดือน
แต่|แต่ว่า|แม้กระนั้น}หากเป็นรังที่นกออกไข่แล้ว ก็จะปล่อยให้นกตกไข่ถัดไปจนกระทั่งครบ ๒ ฟอง แล้วปลดปล่อยให้ไข่ฟัก รวมทั้งเลี้ยงลูกอ่อนจนกระทั่งลูกบินได้จึงจะเก็บรัง