รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

มาถึงยุคนี้เรื่องของสุขภาพเป็นสิ่งที่สำคัญไม่ใช่แค่เรื่องของสุขภาพทางร่างกายหรือว่ารูปร่างด้านนอกแค่นั้นจ้ะ แต่ยังรวมทั้งสุขภาพภายใน ตัวอย่างเช่นปอดหรือทางเดินหายใจ เพราะเหตุว่าทุกๆวันนี้พวกเราพบเจอกับฝุ่นละอองและมลพิษจำนวนมาก สิ่งที่เราควบคุมมิได้เลยก็คือการหายใจ พวกเราไม่สามารถหยุดหายใจเพื่อที่จะไม่รับหรือหลีกเลี่ยงมลภาวะ หรือแม้แต่สภาพภูมิอากาศเปียกชื้น ความสกปรกในอากาศ หรือไรฝุ่นที่อยู่ในบ้านได้ ด้วยเหตุนั้นแล้วพวกเราก็เลยควรจะมีตัวช่วยมาช่วยกรองหรือช่วยฟอกอากาศนั่นเอง
เพราะอากาศบริสุทธิ์เป็นสิ่งสำคัญ แอร์ LG DUALCOOL with Air Purifying System ขจัดฝุ่นละอองได้อย่างหมดจด ประหยัดพลังงานมากถึง 70%
แอร์รุ่น LG DUALCOOL with Air Purifying System ซึ่งสามารถฟอกอากาศได้ เรียกว่าเป็นมิติใหม่ สำหรับเพื่อการฟอกอากาศเลยทีเดียว เพราะธรรมดา แอร์ก็คือแอร์ เครื่องฟอกอากาศก็คือเครื่องฟอกอากาศดำเนินงานแยกกันไม่สามารถมารวมกันอยู่ในเครื่องเดียวกันได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าววันนี้พวกเราจะมาดูกันค่ะว่า LG DUALCOOL with Air Purifying System มีคุณสมบัติอะไรบ้าง
เจ้าแอลจีตัวนี้เป็นเครื่องจากประเทศเกาหลีใต้ มีหลากหลายรุ่นหลายแบรนด์ทีเดียวที่ไม่ใช่เป็นแค่เครื่องทำความเย็นแต่ว่าเป็นการเพิ่มระดับความสามารถสำหรับเพื่อการฟอกอากาศแบบเต็มรูปแบบรวมทั้งยังมีความรู้และมีความเข้าใจทำให้แอร์เย็นเร็วกว่าแอร์อินเวอร์สเตอร์ทั่วๆไปอีก 40% นอกจากนี้ยังสามารถสั่งงานผ่านแอพพลิเคชั่นที่พวกเราสามารถดาวน์โหลดมาไว้บนโทรศัพท์มือถือได้เลย นั่นก็คือ LG Smart ThinQ™ ซึ่งแอพๆนี้สามารถสั่งงานแอร์รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆของแอลจี ได้อีกหลายประเภทจากนอกบ้านเลยทีเดียว
LG DUALCOOL with Air Purifying System ในรุ่นนี้ก็คือ IL13R สร้างความเย็น 12,000 BTU/ ชั่วโมง พร้อมคุณลักษณะหลักๆของเครื่องคือ
1. Full-Featured Air Purifying System (ระบบฟอกอากาศเต็มรูปแบบ)
จะต้องใช้คำว่าฟอกอากาศแบบเต็มรูปแบบ เพราะสำหรับเครื่องปรับอากาศแอลจีรุ่นนี้ ที่จัดมาเต็มกับเซ็นเซอร์ PM 1.0/ ตัวปล่อยอนุภาคไอออน และตัวกรองฝุ่นละอองไมโคร (แผ่นกรองอากาศ) ซึ่งเทคโนโลยีต่างๆพวกนี้จะมาร่วมกันช่วยกันกรองหรือว่าฟอกอากาศในบ้านของพวกเราให้สะอาดบริสุทธิ์ ซึ่งจากคุณสมบัติต่างๆของเครื่องแล้ว เหมาะกับทุกคน และก็โดยเฉพาะ เด็ก และคนชรา หรือผู้ที่มีปัญหาเรื่องระบบทางเดินหายใจ

2. Dual Inverter Compressor (คอมเพรสเซอร์อินเวอร์เตอร์แบบคู่)
หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า DUALCOOL โดยที่เครื่องรุ่นนี้ใช้คอมเพรสเซอร์แบบโรตารี่คู่ (Twin Rotary Compressor) ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เครื่องสามารถทำความเย็นได้เร็วมากขึ้นถึง 40% นอกเหนือจากนี้ยังสามารถช่วยทำให้ใชัพลังงานน้อยลง 70% อีกด้วย ในส่วนของเรื่องเครื่องปรับอากาศหากเป็นระบบเครื่องปรับอากาศอินเวอร์สเตอร์โดยปกติประหยัดไฟแน่ๆแต่ว่าจะมีข้อเสียในเรื่องของระบบการทำความเย็นซึ่งจะทำให้เย็นช้า เป็นจุดด้อยเล็กๆที่ขัดใจพวกเราอยู่ไม่น้อย ในส่วนนี้เองตัวคอมเพรสเซอร์เครื่องปรับอากาศจะรักษาความเร็วรอบให้ค่อนข้างนิ่ง (เบาๆแรง ค่อยๆผ่อน) เพื่อให้เกิดการกระชากของไฟในระบบให้น้อยที่สุด ด้วยเหตุดังกล่าวนอกจากประหยัดไฟแล้วยังเย็นเร็วอีกด้วย
3. Mobile Application Control via Wi-Fi (ควบคุมเครื่องด้วยแอพพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ผ่านเครือข่าย Wi-Fi)
เว้นเสียแต่คุณสมบัติข้างต้นแล้ว LG DUALCOOL with Air Purifying System ในรุ่น IL13R ยังสามารถสั่งงานผ่านระบบแอพพลิเคชั่นบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ในตอนที่เราอยู่นอกบ้าน โดยผ่านการเชื่อมต่อไร้สายหรือว่า Wi-Fi ซึ่งก็สามารถทำได้โดยง่ายจ้ะ เราเพียงดาวน์โหลดแอพฯ มาไว้บนมือถือก็สามารถกระทำควบคุมรวมทั้งสั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าของ LG ได้มากมายแล้ว
4. Gold Fin™ Technology (คอนเดนเซอร์คุ้มครองปกป้องการกัดกร่อน)
เทคโนโลยีนี้คือเครื่องหมายการค้าของแอร์ LG ซึ่งไม่ใช่แค่รุ่นนี้รุ่นเดียวค่ะ แต่ว่ายังอยู่ในเครื่องปรับอากาศหลายรุ่นของ LG สิ่งนี้เป็น แผ่นคอนเดนเซอร์เคลือบทองแดง เพื่อปกป้องการสึกกร่อน และป้องกันสนิมที่อาจจะมีการเกิดขึ้นในตัวเครื่องเนื่องจากว่าความชื้นแล้วก็ความร้อนของอากาศนั่นเอง ซึ่งคอนเดนเซอร์นี้เป็นผงโลหะอยู่ที่ส่วนของเครื่องด้านนอกอาคาร ปฏิบัติหน้าที่ระบายความร้อนจากสารทำความเย็นก่อนจะเปลี่ยนสถานะจากไอกลายเป็นของเหลวและก็ส่งคืนเข้าไปในระบบการทำความเย็นอีกรอบนั่นเองค่ะ
5. Smart Display (หน้าจอแสดงผลลัพธ์อัจฉริยะบนตัวเครื่อง)
หน้าจอแสดงผลลัพธ์อัจฉริยะที่อยู่บนตัวเครื่องจะปฏิบัติหน้าที่สำหรับการบอกระดับความสะอาดโดยรวมของห้อง บอกความหนาแน่นของฝุ่นตามขนาดของฝุ่นที่อยู่ภายในห้องซึ่งจะแสดงค่าออกมาเป็นตัวเลขและก็ระบบสี เพื่อบอกจำนวนและความหมาย โดยเรียงลำดับจากอากาศบริสุทธิ์ไปถึง อากาศมีมลพิษ คือ (อากาศสะอาดบริสุทธิ์) สีเขียว (Green) → สีเหลือง (Yellow) → สีส้ม (Orange) → สีแดง (Red) → สีชมพู (Pink) → สีม่วง (Purple) (อากาศมีมลพิษ) นั่นเองจ้ะ

Tags : lg

ตอนนี้เทคโนโลยีได้มีการเจริญไปอย่างยิ่งอย่างยิ่งจริงๆ ซึ่งก็ทำให้ชีวิตของเรามีความรุ่งเรืองแล้วก็ทำให้เรามีความเป็นอยู่ที่ดียิ่งขึ้นเป็นอย่างมากอย่างยิ่งจริงๆ ซึ่งเทคโนโลยีที่รุ่งเรืองมากที่สุด นั่นก็คือ เทคโนโลยีด้านวัตถุนั่นเองจ้ะ ไม่ว่าจะเป็น รถ โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ และก็ยังรวมทั้งสิ่งที่พวกเรามีติดตัวใช้กันทุกคน มันก็คือ “โทรศัพท์เคลื่อนที่” จ้ะ ซึ่งพัฒนามาจากระบบหน้าจอขาวดำ มาเป็นจอสี รุ่นฝาพับจนกระทั้งเป็นระบบสัมผัส และยังมีมีฟังก์ชั่นก์อื่นๆตามมาเป็นอันมากเลยล่ะจ้ะ
เหตุผลที่พวกเราใช้โทรศัพท์มือถือกันก็เพื่อการติดต่อสื่อสารนั่นเองจ้ะ แต่ว่าเดี๋ยวนี้ก็ได้เพิ่มช่องทางและก็ฟังก์ชั่นในด้านอื่นๆเข้ามา อาทิเช่น ความบันเทิง การทำงาน เป็นต้น นั่นจึงทำให้มือถือแพงสูงและก็มีค่ามากเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าได้ตอบโจทย์สำหรับเพื่อการใช้งานที่มากมายของคุณในแต่ละวันนั่นเองจ้ะ และทุกคนต่างเลือกโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เหมาะสมกับ การใช้งานของตนเอง จึงทำให้สินค้าและก็บริกการเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือมีความเจริญมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเองล่ะจ้ะ
เมื่อเอ่ยถึงโทรศัพท์แล้ว ทุกคนก็ย่อมต้องการได้โทรศัพท์ที่มีฟังก์ชั่นมากมาย ความจำเครื่องในปริมาณมาก แล้วก็สามารถใช้งานได้อย่างช้านานใช่ไหมคะ แต่ว่าคุณสมบัติบางประการก็มิได้คงทนถาวรตลอดไป ซึ่งมันก็คือ “แบตเตอรี่” นั่นเอง
สายชาร์จโทรศัพท์เคลื่อนที่อีกหนึ่งเครื่องไม้เครื่องมือสำคัญที่จำเป็น
เพราะว่าเครื่องมืออย่างแบตเตอรี่นั้นมีอายุการใช้แรงงานของมัน และก็จะค่อยๆต่ำลงเมื่อคุณใช้งานเป็นระยะเวลานานหลายชั่วโมง หรือใช้เมนูใดเมนูหนึ่งในเครื่องเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ก็เป็นสาเหตุให้แบตเตอรี่หมดเร็วได้จ้ะ แม้กระนั้นคุณสามารถรื้อฟื้น คืนพลังให้แบตเตอรี่ได้ ด้วย สายชาร์จโทรศัพท์นั่นเองล่ะจ้ะ
สายชาร์จโทรศัพท์นั้นเป็นเครื่องไม้เครื่องมือที่ช่วยส่งกระแสไฟฟ้าให้กับโทรศัพท์ของพวกเราค่ะ เมื่อคุณเชื่อมต่อสายกับโทรศัพท์ของคุณ รวมทั้งเสียบตัวหัวปลั๊กไฟฟ้ากับเต้ารับของสายไฟ คุณก็จะสามารถชาร์จโทรศัพท์ได้ทันทีค่ะ การชาร์จโทรศัพท์มีช่วงเวลาประมาณ 5 – 8 ชั่วโมง ในระหว่างที่โทรศัพท์กำลังชาร์จจะมีความร้อนรวมทั้งอุณหภูมิที่สูง โดยเหตุนั้น คุณก็เลยไม่สมควรที่จะเล่นโทรศัพท์ขณะที่กำลังชาร์จอยู่ เพราะจะมีผลให้โทรศัพท์มีความร้อนแล้วก็กินไฟเยอะขึ้นนั่นเองค่ะ
ข้อดีของการใช้สายชาร์จ
- ใช้งานง่าย ไม่ยุ่งยาก
การใช้แรงงานของสายชาร์จโทรศัพท์นั้นไม่ยากเลยล่ะค่ะ เพียงแค่คุณปลั๊กไฟฟ้าแล้วก็สาย จากนั้นก็แทงกับโทรศัพท์ของคุณ เพียงเท่านี้คุณก็สามารถชาร์จโทรศัพท์ของคุณได้อย่างมีความสะดวกสบายแล้วล่ะจ้ะ ไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เครื่องใช้ไม้สอยอะไรมาก เพียงแค่ใช้เวลาเพียงแค่นั้นค่ะ เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่ใช้งานง่ายอย่างหนึ่งเลยล่ะจ้ะ
- สามารถนำเอาได้
สายชาร์จโทรศัพท์นั้นสามารถนำเอาได้ไม่ยากมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะเหตุว่ามีขนาดเล็ก หัวของสายนั้นมีน้ำหนักเบามากเลยทีเดียวจ้ะ ทำให้คุณสามารถที่จะนำพาไปชาร์จให้กับโทรศัพท์ของคุณได้ทุกที่ ทุกเมื่อเลยทีเดียวล่ะจ้ะ แต่ว่าสิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องพกพาไปใช้งานรวมกัน ก็คือ ปลั๊กไฟ นั่นเองจ้ะ เพียงแต่มีสองอย่างนี้คุณก็สามารถที่จะชาร์จโทรศัพท์และใช้ได้อย่างช้านานแล้วล่ะค่ะ
- มีการพัฒนาด้วยเทคโนโลยี Fast Charge
Fast Charge นั้นเป็นเทคโนโลยีใหม่ของการสร้างสายชาร์จมือถือเลยทีเดียวล่ะค่ะ เป็นเทคโนโลยีที่จะใช้วัสดุคุณภาพสูงสำหรับในการผลิต เพื่อรองรับการใช้งานของคุณเยอะขึ้นเรื่อยๆค่ะ สร้างขึ้นมาเพื่อใช้สำหรับขจัดปัญหาแบตเตอรี่ของโทรศัพท์ที่ใช้ได้ไม่นานก็หมดลงนั่นเองค่ะ โดยการสร้างให้สายชาร์จรวมทั้งโทรศัพท์ของคุณ สามารถรองรับไฟฟ้าและจำนวนปริมาตรที่มากขึ้นเรื่อยๆนั่นเองค่ะ เมื่อปริมาตรมากขึ้น กระแสไฟก็ยิ่งไหลเข้ามาเยอะขึ้น ทำให้คุณสามารถชาร์จโทรศัพท์ให้เต็มได้อย่างเร็วนั่นเองค่ะ นับว่าเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยทำให้การใช้งานของโทรศัพท์เร็วทันใจแล้วก็ตอบโจทย์มากเลยล่ะจ้ะ
 
สายชาร์จโทรศัพท์นั้นเป็นเครื่องมือสำหรับโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนที่เรียกได้ว่าขาดไม่ได้เลยใช่ไหมล่ะคะ ด้วยเหตุว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยสำหรับการนำไฟฟ้าเข้ามาเพิ่มให้กับโทรศัพท์ของพวกเรา โดยมีข้อจำกัดที่ 100 เปอร์เซ็นต์นั่นเองค่ะ คุณสามารถที่จะนำเอาไปกับคุณได้ทุกๆที่ แต่ว่าคุณก็จะต้องนำเอาสายปลั๊กไฟฟ้าไปด้วยจ้ะ การใช้งานนั้นง่ายสุดๆเพียงเชื่อมต่อปลั๊กไฟกับโทรศัพท์ เมื่อสายชาร์จมือถือสำคัญขนาดนี้ก็ควรรักษาดูแลไว้ให้อยู่กับคุณได้นานๆนะคะ

Tags : สายชาร์จ,สายชาร์จโทรศัพท์,สายชาร์มือถือ

ข่าวล่ามาเร็วมาแรงแซงทางโค้งแบบงี้เชื่อว่าชาว Asus ต้องเฮแน่นอนจ้ะ กับระบบการบริการดีๆอย่างนี้ เนื่องจากซื้อเครื่องมาบางทีมีทรุดโทรม พังทลาย น้ำหก ตกพื้น หรือว่าอะไรหลากหลายครั้งนี้จะส่งซ่อมแต่ละทีก็ยากเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไหนที่อยู่บ้านนอก เป็นถ้าหากจำเป็นต้องเคลมก็คิดเลยว่าซื้อเครื่องใหม่ดียิ่งกว่ามั้ย กับการที่จะจำต้องมาเข้ากระบวนการเคลม ซึ่งบางทีพวกเราไม่ได้อยากต้องการเสียตังค์กับการซื้อเครื่องใหม่ แต่ถ้าเกิดจะให้มานั่งเสียเวล่ำเวลาเสียอารมณ์กับการรอคอยเคลมซึ่งยาวนานมากกกก หรือบางโอกาสลืมไปเลยว่าเคยมีเครื่องหรืออาจจะเกิดกรณีต่างๆในการส่งเคลมซึ่งไม่สบายเป็นต้น เพราะฉะนั้น วันนี้เป็นเรื่องดีที่พวกเราจะสามารถส่งเคลมจากที่ไหนก็ได้ที่มีเซเว่นนั่นเองค่ะ
 

แบรนด์ Asus ไต้หวัน ยี่ห้อคุณภาพจากไต้หวันที่ดังไกลไปทั่วโลก
โอกาสนี้พวกเรามาดูประเด็นการเดลมกันจ้ะ เรื่องของเครื่องพังทลาย จำต้องซ่อมแซมเครื่อง ดังเช่นว่า คอมพิวเตอร์ของ Asus ที่เราใช้งานกันอยู่นี่ล่ะค่ะ ซึ่งหลายรายการความพังทลายที่ครั้งคราวส่งเคลมมิได้ แม้กระนั้นสำหรับ Asus แล้ว ค้ำประกันให้หมดรวมทั้งยังส่งเคลมฟรีพอดีเซเว่นอีกด้วย รวมทั้งขณะที่พวกเราซื้อเครื่องมาใช้จะมีการรับประกันเครื่องอยู่แล้วจ้ะ กี่ปีก็ว่ากันไป และยิ่งไปกว่านี้ยังมี Perfect Warranty ซึ่งเป็นการค้ำประกันที่นอกเหนือจากที่ปกติมิได้ให้ประกัน เรียกว่าเป็นประกันเสริม เน้นที่เรื่องของอุบัติเหตุเพิ่มจากการประกันความบกพร่องที่มีประกันอยู่แล้ว และสิ่งที่ Perfect Warranty มิได้ปฏิบัติภารกิจคุ้มครองป้องกัน ก็คือ
- เครื่องหาย หรือ โดนจารกรรม
- ความทรุดโทรมของเครื่องที่เจ้าของเจตนาทำ
- ข้อมูลข้างในตัวเครื่อง
- เครื่องมือเสริมหรือสายชาร์จไม่อยู่สำหรับในการรับประกันแบบ Perfect Warranty
- ความทรุดโทรมจากภัยธรรมชาติดังเช่น อุทกภัย ไฟเผา หรือการก่อการร้าย เอาไปเคลมมิได้
- ความย่ำแย่จากการต่อว่าดตั้งโปรแกรมไม่ถูกกฎหมาย
การได้สิทธิประกัน Perfect Warranty แน่นอนว่าการรับรองนี้เป็นการประกันที่คุ้มครองปกป้องผลิตภัณฑ์ในกรุ๊ป Note book, All-in-one PC หรือ Desktop ที่ซื้อเครื่องตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2561 เป็นต้นไปเพียงแค่นั้นนะคะ ส่วนคนไหนกันที่ซื้อก่อนหน้านั้นหมดสิทธิค่ะ และสำหรับคนที่ใช้เครื่องของ Asus ก็จึงควรลงทะเบียนผ่านในเว็บของ Asus ภายในช่วงเวลาที่กำหนด เพื่อรับสิทธิ นั่นก็คือ 30 วันตั้งแต่แมื่อวันที่ซื้อเครื่อง และก็สำหรับเพื่อการ เคลม สามารถใช้สิทธิได้ 1 ครั้งในปีแรก แล้วก็จ่ายค่าอะไหล่เพียงแค่ 20% ที่เหลือ Asus เค้าออกให้จ้า นอกจากนี้แล้ว ก็อย่างที่บอกไปจ้ะว่า ไม่เพียงแต่การเคลมที่เค้าออกให้ 80% แค่นั้นแต่ยังส่งเคลมฟรีที่ เซเว่นทุกสาขา อย่างนี้ก็เป็นการอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้มากมายเลยทีเดียวล่ะ
พวกเรามาดูกรรมวิธีส่งเครื่องไปเคลมกันบ้างค่ะ ว่าจำเป็นต้องทำเช่นไรกันบ้าง
ลำดับแรกจะต้องลงทะเบียนเป็นสมาชิกแล้วก็ลงทะเบียนผลิตภัณฑ์ผ่านเว็บ Asus ก่อนจ้ะ เพื่อที่ทาง Asus จะได้มีฐานข้อมูลของพวกเราอย่างละเอียด
แล้วหลังจากนั้นก็ทำการแพ็กสินค้าที่จะส่งซ่อมลงกล่อง แล้วพิมพ์แบบฟอร์มการส่งซ่อมแซมผลิตภัณฑ์แปะหน้า
เมื่อเสร็จแล้วจากนั้นจึงค่อยนำผลิตภัณฑ์ส่งยังจุดบริการ 7-Eleven พนักงานจะเซ็นรวมทั้งประทับตราเอกสารเพื่อให้ลูกค้าเก็บไว้เป็นหลักฐาน และจะมี SMS จาก 7-Eleven ส่งมาเพื่อรับรองว่าเริ่มต้นกรรมวิธีส่งสินค้าเข้าซ่อมเรียบร้อยแล้ว
 

ถ้าเกิดการซ่อมมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีก (ในส่วนที่นอกเหนือประกัน) ทีมงาน ASUS จะติดต่อเพื่อเนื้อหาและก็ขออนุญาตก่อนเริ่มงานซ่อม และส่วนนี้ล่ะค่ะที่เราจะต้องจ่ายเพิ่มจากที่เค้ารับผิดชอบให้อีก 20%
ต่อไป เมื่อซ่อมแซมเสร็จแล้ว Asus จะส่งคืนผ่าน 7-Eleven เพื่อลูกค้าไปรับผลิตภัณฑ์ได้ตามสาขาที่ระบุมาตั้งแต่แรก (อ้างอิงจากรหัสร้านขายของที่ลูกค้าระบุเอาไว้ในแบบฟอร์มการส่งสินค้า)
แล้วก็นี่เป็นขั้นตอนกล้วยๆสำหรับการส่งเคลมและก็แน่ๆว่าถ้าเรามิได้เอาเครื่องไปใช้สมบุกสมบันไหน หรือไปทำพังนอกจากรับรองแล้วล่ะก็ ยืนยันได้เลยค่ะว่า Perfect Warranty รวมทั้ง Asus จะดูแลลูกค้าทุกคนเป็นอย่างดีแน่ๆ แต่ตรงกันข้ามถ้าการตรวจทานเครื่องพบว่าเครื่องมีปัญหาที่ไม่รับเคลม หรือว่าราตั้งอกตั้งใจจะลักไก่ ก็อย่ารู้สึกว่าจะทำได้กล้วยๆด้วยเหมือนกันนะคะ เพราะเค้ามีระบบการพิจารณาที่แม่นรวมทั้งละเอียดมากๆเพราะฉะนั้นแล้วนอกจากจะเสียเวลาแล้วยังจะเสียเงินเสียทองฟรีๆอีกด้วย ดังนั้นแล้วถ้ารู้ดีว่าที่พังแบบงี้ไม่รับเคลมก็อย่าส่งเคลมจะเป็นเรื่องดีว่าจ้ะ

Tags : Asus,เอซุส,Asus Thailand

เคยงุนงงมั๊ยค่ะว่าเพราะเหตุไรชื่อรุ่นของ Apple iPhone ที่ออกมาควรจะมีท้องนาวสกุลแนบท้าย อย่าง “s” หรือ “Plus” ก็เพราะ นี่คือตัวบอกการเพิ่มหรือความก้าวหน้าต่างๆของ Apple ผ่านงานที่เพิ่มสิ่งใหม่ใหม่ๆหรือฟีเจอร์ใหม่ๆอยู่เสมอเวลา ถ้าหากพวกเราดูดีๆเราจะพบว่าแต่ละปี Apple จะออกสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ที่ใช้ชื่อสลับกันเรื่อยๆมา นั่นเป็นการเปลี่ยนวางแบบของตัวอุปกรณ์รวมทั้งการอัพสเป็คนั่นเองค่ะ เป็นต้นว่า
 

• 2007 – iPhone
• 2008 – IPHONE 3G
• 2009 – iPhone 3GS (อัปสเปค)
• 2010 – ไอโฟน 4 (เปลี่ยนแปลงวางแบบ)
• 2011 – ไอโฟน 4s (อัปสเปค)
• 2012 – IPHONE 5 (แปลงออกแบบ)
• 2013 – Apple iPhone 5s (อัปสเปค)
• 2014 – ไอโฟน 6 / 6 Plus (เปลี่ยนวางแบบ)
• 2015 – iPhone 6s / 6s Plus (อัปสเปค)
 
จนถึงในตอนนี้ก็ปรับปรุงมาจนกระทั่ง iPhone X กันแล้วเพื่อสังสรรค์ครบรอบ 10 ปี iPhone นั่นเอง ด้วยเหตุผลดังกล่าวก่อนจะไปถึง iPhone X เรามาดูเครื่อง iPhone 6s กันก่อนจ้ะ
 
เริ่มกันที่ตัวเครื่องจ้ะ ถ้าพวกเราดูผิวเผินก็จะมีความรู้สึกว่า iPhone 6s มีขนาดมิได้ต่างจาก iPhone 6 และ iPhone 6 Plus เนื่องจากว่ารอบนี้เค้ามาแบบออกแบบดังเดิมทุกสิ่งทุกอย่าง แต่ว่าเมื่อได้สัมผัสเปรียบกัน จะพบว่า มีขนาดใหญ่กว่า จาก iPhone 6 รวมทั้ง iPhone 6 Plus เล็กน้อย ยกตัวอย่างเช่น ความดกที่เพิ่มขึ้น 0.2 มิลลิเมตร รวมทั้งความกว้างและก็ความสูงของจอที่มีมากยิ่งกว่าด้านละประมาณ 0.1 มิลลิเมตร เรียกว่าดูด้วยสายตาแทบดูไม่ออกเลยทีเดียว แต่ว่าเมื่อสัมผัสเราจะรู้สึกได้ว่า iPhone 6s มีน้ำหนักมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด ด้วยเหตุว่าในรุ่นนี้ Apple ได้มีการเปลี่ยนแปลง สิ่งของมาใช้ Aluminium แบบใหม่ ในซีรีย์ 7000 ที่มีความแข็งแรงกว่าเดิม ส่งผลให้ iPhone 6s มีน้ำหนักมากกว่า iPhone 6 ราว11% เลยทีเดียว แต่ว่าก็โน่นล่ะค่ะ ยิ่งหนายิ่งหนักยิ่งทนทาน
 
สิ่งที่สร้างความฮือฮารวมทั้งน่าเร้าใจแบบที่ว่าเห็นแล้วตาลุกตาชันวาวเลยก็คือ สีสันที่เพิ่มเข้ามาที่ตัวเครื่องนั่นก็คือ สี Rose Gold นั่นเองค่ะ แน่นอนว่าสีนี้ก็เป็นสีที่ครองตลาดในขณะนั้นเลยทีเดียว สี Rose Gold เป็นสีที่ประสมประสานระหว่างสีชมพูอ่อน กับสีทองคำ ด้วยเหตุผลดังกล่าว สีที่ได้ก็เลยมองสวยแบบเรียบหรูดูดี ไม่หวานเวอร์แบบชมพูดิบๆแห้งๆและไม่ทองงามแบบทองคำสิ่งเดียว เรียกว่าเป็นการผสมผสานที่บรรลุความสำเร็จมากมายเลยทีเดียวล่ะ นอกนั้นจ้ะ Apple ยังใส่สี Rose Gold เข้าไปที่ขอบของปุ่ม Home ด้วย ดูเข้ากัน เสมือนสวมเสื้อผ้ากับเพชรนิลจินดาเข้าชุดเข้ารอยเลยล่ะ
 
มาดูในส่วนของฟีเจอร์ทีมาใน iPhone 6s กันบ้างจ้ะ ฟีเจอร์ที่เด่นที่สุดก็คือ ‘3D Touch’ นี่เป็นครั้งแรก ที่ iPhone สามารถรับรู้ “น้ำหนักของผู้กระทำดจอ” ได้ เพื่อที่จะได้ให้พวกเราสามารถใช้น้ำหนักผู้กระทำด ควบคุมฟีเจอร์ต่างๆได้มากขึ้นกว่าเดิม ดังเช่น การสัมผัสเข้าแอปต่างๆหากแตะ ก็เป็นการเข้าแอปตามเดิมราวกับที่เราเคยชินกันอยู่ แม้กระนั้นถ้าเกิดกดลงไปด้วยน้ำหนักที่มากขึ้น ก็จะเป็นการเปิดเมนู Shortcut ต่างๆขึ้นมาให้พวกเราเลือกอย่างเร็วเยอะขึ้นนั่นเองค่ะ
 
‘3D Touch’ เป็นเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้คราวแรกใน นาฬิกา Apple Watch ในชื่อเทคโนโลยี Force Touch ซึ่งปัจจุบันนี้ก็มีแอปออกมาเยอะมากเพื่อรองรับการใช้แรงงานแบบ ‘3D Touch’ ค่ะ อาทิเช่น Dropbox, Instagram, Facebook, LINE รวมทั้งยังมีเกมต่างๆอีกมากมาย ดังเช่น เกมแข่งรถ AG Drive, Magic Piano, Blob Games ฯลฯd
 

ถัดมากับเรื่องของ Screen Protector and Tempered Glass กันบ้างค่ะ พูดง่ายๆก็คือเรื่องฟีล์มกันรอยนั่นเองจ้ะ เพราะว่าเมื่อมีการใช้เทคโนโลยี ‘3D Touch’ การกดปุ่มโดยการลงน้ำหนัก จะส่งผลต่อเครื่องหรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่หลายๆคนสงสัยกันมากอย่างยิ่งจริงๆล่ะ ต้องบอกอย่างงี้ค่ะว่า การใช้ฟีล์มกันรอยตามธรรมดาที่พวกเราใช้ โดยเฉพาะรุ่นนี้สามารถใช้ร่วมกับ iPhone 6 Plus ได้ การใช้แรงงาน ‘3D Touch’ หลังจากติดฟีล์มก็ยังคงสามารถใช้งานได้ตามเดิมจ้ะ โดยเหตุนี้เรื่องการใช้ฟีล์มอาจไม่มีผลต่อการใช้แรงงาน ‘3D Touch’ แต่อย่างใด รวมถึงการใช้ฟีล์มกระจกก็สามารถใช้ได้ด้วยเหมือนกันจ้ะ
 
มาดูที่กล้องกันบ้างจ้ะ สำหรับ iPhone 6s เป็นการอัพเกรด กล้องถ่ายรูปอีกทั้งกล้องหน้าและกล้องถ่ายรูปหลังมาที่ 12 ล้านพิกเซลเท่าๆกัน เพราะฉะนั้นเรื่องของภาพที่คมชัดไม่ต้องกล่าวถึงค่ะ เรียกว่าเป็นการปรับปรุงตามมาติดๆกับแอนดรอยด์ที่นำเรื่องกล้องถ่ายรูปไปไกลแล้ว

ที่มา : https://www.priceza.com/s/ราคา/iPhone-6s

Tags : ไอโฟน 6s, iphone 6 เอส