รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - uudoi015xc54

หน้า: [1]
1
ไขมันส่วนเกิน ต้นเหตุของพุงและความอ้วน
พ.ค. 19, 2018  kungtep
ไขมันส่วนเกิน เสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคร้ายหลายอย่าง จะต้องรีบเผาผลาญไขมัน ขจัดไขมันส่วนเกินออกไป มิฉะนั้นจะพบกับความอ้วน น้ำหนักตัวสูง รูปร่างอ้วนกลมบ๊อก เซลลูไลน์(cellulite)หนักอึ๊ง
ไขมันส่วนเกิน สาเหตุของความอ้วน ต้องเผาผลาญไขมันออกไป
พุงที่เด่นกว่าบริเวณใบหน้า ความอ้วนที่แบกรับมานานจากปัญหาของไขมันสะสม เรื่องใหญ่ของบุคลิกด้านนอก กำจัดให้ออกไปได้ เพียงแค่ใช้สมุนไพรส้มแขก เรียกหุ่นที่ดูดีชวนชมกลับมาอีกครั้ง
ความอ้วน ทำให้ลักษณะท่าทางเสีย ขาดความเชื่อมั่น
ปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพนับสิบนับร้อย นับว่าเป็นความรู้สึกไม่ค่อยสบายใจอย่างหนึ่งในชีวิต เพราะเมื่อได้เกิดการเจ็บไข้ได้ป่วยขึ้นมาแล้ว มันก็ย่อมก่อให้เกิดผลกระทบตามมาต่อการดำนงชีพหลายชนิด ไม่ว่าจะการทำงาน การพบปะผู้คน การประกอบงานกิจวัตรต่างๆซึ่งเรื่องของปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพในปัจจุบันนั้นไม่ได้มีเพียงแค่เรื่องโรครุนแรงหรือเรื้อรังสิ่งเดียว แต่ยังมีปัญหาสุขภาพในด้านของลักษณะท่าทางลักษณ์ที่มีผลต่อความไม่มั่นใจในตนเอง
 
ไขมันส่วนเกิน
ไขมันส่วนเกินสูง cr.adrianjamesnutrition.com
แนวทางแก้ไขมันส่วนเกินสูง อยากลดหุ่น คุณทำเองได้
ปัญหาความอ้วน เซลลูไลท์มาก ไขมันในร่างกายสูง ซึ่งเป็นเรื่องที่พบได้บ่อยในสังคมไทยพวกเราขณะนี้ รวมถึงในอีกหลายประเทศทั้งโลกเลยก็ว่าได้ และก็ถือได้ว่าเป็นปัญหาที่แก้ได้ยากในระดับหนึ่งเลย แต่ก็พอมีแนวทางที่จะช่วยจัดแจงปัญหานี้ได้ เช่น
ลดอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล
ลดอาหารพวกที่ทำมาจากการทอด
ลดอาหารที่มีไขมันสูง อาทิเช่น หมู่ เนื้อ ไก่
บริหารร่างกาย เพื่อ{เผาผลาญไขมัน|สลายไขมันส่วนเกิน
รับประทานน้ำให้มาก อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร
รับประทานผัก ผลไม้ เป็นอาหารหลัก ดังเช่นว่า สลัด
ลดอาหารเย็น รับประทานให้ลดลง
อย่าให้ความอ้วน ไขมันส่วนเกิน เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเรา
เพราะว่าเรื่องของความอ้วนไม่ใช่เรื่องที่จะจับมาล้อเลียนกันได้กล้วยๆราวกับอย่างที่หลายคนเคยทำกันมา ล้ออาจรู้สึกสนุกสนาน และไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการหัวเราะชอบใจ คิดเพียงแค่ขำๆหน่า แม้กระนั้นผู้ที่ถูกล้อนี่สิ คงจะไม่ขำด้วย เนื่องจากสำหรับเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องตลกเอาเสียเลย แถมยังเป็นเรื่องที่รู้สึกอับอายในภาพลักษณ์ที่ดูแย่ แปลกกว่าปกติทั่วๆไปด้วยซ้ำ บางบุคคลที่ถูกล้อหนักๆเป็นประจำก็เก็บไปคิดมากจนเป็นความทุกข์ รวมทั้งสูญเสียความมั่นใจไปหมดทุกเรื่องในชีวิตเลยก็มี ไม่ใช่ว่าเขาเล่านั้นอยากอ้วนกระทั่งถูกล้อเลียนอย่างงี้หรอก แต่ว่าแบบอย่างการใช้ชีวิตแต่ละคนมันเลี่ยงความอ้วนได้ยาก แล้วก็หลายๆคนก็อ้วนง่ายแม้กระนั้นลดยากเยอะแยะไป จริงไหม ?

ทางลัด ลดหุ่น ลดหุ่น ลดไขมันส่วนเกิน
“ส้มแขก” สมุนไพรช่วยระบายไขมัน ขับความอ้วนออกไป บรรเทาท้องผูก สลายเซลลูไลน์(Cellulite) เมื่อมีปัญหาเรื่องความอ้วน ไขมันส่วนเกินสูง ทดลองใช้

2
มหันตภัย ! ความดันและก็เบาหวานภัยใกล้ตัว เจียวกู่หลานช่วยขจัดได้
เดือนพฤษภาคม 8, 2018  kungtep
โรคความดันและโรคเบาหวาน เป็นโรคที่คนโดยส่วนใหญ่ไม่ดูถึงความรุนแรงสักเท่าไหร่ แต่ว่าหารู้ไม่ว่า สร้างความย่อยยับต่อสถาพทางร่างกายและชีวิตอย่างคิดไม่ถึง รีบคุ้มครองให้ตรงจุดด้วย ” สมุนไพร[url=https://kungtep.com/]เจียวกู่หลาน[/url] [/url]”

โรคความดันสูง-เบาหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ
สิ่งใดที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งนั้นมักถูกละเลยเสมอ หลายสิ่งในชีวิตที่พวกเรามักไม่ใส่ใจไม่เห็นถึงจุดสำคัญ ดังเช่นว่า แฟน เพื่อนฝูง คนในครอบครัว ที่ถูกไม่มีความสนใจจากเราอย่างไม่ตั้งใจ บางทีอาจจะด้วยการจริงจังดำเนินการหรือเหตุผลอื่นใดก็ตามแต่ รวมทั้งก็มีหลายสิ่งรอบตัวที่เรามักไม่แลเห็นถึงความอันตราย ที่จะนำมาสู่ตัวหรือคนรอบข้างสักเท่าไหร่ อย่างเรื่องของสุขภาพการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆในขณะที่ไม่รุนแรงรวมทั้งที่มีความคิดว่าไม่ร้ายแรง แม้กระนั้นแฝงด้วยภัยอย่างมหัน ที่คอยจังหวะเวลาอยู่เป็นประจำ ตัวอย่างเช่น โรคของความดันและโรคเบาหวาน ฯลฯ ซึ่ง 2 ต่างก็เป็นโรคที่คุ้นหูเราเป็นอย่างดี ภัยร้ายก็มีแต่ว่าก็ทุเลาและก็ไม่มีอันตรายได้เพียงแค่ใช้ “เจียวกู่หลาน”
ลดการอุดตันเส้นโลหิต เจียวกู่หลาน
โรคความดันเลือดสูง มีอาการยังไง?
อาการป่วยโรคความดันเลือดสูง โดยมากพวกเราจะเจอคนป่วย เป็นความดันเลือดสูงเกินไปกว่าโรคความดันต่ำ  ซึ่งเป็นอาการของการบีบตัวของหัวใจร่วมกับแรงกดดันในกระแสเลือดที่สูง เร็ว ถี่ มากยิ่งกว่าปกติทั่วไป
ความดัน โรคเบาหวาน อายุ 40 ปีขึ้นไปต้องระมัดระวัง!
โรคความดันสูง มีเหตุมาจากการเต้นของหัวใจ ที่เป็นอวัยวะสถานที่ทำงานอยู่ตลอดระยะเวลา  อีกทั้งแรงกดดันในเลือดที่ต้องปฏิบัติงานเหมือนกันอย่างเลี่ยงมิได้ โรคความดันสูงเป็นโรคที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แม้กระนั้นที่จะเป็นได้ง่ายมากที่สุดกับคนที่แก่ 35 – 40 ปีขึ้นไป จึงสังเกตได้ว่าพ่อแม่ต้นตระกูลของเรามักเป็นโรคนี้กันมากมาย

คุณประโยชน์เจียวกู่หลาน
สรรพคุณรวมทั้งคุณประโยชน์ใบเจียวกู่หลาน
“เจียวกู่หลาน” คุ้มครองป้องกันโรคความดันสูงแล้วก็เบาหวานได้ไหม
การรักษาโรคความดันสูง ต้นเจียวกู่หล่านช่วยคุ้มครองปกป้องได้ ความชั่วช้าสารเลวร้ายของโรคความดันสูงที่ควรรักษาด้วยการใช้ เจียวกู่หลานหมายถึงเมื่อความดันสูงมากๆจะก่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญๆหลายส่วนไม่เพียงพอ จนกระทั่งเสียหายส่งผลต่อชีวิตได้ ดังเช่นว่า ทั้งไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว เส้นโลหิตแดงส่วนปลายแข็งดำเนินการไม่สุดกำลัง สมองเสื่อม แล้วก็เส้นโลหิตสมองแตกได้ในที่สุด ซึ่งถ้าเกิดไม่ตายก็บางทีอาจเป็นอัมพาต
โรความดันรวมทั้งโรคเบาหวาน คุ้มครองปกป้องได้ด้วย”เจียวกู่หลาน”
สมุนไพรรักษาโรความดัน-เบาหวาน เจียวกู่หลาน คนไข้หรือผู้ต้องการับประทานคุ้มครอง ควรที่จะเลือกสินค้าที่มีทะเบียนยารวมทั้งทะเบียน(อย) สร้างมาจากโรงงานตามมาตรฐานGMP

Tags : เจียวกู่หลาน

3

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่ได้ผลสำเร็จสดสูงที่สุดรวมทั้งยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความงดงาม ทั้งยังยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุสูดดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและก็สารพฤกษเคมีหลายแบบที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพร่างกาย จึงเชื่อว่าบางทีอาจมีคุณประโยชน์ในการคุ้มครองป้องกันโรคหรือทุเลาอาการ ตัวอย่างเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจลำบากจากโรคนี้ โรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในช่องปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง แล้วก็อื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่เล่าเรียนการใช้ทับทิมในแบบแตกต่างกับการรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถระบุความสามารถของทับทิมต่อการดูแลและรักษาโรคได้แจ่มชัด ซึ่งตัวอย่างการเล่าเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว เช่น สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต ก็เลยอาจช่วยลดการเสี่ยงในการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต่อต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มิลลิกรัม (ประกอบด้วยกรดแกลลิค 610 มิลลิกรัม) และประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการวัดฤทธิ์สำหรับการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนการทดสอบ พบว่าค่าดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วลดลง ก็เลยคาดว่าการกินทับทิมอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจรวมทั้งเส้นเลือด
นอกจากนั้น ยังมีงานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยอีกชิ้นให้คนเจ็บโรคเส้นเลือดแดงแข็งปริมาณ 15 คน รับประทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากยิ่งกว่า 1 ปีขึ้นไปและ 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่รับประทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่น้อยลงประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงแสดงให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยในการลดการเสี่ยงของการเกิดโรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงควรจะมีการเล่าเรียนเพิ่มเติมอีกในระยะยาวกับกลุ่มการทดสอบขนาดใหญ่มากขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมแล้วก็การดูแลและรักษาโรคเส้นโลหิตแดงแข็งได้อย่างชัดเจน
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกจำพวกที่มีคุณลักษณะช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการรักษาโรคเหงือก เพราะการดูแลและรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการจากโรคมากสักเท่าไหร่และลดการเสี่ยงด้านสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางสถานพยาบาลกับคนไข้โรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อมองความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 21 วัน โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้วิธีรักษาที่ต่างกัน ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมควบคู่กับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยขั้นตอนการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการดีขึ้นข้างใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยอาจนำไปปรับใช้เป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนไข้โรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการรักษาด้วยแนวทางรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดลองอีกชิ้นที่ศึกษาสมรรถนะของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกต้นแบบเจลในการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง เป็นเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากดียิ่งขึ้นรวมทั้งปัญหาโรคเหงือกอักเสบต่ำลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การศึกษาเรียนรู้ในครั้งนี้แสดงให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจเอาไปใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก เป็นต้นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองรวมทั้งทุเลาอาการของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองปกป้องการเกิดคราบเปื้อนจุลชีพ สารสกัดจากทับทิมมีประสิทธิภาพในการลดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ตามผิวฟัน แล้วก็บางทีอาจทำให้เกิดโรคทางโพรงปากอีกหลายประเภท ซึ่งจากการทดสอบให้อาสาสมัครที่มีสุขลักษณะในช่องปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ธรรมดา แม้กระนั้นสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกรุ๊ป โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดรอยเปื้อนจุลอินทรีย์ลดลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากกว่ายาหลอก แต่ว่ามีคุณภาพไม่ได้แตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยพอจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดโอกาสสำหรับเพื่อการกำเนิดรอยเปื้อนจุลชีวันภายในโพรงปาก
เวลาเดียวกัน การเรียนรู้อีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยในการลดการเกิดคราบจุลชีพ ซึ่งสำหรับในการทดลองได้เก็บคราบจุลชีพจากโพรงปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงและก็กำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน ข้างหลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบผลก่อนแล้วก็หลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทต่างกันในแต่ละกรุ๊ป ตัวอย่างเช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน รวมทั้งยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับเพื่อการลดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ลงมากที่สุดราวๆ 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ลดลงเพียง 11% ก็เลยอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียและก็เป็นตัวเลือกในการใช้จัดการกับรอยคราบจุลชีวันบนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการติดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างต่อเนื่อง เพราะเหตุว่าช่วงเวลาสำหรับในการทดลองค่อนข้างจะสั้น
ภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีคุณประโยชน์ที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเรียนผลการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในคนเจ็บโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 แล้วก็มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 สัปดาห์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่กินอาหารด้านใน 24 ชั่วโมง ทุกๆ10 วัน (รวมถึงอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) ข้างหลังจบอาทิตย์ที่ 8 พบว่าคนป่วยหรูหราไขมันรวม ไขมันประเภทไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี แล้วก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดน้อยลง แม้กระนั้นไม่พบการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์และก็ระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนเจ็บเบาหวานลง แต่ยังบอกไม่ได้แจ่มกระจ่าง เนื่องจากของกินจำพวกอื่นที่กินอาจมีส่วนช่วยสำหรับเพื่อการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน และกรุ๊ปการทดลองมีขนาดเล็ก จำเป็นจะต้องขยายผลการศึกษาเล่าเรียนในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเพิ่มเติม นอกนั้น การรักษาภาวการณ์คอเลสเตอรอลสูงควรมีการควบคุมของกินและการออกกำลังกายไปพร้อมกัน ซึ่งอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายประเภท โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอลที่พบได้ทั่วไปในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องทดลองระบุว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับการทุเลาอาการโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังและก็อาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างเร็ว จึงมีการเรียนรู้สมรรถนะของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มอีก โดยให้คนไข้โรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันทุกเมื่อเชื่อวันเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่เจอสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดและก็ฉี่ของผู้เจ็บป่วย ทั้งยังยังไม่พบความไม่เหมือนอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยในการรักษาหรือบรรเทาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยปกติสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมแล้วก็ตรวจพบได้ในเลือดหรือปัสสาวะ แม้กระนั้นผลการศึกษาวิจัยกลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจเกิดขึ้นจากการเสื่อมสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลชีวันในระบบที่ทำหน้าที่สำหรับการย่อยอาหาร ควรต้องทำความเข้าใจกรรมวิธีซับสารอาหารที่แตกต่างก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงผลดีด้านสุขภาพจากการรับประทาน ด้วยเหตุว่าสารอาหารที่เจอในอาหารที่กินบางทีอาจไม่ได้ถูกเอาไปใช้คุณประโยชน์ภายในร่างกายมนุษย์เราทั้งผอง
โรคและก็อาการอื่นๆได้แก่ โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนยานสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนลงพุง โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การต่อว่าดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องเดิน โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง และก็อื่นๆยังจะต้องทำการศึกษาเรียนรู้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับความสามารถแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมสำหรับการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มิลลิกรัม
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มก.
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มก.
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยในการกินทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยธรรมดาการกินน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย การกินรากรวมทั้งลำต้นของทับทิมในปริมาณมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่เป็นอันตรายสำหรับเพื่อการรับประทานหรือนำมาใช้กับผิวหนัง แต่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย ดังเช่นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับการกินหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น อาทิเช่น สารสกัดจากทับทิม จึงควรขอคำแนะนำหมอก่อนที่จะมีการรับประทานทุกหน
น้ำทับทิมอาจจะก่อให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงบางส่วน ซึ่งอาจจะก่อให้ผู้ป่วยที่มีภาวการณ์ความดันต่ำอาการไม่ดีขึ้น
คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนเจ็บที่จะต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เนื่องด้วยทับทิมนำมาซึ่งการทำให้ความดันโลหิตต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันเลือดในขณะผ่าตัดหรือมีผลต่อเนื่องไปยังหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมพร้อมกันกับยาบางชนิดอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ยกตัวอย่างเช่น ยาที่เกี่ยวโยงกับแนวทางการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome จำพวก P450 2D6 หรือประเภท P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันโลหิตสูง ยาโรสุวาสแตตำหนิน คนที่รับประทานยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอความเห็นแพทย์ก่อนการรับประทานเพื่อให้มีความปลอดภัย

4

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 คุณประโยชน์ดีๆของ’’คุณประโยชน์ในการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บปวดตามข้อ ลดอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ
2.ขิงมีคุณประโยชน์ช่วยรักษาแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสะดวก
5.ขิงช่วยแก้อาการวิงเวียน หน้ามืด คลื่นไส้ เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยเผาผลาญไขมัน และก็เป็นยาระบายอ่อนๆจึงแป็นปัจจัยที่ทำให้ขิงช่วยลดหุ่น ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยทำนุบำรุงหัวใจ เหมาะสมกับคนป่วยโรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ รวมทั้งอาหารทะเลได้
9.คุณประโยช์จากเนื้อขิงใหม่ๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยทำนุบำรุงสายตา คุ้มครองป้องกันโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรดับกลิ่น ช่วยลดกลิ่นเต่า
12.ขิงมีสรรพคุณแก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน นำมาอม กลัวปากบ่อยๆ แล้วทดลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะค่อยๆลดลง
13.มีคุณประโยชน์ลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน เอามาอม กลั้วปากเป็นประจำ ช่วย จัดการกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างยอดเยี่ยม
14.ขิงช่วยทุเลาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้กินน้ำขิงบ่อยๆ แล้วทดลองสังเกตว่าอาการปวดจะค่อยๆต่ำลง
15.ขิงบรรเทาโรคประสาทลักษณะโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมแม่ให้ดียิ่งขึ้น ควรเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับสตรีให้นมลูกอย่างดีเยี่ยม
17.ขิงช่วยบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดได้ โดยคุณประโยชน์ของขิงมีส่วนช่วยลดความต้องการเสพสารเสพติด
18.ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิงช่วยต่อต้านโรคมะเร็ง จากการศึกษาวิจัยพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต่อต้านการเจริญเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม
19.ขิงช่วยควมคุมความดันเลือดได้ สำหรับคนที่มีปัญหาความดันสูง รวมทั้ง ความดันต่อ ควรจะฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มเสมอๆ จะช่วยควบคุมความดันให้เป็นปกติ
20.คุณประโยชน์ของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยให้นอนหลับสบาย ก็เลยเหมาะเป็นของกินสำหรับผู้ที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยบำรุงผิวพรรณ โดยช่วยทำให้ผิวเรียบเนียนเพิ่มขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเหลวดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดเยี่ยว คุ้มครองโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เพราะเหตุว่าขิงมีฤทธิ์ร้อน จึงช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลในกระเนื่องจากของกินได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนให้เข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การดัดแปลงทางคลินิก
1.บรรรเทาอาการเจียนร้ายแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งไว้ประมาณครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดีขึ้น
2.บรรเทาอาการแผลในกระเพาะอาหารและก็ลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำอย่างระมัดระวังกับน้ำ 300 มล. นาน 30 นาที กินวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในคนเจ็บที่เป็นโรคกระเพาะ แล้วก็ลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าอาการปวดกระเพราะเหตุว่าน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิว มากท้องผูก หรือขี้สีดำ (แสดงว่ามีเลือดออก)ปกติ ความต้องการอาหารดียิ่งขึ้น (พบว่าคนไข้เหล่านั้นส่วนใหญ่กลายเป็นซ้ำได้อีก ซึ้งบางทีอาจจำต้องรักษาสม่ำเสมอ หรือควบคุมต้นสายปลายเหตุอื่นๆร่วมด้วยจึงจะรักษาหายขาดได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลทรายแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งรับประทานเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.คุ้มครองป้องกันรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือด้านใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ สตางค์ขนาดเหมาะเจาะปิดทับแล้วก็ใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องดื่มน้ำตาม)
5.รักษาปัสสาวะรดที่นอนในผู้เจ็บป่วยที่มีภาวะหยางพร่อง มีความเย็นในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาบริวารนไพรศรีฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกเคล้าจะกว่าจะเข้ากันขัดในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วก็ใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกันจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม รับประทานครั้งเดียว หรือค่อยๆกินหมดข้างในครึ่งชั่วโมง การทดสอบในคนไข้ 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกั้นของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับเพื่อการขับพยาธิร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนจับไข้เนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น อาทิเช่น โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว จับไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาล หรือบางทีอาจใส่หัวหอมตี 3-4 (ช่วยกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วคลุมผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายตอนหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดรับประทานไก่ผัดขิง โดยยิ่งไปกว่านั้นไก่ดำตัวผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงหลังคลอดจะเสียทั้งยังพลังหยางและก็เลือด มีน้ำภายในร่างกายหลงเหลืออยู่มากมายการกินไก่ผัดขิงจะเสริมทั้งยังเลือดหยางช่วยให้การสรุปยดูดซึมของกิน มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคร่ำก้าวหน้าขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่ภาวะธรรมดาเร็วขึ้น
ข้อพึงระวังสำหรับในการทานขิง
-อาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับในการตั้งครรภ์ได้
มีบางการศึกษาพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนในการมีครรภ์ และการแท้ง แต่ว่าสำหรับการตั้งท้องรายอื่นๆนั้นๆไม่เจอการกินขิงจะมีผลให้เกิดอาการพวกนั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ฉะนั้นคุณควรไปขอความเห็นหมอก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-นำมาซึ่งแผลร้อนในด้านในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้าหากหารกินเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบจนกระทั่งเป็นอาการร้อนในได้ ฉะนั้นไม่สมควรรับประทานขุงมากกระทั่งเหลือเกิน
-ยั้งการแข็งตัวของเลือด
การศึกษาเล่าเรียนหนึ่งในหนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์สำหรับในการต่อต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานบันสุขภาพของออสเลียได้ออกการตักเตือนเตือนให้งดเว้นการกินขิงในตอนที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะว่าจะก่อให้กำเนิดการเสี่ยงในการกำเนิดอาการห้อเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ด้วยเหตุนี้ถ้าหากคุณมีอากเลือดออกเลือดออกผิดปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรจะหลีก แกงเลียงการรับประทานขิง
เมื่อรู้แบบงี้แล้ว หวังหลายท่านที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยทุเลาอาการของโรคต่างๆก็คงต้องระวังตัวมากยิ่งขึ้น
เนื่องจากบางเวลาถ้าหากราใช้ ขิงสำหรับการรักษาโรคหนึ่งแต่ว่าก็อาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการไม่ดีขึ้นได้ เพราะฉะนั้นควรจะรับประทานขิงอย่างระมัดระวัง แต่ว่าหากว่าไม่แน่ใจล่ะก็ ควรปรึกษาจากหมอก่อนเสมอ

5

ขิง
หากว่าขิงจะเป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ปรุงอาหารและก็มีคุณประโยชน์สำหรับในการรักษาโรค ถึงแม้ขิงจะมีกลิ่นฉุนและก็มีรสชาติเผ็ดร้อน เลยทำให้ไม่ถูกปากหลายๆคนนั้น แต่ว่าขิงก็เป็นสมุนไพรซึ่งสามารถใช้ทำอาหารรวมทั้งมีสรรพคุณรักษาโรค เรามาดูกันดีกว่าว่าสมุนไพรดีๆอย่างขิงนั้นมีประโยชน์และโทษอะไรที่พวกเราคาดไม่ถึงบ้าง
คุณประโยช์จากขิง
+ ลดอาการท้องอืดแม้คุณรู้สึกท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อยให้จิบชาน้ำขิงหรือกินขิงสดจะมีผลให้คุณทราบกันอยู่แล้วขึ้น หรือถ้าเกิดคุณเกิดอาการท้องอืดที่เกิดขึ้นจากด้านการกินถั่วละก็ ครั้งหลังทดลองฝานถั่วบางๆลงไปในอาหารที่มีถั่ว โน่นก็จะช่วยลดอาหารอาการท้องอืดได้ด้วยเหมือนกันจ้ะ เพราะเหตุว่าขิงนั้นเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน สามารถช่วยขับลม และก็กระตุ้นรูปแบบการทำงานของลำไส้ทำให้ อาการท้องอืดบรรเทาลงได้
+ ช่วยทุเลาอาการไมเกรน
จากการศึกษา
พบว่า การรับประทานขิงเวลาที่อาการไมเกรนใกล้กำเริบนั้น จะช่วยทำให้ความเจ็บปวดจากอาการไมเกรนต่ำลงได้ ด้วยเหตุว่าขิงจะไปช่วยสกัดการฮอร์โมนที่เกี่ยวกับการอักเสบ นอกเหนือจากนี้ยังมีการเรียนรู้อื่น บ่งบอกถึงอีกว่าขิงสามารถช่วยรักษาอาการไขข้ออักเสบ โดยพบว่าคนที่มีลักษณะอาการของโรคข้อหัวเข่าเสื่อมหรือโรครูมาตอยด์มีอาการต่ำลงเมื่อบริโภคขิงผงบ่อยๆทุกๆวัน
คุณประโยชน์ของขิง รวมทั้งโทษที่คุณอาจไม่ได้นึกฝัน
+ ช่วยคุ้มครองโรคมะเร็ง
 ขิงมีคุณสมบัติในการช่วยต่อสู้กับโรคมะเร็ง โดยมีการเรียนรู้พบว่าขิงช่วยทำให้เซลล์ของมะเร็งข้างในรังไข่ตาย เพราะในขิงมีสารเคมีธรรมชาติที่ไปช่วยกระตุ้นเอนไซม์กลูตาไธโน-เอส-ทรานสเฟอรเรส ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยปกป้องโรคมะเร็งได้ ยิ่งกว่านั้นยังพบอีกว่าสินค้าอาหารเสริมที่มีขิงเป็นองค์ประกอบยังช่วยลดอาการอักเสบในลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย
+ ช่วยบรรเทาอาการอ้วก
 ขิงสามารถบรรเทาอาการอาเจียนได้ โดยชาวเอเชียนั้นมักจะใช้ขิงในการช่วยทุเลาอาการเมารถ หรือเมาเรือ นอกเหนือจากนั้นยังมีหลายการเล่าเรียนพบว่าขิงสามารถช่วยป้องกันและก็ทุเลาอาการอ้วกภายหลังการผ่าตัดและก็ยังช่วยทุเลาอาการอ้วกและคลื่นไส้ในคนป่วยโรคมะเร็งที่เข้ารับเคมีบำบัดรักษาได้อีกด้วย
+ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
 มีการศึกษาใหม่พบว่า ขิงผงนั้นสามารถช่วยลดน้ำตาลในเลือดได้ โดยยิ่งไปกว่านั้นกับคนป่วยเบาหวานจำพวกที่ 2 แม้กระนั้นก็ควรที่จะปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานขิงร่วมกับยา เพราะขิงอาจทำปฏิกิริยากับยาที่ใช้รักษาได้ รวมทั้งควรจะติดตามผลระดับน้ำตาลอย่างสนิทสนม เพราะเหตุว่าถ้าหากกินขิงมากจนเกินความจำเป็นก็อาจทำให้ระดับอินซูลินน้อยลงมากเกินไปจนอยู่ในพิกัดอันตรายได้
ประโยชน์ของขิง รวมทั้งโทษที่คุณอาจไม่คาดฝัน
ขิงดอง คุณประโยชน์ดีก็มีนะ รู้ยัง?
 พวกเราบางทีอาจจะเคยทราบกันมาว่าการรับประทานของหมักดองไม่ดีกับสุขภาพ แต่ว่าจำต้องขอนอกจากไว้สำหรับขิงดองค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้วถึงแม้ขิงดองจะเป็นอาหารที่ผ่านการดองด้วยน้ำส้มสายชู แต่เรื่องสรรพคุณ และประโยชน์เพื่อสุขภาพ ขิงดองก็มีดีไม่ด้อยไปกว่าขิงสดๆเลยล่ะค่ะ ซึ่งคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิงดองมีดังนี้
* ช่วยแก้อาการเมาเรือ เมารถ และอาการแพ้ท้อง

เพราะเหตุว่าขิงดองเป็นของกินที่มีกลิ่นแรงทั้งยังยังมีรสชาติเผ็ดอมเปรี้ยว เลยทำให้กลายเป็นของกินที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีลักษณะอาการเมาเรือ เมารถ และก็สตรีที่กำลังมีท้อง ซึ่งชอบมีอาการแพ้ท้อง เอาไว้รับประทานในขณะที่รู้สึกอาเจียน เนื่องจากจะช่วยทุเลาอาการได้จ้ะ ไม่ต้องพึ่งยาแก้เมา หรือยาแก้แพ้ท้อง ทดลองใช้ขิงดองดูนี่ล่ะจ้ะ เด็ด !
* ช่วยล้างปากเวลากินอาหาร
 สำหรับหลายๆคนที่สงสัยว่าเพราะอะไรเวลาไปรับประทานอาหารประเทศญี่ปุ่นแล้วบนจานของกินประเทศญี่ปุ่นจะมีขิงดอง คำตอบก็คือขิงดองเหล่านั้นมีไว้กินล้างปากจ้ะ โดยส่วนใหญ่ในการรับประทานอาหารประเทศญี่ปุ่น จะกินขิงดองตามเข้าไปหลังจากทานอาหารจานนั้นหมดแล้ว เพื่อไม่ให้รสชาติของกินจานเดิมติดอยู่ในปากจนถึงทำให้รู้สึกมันและรับประทานจานต่อไปไม่ไหว ทั้งยังส่งผลให้ลิ้มรสของกินจานถัดไปได้อย่างเต็มเปี่ยมอีกด้วย
* โซเดียมต่ำ
 ขิงดองจะมีรสจัด แต่ว่าน่าประหลาดที่ขิงดองเป็นของกินที่มีโซเดียมต่ำมากมายเมื่อเทียบกับของกินหมักดองจำพวกอื่นๆเมื่อเอามากินและทำให้ไม่จำเป็นที่จะต้องมาวิตกกังวลหรือกลุ้มใจกับจำนวนโซเดียม ลดการเสี่ยงที่จะเกิดความดันโลหิตสูงลงไปได้อีกเยอะแยะเลย
ประโยชน์ของขิง และโทษที่คุณอาจนึกไม่ถึง
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับเพื่อการทานขิง
- อาจส่งผลให้เกิดภาวะสอดแทรกในการท้องได้
 มีบางการเรียนรู้พบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับการท้องและการแท้ง แม้กระนั้นสำหรับในการมีครรภ์รายอื่นๆนั้นไม่พบว่าการรับประทานขิงจะมีผลให้กำเนิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการคลื่นไส้จากการแพ้ท้องได้อีกด้วย ด้วยเหตุผลดังกล่าวคุณควรจะไปหารือหมอก่อนที่จะที่ใช้ขิงสำหรับการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเองจ้ะ
- นำมาซึ่งการก่อให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้
 [url=http://www.disthai.com/16488302/%E0%B8%82%E0%B8%B4%E0%B8%87]ขิง[/url]เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน ถ้ารับประทานเข้าไปในจำนวนที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในโพรงปากเกิดการอักเสบจนกระทั่งเป็นอาการร้อนในได้ โดยเหตุนั้นไม่สมควรรับประทานขิงมากจนเกินไปค่ะ
- ยั้งการแข็งตัวของเลือด
 การเล่าเรียนหนึ่งในประเทศออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีสรรพคุณในการต้านทานการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถาบันสุขภาพของประเทศออสเตรเลียได้ออกการเตือนให้งดการกินขิงขณะที่ใช้ยาละายลิ่มเลือดเพราะเหตุว่าจะมีผลให้เกิดการเสี่ยงสำหรับเพื่อการกำเนิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดออกได้ โดยเหตุนั้นหากคุณมีลักษณะเลือดออกผิดปกติหรือกำลังใช้ยาละลายลิ่มเลือด ควรเลี่ยงการกินขิงจ้ะฃ http://www.disthai.com/

หน้า: [1]