รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตววัตถุ เเรด  (อ่าน 588 ครั้ง)

boiopil020156889

  • Jr. Member
  • **
  • กระทู้: 65
    • ดูรายละเอียด
สัตววัตถุ เเรด
« เมื่อ: พฤศจิกายน 14, 2017, 01:28:26 AM »


เเรด
แรดเป็นสัตว์เลือดอุ่นกลุ่มหนึ่ง จัดอยู่ในตระกูล Rhinocerotidae เป็นสัตว์ป่าใกล้สิ้นพันธุ์  ทั่วทั้งโลกมีสัตว์พวกนี้คงเหลือเพียงแค่  ๕  จำพวก  เป็นแรดที่เจอในทวีปเอเชีย  ๓  ชนิดเป็นกระซู่ แรดชวา แล้วก็แรดประเทศอินเดีย เจอในทวีปแอฟริกา ๒ ชนิด คือ แรดขาวแล้วก็แรดดำ
ชีววิทยาของแรด
๑.กระซู่
มีชื่อวิทยาสาสตร์ว่า Dicerorhinus sumatrensis (fischer)
มีชื่อสามัญว่า asian two-horned  rhinoceros  หรือ  Sumatran  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่ เป็น มีเล็บ  ๓  เล็บ  ทั้งยังเท้าหน้าและเท้าหลัง  มี  ๒  นอ  เมื่อโตเมที่มีความสูงที่ไหล่  ๑-๑.ค๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๑  ตัน  มีหนังครึ้มรวมทั้งมีขนปกคลุมทั่วตัวโดยเฉพาะอย่างยิ่งในตัวที่มีอายุน้อย  ขนนี้จะน้อยลงเมื่อมีอายุเพิ่มมากขึ้น  โดยทั่วไปลำตัวสีเทาเหมือนสีเถ้าหรือสีน้ำตาลเข้ม  ข้างหลังของลำตัวมีรอยพับของหนังเพียงแต่พับเดียวอยู่ที่รอบๆด้านหลังของขาคู่หน้า  กระซู่อีกทั้ง  ๒  เพศมมีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๒๕  ซม.  ส่วนนอข้างหลังมักยาวไม่เกิน  ๑๐  เซนติเมตร  หรืออาจเป็นเพียงตุ่มนูนขึ้นมาในตัวเมียกระซู่เป็นสัตว์ที่ตะกายเขาเก่ง  มีประสาทรับกลิ่นดีมาก  หากินตอนค่ำ  รับประทานใบไม้  ก้านไม้  รวมทั้งผลไม้ป่าเป็นอาหาร  เป็นประจำดำรงชีวิตอย่างสันโดษ  ยกเว้นในฤดูสืบพันธุ์  หรือตอนที่ตัวเมียเลี้ยงลูกอ่อน  ออกลูกทีละ  ๑  ตัว  ระยะมีท้อง  ๗-๘  เดือน  มีอายุยืน  ๓๒  ปี
กระซู่มีเขตผู้กระทำระจายชนิดตั้งแต่รัฐอัสสัมของประเทศอินเดีย   รวมทั้งในบังกลาเทศ  เมียนมาร์  ไทย  เวียดนาม  มาเลเซีย  แล้วก็อินโดนีเซีย  มักอาศัยตามชายป่าสูงที่มีหนามรกทึบ  แต่ว่าลงมาอยู่ในป่าที่ราบต่ำช่วงท้ายฤดูฝน  ซึ่งมักมีปลักแล้วก็น้ำอยู่ทั่วๆไป  ในปัจจุบันกระซู่จัดเป็นสัตว์ป่าสงวนประเภทหนึ่งใน  ๑๕  ชนิดของไทย
๒. แรดชวา  (เขมรเรียกระมาด)
มีชื่อวิทยาศาสตร์  Rhioceros  sondaicus  Desmarest
มีชื่อสามัญว่า  lesser  one-horned  rhinoceros  sinv  Javan  rhinoceros
เป็นสัตว์กีบคี่  คือ  มีเล็บ  ๓  เล็บ  ทั้งเท้าหน้าและก็เท้าหลัง  มีนอเดียว  เมื่อโตเต็มที่มีความสูงที่ไหล่  ๑.๖๐-๑.๘๐  เมตร  น้ำหนักตัว  ๑.๕-๒  ตัน  มีหนังดกและมีขนขึ้นห่างๆ ลำตัวสีเทาออกดำ  ด้านหลังของลำตัวมีรอยพับของหนัง  ๓  รอย  ตรงบริเวณศีรษะไหล่  ข้างหลังของขาคู่หน้า  แล้วก็ด้านหน้าของขาคู่ข้างหลัง  แรดตัวผู้มีนอเดียว  มีความยาวไม่เกิน  ๒๕  ซม.  ส่วนตัวภรรยานั้นมองเห็นเป็นเพียงตุ่มนูนขึ้นมา แรดชวาเคยเป็นสัตว์ที่ทำมาหากินอยู่รวมกันเป็นฝูง  แม้กระนั้นปัจจุบันนี้เจอหาเลี้ยงชีพโดดๆ หรืออยู่เป็นคู่ในฤดูสืบพันธุ์  กินใบไม้  ก้านไม้  รวมทั้งผลไม้ป่าที่ร่วงอยู่บนพื้นดินเป็นของกิน  ตกลูกครั้งลพ  ๑  ตัว  ระยะตั้งท้องนาน  ๑๖  เดือน มีเขตผู้กระทำระจายพันธุ์ตั้งแต่ในประเทศบังกลาเทศ  เมียนมาร์  ไทย  เวียดนาม  เขมร  มาเลเซีย  รวมทั้งอินโดนีเซีย  พบมากในป่าดงดิบชื่นที่มีน้ำอุดมสมบูรณ์  หรือป่าทึบริมฝั่งสมุทร  โดยมากหากินอยู่ตามป่าที่ราบ  ไม่เจออยู่ตามเทือกเขาสูง  ปัจจุบันแรดชวาจัดเป็นสัตว์ป่าสงวนใน  ๑๕  ชนิดของไทย
๓. แรดประเทศอินเดีย
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Rhinoceros  unicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  Indian  rhinoceros
เป็นแรดใหญ่จำพวกนอเดียว  สูงราว  ๒  เมตร  หนัก  ๒-๓  ตัน  เรียกตัวมีหนังครึ้มเหมือนโล่ที่ไหล่  ที่บั้นท้าย  หนังเป็นปุ่มนูนกลมเห็นได้ชัด  ไม่มีขนมากนักนอกเหนือจากที่ขอบหูแล้วก็ปลายหาง  มีหนังพับข้ามข้างหลัง  ๒  ที่ หมายถึง ที่ข้างหลังของไหล่แล้วก็ที่ด้านหน้าของตะโพก  แต่ว่าไม่มีพับหนังผ่านคอ  หางสั้นอยู่ในหลืบพักของบั้นท้าย  ตั้งครรภ์นานราว  ๑๙  เดือน  อายุยืนราว  ๕๐  ปี  แรดประเทศอินเดียอาศัยอยู่ในป่าลุ่มริมน้ำ  เคยพบมากในหุบเขาแม่น้ำสินธุ  ที่ราบลุ่มแม่น้ำคงคา  ช่องเขาแม่น้ำพรหมบุตร  แล้วก็บริเวณเชิงเขาหิมาลัยตั้งแต่ประเทศปากีสถานถึงรัฐอัสสัมประเทศอินเดีย
๔. แรดขาว
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Ceratotherium  simum  Burchell
มีชื่อสามัญว่า  white  rhinoceros  หรือ  square-lipped  rhinoceros
มีขนาดใหญ่กว่าแรดอื่นๆ สูงราว  ๑.๖๐-๒  เมตร  ขนาดวัดจากหัวถึงโคนหาง  ๓.๖๐-๕  เมตร  หนัก  ๒.๓ – ๓  ตัน  มีนอ  ๒  นอ  นอหน้ายาวราว  ๖๐  ซม.  แม้กระนั้นบางตัวนอยาวถึง  ๑.๕๐  เมตร  หัวยาว  ปากกว้าง  หูยาวกว่าแรดดำ  และก็ปลายหูแหลม  หน้าผากลาด  รวมทั้งมนกว่าแรดดำ  หัวไหล่นูนเป็นก้อน  ผิวหนังเป็นตุ่มนูนน้อยกว่าแรดดำ  ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเขา  ผิวหนังทั่วตัวไม่มีขน  เว้นเสียแต่ขนที่ปลายหูและก็ขนหาง  ริมฝีปากบนมีรูปร่างเหมือนสี่เหลี่ยมจัตุรัส  แรดจำพวกนี้ชอบรับประทานหน้ามากยิ่งกว่าใบไม้  มีหัวยาวเพื่อให้ก้มตัวกินต้นหญ้าได้ง่าย  บนไหล่มีโหนกสูง  มีจมูกดี  แต่ตาและก็หูไม่ดี  ถูกใจอยู่รวมกันเป็นฝูงเล็กๆ ราว  ๔—๕  ตัว  แต่อาจเจอได้ถึงฝูงละ  ๑๘  ตัว  ไม่ดุมากแรดขาวเคยอาศัยอยู่บริเวณภาคตะวันตกของทวีปแอฟริกา  รอบๆหุบเขาลุ่มแม่น้ำไนล์  แต่ในตอนนี้ได้สิ้นพันธุ์ไปจากรอบๆนี้  พบในแอฟริกากลางรอบๆทะเลสาบชาดกับแม่น้ำไนล์ขาว  และในแอฟริกาใต้  ทางตอนใต้ของแม่น้ำออเรนจ์ไปทางทิศตะวัยตก  จนถึงภาคทิศตะวันออกของประเทศนามิเบีย  แรดขาวโตถึงวัยเจริญพันธุ์เมื่ออายุ  ๗-๑๐  ปี  ตั้งครรภ์นาน  ๑๘  เดือน  เป็นประจำคลอดลูกเพียงแค่ตัวเดียว  เมื่ออายุ  ๑ เดือนก็เดินตามแม่ได้แล้ว  อายุ   ๑  สัปดาห์เริ่มรับประทานต้นหญ้า  แก่ยืน   ๓๐-๔๐  ปี
๖.แรดดำ
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า  Diceros  bicornis  Linnaeus
มีชื่อสามัญว่า  hook-lipped rhinoceros  หรือ   African  black  rhinoceros
เป็นแรดที่มีรูปร่างใหญ่   เทอะทะหนังดก  สีน้ำตาลอ่อนผสมเทาหรือเทาแก่   ตามลำตัวไม่มีขน  ยกเว้นรอบๆใบหูรวมทั้งปลายหาง  ไม่มีต่อมเหงื่อ  ตาเล็ก  ริมฝีปากบนเป็นติ่งหรือจะงอยแหลมเล็กน้อย  ยืดหดได้  ใช้รั้งก้านไม้เข้าปากได้  มี  ๒  นอ  นออันใจกว้างและยาวกว่าอันข้างหลัง  หางสั้น  แข็ง  ใบหูกลม  ไม่มีทั้งฟันตัดรวมทั้งฟันเขี้ยว  เท้ามี  ๓  เล็บ  ขนาดลำตัวยาวราว  ๓.๓๐  เมตร  ความสูงถึงไหล่ราว  ๑.๗๐  เมตร  น้ำหนักราว  ๒  ตัน  ตัวเมียมีเต้านม  ๒  เต้า  เป็นประจำแรดดำชอบอยู่ตัวผู้เดียว  จะอยู่เป็นคู่เฉพาะในช่วงผสมพันธุ์  ออกหากินค่ำคืน  ชอบหากินตามทุ่งหญ้าและบริเวณชายเขา  ไม่ชอบเข้าไปหากินในป่าลึก  นิสัยดุ  หูและจมูกไว  แรดดำโตเป็นวัยรุ่นพร้อมผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุราว  ๗  ปี  ตั้งครรภ์นาน  ๑๕-๑๖  เดือน  คลอดลูกทีละ  ๑  ตัว  ลูกแรดรับประทานนมแม่อยู่นานราว  ๒  ปี  แล้วก็อยู่กับแม่นาน  ๓-๔  ปี แรดที่พบในบ้านเรามีเพียง  ๒  ประเภทแรก หมายถึง  กระซู่แล้วก็แรดชวา

คุณประโยชน์ทางยา
แพทย์แผนไทยเคยใช้นอแรดเข้ามาเป็นเครื่องยาในยาโบราณหลายขนาน  แม้กระนั้นในตอนนี้ใช้ลดน้อยลง  เพราะหายากแล้วก็ราคาแพงแพง นอแรดเป็นสิ่งแข็งเสมือนเขาสัตว์  ตัน  ผลิออกขึ้นมาเหนือจมูกของสัตว์พวกแรด  นอแรดที่ดีจะต้องมีเปลือกนอกดำไหม้  สีค่อยจางไปที่โคน  จนกระทั่งเป็นสีเทาอมน้ำตาล  เนื้อในมีสีเทาคละเคล้าขาว  มีจุดสีเทาดำ  แบบเรียนสรรพคุณยาโบราณว่า  นอแรดมีกลิ่นหอมยวนใจเย็น  ไม่คาว  มีรสเปรี้ยวเค็มเย็น  มีคุณประโยชน์แก้ไข้สูง  แก้พิษร้อน  แก้อาเจียนเป็นเลือด  แก้ถ่ายเป็นเลือด  เป็นยาระงับประสาท  โดยใช้บดเป็นผงผสมกับน้ำดื่ม  เป็นยาขมเจริญอาหาร  แก้อาการเกร็งเพื่อเป็นการสงวนสัตว์พวกนี้ไว้  ก็เลยไม่ควรใช้หรือส่งเสริมให้ใช้  เครื่องยาที่ใช้แทนกันได้คือเขาควาย  (ควาย)  แต่ว่าจำเป็นต้องใช้ในปริมาณมากกว่าหลายเท่า

Tags : สัตววัตถุ
บันทึกการเข้า