รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - one005464a5

หน้า: [1]
1

[url=http://www.disthai.com/16488281/%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B8%A1]เหงือกปลาหมอ[/url][/size][/b]
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน กลากเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในตำราเรียนยาไทยบอกว่า เหงือกปลาแพทย์สามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกชนิด
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นมาจากเชื้อไวรัสก็จะบรรเทาเบาบางลง
สมุนไพร เหงือกปลาแพทย์เป็นไม้พุ่มที่มีขนาดกลางๆสูงราว 1-2 เมตร ส่วนของลำต้นรวมทั้งใบจะมีหนามมีหนาม ใบหนามแข็งและมีขอบเว้าหนามแหลมใบออกเป็นคู้ตรงกันข้ามกัน ส่วนของดอกจะออกเป็นช่อตามยอด กลีบจะมีสีขาอมม่วง มี 4 กลีบแยกจากกันผลเป็นฝักสีน้ำตาล มี เม็ด จะสามารถพบบ่อยตามชายน้ำ ริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้จะร้ายแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วๆไป แต่เมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นยากินรวมทั้งต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นเวลานานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะบรรเทาเบาบางลงอย่างเห็นได้ชัด สำหรับคนเจ็บโรคผิวหนังด้วย
แนวทางปรุงยาแล้วก็การใช้ยาก็มีหลายวิธีเป็น
วิธีต้มยารับประทานแล้วก็อาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆทีละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง รุ่งเช้า-เย็น ก่อนรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น จะต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจะต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดซะก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง เช้าตรู่-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ถ้าหากมีเหงือกปลาหมอเยอะมากๆ บางครั้งอาจจะต้มยาเพื่อแช่ทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
วิธีทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอทั้ง 5 คราวตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 เซนติเมตร คนแก่รับประทานทีละ 2 เม็ด เด็กอาจจะรับประทานครั้งละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและน้ำหนัก กินวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร ตอนเช้า-เย็น กินไปเรื่อยจนกระทั่งจะหาย แต่ถ้าเกิดเป็นโรคผิวหนังจากภูมิคุ้มกันขาดตกบกพร่องก็ต้องกินตลอดไป

ขั้นตอนการทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาแพทย์ที่ผ่านการเหินเป็นผงละเอียดเสมือนแป้งบรรจุแคปซูลขนาด 250 มก. ผู้ใหญ่กินทีละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะรับประทานอาหาร เด็กน้อยลงตามส่วน
เหงือกปลาหมอมีคุณประโยชน์มากมายก่ายกอง ดังเช่น
-ราก มีคุณประโยชน์ในการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ รวมทั้งใช้ขับเสมหะ
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายแบบ โดยใช้ต้นตำผสมน้ำรักษาวัณโรค อาการผอมบาง ถ้าหากใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้คุณประโยชน์ทางยาแตกต่างกันออกไปอีก
-อีกทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้หัวลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ทั้งยังต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังทำลายพิษ ต้มกินแก้พิษฝีดาษ ฝีทั้งปวง ผลรับประทานเป็นยาขับโลหิตรอบเดือน นอกเหนือจากนั้น ถ้าเกิดตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ทั้งยังต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาตลอดตัว
- อีกทั้งต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะ
- ตำเอาน้ำกินกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ป่วยจับสั่น
- ทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บข้างหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนกิน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมแห้งเหลืองหมดทั้งตัว รับประทานทุกเมื่อเชื่อวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเท่ากันใส่หม้อ เกลือนิดหนึ่ง หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดให้งวดก็เลยชูลง กลั้นหายใจกินขณะอุ่นจนถึงหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนทั้งตัว เวียนหัว ตามัว เจ็บระบมหมดทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาแพทย์"  5 รวมราก กับ อาหารเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ จำนวนเท่ากัน กะตามต้องการ ต้มกับน้ำจนถึงเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้าตรู่ กลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการดียิ่งขึ้น ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นกินทุกวี่ทุกวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกจำพวกหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 พวก หูดี
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่เคยทราบเหน็ดเหนื่อย
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงเพราะ
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนถ้าหากผิวแตกหมดทั้งตัวหายได้ ทั้งปวงที่บอกเป็นตำราเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่สมควรดูถูกดูแคลน รู้ไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

2
อื่น ๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 03:13:32 AM »

ราชพฤกษ์
ราชพฤกษ์ ชื่อสามัญ Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree, Purging Cassia
ราชพฤกษ์ ชื่อวิทยาศาสตร์ Cassia fistula L. จัดอยู่ในวงศ์ถั่ว (FABACEAE หรือ LEGUMINOSAE) รวมทั้งอยู่ในสกุลย่อยราชพฤกษ์ (CAESALPINIOIDEAE หรือ CAESALPINIACEAE)
สมุนไพรราชพฤกษ์ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี), ปูโย ปีอยู เปอโซ แมะหล่าอยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ลักเกลือ ลักเคย (กะเหรี่ยง), ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ (ภาคกลาง), ราชพฤกษ์ (ภาคเหนือ), ราชพฤกษ์ (ภาคใต้), คูน (ทั่วๆไปเรียกรวมทั้งมักจะเขียนไม่ถูกหรือสะกดผิดเป็น “ต้นคูณ” หรือ “คูณ“) เป็นต้น
คำว่า “ราชพฤกษ์” หมายความว่า “ต้นไม้ของพระเจ้าแผ่นดิน” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานมหกรรมพืชสวนโลกซึ่งจัดขึ้นเพื่อสังสรรค์ในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่พระเจ้าแผ่นดินของเราทรงครองสิริราชสมบัติครบรอบ 60 ปี
ต้นราชพฤกษ์ ต้นไม้ประจำชาติไทย
เมื่อปี พุทธศักราช2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติได้มีข้อแนะนำรวมทั้งสรุปให้มีการระบุสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่ง ซึ่งประกอบไปด้วย ดอกไม้ สัตว์ และสถาปัตยกรรม ซึ่งจากการพิจารณาได้ผลสรุปว่า ให้สัตว์ประจำชาติคือ “ช้างไทย” ส่วนในด้านสถาปัตยกรรมประจำชาติคือ “ศาลาไทย” และในส่วนของดอกไม้ประจำชาติก็คือ “ดอกราชพฤกษ์” โดยมีเหตุมีผลสำหรับการเลือกสรรดังนี้
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์ จัดฯลฯไม้ประจำชาติไทย (ตามประกาศของกรมป่าไม้)ต้นไม้ราชพฤกษ์ ฯลฯไม้ที่คนประเทศไทยทั่วไปรู้จักกันอย่างมากมาย ในนามของ “ต้นคูน” สามารถประสบพบเห็นได้ทั่วๆไปของทุกภาคในประเทศ
ต้นราชพฤกษ์มีความเกี่ยวข้องกับประเพณีชาวไทยมาอย่างนาน ด้วยเหตุว่าเป็นพืชที่มีความมงคลนามแล้วก็ใช้ในการประกอบพิธีหลักๆต่างๆหลายพิธี ตัวอย่างเช่น พิธีการลงเสาหลักเมือง ทำคทาจอมพล ใช้ทำยอดธงชัยเฉลิมพล ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์นั้นสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างหลากหลาย เช่น การใช้เป็นยาสมุนไพรหรือประยุกต์ใช้ทำเป็นเสาบ้านเสาเรือนได้ ฯลฯ
ต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีอายุยืนนานและก็แข็งแรงทนทาน
ต้นราชพฤกษ์มีรูปทรงและก็พุ่มไม้ที่งดงาม มีดอกเหลืองสวยงามเต็มต้น ดูสวยงามยิ่งนัก
ดอกราชพฤกษ์มีสีเหลือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของชาติไทย เป็นสัญลักษณ์ที่พระพุทธศาสนา แล้วก็ยังเป็นเครื่องหมายของวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ตามตำราพืชที่มีความมงคล 9 ชนิดยังระบุไว้ว่า ต้นราชพฤกษ์เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความเป็นใหญ่ ความมีอำนาจวาสนา มีโชคมีชัย
สมุนไพรราชพฤกษ์ กับการนำมาใช้รักษาโรครวมทั้งอาการต่างๆโดยส่วนที่นำมาใช้เป็นสรรพคุณทางยานั้น อาทิเช่น ส่วนของใบ ดอก เปลือก ฝัก แก่น กระพี้ ราก รวมทั้งเม็ด ซึ่งสมุนไพรราชพฤกษ์ เป็นสมุนไพรที่สามารถใช้ได้อีกทั้งกับเด็ก สตรี รวมไปถึงคนวัยชรา โดยปลอดภัยใดๆ
ลักษณะของต้นราชพฤกษ์
ต้นราชพฤกษ์ (ต้นคูน) เป็นพืชพื้นบ้านในแถบเอเชียใต้ ไล่ตั้งแต่ทางตอนใต้ของประเทศปากีสถานไปจนกระทั่งประเทศอินเดีย พม่า และก็ประเทศศรีลังกา โดยจัดเป็นพรรณไม้ขนาดกึ่งกลาง มีลำต้นสีน้ำตาลแกมเทาหมดจด มักขึ้นทั่วไปตามป่าผลัดใบหรือในดินที่มีการระบายน้ำดี แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเม็ดแล้วย้ายกล้ามาปลูกเอาไว้ในถุงเพาะชำ เมื่อโตพอแล้วก็ย้ายมาปลูกเอาไว้ภายในพื้นที่ แม้กระนั้นในปัจจุบันบางครั้งก็อาจจะใช้กรรมวิธีทาบกิ่งแล้วก็ทิ่มยอดก็ได้ แต่ว่าจังหวะสำเร็จจะน้อยกว่ากรรมวิธีการเพาะเม็ด
ใบราชพฤกษ์ (ใบคูน) รูปแบบของใบออกเป็นช่อ ใบสีเขียวเป็นเงา ช่อหนึ่งยาวราว 2.5 ซม. แล้วก็มีใบย่อยเป็นไข่หรือรูปป้อมๆราว 3-6 คู่ ใบย่อยมีความกว้างราว 5-7 ซม. รวมทั้งยาวโดยประมาณ 9-15 ซม. โคนใบมนแล้วก็สอบไปทางปลายใบ เนื้อใบบางเกลี้ยง มีเส้นกิ่งก้านสาขาใบถี่และโค้งไปตามรูปใบ
ใบราชพฤกษ์
ดอกราชพฤกษ์ (ดอกคูน) มีดอกเป็นช่อ ยาวโดยประมาณ 20-45 ซม. มีกลีบรองดอกรูปขอบขนาน มีความยาวราว 1 ซม. กลีบมี 5 กลีบ หลุดตกได้ง่าย และกลีบดอกไม้ยาวกว่ากลีบรองดอกโดยประมาณ 2-3 เท่า รวมทั้งมีกลีบรูปไข่จำนวน 5 กลีบ รอบๆพื้นกลีบจะเห็นเส้นกลีบแน่ชัด ที่ดอกมีเกสรตัวผู้ขนาดไม่เหมือนกันจำนวน 10 ก้าน มีก้านอับเรณูโค้งงอขึ้น ดอกชอบบานในตอนเดือนมีนาคมถึงเดือนพฤษภาคม แม้กระนั้นก็มีบางกรณีที่ออกดอกนอกฤดูเช่นเดียวกัน อย่างเช่น ในช่วงธันวาคมถึงเดือนมกราคม
ดอกราชพฤกษ์ดอกคูน
ผลราชพฤกษ์ หรือ ฝักราชพฤกษ์ (ฝักคูณ) ผลมีลักษณะเป็นฝักรูปทรงกระบอกเกลี้ยงๆฝักยาวโดยประมาณ 20-60 ซม. รวมทั้งวัดเส้นผ่าศูนย์กลางได้ราว 2-2.5 ซม. ฝักอ่อนจะมีสีเขียว ส่วนฝักแก่จัดจะมีสีดำ ในฝักจะมีผนังเยื่อบางๆชิดกันอยู่เป็นช่องๆตามแนวขวางของฝัก แล้วก็ในช่องจะมีเม็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่ มีขนาดประมาณ 0.8-0.9 เซนติเมตร
ฝักคูนฝักราชพฤกษ์
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์
ช่วยทำนุบำรุงโลหิตภายในร่างกาย (เปลือก)
สารสกัดจากลำต้นและใบของราชพฤกษ์มีฤทธิ์ช่วยต้านทานอนุมูลอิสระ (ลำต้น, ใบ)
สารสกัดจากเมล็ดมีฤทธิ์ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล (เมล็ด)
ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจหรือถุงน้ำดี (ราก)
ราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ช่วยแก้ไข้ (ราก)
ฝักราชพฤกษ์มีคุณประโยชน์ทางยาช่วยแก้ไข้ไข้มาลาเรีย (ฝัก)
ช่วยแก้ไข้รูมาติกด้วยการกางใบอ่อนนำมาต้มกับน้ำกิน (ใบ)
ฝักอ่อนมีรสหวานอมเปรี้ยวบางส่วน มีกลิ่นเหม็นเหม็นเบื่อ เย็นจัด สรรพคุณสามารถใช้ขับเสมหะได้ (ฝักอ่อน)
ช่วยแก้อาการอยากดื่มน้ำ (ฝัก)
เปลือกเมล็ดและก็เปลือกฝักมีสรรพคุณช่วยทำลายพิษ ทำให้อ้วก หรือจะใช้เมล็ดโดยประมาณ 5-6 เม็ด เอามาบดเป็นผงแล้วกินก็ได้ (เม็ด, ฝัก)
ต้นราชพฤกษ์ สรรพคุณของกระพี้ใช้แก้อาการปวดฟัน (กระพี้)
ในอินเดียมีการใช้ฝัก เปลือก ราก ดอก และใบมาทำเป็นยา ใช้เป็นยาแก้ไข้รวมทั้งหัวใจ แก้อาการหายใจขัด ช่วยถ่ายของเสียออกจากร่างกาย แก้อาการซึมเศร้า หนักศีรษะ หนักตัว ทำให้สดชื่นหน้าอก (เปลือก, ราก, ดอก, ใบ, ฝัก)
คุณประโยชน์ราชพฤกษ์ช่วยแก้โรครำมะนาด (กระพี้, แก่น)
ช่วยรักษาเด็กเป็นต้นตานขโมยด้วยการใช้ฝักแห้งราว 30 กรัมนำมาต้มกับน้ำดื่ม (ฝัก)
ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก (เนื้อในฝัก)
ฝักแก่ใช้เป็นยาระบาย ช่วยสำหรับการถ่าย ทำให้ถ่ายได้สบาย ไม่มวนท้อง แก้ท้องผูก เหมาะกับคนที่มีลักษณะท้องผูกเสมอๆและสตรีตั้งครรภ์ ด้วยเหตุว่ามีสารแอนทราควิโนน (Anthraquinone glycoside) เป็นตัวช่วยระบาย สำหรับวิธีการใช้ ให้ใช้ฝักแก่ขนาดก้อนเท่านิ้วโป้ง (หนักประมาณ 4 กรัม) และน้ำอีก 1 ถ้วยแก้วใส่หม้อต้ม แล้วผสมเกลือเล็กน้อย ใช้ดื่มก่อนอาหารเช้าตรู่หรือช่วงก่อนนอนเพียงครั้งเดียว (ฝักแก่, ดอก, เนื้อในฝัก, ราก, เมล็ด)
เมล็ดมีรสฝาดเมา สรรพคุณช่วยแก้ท้องเดิน (เมล็ด)
ช่วยหล่อลื่นลำไส้ รักษาโรคเกี่ยวกับกระเพาะอาหารแล้วก็แผลเรื้อรัง (ดอก)
ช่วยรักษาโรคบิด (เม็ด)
คุณประโยชน์ของราชพฤกษ์ ฝักช่วยแก้อาการจุกเสียด (ฝัก)
ช่วยทำให้เกิดลมเบ่ง ด้วยการใช้เม็ดฝนกับหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ รวมทั้งน้ำตาล แล้วเอามากิน (เม็ด)
ฝักแล้วก็ใบมีคุณประโยชน์ช่วยขับพยาธิ ด้วยการใช้ฝักแห้งประมาณ 30 กรัมเอามาต้มกับน้ำ (ใบ, ฝัก, เนื้อในฝัก)
ต้นคูณมีสรรพคุณช่วยขับพยาธิไส้เดือนในท้อง (แก่น)
เปลือกฝักมีรสเฝื่อนเมา ช่วยขับรกที่ค้าง ทำให้แท้งลูก (เปลือกฝัก)
สารสกัดจากใบคูนมีฤทธิ์ช่วยต้านการเกิดพิษที่ตับ (ใบ)
คุณประโยชน์ของคูน รากใช้แก้โรคโรคกุฏฐัง (ราก)
ใบสามารถนำมาใช้สำหรับในการฆ่าเชื้อโรค เชื้อโรคบนผิวหนังที่เกิดขึ้นจากเชื้อราได้ (ใบ)
ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง (ใบ)
รากนำมาฝนใช้ทารักษาขี้กลากโรคเกลื้อน และก็ใบอ่อนก็ใช้แก้กลากได้เช่นกัน (ราก, ใบ)
เปลือกรวมทั้งใบเอามาบดผสมกันใช้ทาแก้เม็ดผื่นผื่นตามร่างกายได้ (เปลือก, ใบ)
เปลือกมีสรรพคุณช่วยแก้ฝี แก้บวม หรือจะใช้เปลือกและก็ใบเอามาบดผสมกันใช้ทารักษาฝี (เปลือก, ใบ)
คูน สรรพคุณของดอกช่วยแก้บาดแผลเรื้อรัง รักษาแผลเรื้อรัง (ดอก)
เปลือกราชพฤกษ์ คุณประโยชน์ช่วยสมานบาดแผล (เปลือก)
ฝักคูณมีคุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ (เนื้อในฝัก)
คนแขกใช้ใบเอามาตำ เอามาพอกแล้วนวด ช่วยแก้โรคปวดข้อรวมทั้งอัมพาต (ใบ)
ช่วยกำจัดหนอนและแมลง โดยฝักแก่มีสารออกฤทธิ์ที่มีผลต่อระบบประสาทของแมลง เมื่อนำฝักมาบดผสมกับน้ำเสียไว้ประมาณ 2-3 วัน แล้วก็ใช้สารละลายที่กรองได้มาฉีดพ่นจะสามารถที่จะช่วยในการจัดการกับรอยคราบแมลงและก็หนอนในแปลงผักได้ (ฝักแก่)
สารสกัดจากรากราชพฤกษ์มีฤทธิ์ยั้งเอนไซม์ Acetylcholinesterase
นอกเหนือจากนั้นยังมีการนำสมุนไพรราชพฤกษ์มาดัดแปลงทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเยอะแยะ ได้แก่
น้ำมันนวดราชพฤกษ์ ที่ต้มมาจากน้ำมันจากใบคูน เป็นน้ำมันนวดสูตรร้อนหรือสูตรเย็น ที่ใช้นวดแก้อัมพฤกษ์อัมพาต และก็ไขปัญหาเรื่องเส้น
ลูกประคบราชตารู เป็นลูกประคบสูตรโบราณ ที่ใช้ใบคูนเป็นตัวยาตั้งต้น ประกอบไปด้วย ขมิ้นอ้อย เทียนดำ กระวาน แล้วก็อบเชยเทศ โดยลูกประคบสูตรนี้จะใช้ปรุงตามอาการ โดยจะมองตามโรคแล้วก็ความอยากได้เป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะได้ต่างกัน
ผงพอกคูนคาดข้อ ทำมาจากใบคูนที่เอามาบดเป็นผุยผง ช่วยแก้ลักษณะของการปวดเส้น อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเอามาพอกบริเวณที่เป็นจะช่วยทำให้มีการเกิดการไหลเวียนของโลหิต บรรเทาอาการปวดข้อ รักษาโรคโรคเกาต์ และก็ยังช่วยลดอาการอักเสบได้อีกด้วย ซึ่งสูตรนี้สามารถใช้กับคนเจ็บที่เป็นอัมพาตบริเวณใบหน้าครึ่งซีก ตาไม่หลับ มุมปากตกได้ด้วย
ชาสุวรรณาคา ทำจากใบคูน สรรพคุณช่วยในด้านสมอง จัดการกับปัญหาเส้นเลือดตีบในสมอง ช่วยให้ระบบไหลเวียนภายในร่างกายดีขึ้น ช่วยแก้อัมพฤกษ์อัมพาต โดยเป็นตัวยาที่มีไว้ชงดื่มพร้อมกันไปกับการรักษาแบบอื่นๆ

ข้อควรคำนึง !
:กระบวนการทำเป็นยาต้ม ควรจะต้มให้พอควรก็เลยจะได้ผลดี ถ้าหากต้มนานเกินความจำเป็นหรือเกินกว่า 8 ชั่วโมง ยาจะไม่มีฤทธิ์ระบาย แต่ว่าจะก่อให้ท้องผูกแทน แล้วก็ควรที่จะเลือกใช้ฝักที่ไม่มากเกินความจำเป็น และยาต้มที่ได้แม้รับประทานมากจนเกินไปอาจส่งผลให้คลื่นไส้ได้
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากราชพฤกษ์
นิยมนำมาปลูกไว้ฯลฯไม้ประดับตามสถานที่ต่างๆเป็นต้นว่า สถานที่ราชการ รอบๆริมถนนข้างทาง รวมทั้งสถานที่อื่นๆ
ต้นราชพฤกษ์กับความเชื่อ ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลนามที่คนประเทศไทยโบราณมั่นใจว่า บ้านใดที่ปลูกต้นราชพฤกษ์ไว้เป็นไม้ประจำบ้านจะช่วยทำให้ทรงเกียรติและก็เกียรติ สาเหตุด้วยเหตุว่าคนให้การเห็นด้วยว่าต้นราชพฤกษ์เป็นไม้ที่มีคุณค่าสูงและก็ยังเป็นสัญลักษณ์ของประเทศไทยอีกด้วย และก็ยังมั่นใจว่าจะมีผลให้ผู้อาศัยนั้นก้าวหน้า โดยจะนิยมนำมาปลูกต้นราชพฤกษ์ในวันเสาร์และก็ปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน (อาจเกิดจากทิศดังที่กล่าวถึงมาแล้วได้รับแดดจัดในตอนเวลาบ่าย เลยปลูกไว้เพื่อช่วยลดความร้อนข้างในบ้านรวมทั้งช่วยประหยัดพลังงาน)
ต้นราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลรวมทั้งศักดิ์สิทธิ์ ใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ในพิธีกรรมต่างๆทางศาสนา ดังเช่น พิธีวางศิลาฤกษ์ ใช้ทำเสาหลักเมือง เสาเอกในการก่อสร้างพระตำหนัก ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร คทาจอมพล ส่วนใบของต้นราชพฤกษ์จะใช้ทำเป็นน้ำพุทธมนต์ไว้สะเดาะเคราะห์ได้ผลดีนัก เป็นต้น
เนื้อไม้ใช้ทำเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ ด้ามเครื่องมือต่างๆหรือทำเป็นไม้ไว้ใช้สอยอื่นๆดังเช่น ใช้ทำเสา เสาสะพาน ทำสากตำข้าว ล้อเกวียน คันไถ เป็นต้น
เนื้อของฝักแก่สามารถนำมาใช้แทนกากน้ำตาลสำหรับเพื่อการทำเป็นหัวเชื้อจุลชีพและก็จุลชีพขยายได้
ฝักแก่สามารถนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับในการหุงด้วยเตาเศรษฐกิจที่มีขนาดเหมาะเจาะ โดยไม่ต้องผ่า ตัด หรือเลื่อย
แหล่งอ้างอิง :
เว็บสำนักงานโครงการรักษาพันธุกรรมพืชสาเหตุจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, เว็บกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช, เว็บไซต์ไทยโพส, ที่ทำการพัฒนาเศรษฐกิจจากฐานชีวภาพ (หน่วยงานมหาชน), งานแสดงนิทรรศการพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2554, ที่ทำการกองทุนเกื้อหนุนการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.) http://www.disthai.com/

3

ตะไคร้บ้าน
ตะไคร้ คุณประโยชน์
"ตะไคร้" (Lemongrass) เป็นสมุนไพรก้นครัวที่พวกเรารู้จักและก็เคยชินกันมานาน เพราะว่าในของกินไทยหลายแบบมักใส่ตะไคร้ลงไปเป็นเลิศในเครื่องปรุงด้วยเสมอ อาทิ ต้มยำ ต้มข่าไก่ ยำ น้ำพริกต่างๆช่วยเพิ่มรสชาติและค่าให้กับอาหาร ส่งกลิ่นหอมเชิญชวนกิน จนกลายเป็นสิ่งที่จะต้องมีให้ได้เลยในของกินกลุ่มนี้ ยิ่งกว่านั้นยังมีกลิ่นหอมหวนส่วนตัวจากน้ำมันหอมระเหย ทำให้ตะไคร้ถูกใช้ประโยชน์เป็นกลิ่นในสินค้าเพื่อสุขภาพมาก น้ำมันหอยระเหย น้ำมันทาตัว ยาจุดกันยุง สบู่ต่างๆ
ตะไคร้ จัดเป็นไม้ล้มลุกที่จัดอยู่ในวงศ์หญ้า มีหลากหลายชนิด เว้นแต่นำไปประกอบอาหารแล้วแล้วก็ทำเป็นยาสมุนไพรแล้ว ตะไคร้บางชนิดยังช่วยไล่ยุงมดแมลงได้อีกด้วย จึงจัดเป็นพืชผักสวนครัวที่อยู่คู่กับคนไทยมานาน หลายบ้านก็เลยนิยมปลูกไว้ในบ้าน จะใช้เมื่อไรก็ตัดมาใช้ได้ในทันที
ตะไคร้จัดเป็นสมุนไพรที่ซ่อนคุณค่าไว้มากมายก่ายกอง เพราะเหตุว่าเป็นทั้งอาหารและก็ยารักษาโรค มีวิตามินและก็แร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ทั้งยังวิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก สังกะสี ทองแดง แมงกานีส รวมทั้งโฟเลต ประสิทธิภาพคับแก้วขนาดนี้คนที่รังเกียจตะไคร้ลองเปลี่ยนความคิดกันใหม่ หันมาชอบตะไคร้ให้เยอะขึ้นเรื่อยๆ จะได้ประโยชน์เยอะมากแน่นอน
ตะไคร้หอมไล่ยุงได้จริงหรือ?
ในตะไคร้หอม มีน้ำมันหอยละเหยอยู่ซึ่งมีฤทธิ์สำหรับในการป้องกันแมลงได้ โดยครีมที่มีส่วนผสมจากน้ำมันหอมละเหยในตะไคร้สามารถป้องกันยุงลาย ยุงก้นปล่อง แล้วก็ยุงหงุดหงิดรำคาญกัดได้ ยิ่งไปกว่านี้ยังฤทธิ์สำหรับในการกำจัดลูกน้ำยุงได้อีกด้วย
นอกเหนือจากยุงแล้ว สารสกัดจากตะไคร้หอมยังช่วยป้องกันแมลงประเภทอื่น อย่างเช่น ถ้าหากผสมสารสกัดตะไคร้กับสะเดาจะมีผลช่วยลดเพลี้ยอ่อนแล้วก็หนอนเจาะฝักซึ่งเป็นศัตรูของถั่วฝักยาว ส่วนแชมพูที่มีส่วนผสมจากตะไคร้หอม สามารถฆ่าเห็บหมัดในสัตว์เลี้ยงได้
ลักษณะ
ลำต้นทรงกระบอก แข็ง สะอาด ตามข้อมักมีไขปกปะทุลม เหง้า มีข้อและก็บ้องสั้นมากมาย กาบใบสีขาวนวล หรือสีขาวปนม่วง รสปร่า  มีกลิ่นหอมเฉพาะ
คุณประโยชน์
– ต้น : ใช้เป็นยารักษาโรคหือหอบ แก้เจ็บท้อง ขับปัสสาวะ แล้วก็แก้อหิวาต์ ยิ่งกว่านั้นยังใช้ร่วมกับสมุนไพรอื่น รักษาโรคได้ เช่น บำรุงธาตุ เจริญอาหาร แล้วก็ขับเหงื่อ
– ใบ : ช่วยลดระดับความดันโลหิตสูง แก้ไข้
– ราก : ใช้เป็นยาแก้ไข ปวดท้อง ท้องเดิน
– ต้น : ใช้เป็นยาขับลม ยาแก้ไม่อยากอาหาร แก้โรคทางเดินเยี่ยว นิ่ว เป็นยาบำรุงธาตุไฟให้เจริญก้าวหน้า นอกจากนั้นยังใช้ดับกลิ่นคาวได้ด้วย
– น้ำมัน : มีฤทธิ์ต้นเชื้อรา และก็มีกลิ่นไล่สุนัขแล้วก็แมว
ตำราเรียนยาไทย : ต้น รสหอมปร่า ขับลม ลดอาการท้องอืดท้องอืดท้องเฟ้อแน่นจุกเสียด แก้อาการเกร็ง ขับเหงื่อ แก้โรคฟุตบาทเยี่ยว แก้อาการขัดเบา แก้นิ่ว แก้ปัสสาวะเป็นเลือด ทำให้เจริญอาหาร ลดระดับความดันโลหิต เหง้า แก้ไม่อยากอาหาร บำรุงไฟธาตุ แก้กษัย ขับลมในไส้ แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้เยี่ยวขัด แก้ปัสสาวะพิการ แก้นิ่ว เป็นยารักษาเกลื้อน แก้ไข้หวัด ขับเมนส์ ขับตกขาว ใช้ข้างนอกทาแก้ลักษณะของการปวดบวมตามข้อ
ตะไคร้หอม
ตะไคร้ คุณประโยชน์
ลักษณะ
ลำต้นเป็นข้อๆใบรูปขอบขนานปลายแหลม ใบยาวกว่าตะไคร้บ้าน ลักษณะของใบกว้าง 5-20 มิลลิเมตร ยาวประมาณ 50-100 เซนติเมตร แผ่นใบแคบ ยาว และก็นิ่มกว่าตะไคร้บ้าน มีสีเขียว ผิวเกลี้ยง รวมทั้งมีกลิ่นหอมสดชื่นเอียน ก้านใบเป็นกาบทับกันแน่นสีเขียวผสมม่วงแดง รากฝอยแตกออกจากโคน ต้นและก็ใบมีกลิ่นแรงจนกินเป็นของกินมิได้ ต้น มีรสปร่า ร้อนขม

สรรพคุณ
– อีกทั้งต้น : ใช้เป็นยาแก้ปากแตกระแหง แก้ริดสีดวงในปาก ขับลมในไส้ แก้แน่น ขับเลือดประจำเดือน มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเรียบบีบตัว ไม่เหมาะสมกับสตรีมีท้อง เนื่องจากว่าถ้าหากทานเข้าไป อาจจะก่อให้แท้งได้
– ใบ : ใช้เป็นยาคุมกำเนิด ชำระล้างไส้ ไม่ให้กำเนิดซาง
– ราก : แก้ลมจิตรวาด หัวใจ วุ่นวายใจ เพ้อเจ้อ
– ต้น : แก้ลมพานไส้ แก้ธาตุ แก้เลือดลมไม่ปกติ
– น้ำมัน : ใช้ทาป้องกันยุง มีฤทธิ์ไล่แมลง และก็ใช้รักษาโรคตัวเห็บสุนัข
ตำรายาไทย : ใช้ เหง้า เป็นยาบีบมดลูก ทำให้แท้งลูกได้ คนมีท้องห้ามรับประทาน ยิ่งไปกว่านี้ยังใช้ขับเมนส์ ขับฉี่ ขับระดูขาว ขับลมในลำไส้ แก้แน่น แก้แผลในปาก แก้ตานซางในลิ้นและก็ปาก บำรุงไฟธาตุ แก้ไข้ แก้อาเจียน แก้ริดสีดวงตา แก้ธาตุ แก้เลือดลมไม่ดีเหมือนปกติ
เหง้า ใบ และก็กาบ เอามากลั่นได้น้ำมันหอมระเหย ใช้เป็นเครื่องหอม ดังเช่นว่า สบู่ หรือพ่นทาผิวหนังกันยุง แมลง ทั้งต้น มีรสปร่า ร้อนขม แก้ริดสีดวงในปาก
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้
– น้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้บ้าน ช่วยกระตุ้นให้ตื่นตัว เบิกบานใจ ทำให้ขมีขมัน ระงับความเครียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยสำหรับการย่อยอาหาร ช่วยเจริญอาหาร ทุเลาอาการปวดโรคข้ออักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ
-น้ำมันหอมระเหยที่กลั่นจากใบตะไคร้ ช่วยบรรเทาลักษณะของการปวดข้อ ช่วยต้านเชื้อราบนผิวหนังได้เป็นอย่างดี และก็ช่วยลดการบีบตัวของลำไส้ได้
ข้อควรตรึกตรอง
ตะไคร้มีฤทธิ์ที่จะช่วยขับโลหิต ทำให้มดลูกบีบตัว ห้ามใช้กับหญิงท้องเพราะว่าอาจจะส่งผลให้แท้งได้

4

ขิง
ขิง เป็นพืชที่มีเหง้าใต้ดิน ด้านนอกเหง้าเป็นน้ำตาลปนเหลือง เนื้อในสีขาวหรือเหลืองอ่อน มักนำมาทำอาหารเนื่องจากว่าส่งกลิ่นหอม ยิ่งไปกว่านี้ ขิงยังคงใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องดื่ม สบู่ รวมทั้งเครื่องแต่งตัวทั้งหลายแหล่ด้วยเหมือนกัน ด้านประโยชน์ต่อสุขภาพ มีความเชื่อเกี่ยวกับการใช้ขิงรักษาโรคหลากหลายชนิดมาอย่างยาวนาน ดังเช่น โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับระบบที่ทำการย่อยอาหารอย่างท้องเดิน มีแก๊สในกระเพาะ อาหารไม่ย่อย อาการเมารถเมาเรือ อ้วก เบื่ออาหาร
คุณสมบัติของขิงมั่นใจว่ามีสารที่บางทีอาจช่วยลดอาการอ้วกรวมทั้งลดการอักเสบ โดยนักวิจัยส่วนมากคาดว่าเป็นสารที่ออกฤทธิ์ในกระเพาะรวมทั้งไส้ แล้วก็สารนี้บางทีอาจมีผลต่อสมองหรือระบบประสาทส่วนที่ควบคุมอาการอ้วกด้วย แต่ข้อสันนิษฐานดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นยังกำกวมนัก รวมทั้งคุณลักษณะด้านอื่นๆมีข้อมูลน้อยกว่า ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับมาจากขิงต่อสุขภาพที่เราเชื่อกันนั้น ช่วงนี้ทางด้านวิทยาศาสตร์มีข้อมูลแจกแจงไว้ดังต่อไปนี้
การดูแลรักษาที่บางทีอาจเห็นผล
อาการอาเจียนอาเจียนที่เกิดขึ้นจากการใช้ยาต่อต้านเชื้อไวรัสเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง สรรพคุณบรรเทาอาการอาเจียนอ้วกของขิงอาจมีคุณประโยชน์ต่อคนเจ็บโรคนี้ที่อยากได้รับผลกระทบจากการใช้ยารักษาโรค โดยจากการเล่าเรียนผู้เจ็บป่วยปริมาณ 102 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งรับประทานขิง 500 กรัม อีกกลุ่มกินยาหลอกวันละ 2 ครั้ง ในตอน 30 นาทีก่อนที่จะได้รับยารักษาโรคโรคภูมิคุมกันบกพร่องอย่างยาต้านรีโทรเชื้อไวรัส เป็นเวลาทั้งหมดทั้งปวง 14 วัน พบว่าขิงช่วยลดอาการอาเจียนอาเจียนที่เกิดขึ้นจากการรักษาโรคติดเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคภูมิคุ้มกับบกพร่องได้
อาการอาเจียนอ้วกภายหลังการผ่าตัด ขิงอาจช่วยทุเลาอาการอาเจียนและก็อาเจียนจากการผ่าตัดได้อย่างเดียวกัน โดยการเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ชี้ว่าการกินขิง 1-1.5 กรัม ในช่วง 1 ชั่วโมงก่อนจะมีการผ่าตัดนั้นดูเหมือนจะช่วยลดอาการอ้วกคลื่นไส้ที่บางทีอาจเกิดขึ้นในระหว่าง 1 วันข้างหลังได้รับการผ่าตัด
งานค้นคว้าหนึ่งทดลองแบ่งผู้เจ็บป่วยจำนวน 122 รับการผ่าตัดต้อกระจกให้รับประทานแคปซูลขิง 1 กรัม รวมทั้งอีกกลุ่มได้รับแคปซูลขิง 500 มก.แต่ว่าแบ่งให้ 2 ครั้งก่อนผ่าตัด ซึ่งผลลัพธ์พบว่าคนไข้ในกรุ๊ปข้างหลังมีลักษณะอาเจียนอาเจียนน้อยครั้งรวมทั้งมีความรุนแรงของอาการน้อยกว่า โดยงานศึกษาวิจัยนี้พบว่าการใช้ขิงนั้นน่าจะให้ความสามารถสูงสุดเมื่อกินเป็นประจำและก็เป็นประจำโดยแบ่งปริมาณการใช้
นอกจากนี้ การทดลองทาน้ำมันขิงรอบๆข้อมือของคนเจ็บก่อนเข้ารับการผ่าตัด พบว่าช่วยคุ้มครองป้องกันอาการอ้วกในคนไข้ราวๆ 80 เปอร์เซ็นต์จากผู้เข้ารับการผ่าตัดทั้งสิ้น ทว่าการใช้ขิงช่วยลดอาการอาเจียนอาเจียนร่วมกับยาลดคลื่นไส้อาเจียนนั้นอาจให้ผลได้ไม่ดีนัก รวมทั้งการใช้ขิงกับคนเจ็บที่มีโอกาสเสี่ยงต่อการอาเจียนคลื่นไส้น้อยอยู่รวมทั้งบางทีอาจไม่ได้เรื่องเหมือนกัน
อาการแพ้ท้อง การกินขิงอาจมีส่วนช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้อง เป็นต้นว่า คลื่นไส้ คลื่นไส้ หรือเวียนหัว ผลการศึกษาวิจัยชิ้นหนึ่งที่ช่วยยืนยันคุณลักษณะนี้เป็นการทดสอบในหญิงที่มีอายุครรภ์น้อยกว่า 20 อาทิตย์ ปริมาณ 120 คน ซึ่งพบเจออาการแพ้ท้องทุกวันนานอย่างน้อย 1 สัปดาห์ และไม่รู้สึกดีขึ้นแม้จะเปลี่ยนแปลงการรับประทานอาหารแล้วก็ตาม หลังจากรับประทานสารสกัดจากขิง 125 มก. ซึ่งเสมอกันกับขิงแห้ง 1.5 กรัม วันละ 4 ครั้ง 4 วัน คำตอบได้แสดงให้เห็นว่าขิงบางทีอาจสามารถประยุกต์ใช้ผลดีในฐานะการดูแลและรักษาหนทางต่ออาการแพ้ท้องได้
ถือว่าสอดคล้องกับอีกงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยก่อนหน้าที่ชี้ว่าการรับประทานขิง 1 กรัมต่อวัน ติดต่อนาน 4 วัน สามารถช่วยลดความร้ายแรงของอาการอาเจียนอาเจียนในหญิงท้องที่มีลักษณะแพ้ท้องได้ แม้กระนั้นการใช้ขิงสำหรับคุณค่าด้านนี้อาจเห็นการดูแลรักษาได้ช้ากว่าหรือได้ผลดีไม่พอๆกับการใช้ยาแก้อาเจียนอ้วก ยิ่งกว่านั้น การเรียนรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะช่วยลดอาการแพ้ท้องของขิงยังมีความจำกัดแล้วก็พบผลที่ไม่สม่ำเสมอ โดยมีบางการทดสอบที่ชี้ว่าขิงบางทีอาจไม่ได้มีส่วนช่วยสำหรับการลดอาการแพ้ท้องด้วยเหมือนกัน
อาการหน้ามืดศีรษะ อาการที่เกิดขึ้นพร้อมทั้งการอาเจียนนี้บางทีอาจทุเลาให้ดียิ่งขึ้นได้ด้วยการใช้คุณประโยชน์จากขิง จากงานศึกษาวิจัยที่ทดลองด้วยการให้ผู้ที่มีลักษณะบ้านหมุน และตากระตุกจากการกระตุ้นโดยใช้อุณหภูมิกินผงเหง้าขิง ปรากฏว่าเหง้าขิงช่วยลดอาการเวียนหัวหัวได้อย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอก แต่ว่าไม่ได้ช่วยลดระยะเวลาหรือชะลอการกระตุกของตามากนัก
โรคข้อเสื่อม มีการเรียนบางงานที่ชี้ว่าขิงอาจมีคุณประโยชน์ลดลักษณะการเจ็บที่เกิดขึ้นจากโรคข้อเสื่อม จากการทดสอบหนึ่งที่ให้คนเจ็บรับประทานสารสกัดจากขิงชนิดหนึ่ง (Zintona EC) ในจำนวน 250 กรัม วันละ 4 ครั้ง พบว่าช่วยลดลักษณะของการปวดข้อหัวเข่าภายหลังการดูแลรักษาตรงเวลา 3 เดือน ส่วนอีกงานศึกษาวิจัยที่ใช้สารสกัดจากขิงผสมกับข่า พบว่าให้ผลลัพธ์สำหรับในการช่วยลดลักษณะของการเจ็บขณะยืน อาการเจ็บข้างหลังเดิน รวมทั้งอาการข้อติด
ยิ่งไปกว่านี้ มีการเรียนรู้เทียบคุณภาพระหว่างขิงรวมทั้งยาแก้ปวด โดยให้คนไข้โรคข้ออักเสบในกระดูกสะโพกและก็ข้อหัวเข่ารับประทานสารสกัดขิง 500 มก.วันแล้ววันเล่า วันละ 2 ครั้ง ขิงให้ผลทุเลาอาการปวดได้เท่ากันกับการใช้ยาไอบูโพรเฟน 400 มก. วันละ 3 ครั้ง และก็ยังมีงานค้นคว้าวิจัยที่ชี้แนะว่าการนวดด้วยน้ำมันที่มีส่วนผสมของขิงและส้มอาจช่วยบรรเทาอาการปวดแล้วก็อ่อนเพลียที่เกิดขึ้นในช่วงสั้นๆของคนไข้ที่มีลักษณะอาการเจ็บหัวเข่าได้ด้วย
อาการปวดระดู นอกจากลักษณะของการปวดจากโรคข้อเสื่อม การศึกษาเล่าเรียนบางงานยังชี้ว่าขิงอาจมีคุณสมบัติช่วยทุเลาลักษณะของการปวดประจำเดือน ยกตัวอย่างเช่น การทดลองในนิสิตมหาวิทยาลัย 120 คน โดยให้รับประทานผงเหง้าขิงทีละ 500 มก. วันละ 3 ครั้งในตอน 2 วันก่อนเริ่มมีประจำเดือนสม่ำเสมอไปจนถึง 3 วันแรกของการมีเมนส์ รวมเบ็ดเสร็จเป็น 5 วัน พบว่าผงเหง้าขิงมีส่วนช่วยลดความร้ายแรงของอาการปวดระดูได้อย่างมีนัยสำคัญด้านการเรียนรู้เทียบสมรรถนะของขิงและยาลดอาการปวดประจำเดือนอย่างเมเฟนามิค (Mefenamic acid) หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) 400 มิลลิกรัม ในอาสาสมัคร 150 คน โดยแบ่งกลุ่มกินแคปซูลขิงหรือยาแต่ละชนิดในปริมาณ 250 มก. วันละ 4 ครั้ง นาน 3 วัน โดยเริ่มตั้งแต่มีระดู ผลสรุปปรากฏไปในทิศทางเดียวกันกับงานค้นคว้าแรกหมายถึงขิงมีคุณภาพบรรเทาความร้ายแรงของลักษณะของการปวดรอบเดือนไม่มีความต่างกับการใช้ยาเมเฟนามิคหรือไอบูโพรเฟน
การรักษาที่อาจไม่ได้ผล
อาการเมารถรวมทั้งเมาเรือ นับเป็นคุณประโยชน์ของขิงที่มีการเอ๋ยถึงกันมากมาย ทว่าแม้ขิงบางทีก็อาจจะช่วยลดอาการตาลายได้ แต่ว่าสำหรับเพื่อการหน้ามืดอ้วกที่เกิดจากการเดินทางนั้น งานศึกษาค้นคว้าและการวิจัยโดยมากบอกว่าขิงบางทีอาจไม่มีส่วนช่วยได้จริง อาทิเช่น การแบ่งกลุ่มให้ผู้เรียนนายเรือ 80 คนที่ไม่คุ้นเคยกับการออกเรือท่ามกลางสมุทรที่มีคลื่นแรง รับประทานเหง้าขิง 1 กรัม เทียบกับอีกกรุ๊ปที่กินยาหลอก ปรากฏว่ากรุ๊ปที่รับประทานขิงนั้นมีลักษณะอ้วกและวิงเวียนลดลงจริงแต่ว่าอยู่ในระดับเล็กน้อยเท่านั้น หรือในอีกงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่ชี้ว่าการรับประทานผงขิงในปริมาณ 500 กรัม 1,000 กรัม หรือเหง้าขิงสด 1,000 มิลลิกรัม ต่างไม่มีส่วนช่วยสำหรับในการคุ้มครองป้องกันอาการเมารถหรือหลักการทำงานของกระเพาะที่เกี่ยวเนื่องกับอาการเมารถที่เกิดขึ้นอย่างมีนัยสำคัญแต่อย่างใด
การดูแลและรักษาที่ยังไม่มีหลักฐานพอเพียงต่อการเจาะจงความสามารถ
อาการอ้วกคลื่นไส้จากกระบวนการทำเคมีบรรเทา อีกหนึ่งคุณประโยชน์เป็นลดอาการคลื่นไส้แล้วก็อาเจียน ซึ่งมีการเรียนทางด้านวิทยาศาสตร์ แม้กระนั้นหลักฐานเกี่ยวกับการใช้ขิงในผู้ป่วยที่รับเคมีบำบัดรักษานั้นยังเป็นที่โต้เถียงกันอยู่ว่าจะมีส่วนช่วยได้จริงหรือไม่ การเล่าเรียนหนึ่งที่ชี้ถึงประโยชน์ข้อนี้ของขิง โดยให้ผู้ป่วยรับประทานแคปซูลขิงที่มีขิง 0.5-1.5 กรัม เทียบกับยาหลอก ตั้งแต่ 3 วันก่อนวันทำเคมีบำบัดรักษานานต่อเนื่องตรงเวลา 6 วัน พบว่า มีระดับความร้ายแรงของอาการคลื่นไส้ที่เกิดขึ้นภายหลังจากการดูแลและรักษาน้อยกว่ากลุ่มที่มิได้กินแคปซูลขิง แต่ได้ผลได้ชัดในกลุ่มที่ใช้แคปซูลขิง 0.5 กรัม กับ 1 กรัมแค่นั้น ส่วนกลุ่มที่กินแคปซูลขิง 1.5 กรัมกลับเห็นผลน้อยกว่า มีความหมายว่าการรับประทานขิงในปริมาณมากก็เลยบางทีอาจมิได้ทำให้อาการคลื่นไส้ดีขึ้นอย่างที่น่าจะเป็น
อย่างไรก็ดี มีหลักฐานที่ถกเถียงข้อเกื้อหนุนดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งเป็นงานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยที่เผยว่าการกินขิงไม่ได้มีประสิทธิภาพดีไปกว่าการใช้ยาแก้อาเจียน ทั้งนี้ ผลการค้นคว้าที่ขัดแย้งกันนี้ คาดว่าอาจมีต้นสายปลายเหตุมาจากจำนวนขิงที่ใช้ทดสอบนั้นแตกต่างกัน รวมทั้งขณะที่เริ่มรักษาด้วย ขิงจะนำมาใช้ประโยชน์ด้านการแพทย์ในด้านนี้แล้วได้ผลหรือไม่คงจะควรมีการรับรองเพิ่มอีกต่อไป
โรคเบาหวาน คุณสมบัติของขิงต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของคนป่วยโรคเบาหวานในตอนนี้ยังส่งผลการศึกษาเรียนรู้ที่ไม่แน่นอน การวิจัยหนึ่งพบว่าการกินขิง 2 กรัม นาน 12 อาทิตย์ สามารถช่วยลดระดับน้ำตาลเฉลี่ยสะสม ระดับไขมันในเลือด และสารมาลอนไดอัลดีไฮด์ที่แสดงถึงระดับอนุมูลอิสระในคนเจ็บโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และก็อาจช่วยลดการเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนเรื้อรังบางจำพวกจากโรคเบาหวานได้ ในขณะเดียวกัน มีงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัยอื่นๆที่แนะนำว่าขิงนั้นมีผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดจริง กลับไม่เป็นผลต่อระดับอินซูลิน หรือบางงานศึกษาวิจัยพูดว่าขิงส่งผลกับอินซูลิน แต่กลับไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดน้อยลง ซึ่งผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยที่แตกต่างนั้นอาจมาจากจำนวนขิงหรือระยะเวลาที่คนป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคเบาหวานในแต่ละการทดลองนั้นแตกต่างกันนั่นเอง
อาหารไม่ย่อย มีการวิจัยเรียนสมรรถนะของขิงในคนเจ็บที่มีลักษณะอาการของกินไม่ย่อยจำนวน 11 คน โดยให้กินแคปซูลที่ประกอบด้วยขิง 1.2 กรัมภายหลังการละของกิน 8 ชั่วโมง ผลปรากฏว่าขิงช่วยกระตุ้นให้กระเพาะมีการย่อยอาหารและก็มีการบีบตัวของกระเพาะส่วนปลาย แต่การกินขิงนั้นไม่มีผลต่ออาการที่เกี่ยวพันกับระบบทางเดินอาหารหรือสารเปปไทด์ในไส้ แม้กระนั้น ผู้ร่วมการทดสอบนี้มีจำนวนน้อย ทำให้ไม่บางทีอาจเจาะจงได้อย่างเห็นได้ชัดว่าขิงช่วยลดอาการของกินไม่ย่อยได้แน่นอนเพียงใด
อาการแฮงค์ เช้าใจกันว่าการกินน้ำขิงจะสามารถช่วยบรรเทาอาการแฮงค์ซึ่งได้ผลสำเร็จข้างๆจากการดื่มแอลกอฮอล์ได้ สำหรับคุณประโยชน์ข้อนี้มีการค้นคว้าเมื่อก่อนที่ชี้แนะว่าการผสมขิงกับเปลือกภายในของส้มเขียวหวาน รวมทั้งน้ำตาลก่อนดื่มแอลกอฮอล์จะช่วยลดอาการแฮงค์ในคราวหลัง รวมถึงอาการอาเจียน อ้วกและท้องร่วง อย่างไรก็แล้วแต่ การเรียนรู้ดังที่กล่าวมาข้างต้นยังนับว่ากำกวมอยู่มากมายและไม่อาจรับประกันได้ว่ามีต้นเหตุมาจากขิงจริงๆหรือส่วนผสมอื่นๆที่ใช้ประกอบ
ลดคอเลสเตอรอล คุณลักษณะของขิงซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลนั้นได้มีการทดสอบโดยให้ผู้ป่วยที่มีภาวการณ์ไขมันในเลือดสูงกินแคปซูลขิงวันละ 3 ครั้ง ทีละ 1 กรัม คำตอบบอกว่าเมื่อเทียบกับคนป่วยกรุ๊ปที่กินยาหลอก ขิงมีประสิทธิภาพช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลลงได้อย่างเป็นจริงเป็นจัง ซึ่งการใช้ขิงลดระดับคอเลสเตอรอลจะได้ผลดีกระทั่งสามารถนำมาใช้รักษาคนป่วยสภาวะนี้ได้หรือเปล่าคงจะจำต้องรอคอยการศึกษาในอนาคตที่เด่นชัดกันต่อไป
ลักษณะของการเจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังออกกำลังกาย คุณลักษณะด้านการบรรเทาปวดแล้วก็ลดการอักเสบของขิงจะช่วยลดอาการเจ็บจากการบริหารร่างกายได้ด้วยหรือเปล่านั้นยังคงกำกวมและเป็นที่โต้วาทีกันอยู่เหมือนกัน จากการทดสอบหนึ่งที่ให้ผู้เข้าร่วมกินขิงสดหรือขิงที่ทำให้สุกด้วยความร้อนแล้ว 2 กรัมโดยตลอดนาน 11 วัน พบว่าอีกทั้งขิงสดและก็ขิงสุกต่างมีส่วนช่วยลดลักษณะการเจ็บกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายแบบหดยืดกล้ามได้ในระดับปานกลางไปจนกระทั่งระดับมากมาย
แต่ว่าอีกงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยหนึ่งกลับพบผลลัพธ์ตรงกันข้าม จากการให้ผู้เข้าร่วมการทดลองที่ทำกิจกรรมบริหารร่างกายยืดหดกล้ามแบบเดียวกัน กินขิง 2 กรัมในช่วง 1 วันและ 48 ชั่วโมงหลังจากการออกกำลังกาย พบว่ามิได้ทำให้ลักษณะการเจ็บกล้ามเนื้อ การอักเสบ หรือบาดเจ็บที่เกิดจากการบริหารร่างกายลดลง แต่นักวิจัยพบว่าการรับประทานขิงบางทีอาจช่วยให้อาการเจ็บกล้ามเนื้อค่อยๆดียิ่งขึ้นในทุกๆวัน หากแม้อาจมองไม่เห็นผลตอบแทนโดยทันที
อาการปวดหัวไมเกรน มีการเรียนกับคนเจ็บ 100 คน ที่เคยมีอาการปวดหัวไมเกรนกระทันหันโดยให้รับผงขิงหรือยารักษา http://www.disthai.com/

หน้า: [1]