รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - h5s5s8c54fgjnz

หน้า: [1]
1

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งปนเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่บริบูรณ์ แสงอาทิตย์ปานกลาง มักพบตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกได้ไม่ยาก ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาก็ดีก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วๆไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่ไหมอ่อนจนกระทั่งเหลือเกิน ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล รวมทั้งภาควิชาได้เรียนรู้พบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโอ้อวดนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านทานพิษงูยังไม่ชัดแจ้ง แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแม้กระนั้นไม่มีไข้) จากแมลงที่เป็นพิษกัดต่อย ยกตัวอย่างเช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากมายน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำอย่างละเอียด เพิ่มเติมแอลกอฮอล์พอเพียงเปียกยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาแต่ละวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และกากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสลดพังพอน เพราะว่าเสมหะพังพอนมีตลอดตัวผู้ละตัวเมีย แต่ว่าเพศผู้ไม่นิยมนำมาใช้เพราะมีฤทธิ์อ่อน แล้วก็เพื่อไม่ให้งงเต็กก็เลยเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" ส่วนมากนำมาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกลุ่มพืชถอนพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาใช้ภายนอกรักษาด้านนอก มีสรรพคุณทุเลาการอักเสบของผิวหนังเจริญ  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัส
คุณลักษณะของผงพญายอในการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวรวมทั้งเม็ดผื่นผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับสุราใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวก พญายอมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนเจริญ
- อีกตำรากล่าวว่านอกเหนือจากการที่จะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่ยเหตุเพราะถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด แล้วก็แผลที่เกิดจากการถูกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย นำมาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดิบได้ดี ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือรวมทั้งเหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็น แปลงยาทุกตอนเช้ารวมทั้งเย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย
- พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง และก็ใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลรวมทั้งเอากากพอกรอบๆแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บปวด ช่วยลดลักษณะของการปวด
- มีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเจริญและไม่เป็นพิษต่อเซลล์

แนวทางการพอกขัดผิวด้วยผงพญายอ

  • ทำความสะอาดผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้าแล้วก็ขัดเครื่องแต่งตัวให้สะอาดก่อนกระบวนการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำสะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง น้ำนม หรือโยเกิร์ต เพื่อทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้ทั้งยังผิวหน้าและก็ผิวกาย เป็นประจำ อาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง


     - สำหรับผิวหน้า พญายอแม้เป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลามไปทั่วบริเวณใบหน้า และเพื่อไม่ให้เป็นการก่อกวนผิวหน้ามากจนเกินไป พอกทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที
     - แม้ใช้ขัด (สำหรับผู้ที่ไม่เป็นสิว และผิวกาย) ให้ขัดให้เบาไม้เบามือที่สุด ประมาณแค่คลำพยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด รวมทั้งให้ขัดแค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งเอาไว้จนแห้ง (อาจใช้ช่วงเวลาพอกทิ้งเอาไว้ราวๆ 15 นาที)

  • พญายอ ภายหลังจากแห้งแล้ว ให้ทำการล้างด้วยน้ำปกติ (ไม่สมควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบเบาที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆและปลดปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือลูบให้เบาที่สุด โดยใช้วิธีการล้างเดียวกับการขัดหน้าหมายถึงเพียรพยายามจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าเสร็จแล้ว ซึมซับหน้าให้แห้ง


Tip  เพื่อการบำรุงที่มากขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำดื่มปกติในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเสมอกัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วบริเวณใบหน้าสักบางส่วน ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความสดชื่นให้แก่ผิว ทั้งช่วยให้ผิวหน้าเนียนนุ่มและก็กระจ่างใส มองอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/

2

กระเทียม
สรรพคุณกระเทียม
ปรับความดันโลหิตให้อยู่ในระดับธรรมดา
ลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือด
ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด จึงเหมาะกับผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวาน
บำรุงเลือด ปกป้องอาการโลหิตจาง
เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย
คุ้มครองปกป้องโรคหัวใจ
ลดท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดิบได้ดีขึ้น
ช่วยขับลม แก้อาการจุดเสียดแน่นท้อง
คุ้มครองหวัด ยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา
มีสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ แล้วก็ลดความเสี่ยงสำหรับการเป็นโรคมะเร็ง
chopped-garlicsiStock
กระเทียม กับ 10 ผลดีดีๆที่พวกเราต้องการให้ท่านทานทุกวัน
แนวทางทานกระเทียมให้ได้ประโยชน์
สารอัลลิสินในกระเทียมที่มีสาระต่อสภาพทางด้านร่างกายของพวกเรา จะต้องผ่านการหั่น สับ ทุบ หรือบด จำเป็นที่จะต้องหั่น สับ ตี หรือบดกระเทียมก่อนเอามาประกอบอาหาร 5-10 นาที ขึ้นรถอัลลิซินนี้จะไม่สลายหายไปเมื่อถูกความร้อน ด้วยเหตุผลดังกล่าวจะทานสด หรือจะทำอาหารในน้ำมันก็ช่างเถอะ
ปริมาณกระเทียมที่ควรจะทานต่อวัน
ในวัยผู้ใหญ่สามารถทานกระเทียมได้ประมาณ4 กรัมต่อวัน แต่ว่าไม่ควรทานมากเกินกว่านี้ติดต่อกันเกิน 10 วัน เพราะว่าจะเพิ่มความเสี่ยงภาวะเลือดแข็งช้า  หรือเลือดไหลไม่หยุดเมื่อเกิดบาดแผล
แนวทางเลือกซื้อกระเทียมมาทำกับข้าว
ควรที่จะทำการเลือกกระเทียมที่ศีรษะแน่นๆไม่ฝ่อ เปลือกบาง เนื้อสีเหลืองอ่อน สด ไม่เน่า ไม่มีราขึ้น รวมทั้งถ้าเกิดอยากได้รสชาติของกระเทียมแบบแรงๆควรเลือกกระเทียมหัวเล็กๆ
ว่าแล้วอาหารมื้อต่อไปก็บอกให้แม่ครัวพ่อครัวใส่กระเทียมลงไปในอาหารให้ด้วยนะคะ แต่ว่าระวังสักนิด ถ้าหากทานกระเทียมมากๆโดยเฉพาะกระเทียมสด อาจมีลักษณะการเจ็บคอวันหลัง รวมทั้งอย่าลืมระมัดระวังกลิ่นปากกันด้วยค่ะ สักครู่จะกล่าวหาไม่เตือนนะ
ลักษณะทั่วไปของกระเทียม
กระเทียมเป็นพืชล้มลุกชนิดกินหัว ลำต้นสูง 1-2 ฟุต มีหัวลักษณะกลมแป้นขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1-2 นิ้ว ด้านนอกของหัวกระเทียมมีเปลือกบางๆห่ออยู่หลายชั้น ภายในหัวประกอบแกนแข็งกึ่งกลาง ข้างนอกเป็นกลีบเล็กๆจำนวน 10-20 กลีบ เนื้อกระเทียมในกลีบมีสีเหลืองอ่อนและก็ใส  มีน้ำเป็นองค์ประกอบสูง มีกลิ่นแรงจัด
ลำต้นและหัวกระเทียมสด
แหล่งเพาะปลูก
กระเทียมสามารถปลูกได้ทั่วๆไปในทุกภาคของเมืองไทย แต่ว่านิยมนำมาปลูกกันมากมายทางภาคเหนือแล้วก็ภาคอีสาน เนื่องด้วยมีภาวะดินแล้วก็สภาพการณ์อากาศที่เหมาะสมมากกว่าภาคอื่นๆทำให้กระเทียมเจริญวัยได้ดิบได้ดี ได้ผลผลิตสูงและมีรสชาติที่ดียิ่งกว่า

ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
กระเทียมเป็นไม้ล้มลุกและใหญ่ยาว สูง 30-60 เซนติเมตร มีกลิ่นแรง มีหัวใต้ดิน2 ลักษณะกลมแป้น เส้นผ่าศูนย์กลาง 2-4 เซนติเมตร มีแผ่นเยื่อสีขาวหรือสีม่วงอมชมพูห่อหุ้มอยู่ 3-4 ชั้น ซึ่งลอกออกได้ แต่ละหัวมี 6-10 กลีบ กลีบมีสาเหตุจากตาซอกใบของใบอ่อน ลำต้นลดรูปลงไปๆมาๆก ใบคนเดียว (Simple leaf) ขึ้นมาจากดิน เรียงซ้อนสลับ แบนเป็นแถบแคบ กว้าง 0.5-2.5 ซม. ยาว 30-60 เซนติเมตร ปลายแหลมแบบ Acute ขอบเรียบและก็พับทบเป็นสันตลอดความยาวของใบ โคนแผ่เป็นแผ่นรวมทั้งเชื่อมชิดกันเป็นวงหุ้มห่อรอบใบที่อ่อนกว่าแล้วก็ก้านช่อดอกกระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดเป็นลำต้นเทียม ปลายใบสีเขียวรวมทั้งสีจะเบาๆจางลงจวบจนกระทั่งถึงโคนใบ ส่วนที่ห่อหัวอยู่มีสีขาวหรือขาวอมเขียว ช่อดอกแบบช่อซี่ร่ม (Umbel) ประกอบด้วยตะเกียงรูปไข่เล็กๆไม่น้อยเลยทีเดียวอยู่ปะปนกับดอกขนาดเล็กซึ่งมีจำนวนน้อย มีใบเสริมแต่งใหญ่ 1 ใบ ยาว 7.5-10 ซม. ลักษณะบาง ใส แห้ง เป็นจะงอยแหลมหุ้มช่อดอกตอนที่ยังตูมอยู่ แม้กระนั้นเมื่อช่อดอกบานใบประดับประดาจะเปิดอ้าออกและห้อยลงรองรับช่อดอกไว้ ก้านช่อดอกเป็นก้านกระโดด เรียบ รูปทรงกระบอกตัน ยาว 40-60 เซนติเมตร ดอกสมบูรณ์เพศ กลีบรวม 6 กลีบ แยกจากกันหรือชิดกันที่โคน รูปใบหอกปลายแหลม ยาวประมาณ 4 มม. สีขาวหรือขาวอมชมพู เกสรเพศผู้ 6 อัน ติดที่โคนกลีบรวม อับเรณูและก้านเกสรเพศเมียยื่นขึ้นมาสูงกว่าส่วนอื่นๆของดอก รังไข่ 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 1-2 เม็ด ผลเล็กเป็นกระเปาะสั้นๆรูปไข่หรือค่อนข้างกลม มี 3 พู เมล็ดเล็ก สีดำ
ในประเทศไทยปลูกมากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือและก็ภาคเหนือ แต่ว่ากระเทียมที่มีชื่อว่าเป็นกระเทียมคุณภาพดี กลิ่นฉุน อาทิเช่นกระเทียมจากจังหวัดศรีสะเกศา
แนวทางเลือกซื้อกระเทียม
วิธีสำหรับการเลือกซื้อกระเทียมนั้น มีหลักไต่ตรองที่กล้วยๆคือ เลือกกระเทียมที่หัวแน่น กลีบแน่น เปลือกบาง มีเนื้อสีเหลืองอ่อน สด แน่น ไม่ฝ่อและไม่มีเชื้อรา ที่สำคัญหากจำต้องปรุงอาหารที่อยากได้กลิ่นฉุนๆจะต้องเลือกกระเทียมหัวเล็กเพียงแค่นั้น
กระเทียมสดคุณภาพดี
จะเห็นว่ากระเทียมเป็นประโยชน์และคุณประโยชน์มากมายก่ายกอง ถึงกระเทียมจะมีกลิ่นแรง แต่ว่าก้ไม่ยากเกินความจำเป็นที่จะกินครับผม โดยเหตุนี้อย่าลืมเพิ่ข้อควรระวังสำหรับเพื่อการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกรุ๊ปต่อแต่นี้ไป
ผู้ที่กำลังท้องหรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การรับประทานกระเทียมในตอนการตั้งครรภ์ค่อนข้างปลอดภัยถ้าเกิดรับประทานเป็นของกินหรือในปริมาณที่เหมาะสม แม้กระนั้นอาจไม่ปลอดภัยแม้กินกระเทียมเป็นยารักษาโรค ทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าเชื่อถือพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่บริเวณผิวหนังในช่วงการมีครรภ์หรือให้นมบุตร
เด็ก การกินกระเทียมในจำนวนที่สมควรรวมทั้งในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แต่ว่าการใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจจะก่อให้กำเนิดอาการแสบร้อนแล้วก็ระคายเคือง
คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะหรือการย่อยอาหาร อาจจะส่งผลให้เกิดการเคืองพื้นที่เดินของกินได้
ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ การรับประทานกระเทียมอาจจะส่งผลให้ระดับความดันโลหิตลดลดน้อยลงมากกว่าปกติ
คนที่คิดแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดรับประทานกระเทียมก่อนจะมีการผ่าตัดอย่างต่ำ 2 สัปดาห์ด้วยเหตุว่าอาจจะก่อให้เลือดออกมากและส่งผลต่อความดันโลหิตในระหว่างการผ่าตัด รวมทั้งคนที่มีภาวการณ์เลือดออกไม่ปกติไม่สมควรกินกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค ดังเช่น ไอโซไนอะซิด เพราะเหตุว่ากระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาในร่างกายและส่งผลต่อสมรรถนะการทำงานของยา รวมถึงไม่ควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังนี้
ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านทานเกล็ดเลือดกระเทียมลงในเมนูอาหารของท่านนะครับ คุณประโยชน์รวมทั้งประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากกระเทียมนั้นร้ายมากจริงๆ http://www.disthai.com/

3

ตะไคร้บ้าน
ตะไคร้ สรรพคุณ
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่เรารู้จักและรู้จักกันมานาน เพราะว่าในของกินไทยหลายประเภทมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นหนึ่งในเครื่องปรุงด้วยเสมอ อาทิเช่น ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสและค่าให้กับอาหาร ส่งกลิ่นหอมเชื้อเชิญรับประทาน จนถึงกลายเป็นสิ่งที่จะจำเป็นเลยในอาหารพวกนี้ นอกจากยังมีกลิ่นหอมเฉพาะบุคคลจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกใช้ประโยชน์เป็นกลิ่นในสินค้าเพื่อสุขภาพมากไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งน้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในตระกูลต้นหญ้า มีหลายประเภท นอกเหนือจากนำไปประกอบอาหารแล้วรวมทั้งทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางประเภทยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย จึงจัดเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนประเทศไทยมานาน หลายบ้านจึงนิยมปลูกไว้ภายในบ้าน จะใช้เมื่อไหร่ก็ตัดมาใช้ได้โดยทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่หลบคุณประโยชน์ไว้มาก เพราะเป็นทั้งของกินแล้วก็ยารักษาโรค มีวิตามินและแร่ที่มีคุณประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกาย อีกทั้งวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส แล้วก็โฟเลต ประสิทธิภาพคับแก้วขนาดนี้ไม่ชอบตะไคร้ลองเปลี่ยนแปลงความคิดกันใหม่ หันมาถูกใจตะไคร้ให้มากขึ้นเรื่อยๆ จะได้ประโยชน์เยอะแยะแน่นอน
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้ใช่หรือ?
ในตะไคร้หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับการคุ้มครองป้องกันแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถคุ้มครองป้องกันยุงลาย ยุงก้นปล่อง รวมทั้งยุงอารมณ์เสียกัดได้ นอกเหนือจากนี้ยังฤทธิ์สำหรับการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
เว้นแต่ยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยปกป้องแมลงชนิดอื่น เป็นต้นว่า ถ้าเกิดผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะส่งผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนและก็หนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วค้าง ส่วนแชมพูที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นรูปทรงกระบอก แข็ง หมดจด ตามข้อมักมีไขปกคุลม เหง้า มีข้อแล้วก็ข้อสั้นมากมาย กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวผสมม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมยวนใจเฉพาะ
คุณประโยชน์
– ต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้ปวดท้อง ขับเยี่ยว และก็แก้อหิวาตกโรค ยิ่งกว่านั้นยังใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ ยกตัวอย่างเช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร แล้วก็ขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดความดันโลหิตสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาปรับปรุง เจ็บท้อง ท้องเดิน
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากอาหาร แก้โรคทางเท้าเยี่ยว นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญรุ่งเรือง นอกจากนั้นยังใช้กำจัดกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา และมีกลิ่นไล่สุนัขรวมทั้งแมว
แบบเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคทางเดินเยี่ยว แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ฉี่เป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดความดันโลหิต เหง้า แก้เบื่ออาหาร บำรุงไฟธาตุ แก้กระษัย ขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ปัสสาวะขัด แก้เยี่ยวทุพพลภาพ แก้นิ่ว เป็นยารักษาโรคเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับรอบเดือน ขับตกขาว ใช้ด้านนอกทาแก้อาการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ คุณประโยชน์
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน ลักษณะของใบกว้าง 5-20 มม. ยาวประมาณ 50-100 เซนติเมตร แผ่นใบแคบ ยาว และนิ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเนียน และก็มีกลิ่นหอมยวนใจเบื่อ ก้านใบเป็นกาบทับกันแน่นสีเขียวปนม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นรวมทั้งใบมีกลิ่นฉุนจนถึงกินเป็นอาหารไม่ได้ ทั้งยังต้น มีรสปร่า ร้อนขม

คุณประโยชน์
– ทั้งต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในลำไส้ แก้แน่น ขับเลือดรอบเดือน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีตั้งครรภ์ เนื่องจากแม้ทานเข้าไป อาจจะทำให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุมกำเนิด ชำระล้างไส้ ไม่ให้กำเนิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ วุ่นวายใจ ฟุ้งซ่าน
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมผิดปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาปกป้องยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง รวมทั้งใช้รักษาโรคตัวเห็บสุนัข
หนังสือเรียนยาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งลูกได้ คนตั้งครรภ์ห้ามกิน นอกจากนั้นยังใช้ขับรอบเดือน ขับฉี่ ขับระดูขาว ขับลมในไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นและก็ปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้คลื่นไส้ แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมเปลี่ยนไปจากปกติ
เหง้า ใบ รวมทั้งกาบ นำมากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม ตัวอย่างเช่น สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง ทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว เบิกบานใจ ทำให้กระชุ่มกระชวย ความเครียดลดลง แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยสำหรับการย่อยของกิน ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาลักษณะของการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยทุเลาลักษณะของการปวดข้อ ช่วยต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี และช่วยลดการบีบตัวของไส้ได้
ข้อพึงระวัง
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับเลือด ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงท้องเพราะเหตุว่าอาจจะทำให้แท้งได้

4

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลปนเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาทำกับข้าวเนื่องจากว่าส่งกลิ่นหอม นอกจากนี้ ขิงยังใช้เป็นองค์ประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ รวมทั้งเครื่องแต่งตัวทั้งหลายแหล่เช่นกัน ด้านผลดีต่อสุขภาพ มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างช้านาน ตัวอย่างเช่น โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารอย่างท้องเดิน มีก๊าซในกระเพาะ ของกินไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อาเจียน ไม่อยากอาหาร
คุณลักษณะของขิงมั่นใจว่าประกอบด้วยสารที่บางทีอาจช่วยลดอาการคลื่นไส้รวมทั้งลดการอักเสบ โดยนักค้นคว้าโดยมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะและลำไส้ และสารนี้บางทีอาจส่งผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอ้วกด้วย แม้กระนั้นข้อสันนิษฐานดังกล่าวข้างต้นยังกำกวมนัก รวมทั้งคุณลักษณะด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิงต่อสุขภาพที่พวกเราเชื่อกันนั้น ตอนนี้ทางด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลชี้แจงไว้ดังนี้
การรักษาที่อาจสำเร็จ
อาการอาเจียนอ้วกที่เกิดขึ้นมาจากการใช้ยาต่อต้านเชื้อไวรัสไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องหรือเอดส์ สรรพคุณบรรเทาอาการคลื่นไส้อ้วกของขิงอาจมีประโยชน์ต่อคนเจ็บโรคนี้ที่เอาแต่ได้รับผลกระทบจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการศึกษาผู้ป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกรุ๊ปรับประทานยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนที่จะได้รับยารักษาโรคเอดส์อย่างยาต่อต้านรีโทรเชื้อไวรัส ตรงเวลาทั้งหมดทั้งปวง 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอาเจียนคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นมาจากการดูแลและรักษาโรคติดเชื้อเอชไอวีได้
อาการอาเจียนอาเจียนภายหลังการผ่าตัด ขิงบางทีอาจช่วยทุเลาอาการอาเจียนและก็อ้วกจากการผ่าตัดได้เหมือนกัน โดยการศึกษาเล่าเรียนทางวิทยาศาสตร์โดยมากชี้ว่าการรับประทานขิง 1-1.5 กรัม ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนจะมีการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอาเจียนอ้วกที่บางทีอาจเกิดขึ้นในระหว่าง 24 ชั่วโมงข้างหลังได้รับการผ่าตัด
งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยหนึ่งทดสอบแบ่งผู้เจ็บป่วยปริมาณ 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้กินแคปซูลขิง 1 กรัม และอีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มก.แม้กระนั้นแบ่งให้ 2 คราวก่อนผ่าตัด ซึ่งคำตอบพบว่าคนไข้ในกรุ๊ปหลังมีลักษณะอาการอาเจียนอาเจียนน้อยครั้งรวมทั้งมีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นน่าจะให้ความสามารถสูงสุดเมื่อรับประทานเสมอๆแล้วก็บ่อยโดยแบ่งจำนวนการใช้
นอกเหนือจากนี้ การทดสอบทาน้ำมันขิงบริเวณข้อมือของคนไข้ก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยคุ้มครองอาการคลื่นไส้ในผู้เจ็บป่วยราว 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งผอง แต่การใช้ขิงช่วยลดอาการอ้วกอาเจียนร่วมกับยาลดอ้วกคลื่นไส้นั้นบางทีอาจได้ผลได้ไม่ดีนัก และการใช้ขิงกับคนป่วยที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการอาเจียนอาเจียนน้อยอยู่แล้วก็บางทีอาจไม่เป็นผลด้วยเหมือนกัน
อาการแพ้ท้อง การรับประทานขิงอาจมีส่วนช่วยทุเลาอาการแพ้ท้อง อาทิเช่น อาเจียน คลื่นไส้ หรือเวียนหัว ผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันคุณสมบัตินี้เป็นการทดสอบในหญิงที่มีอายุท้องต่ำกว่า 20 สัปดาห์ ปริมาณ 120 คน ซึ่งเผชิญอาการแพ้ท้องทุกวี่วันนานอย่างต่ำ 1 อาทิตย์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้ว่าจะแปลงการรับประทานอาหารและจากนั้นก็ตาม ภายหลังจากกินสารสกัดจากขิง 125 มิลลิกรัม ซึ่งเสมอกันกับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน ผลสรุปได้ชี้ให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถนำมาใช้ประโยชน์ในฐานะการรักษาทางเลือกต่ออาการแพ้ท้องได้
นับว่าสอดคล้องกับอีกงานค้นคว้าก่อนหน้าที่ชี้ว่าการกินขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความร้ายแรงของอาการคลื่นไส้คลื่นไส้ในหญิงท้องที่มีลักษณะอาการแพ้ท้องได้ อย่างไรก็แล้วแต่การใช้ขิงสำหรับคุณค่าด้านนี้อาจเห็นการดูแลและรักษาได้ช้ากว่าหรือให้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้อาเจียนอาเจียน นอกจากนี้ การศึกษาเล่าเรียนเกี่ยวกับคุณสมบัติช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีข้อจำกัดรวมทั้งพบผลที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดลองที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจไม่ได้มีส่วนช่วยในการลดอาการแพ้ท้องเหมือนกัน
อาการวิงเวียนศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมด้วยการอาเจียนนี้อาจบรรเทาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการใช้คุณประโยชน์จากขิง จากงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยที่ทดสอบด้วยการให้คนที่มีอาการบ้านหมุน รวมทั้งตากระตุๆกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิรับประทานผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการวิงเวียนหัวได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นไม่ได้ช่วยลดช่วงเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดลักษณะการเจ็บที่เกิดจากโรคข้อเสื่อม จากการทดลองหนึ่งที่ให้ผู้ป่วยรับประทานสารสกัดจากขิงชนิดหนึ่ง (Zintona EC) ในจำนวน 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดลักษณะของการปวดข้อเข่าภายหลังจากการรักษาเป็นเวลา 3 เดือน ส่วนอีกงานค้นคว้าที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับเพื่อการช่วยลดลักษณะการเจ็บขณะยืน ลักษณะของการเจ็บข้างหลังเดิน และก็อาการข้อติด
นอกเหนือจากนั้น มีการเรียนรู้เปรียบเทียบความสามารถระหว่างขิงแล้วก็ยาแก้ปวด โดยให้คนป่วยโรคข้ออักเสบในกระดูกบั้นท้ายและก็ข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มก.วันแล้ววันเล่า วันละ 2 ครั้ง ขิงได้ผลทุเลาลักษณะของการปวดได้เทียบเท่ากับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง และก็ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงและส้มอาจช่วยทุเลาลักษณะของการปวดแล้วก็อ่อนแรงที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนเจ็บที่มีลักษณะเจ็บหัวเข่าได้ด้วย
อาการปวดเมนส์ เว้นเสียแต่ลักษณะของการปวดจากโรคข้อเสื่อม การเล่าเรียนบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณสมบัติช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดรอบเดือน อาทิเช่น การทดลองในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มก. วันละ 3 ครั้งในช่วง 2 วันก่อนเริ่มมีระดูสม่ำเสมอไปจนกระทั่ง 3 วันแรกของการมีประจำเดือน รวมเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความรุนแรงของอาการปวดเมนส์ได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการเล่าเรียนเปรียบคุณภาพของขิงและยาลดลักษณะของการปวดประจำเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มก. ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มรับประทานแคปซูลขิงหรือยาแต่ละประเภทในจำนวน 250 มิลลิกรัม วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีระดู คำตอบปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับการค้นคว้าวิจัยแรก คือ ขิงมีคุณภาพบรรเทาความรุนแรงของอาการปวดเมนส์ไม่ต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การดูแลและรักษาที่บางทีอาจไม่ได้เรื่อง
อาการเมารถและเมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการกล่าวถึงกันมาก ทว่าถึงแม้ขิงบางครั้งก็อาจจะช่วยลดอาการตาลายได้ แต่ว่าในการวิงเวียนอ้วกที่เกิดขึ้นจากการเดินทางนั้น งานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยส่วนใหญ่กล่าวว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง อย่างเช่น การแบ่งกลุ่มให้นักเรียนนายเรือ 80 ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกลุ่มที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากลุ่มที่กินขิงนั้นมีอาการอาเจียนและก็เวียนหัวน้อยลงจริงแม้กระนั้นอยู่ในระดับนิดหน่อยเพียงแค่นั้น หรือในอีกการค้นคว้าที่ชี้ว่าการกินผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มก. ต่างไม่มีส่วนช่วยในการปกป้องอาการเมารถหรือลักษณะการทำงานของกระเพาะอาหารที่เกี่ยวพันกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจังแต่อย่างใด
การดูแลและรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานเพียงพอต่อการกำหนดความสามารถ
อาการอาเจียนอ้วกจากแนวทางการทำเคมีบรรเทา อีกหนึ่งคุณประโยชน์คือลดอาการคลื่นไส้และก็อ้วก ซึ่งมีการศึกษาเล่าเรียนด้านวิทยาศาสตร์ แต่ว่าหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในคนไข้ที่รับเคมีบำบัดรักษานั้นยังเป็นที่ปะทะคารมกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้ใช่หรือไม่ การเล่าเรียนหนึ่งที่ชี้ถึงคุณประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้ป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบำบัดนานต่อเนื่องตรงเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความรุนแรงของอาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดูแลรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่ไม่ได้รับประทานแคปซูลขิง แม้กระนั้นเห็นผลได้ชัดในกรุ๊ปที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมเพียงแค่นั้น ส่วนกลุ่มที่รับประทานแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับสำเร็จน้อยกว่า มีความหมายว่าการกินขิงในจำนวนมากก็เลยบางทีอาจมิได้ทำให้อาการอาเจียนดีขึ้นอย่างที่น่าจะเป็น
แม้กระนั้น มีหลักฐานที่โต้เถียงข้อช่วยเหลือดังที่กล่าวมาแล้วซึ่งเป็นงานวิจัยที่เผยว่าการกินขิงไม่ได้มีประสิทธิภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อ้วก ดังนี้ ผลการศึกษาเรียนรู้ที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีต้นเหตุมาจากจำนวนขิงที่ใช้ทดลองนั้นไม่เหมือนกัน รวมทั้งช่วงเวลาที่เริ่มรักษาโดยใช้ ขิงจะนำมาใช้ผลดีทางด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลไหมอาจจะต้องมีการยืนยันเพิ่มอีกถัดไป
เบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้เจ็บป่วยโรคเบาหวานในตอนนี้ยังมีผลการค้นคว้าที่ไม่แน่นอน งานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 อาทิตย์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนเจ็บเบาหวานจำพวกที่ 2 รวมถึงอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางจำพวกจากโรคเบาหวานได้ ในขณะเดียวกัน มีงานวิจัยอื่นๆที่ชี้แนะว่าขิงนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง แต่ไม่เป็นผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาเรียนรู้บอกว่าขิงส่งผลกับอินซูลิน แต่กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ซึ่งผลการค้นคว้าที่แตกต่างกันนั้นอาจมาจากปริมาณขิงหรือช่วงเวลาที่คนเจ็บได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
อาหารไม่ย่อย มีการศึกษาค้นคว้าศึกษาเล่าเรียนความสามารถของขิงในคนเจ็บที่มีอาการอาหารไม่ย่อยจำนวน 11 คน โดยให้รับประทานแคปซูลที่ประกอบด้วยขิง 1.2 กรัมภายหลังจากการละของกิน 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะเกิดการย่อยของกินแล้วก็มีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่การกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวพันกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในลำไส้ อย่างไรก็แล้วแต่ ผู้ร่วมการทดลองนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่อาจกำหนดได้อย่างชัดเจนว่าขิงช่วยลดอาการอาหารไม่ย่อยได้แน่นอนเท่าใด
อาการแฮงค์ เชื่อกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยทุเลาอาการแฮงค์ซึ่งได้ผลสำเร็จใกล้กันจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับประโยชน์ข้อนี้มีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยแต่ก่อนที่ชี้แนะว่าการผสมขิงกับเปลือกข้างในของส้มเขียวหวาน และก็น้ำตาลก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในคราวหลัง รวมทั้งอาการอาเจียน อ้วกและท้องเดิน แม้กระนั้น การศึกษาเล่าเรียนดังที่กล่าวมาแล้วยังนับว่าไม่ชัดเจนอยู่มากมายและไม่อาจยืนยันได้ว่าเกิดจากขิงจริงๆหรือส่วนผสมอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณลักษณะของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้คนไข้ที่มีสภาวะไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม คำตอบระบุว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกลุ่มที่กินยาหลอก ขิงมีคุณภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะให้ผลดีกระทั่งสามารถนำมาใช้รักษาผู้เจ็บป่วยภาวการณ์นี้ได้หรือเปล่าคงจะต้องรอคอยการศึกษาเล่าเรียนในอนาคตที่แจ่มกระจ่างกันถัดไป
ลักษณะของการเจ็บกล้ามข้างหลังบริหารร่างกาย คุณสมบัติด้านการบรรเทาปวดและลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดลักษณะการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยไหมนั้นยังคงไม่ชัดแจ้งรวมทั้งเป็นที่โต้แย้งกันอยู่เช่นกัน จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมกินขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมโดยตลอดนาน 11 วัน พบว่าทั้งยังขิงสดรวมทั้งขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดอาการเจ็บกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนถึงระดับมาก
แต่อีกการค้นคว้าหนึ่งกลับเจอคำตอบตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ทำกิจกรรมออกกำลังกายยืดหดกล้ามแบบเดียวกัน รับประทานขิง 2 กรัมในช่วง 1 วันและ 48 ชั่วโมงหลังจากการออกกำลังกาย พบว่าไม่ได้นำมาซึ่งการทำให้ลักษณะของการเจ็บกล้าม การอักเสบ หรือเจ็บที่เกิดจากการบริหารร่างกายลดลง แต่นักวิจัยพบว่าการกินขิงบางทีอาจช่วยให้อาการเจ็บกล้ามเนื้อค่อยๆดียิ่งขึ้นในทุกๆวัน ถึงแม้บางทีอาจมองไม่เห็นผลประโยชน์ทันที
ลักษณะของการปวดศีรษะไมเกรน มีการศึกษาเล่าเรียนกับคนไข้ 100 คน ที่เคยมีลักษณะอาการปวดหัวไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

หน้า: [1]