แพะเป็นสัตว์เลือดอุ่นมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Capra hircus Linnaeusจัดอยู่ในวงศ์ Bovidaeมีชื่อสามัญว่า goatชีววิทยาของแพะแพะเป็นสัตว์ที่มีรูปร่างเหมือนแกะ แต่มีลักษณะที่แตกต่างที่เห็นได้ชัด คือ
๑.แพะมีหนวดเคราใต้คาง ส่วนแกะไม่มี
๒.แพะเพศผู้มีต่อมกลิ่นสาบที่ใต้โคนหาง กลิ่นสาบจะกระจัดกระจายจากต่อมนี้ไปทั่วตัว เรียกกันว่า “กลิ่นแพะ” ส่วนแกะไม่มีต่อมกลิ่นดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว
๓.แพะไม่มีต่อมกลิ่นที่หว่างกีบ แม้กระนั้นแกะมีต่อมกลิ่นดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว
๔.แพะมักมีเขาเหมือนกระบี่ โค้งไปข้างหลัง แกะมักมีเขาม้วนกลับไปใต้หู แต่ก็ไม่เป็นเช่นนี้เสมอไป
๕.แพะมักมีขนเป็นเส้นตรงๆ โดยมากเป็นขนสั้นๆแต่ลางจำพวกที่เลี้ยงไว้บนที่สูงอาจมีขนยาว แต่ว่าแกะมีขนม้วนดกไปหมดทั้งตัว
แพะบ้านที่เลี้ยงกันทั่วๆไปมีพัฒนาการมาจากแพะป่า ( wild goat) ซึ่งมีความสูง ๗๐-๑๐๐ เซนติเมตร เขายาวโค้งไปด้านหลัง ยาวราว ๘๐-๑๓๐ เซนติเมตร โค้งข้างบนคมและหยักเป็นคลื่น ตัวเมียมีเขาสั้น ยาวราว ๒๐-๓๐ ซม. เขาโค้งน้อย ตัวผู้มีหนวดเคราใต้คาง ไม่พบว่าตัวเมียมีเคราใต้คาง พบแพร่ตามเกาะต่างๆของประเทศกรีซ ถึงประเทศตุรกี อิหร่าน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของอัฟกานิสถาน โอมาน ปากีสถาน และรอบๆใกล้เคียงในประเทศอินเดียในตอนนี้มีการเลี้ยงแพะบ้านกันในหลายประเทศ บางประเทศเลี้ยงเพื่อเอาขน แม้กระนั้นจะต้องเลี้ยงบนที่ราบสูงที่มีอากาศหนาวเย็น บ้างก็เลี้ยงไว้กินนม บ้างก็เลี้ยงไว้กินเนื้อ คนมุสลิมชอบรับประทานเนื้อแพะมากมาย
ผลดีทางยาหมอแผนไทยรู้จักใช้เขาแพะและนมแพะเป็นเครื่องยา บางขนานใช้น้ำนมแพะเป็นน้ำกระสายยาน้ำนมแพะได้จากเต้านมของแพะตัวเมียที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ หนังสือเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า นมแพะมีรสหวาน ฝาด เย็น มีสรรพคุณแก้โลหิต แก้หืดไอ แก้ท้องเดิน