รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - fvpoiewu0s35

หน้า: [1]
1
มหันตภัย ! ความดันและโรคเบาหวานภัยใกล้ตัว เจียวกู่หลานช่วยขจัดได้
พ.ค. 8, 2018  kungtep
โรคความดันและโรคเบาหวาน เป็นโรคที่คนจำนวนมากไม่ดูถึงความรุนแรงสักเท่าไหร่ แต่ว่าหารู้ไม่ว่า สร้างความฉิบหายต่อสถาพทางร่างกายรวมทั้งชีวิตอย่างไม่ได้นึกฝัน รีบคุ้มครองปกป้องให้ตรงประเด็นด้วย ” สมุนไพรเจียวกู่หลาน

โรคความดันสูง-โรคเบาหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ
สิ่งใดที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งนั้นมักถูกละเลยเสมอ หลายสิ่งในชีวิตที่เรามักไม่ใส่ใจมองไม่เห็นถึงความสำคัญ เป็นต้นว่า คู่รัก มิตรสหาย คนในครอบครัว ที่ถูกไม่มีความสนใจจากพวกเราอย่างไม่ตั้งใจ บางทีก็อาจจะด้วยการจริงจังทำงานหรือเหตุผลอื่นใดก็ตามที รวมทั้งก็มีหลายสิ่งรอบตัวที่เรามักไม่แลเห็นถึงความอันตราย ที่จะนำมาสู่ตัวหรือคนที่อยู่รอบข้างสักเท่าไหร่ อย่างเรื่องของสุขภาพการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆในขณะที่ไม่ร้ายแรงและที่คิดว่าไม่รุนแรง แม้กระนั้นแอบแฝงด้วยภัยอย่างมหัน ที่รอคอยจังหวะเวลาอยู่เสมอ ยกตัวอย่างเช่น โรคของความดันและก็เบาหวาน ฯลฯ ซึ่งทั้ง 2 ต่างก็เป็นโรคที่ชินหูพวกเราเป็นอย่างดี ภัยร้ายก็มีแต่ว่าก็ดีขึ้นกว่าเดิมและปลอดภัยได้เพียงใช้ “เจียวกู่หลาน
ลดการอุดตันเส้นโลหิต เจียวกู่หลาน
โรคความดันเลือดสูง มีลักษณะยังไง?
ลักษณะของการป่วยโรคความดันเลือดสูง จำนวนมากเราจะพบผู้ป่วย เป็นความดันเลือดสูงมากเกินไปกว่าโรคความดันต่ำ  ซึ่งเป็นอาการของการบีบตัวของหัวใจร่วมกับแรงดันในกระแสเลือดที่สูง เร็ว ถี่ มากกว่าธรรมดาทั่วไป
ความดัน เบาหวาน อายุ 40 ปีขึ้นไปต้องระวัง!
โรคความดันสูง เกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากการเต้นของหัวใจ ที่เป็นอวัยวะสถานที่สำหรับทำงานอยู่ตลอดระยะเวลา  ทั้งแรงกดดันในเลือดที่ต้องดำเนินการเหมือนกันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ โรคความดันสูงเป็นโรคที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ที่จะเป็นได้ง่ายดายที่สุดกับคนที่มีอายุ 35 – 40 ปีขึ้นไป ก็เลยดูได้ว่าบิดามารดาบรรพบุรุษของพวกเรามักเป็นโรคนี้กันมากมาย

สรรพคุณเจียวกู่หลาน
สรรพคุณรวมทั้งผลดีใบเจียวกู่หลาน
“เจียวกู่หลาน” คุ้มครองปกป้องโรคความดันสูงและก็โรคเบาหวานได้ไหม
การรักษาโรคความดันสูง ต้นเจียวกู่หล่านช่วยคุ้มครองป้องกันได้ ความชั่วช้าสารเลวร้ายของโรคความดันสูงที่ควรจะรักษาโดยใช้ เจียวกู่หลานเป็นเมื่อความดันสูงมากๆจะก่อให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญๆหลายส่วนน้อยเกินไป กระทั่งเสียหายมีผลต่อชีวิตได้ ตัวอย่างเช่น ทั้งไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว เส้นเลือดแดงส่วนปลายแข็งดำเนินงานไม่สุดกำลัง โรคสมองเสื่อม และเส้นโลหิตสมองแตกได้ท้ายที่สุด ซึ่งถ้าหากไม่ตายก็บางทีอาจเป็นอัมพาต
โรความดันแล้วก็โรคเบาหวาน คุ้มครองได้ด้วย”เจียวกู่หลาน”
สมุนไพรรักษาโรความดัน-เบาหวาน เจียวกู่หลาน คนเจ็บหรือผู้ต้องการับประทานคุ้มครองป้องกัน ควรที่จะทำการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีทะเบียนยาแล้วก็ทะเบียน(อย) ผลิตขึ้นจากโรงงานตามมาตรฐานGMP

2
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณที่น่าทึ่ง

3

สมุนไพรพญายอ
ชื่อสมุนไพร พญายอ
ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau
ชื่อวงศ์ ACANTHACEAE
ชื่อพ้อง Clinacanthus burmanni  Nees
ชื่ออังกฤษ ไม่มี
ชื่อเขตแดนผักมันไก่  ผักลิ้นเขียด  พญาข้อคำ  พญาปล้องดำ พญายอ  โพะโซ่จาง  เสมหะพังพอนตัวเมีย


ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์


          ไม้พุ่มรอเลื้อย ลำต้นและก็กิ่งก้านเกลี้ยงเป็นเงา สูงได้ถึง 3 เมตร ใบลำพังออกเรียงตรงกันข้าม รูปขอบขนานหรือขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 2-3 เซนติเมตร ยาว 7-9 เซ็นต์ โคนใบมน ปลายใบแหลม ก้านใบยาว 0.5 เซนติเมตร ดอกเป็นช่อ ออกเป็นกลุ่มที่ปลายยอด กลีบดอกไม้สีส้มแดงเชื่อมชิดกันเป็นหลอดยาว ปลายแยกเป็น 2 ปาก ยาว 3-4 ซม. ไม่ติดฝัก


ส่วนที่ใช้เป็นยาแล้วก็คุณประโยชน์


-ส่วนใบ รักษาอาการเพราะว่าแมลงกัดต่อยและก็โรคเริม


สารสำคัญที่ออกฤทธิ์


สารฟลาโวนอยด์ มีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกลุ่ม monoglycosyl diglycerides ดังเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และก็สารกลุ่ม glycoglycerolipids จากใบ  มีฤทธิ์ยั้งเชื้อไวรัสเริม


ฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา


ฤทธิ์ลดการอักเสบ
       เมื่อป้อนสารสกัดจากใบด้วยเอ็นบิวทานอลให้หนูแรท  หรือฉีดสารสกัดด้วยน้ำจากใบเข้าท้องของหนูแรท  จะลดการอักเสบของข้อเท้าหนูแรทที่ทำให้บวมด้วยสารคาราจีแนน (carrageenan) ได้   ตำรับยาที่มีพญายอปริมาณร้อยละ 5  ใน cold cream และสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เมื่อนำมาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะสามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้  แม้กระนั้นเมื่อใช้สารสกัดด้วยนเอ็นบิวทานอลทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
ฤทธิ์ลดอาการปวด
                 เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบ จะลดความเจ็บของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีติเตียนค  ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก./กิโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัม/กิโลกรัม (5)  ส่วนสารสกัดด้วยคลอโรฟอร์ม (2)  สารสกัดด้วยน้ำ รวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 50% จากใบ (3) ไม่มีผลลดความเจ็บปวด

ฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัส
ไวรัสเริม
       พญายอสารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และเอทิลอะซิเตทจากใบ มีฤทธิ์ต้านทานไวรัสเชื้อเริม HSV-1  และเมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นปริมาณร้อยละ 4 แล้วก็ใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล  พบว่า มีฤทธิ์ต้านไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์  เวลาที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์
                 จากรายงานการดูแลรักษาผู้เจ็บป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยยาจากสารสกัดพญายอ เปรียบเทียบกับยา acyclovir  แล้วก็ยาหลอก  โดยให้คนเจ็บทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้มีความแตกต่างในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนป่วยที่ใช้ยาจากสารสกัดใบพญายอและยา acyclovir   โดยแผลจะเป็นสะเก็ดข้างใน 3 วัน และหายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งผิดแผกกับยาหลอกอย่างเป็นจริงเป็นจัง ยาที่สกัดจากใบพญายอไม่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดการอักเสบ ระคาย ในตอนที่ acyclovir ทำให้แสบ   นอกเหนือจากนั้นมีการใช้ยาที่ทำมาจากพญายอ ในคนป่วยโรคเริม งูสวัด รวมทั้งแผลอักเสบในปาก พบว่าสามารถรักษาแผลรวมทั้งลดการอักเสบก้าวหน้า   
เชื้อไวรัส Varicella zoster
                 สารสกัดจากใบพญายอออกฤทธิ์ทำลายไวรัส Varicella zoster ที่เป็นต้นเหตุโรคงูสวัดแล้วก็อีสุกอีใสได้โดยตรงก่อนที่จะเชื้อไวรัสจะเข้าสู่เซลล์
จากรายงานการรักษาคนไข้โรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอเปรียบเทียบกับยาหลอก  โดยให้ป้ายยาวันละ 5 ครั้ง ตรงเวลา 7-14 วัน จนกระทั่งแผลจะหาย  พบว่าผู้เจ็บป่วยสุดที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบพญายอ แล้วมีแผลตกสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายข้างใน 7-10 วัน จะมีไม่น้อยเลยทีเดียวกว่ากลุ่มหวานใจษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ระดับความเจ็บลดลงเร็วกว่ากรุ๊ปยาหลอก และไม่พบผลกระทบใดๆ


อาการข้างๆ


ความเป็นพิษทั่วๆไปและก็ต่อระบบสืบพันธุ์


การทดลองความเป็นพิษ
เมื่อป้อนสารสกัดด้วยเอ็นบิวทานอลจากใบให้หนูเม้าส์ พบว่ามีพิษน้อย แต่ว่าเป็นพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง  ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัม/กก. (หรือเท่ากันใบแห้ง 5.44 กรัม/กิโลกรัม) เมื่อป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าท้องหนูเม้าส์ ไม่นำไปสู่อาการพิษใดๆ
การเล่าเรียนพิษ
พญายอครึ่งเรื้อรัง พบว่าเมื่อป้อนหนูแรทด้วยสารสกัดเอ็นบิวทานอลจากใบขนาด 270 มก./กิโลกรัม แล้วก็ 540 มิลลิกรัม/กิโล ทุกวี่วัน นาน 6 อาทิตย์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แต่น้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง ในช่วงเวลาที่น้ำหนักตับมากขึ้น ไม่เจอความไม่ดีเหมือนปกติต่ออวัยวะอื่น และไม่พบอาการไม่พึงประสงค์อะไรก็แล้วแต่ หนูแรทที่รับประทานสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1 กรัม/กก. ทุกวันนาน 90 วัน พบว่าการกินอาหารของกรุ๊ปที่ได้รับสารสกัดแล้วก็กรุ๊ปควบคุมไม่ได้แตกต่างกัน แต่น้ำหนักของหนูเพศผู้ที่ได้สารสกัดขนาด 1.0 กรัม/กิโลกรัม ต่ำยิ่งกว่าพญายอกรุ๊ปควบคุม  เกร็ดเลือดของหนูแรททั้งสองเพศสูงขึ้นมากยิ่งกว่า รวมทั้งครีอาตินินต่ำลงยิ่งกว่ากรุ๊ปควบคุม  แต่ว่าไม่พบความไม่ดีเหมือนปกติด้านจุลพยาธิวิทยาของอวัยวะภายใน รวมทั้งพยาธิภาวะด้านนอกhttp://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพร เสลดพังพอน (พญายอ)

4

ชื่อสกุล : LEGUMINOSAE-CAESALPINIOIDEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cassia fistula L.
ชื่อสามัญ : Golden shower, Indian laburnum, Pudding-pine tree
ชื่อท้องถิ่นอื่น : ต้นลมแล้ง (ภาคเหนือ) ; ปูโย, เปอโซ, ปือยู, แมะหล่าหยู่ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) ; คูณ (ภาคกึ่งกลาง, ภาคเหนือ) ; ชัยพฤกษ์, [url=http://www.disthai.com/16488365/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B9%8C]ราชพฤกษ์[/url][/url][/color] (ภาคกึ่งกลาง) ; กุเพยะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรี)
ชนิดนี้หนังสือเรียนข้างหลังเล่มเสนอ ชื่อใหม่เป็นเพียงระดับประเภทย่อยเป็นCassia javanica L.subsp javanica K.& S.S .Larsen พืชประเภทนี้เป็นไม้ใหญ่ขนาดเล็ก ถึงกับขนาดกลาง สูงได้ถึง ๑๕ เมตร เมื่อลำต้นอย่างอ่อนอยู่มีน้ำแข็งที่เกิดขึ้นจากกิ่งแก่ที่ร่วงหล่นไป แต่ว่าเมื่อต้นแก่ขึ้นจะหายไป ลำต้นไม่เป็นปุ่มปม ใบเป็นใบประกอบแบบขนนกเรียงสลับกัน มีใบย่อย ๕-๑๕ คู่ ก้านใบยาว ๑.๕-๔ ซม. ศูนย์กลางใบยาว ๒๐-๓๐ เซนติเมตร ใบย่อยรูปไข่ปนรูปมูลหรือรูปขอบขนาน กว้าง ๑.๕-๓ เซนติเมตร ยาว ๒-๕ เซนติเมตร ปลายใบกลมหรือมน โคนใบกลม ใต้ใบมีขนละเอียดอยู่เอนราบกับผิวใบ ก้านใบย่อยสั้นมาก ดอกออกเป็นช่อตามกิ่ง ก้านช่อดอกใหญ่แล้วก็แข็ง ไม่แตกแขนง ยาว ๕-๑๖ ซม. เมื่อเริ่มบานมีสีชมพูแล้ว กลายเป็นสีแดงเข้ม เมื่อใกล้โรยเปลี่ยนเป็นสีออกขาว ดอกย่อยมีก้านเรียวยาว ๓-๕ ซม.ราชพฤกษ์ มีกลีบเลี้ยงมี สีแดงเข้มถึงสีแดงอมน้ำตาล รูปไข่ ปลายแหลม ยาว ๗-๑๐ มม.กลีบดอกไม้รูปไข่กลับ กว้าง ๗-๘ มิลลิเมตร ยาว ๒๕-๓๕มิลลิเมตร โคนกลีบเป็นก้านยาวราว ๓ มิลลิเมตร  เกสรเพศผู้มี ๑๐ อัน ขนาดยาวแตกต่างกัน รังไข่เรียว ขนคลุมบางๆผลเป็นฝักรูปกระบอกขนาดวัดผ่าศูนย์กลางราม ๑-๑.๕ เซนติเมตร ยาว ๒๐-๖๐ ซม. แขวนลงมาจากกิ่ง ฝักแก่สีดำ สะอาด ไม่มีขน ไม่แตก มีเมล็ดจำนวนหลายชิ้น และรูปแบนแทบกลม สีน้ำตาลวาว
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์
ไม้ใหญ่ (T) สูงโดยประมาณ 5-15 เมตร เปลือกต้นเรียบ เกลี้ยง สีเทาอ่อนหรือสีเทาอมน้ำตาล สีเทาอมขาว หรือสีนวล
ใบ เป็นใบประกอบแบบขน ใบเรียงสลับ ลักษณะใบย่อยรูปไข่ ปลายใบแหลม ขอบใบเรียบ โคนใบมน แผ่นใบสีเขียว มีใบย่อยประมาณ 4-12 คู่
ดอก ออกดอกเป็นช่อแบบช่อกระจะ เป็นช่อห้อยระย้าออกตามกิ่งหรือออกตามง่ามใบ มีดอกแบบสมมาตรข้างๆ มีกลีบดอกไม้ 5 กลีบ สีเหลืองสด โดยกลีบดอกเหนือสุดจะเรียงอยู่รอบในสุด ดอกมีกลิ่นหอมสดชื่นอ่อนๆ
ผล เป็นฝักกลม ทรงกระบอกยาว ผิวเรียบ และก็มีเปลือกแข็ง ด้านในมีฝาผนังแบนสีน้ำตาล กันเป็นห้องรวมทั้งมีเมล็ดห้องละ 1 เม็ด ผลอ่อนจะมีสีเขียว เมื่อแก่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือดำ
เม็ด มีเนื้อห่อนุ่มๆสีน้ำตาลไหม้ หรือสีดำ ลักษณะกลมมนและก็แบน มีรสหวาน
นิเวศวิทยา
ขึ้นตามป่าเบญจพรรณแล้งทั่วไป มีมากมายทางภาคเหนือ นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับแล้วก็ปลูกข้างถนนเพื่อความสวยสดงดงาม
การปลูกแล้วก็แพร่พันธุ์
ปลูกง่ายแล้วก็เจริญเติบโตได้ในดินแทบทุกจำพวก แต่จะถูกใจดินร่วนซุยคละเคล้าทราย แพร่พันธุ์ด้วยการเพาะเม็ดและก็ตอนกิ่ง

คุณประโยชน์ทางยา
รสแล้วก็สรรพคุณในแบบเรียนยา
ราก รสเมา เป็นยาบำรุง รักษาโรคเกี่ยวกับหัวใจ โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับถุงน้ำดี เป็นยาถ่ายอย่างแรง รักษาอาการไข้ ระบายพิษไข้ ถ่ายสิ่งสกปรกออกมาจากร่างกาย ฆ่าเชื้อโรคคุดทะราด แก้กลากโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึม หนักหัว
เปลือกราก รสฝาด ต้มดื่มแก้ไข้ไข้มาลาเรียและก็ระบายพิษไข้ ใช้ร่วมกับเนื้อในฝักเป็นยาแก้ไข้มาลาเรียรวมทั้งเป็นยาระบาย
แก่น รสเมา ใช้เป็นยาขับพยาธิไส้เดือน รักษาอาการท้องร่วง และช่วยรีบคลอด
ราชพฤกษ์เปลือกต้น รสฝาดเมา ใช้เป็นยาช่วยรีบคลอด รักษาอาการท้องเดิน
กระพี้ รสเมา ใช้แก้รำมะนาด
ฝัก เนื้อในฝักรสหวานเบื่อ ใช้รับประทานเป็นยาระบาย ช่วยบรรเทาอาการแน่นหน้าอก ถูหรือชำระน้ำดี แก้ลมเข้าข้อและขัดข้อ
เปลือกฝัก รสเฝื่อนฝาดเมา ทำให้แท้งลูก ขับเกลื่อนกลาดที่ค้าง และก็ทำให้อาเจียน
ใบแก่ รสเมา ใบสดหรือตากแห้ง ใช้เป็นยาถ่าย รักษาอัมพาต ฆ่าเชื้อโรคทั้งปวง ฆ่าพยาธิผิวหนัง รักษาอัมพาตของกล้ามบนใบหน้า พอกแก้ปวดข้อ หรือต้มน้ำกินแก้โรคที่มีปัญหาเกี่ยวกับสมอง แก้เส้นเอ็นทุพพลภาพ
ใบอ่อน รสเมา ตำพอกหรือคั้นเอาน้ำทารักษาโรคกลากเกลื้อน แก้ไข้รูมาติก
ดอก รสเปรี้ยวขม ใช้รักษาโรคกระเพาะอาหาร เป็นยาถ่ายพยาธิ ต้มดื่มแก้ไข้ แก้แผลเรื้อรัง ช่วยหล่อลื่นในลำไส้ ระบายท้อง
เม็ด ช่วยกระตุ้นให้คลื่นไส้ เป็นยาถ่าย
ราชพฤกษ์ วิธีและก็จำนวนที่ใช้
แก้อาการท้องผูก โดยเอาเนื้อในฝักแก่หนักราว 5-10 กรัม ต้มกับน้ำ 500 ซีซี ใส่เกลือน้อย ดื่มก่อนนอนหรือรุ่งเช้าก่อนที่จะรับประทานอาหาร เป็นยาระบายที่เหมาะสำหรับคนที่ท้องผูกบ่อยๆ รวมทั้งสตรีมีท้องก็ใช้ฝักคูณเป็นยาระบายได้
รักษาโรคกระเพาะ โดยใช้ฝักราว 30 กรัม ผสมน้ำ 100 ซีซี ต้มให้เดือดรวมทั้งเหลือน้ำ 50 ซีซี ดื่มให้หมดครั้งเดียว วันละ 3 ครั้ง http://www.disthai.com/

Tags : ประโยชน์ราชพฤกษ์

5

ทับทิม
ทับทิม คือผลไม้ที่นิยมรับประทานอย่างมากมาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่สำเร็จสดเยอะที่สุดและยังนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆได้แก่ น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม สินค้าด้านความสวยงาม ทั้งยังยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีหลากหลายประเภทที่มีคุณประโยชน์ต่อสุขภาพ ก็เลยมั่นใจว่าอาจมีคุณประโยชน์ในการปกป้องโรคหรือบรรเทาอาการ อาทิเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือบรรเทาอาการหายใจไม่สะดวกจากโรคนี้ โรคหัวใจรวมทั้งหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันเลือดสูง โรคในช่องปากรวมทั้งโรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง รวมทั้งอื่นๆ
ในตอนนี้ยังมีงานศึกษาค้นคว้าวิจัยที่ศึกษาการใช้ทับทิมในรูปแบบต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ค่อนข้างจะจำกัด ทำให้ยังไม่อาจจะกำหนดประสิทธิภาพของทับทิมต่อการรักษาโรคได้ชัดเจน ซึ่งแบบอย่างการเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ได้แก่ สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยั้งปฏิกิริยาต่อต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการผลิตโฟมเซลล์ และลดการแข็งตัวของหลอดเลือด ก็เลยบางทีอาจช่วยลดการเสี่ยงในการกำเนิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการเรียนฤทธิ์การต้านสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินจำนวน 22 คน จากการกินอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (ประกอบด้วยกรดมึงลลิค 610 มก.) และก็วัดผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับในการต้านสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนที่จะมีการทดสอบ พบว่าค่าดังกล่าวต่ำลง ก็เลยคาดว่าการรับประทานทับทิมอาจช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด
นอกนั้น ยังมีงานค้นคว้าอีกชิ้นให้คนไข้โรคเส้นเลือดแดงแข็งจำนวน 15 คน ทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กลุ่มที่กินอาหาร 3 ปีขึ้นไป หรูหราไขมันที่น้อยลงราว 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงทำให้เห็นว่าการรับประทานสารสกัดจากทัมทิมมากยิ่งกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยสำหรับการลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ทั้งนี้ ยังคงควรมีการศึกษาเพิ่มเติมในระยะยาวกับกลุ่มการทดสอบขนาดใหญ่เยอะขึ้น ทำให้ยังไม่อาจจะสรุปผลของทับทิมรวมทั้งการดูแลและรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งได้อย่างแจ่มแจ้ง
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีคุณลักษณะช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ก็เลยถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกสำหรับในการรักษาโรคเหงือก เพราะการรักษาหลักบางวิธีที่ยังไม่มีความสามารถเพียงพอสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการจากโรคมากสักเท่าไหร่แล้วก็ลดการเสี่ยงด้านสุขภาพจากการดูแลและรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางคลินิกกับคนป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง ปริมาณ 40 คน เพื่อดูความสามารถของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกลุ่มจะใช้แนวทางรักษาที่แตกต่างกัน ผลพบว่า กลุ่มที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการดูแลรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกระบวนการขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีอาการภายใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เหลือสำหรับการทดลอง ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมก็เลยอาจนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากสำหรับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการดูแลและรักษาด้วยวิธีรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดลองอีกชิ้นที่เล่าเรียนคุณภาพของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกต้นแบบเจลสำหรับการรักษาผู้ที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 อาทิตย์ มีสุขภาพโพรงปากดีขึ้นและปัญหาโรคเหงือกอักเสบน้อยลงมากกว่ากลุ่มที่ใช้ยาหลอก การค้นคว้านี้ชี้ให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมอาจนำไปใช้เป็นส่วนประกอบในสินค้าเพื่อดูแลรักษาช่องปาก ดังเช่นว่า ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยคุ้มครองป้องกันรวมทั้งบรรเทาลักษณะของโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองป้องกันการเกิดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพสำหรับเพื่อการลดรอยเปื้อนจุลินทรีย์ตามผิวฟัน และก็บางทีอาจนำไปสู่โรคทางโพรงปากอีกหลายประเภท ซึ่งจากการทดสอบให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แม้กระนั้นสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน (Chlorhexidine) รวมทั้งยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบจุลชีวันลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญมากกว่ายาหลอก แม้กระนั้นมีประสิทธิภาพไม่ต่างอะไรจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน ก็เลยพอเพียงจะกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจลดช่องทางสำหรับในการกำเนิดคราบเปื้อนจุลชีวันข้างในโพรงปาก
ขณะเดียวกัน การศึกษาอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมคงจะมีส่วนช่วยสำหรับการลดการเกิดคราบเปื้อนจุลชีวัน ซึ่งสำหรับการทดลองได้เก็บคราบเปื้อนจุลอินทรีย์จากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพดีรวมทั้งกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน ข้างหลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปรียบเทียบผลก่อนรวมทั้งหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทแตกต่างกันในแต่ละกรุ๊ป เป็นต้นว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน และยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีประสิทธิภาพสำหรับในการลดคราบจุลอินทรีย์ลงมากที่สุดราว 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกสิดีน 79% และยาหลอกที่ลดลงเพียง 11% จึงอาจกล่าวได้ว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เป็นตัวเลือกในการใช้จัดการกับรอยคราบจุลชีพบนผิวฟัน ทั้งนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงจะต้องมีการตำหนิดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างสม่ำเสมอ เพราะช่วงเวลาในการทดสอบค่อนข้างสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี จากการเล่าเรียนผลของการดื่มน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในผู้ป่วยโรคเบาหวานจำพวกที่ 2 และมีภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดสอบจะมีการเก็บข้อมูลของกินที่รับประทานอาหารด้านใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งของกินที่มีสารฟลาโวนอยด์) หลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนเจ็บหรูหราไขมันรวม ไขมันชนิดไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี และก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดต่ำลง แต่ไม่เจอความเคลื่อนไหวของระดับไตรกลีเซอไรด์และก็ระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งทำให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในคนไข้โรคเบาหวานลง แต่ว่ายังบอกมิได้เด่นชัด เพราะว่าของกินประเภทอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยสำหรับในการลดไขมันในเลือดได้เช่นกัน และกรุ๊ปการทดสอบมีขนาดเล็ก จำเป็นจะต้องขยายผลการเล่าเรียนในกรุ๊ปที่ใหญ่ขึ้นเพิ่ม นอกจากนั้น การดูแลและรักษาภาวการณ์คอเลสเตอรอลสูงควรจะมีการควบคุมอาหารรวมทั้งการบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจมีประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดมากขึ้น
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลากหลายประเภท โดยเฉพาะสารโพลีฟีนอลที่พบได้บ่อยในทับทิม จากรายงานผลที่เจอในห้องแลปกล่าวว่าสารเหล่านี้มีส่วนสำคัญสำหรับเพื่อการบรรเทาอาการโรคปอดอุดกันเรื้อรังแล้วก็บางทีอาจชะลอไม่ให้โรคพัฒนาอย่างเร็ว ก็เลยมีการเล่าเรียนสมรรถนะของสารโพลีฟีนอลในคนเพิ่มอีก โดยให้คนเจ็บโรคปอดอุดกันเรื้อรัง จำนวน 30 คน แบ่งเป็นกรุ๊ปที่ดื่มน้ำทับทิม 400 มล. (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันวันแล้ววันเล่าเป็นระยะ 5 สัปดาห์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลอีกทั้งในเลือดและก็เยี่ยวของผู้เจ็บป่วย ทั้งยังไม่เจอความไม่เหมือนอย่างเป็นจริงเป็นจังระหว่าง 2 กรุ๊ป จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยในการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โดยทั่วไปสารอาหารที่ไปสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและก็ตรวจเจอได้ในเลือดหรือฉี่ แต่ว่าผลการศึกษาเรียนรู้กลับไม่เจอสารโพลีฟีนอลจากการรับประทาน ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการย่อยสลายสารกลุ่มนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร จำเป็นต้องทำความเข้าใจขั้นตอนซับสารอาหารที่ต่างกันก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการกิน ด้วยเหตุว่าสารอาหารที่เจอในของกินที่กินบางทีอาจมิได้ถูกเอาไปใช้ประโยชน์ในร่างกายคนเราทั้งผอง
โรคแล้วก็อาการอื่นๆตัวอย่างเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เจ็บกล้ามเนื้อข้างหลังการบริหารร่างกาย กรุ๊ปอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแดด การตำหนิดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง แล้วก็อื่นๆยังจำเป็นจะต้องทำการวิจัยศึกษาค้นคว้าเพิ่มอีกเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับคุณภาพแล้วก็ความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (โดยประมาณ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มก.
เหล็ก 0.30 มิลลิกรัม
แมงกานีส 12 มก.
ฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 236 มก.
โซเดียม 3 มก.
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มก.
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับเพื่อการรับประทานทับทิมหรือสินค้าจากทับทิม
โดยทั่วไปการรับประทานน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัย แม้กระนั้นในบางรายที่มีลักษณะแพ้ผลสดของทับทิมบางทีอาจเป็นผลข้างๆจากการดื่มน้ำทับทิมได้
รากทับทิมประกอบด้วยสารที่เป็นพิษต่อสภาพร่างกาย การรับประทานรากและก็ลำต้นของทับทิมในปริมาณมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมค่อนข้างจะไม่มีอันตรายสำหรับเพื่อการรับประทานหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่ว่าอาจจะก่อให้เกิดอาการแพ้บางส่วนในบางราย ดังเช่น อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจลำบาก
การรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงตั้งท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมลูก แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานยืนยันความปลอดภัยสำหรับในการกินหรือใช้ทับทิมในแบบอื่น ได้แก่ สารสกัดจากทับทิม ควรต้องขอความเห็นแพทย์ก่อนจะมีการรับประทานทุกคราว
น้ำทับทิมอาจจะทำให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงบางส่วน ซึ่งอาจจะก่อให้คนเจ็บที่มีสภาวะความดันต่ำอาการกำเริบ
คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะกำเนิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนเจ็บที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดรับประทานทับทิมขั้นต่ำ 2 สัปดาห์ เพราะเหตุว่าทับทิมส่งผลให้ความดันเลือดต่ำลง จึงอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การรับประทานทับทิมพร้อมกันกับยาบางจำพวกอาจจะก่อให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา อย่างเช่น ยาที่เกี่ยวกับแนวทางการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ชนิด P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดความดันโลหิตหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติน คนที่รับประทานยาบ่อยๆหรือมีโรคประจำตัวควรขอคำแนะนำแพทย์ก่อนการรับประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

6

เห็ดหลินจือ
เรื่องเล่าประสบการณ์ตรงจากที่ลงภาคสนาม
คุณยายคนหนึ่ง อายุราว 67 ปี ทำอาชีพขายเห็ดในตลาด ลักษณะของการป่วยเป็นโรค ดังนี้
1.เห็ดหลินจือ สามารถรักษาโรคเบาหวาน เป็นทุนเดิม เป็นโรคนี้มาโดยประมาณ 1x ปี
2.โรคความดันโลหิต เป็นมาพร้อมๆกับเบาหวาน จะต้องรับประทานยาแผนปัจจุบันตลอด มีลักษณะอาการมึนหัว
3.โรคไขมัน มาพร้อมๆกับเบาหวาน จะต้องกินยาแผนปัจจุบันตลอด
4.โรคไตเสื่อม ภายหลังเป็นโรคโรคเบาหวานมาราว 10 ปี แพทย์ตรวจเจอว่า ไตเสื่อม ระยะ 2 มีลักษณะอาการขาบวม เหนื่อยเดิน
5.โรคกระเพาะเยี่ยว อักเสบ มาตอนเป็น ไตเสื่อม ส่งผลให้เกิดอาการปัสสาวะขับ ฉี่ไม่สุด เจ็บแปล็บๆ
6.โรคเก๊า มาตรวจพบทีหลัง ว่าค่ายูริก เริ่มมากขึ้น
======================
ความประพฤติของคนเจ็บและเรื่องราวก่อนกินเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
1.ช่วงป่วยตอนเริ่มต้น จะมีลักษณะอาการน้ำตาลในเลือดสูง แทบ 200 มก. แต่ว่าพอเพียงผ่านมาเกือบจะ 10 ปี คิดว่าดูแลตนเองก้าวหน้า ผลที่ได้กลับเป็นอย่างงี้ สักครู่น้ำตาลสูง เดี๋ยวน้ำตาลต่ำ นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการมึนงงได้ตลอดทั้งวัน งานการไม่ต้องทำแล้ว นอนดีมากกว่า
2.พอเพียงมีน้ำตาลในเลือดสูง ความดันจะตามมาเลย กระตุ้นให้เกิดอาการโลกหมุน ตาลาย จำต้องนอนอีกตามเคย
3.เพียงพอระยะหลังเริ่มรับประทานของมันลดน้อยลง สามารถที่จะคุมไขมันได้ แต่พอนานวันเข้า ไขมันคุมได้ แต่ว่าเจอสามกีซาลายสูงซะงั้น
4.ภายหลังจากเจ็บมา 1x ปี ร่างกายก็ไม่ค่อยได้พัก นำมาซึ่งการก่อให้เกิดตอนอาการน็อคน้ำตาล ไป 2 หน ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา จำต้องเข้า โรงพยาบาล เพื่อให้เดกซ์โทรส ทำให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
5.เพียงพอผ่านมาอีก 6 เดือน หมอตรวจเจอเป็นไตเสื่อมขั้นที่ 2 แถมมีโรคกระเพาะฉี่อักเสบ เพราะเหตุว่ามีไข่ขาวรั่วมาทางฉี่เยอะ ทำให้เรี่ยวแรงสำหรับการเดินไม่มี (เกือบจะเดินไม่ไหว ก้าวขาไม่ออก) แถมเจอโรคเก๊าต์ สอบถามหาอีก
6.พักหลังจากที่รู้ว่าเป็นหลายโรค ชีวิต มันช่างมืดมนอย่างมาก ทำให้ไม่อยากอาหาร กินมิได้ นอนไม่หลับ ถึงหลับก็ไม่สนิท ขาบวม ใจสั่น โมโหง่าย
7.พอเพียงถึงเวลานี้ คุณยายคนนี้ ความประพฤติแปรไป จากที่เคยจำเป็นต้องออกไปเปิดร้านขายเห็ดในตลาดทุกวี่วัน ไม่เคยหยุด กลับทำให้เขาไม่ได้อยากต้องการขายสินค้า ขอหยุดนอนอยู่ในบ้าน กระทำตัวราวกับไร้ค่า จำเป็นต้องให้ลูกๆมาคอยดู ทำให้เป็นภาระของลูก
======================
ปัญหา สำหรับลูกที่ดูแล และก็จุดเปลี่ยนแนวความคิด
1.ลูกคนนั้น มีความคิด ทำอย่างไงก้อได้ ให้แม่หายจากโรคทั้งหมดทั้งปวงนี้
2.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้ท่านแม่กลับมาปฏิบัติงานได้เหมือนเดิม
3.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้คุณแม่ทานข้าวได้เหมือนแต่ก่อนเป็นโรคเบาหวาน
4.ทำอย่างยังไงก็ได้ให้คุณแม่นอนหลับได้ดี
=======================
ในที่สุดลูกคนนั้นได้มาคุยกับผม ผมเลยชี้แนะเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้ม รวมทั้งลูกคนนั้นได้เอาไปให้ท่านแม่ทาน
เริ่มต้นที่ม่าม้าไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น จะช่วยทำให้ชีวิตเขาดีขึ้นได้ เพราะคุณแม่ทานสมุนไพร อาหารเสริมมามากมายแล้ว
=======================

เริ่มกับการทานเห็ดหลินจือแดงสกัดเข้มข้น (ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล)
1.ผมเสนอแนะให้ทาน 24 ชั่วโมง 2 เวลา คือ เช้า-เย็น ในกรณีของแม่คนนี้ มีโรคประจำตัวมาก จะให้ทานแบบนี้ ภายหลังจากรับประทานอาหารแล้ว ให้ทานยาแผนปัจจุบัน รวมทั้งคอย 30 นาที ค่อยทานเห็ดหลินจือสกัดเข้มข้น
2.เพียงพอภายหลังจากทานได้ระยะแรก อาการมึนๆงงงันๆเริ่มดีขึ้น นอนได้ดิบได้ดีขึ้นมาก ปกติจะดูจนถึงเที่ยงคืนและหลังจากนั้นก็ค่อยหลับ แล้วตื่น 6-7 โมงเช้า มาจัดร้านขายของ แปลงเป็น นอนตั้งแต่ 2 ทุ่ม ตื่น 6 นาฬิกาตอนเช้า
3.หลังจากนอนหลับเจริญ  ทำให้อาการขาบวมดีขึ้น เยี่ยวดียิ่งขึ้นมากมาย ไม่ขัดและปัสสาวะได้สุด ค่าน้ำตาลดีขึ้น ไม่สวิงต่ำ-สูง รวมทั้งผลไตดียิ่งขึ้นด้วย
4.ผู้เจ็บป่วยเริ่มรับประทานข้าวได้ธรรมดา (ม่าม้าไม่เชื่อว่าเห็ดหลินจือช่วยได้จริงไหม เลยทดสอบด้วย กินทุเรียน2เม็ด แล้วพรุ่งนี้ไปตรวจเลือด ผลเลือดที่ออกมาม่าม้าสะดุ้ง ว่าทำไมน้ำตาลปกติ ^_^)
5.พอร่างกายได้ นอนได้เต็มอิ่ม หน้าใส(มีคนทักว่าไปทำอะไรมา) แข็งแรงสามารถชูของหนักๆได้ ซึ่งหากเป็นคราวก่อน เพียงแค่เดินยังต้องหาที่นั่งพักเลย
สรรพคุณเห็ดหลินจือที่มีงานศึกษาค้นคว้าและทำการวิจัยยืนยัน....มีอะไรบ้าง
มีความเชื่อกันมานานแล้วว่าเห็ดหลินจือแดงสามารถทำให้หัวใจแข็งแรง เลือดลมดี ผิวพรรณผ่องใส ช่วยให้แก่ช้าลง ความจำ และช่วยอายุยืนนาน
ส่วนสรรพคุณในทางการดูแลและรักษาโรคถูกกล่าวไว้อย่างมากมายเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น แก้ตับแข็ง รักษาโรคมะเร็ง รักษาโรคความดัน และก็ภูมิแพ้ฯลฯ
แต่ทีเด็ดคือ......
มีงานศึกษาเรียนรู้เกี่ยวกับเห็ดหลินจือรักษาโรคจากคณะเภสัชศาสตร์มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งในการทดสอบเรียนรู้ทางคลีนิคและก็ยืนยันว่าเห็ดหลินจือมีคุณประโยชน์ดังนี้จริง ไม่ใช่แค่ความเชื่ออีกต่อไป อันตัวอย่างเช่น
-กระตุ้นภูมิต้านทาน
-ต้านเนื้องอกแล้วก็โรคมะเร็ง
-รักษาโรคทางเท้าปัสสาวะ
-รักษาโรคหัวใจ
-ช่วยให้การนอนหลับ
-ลดไขมันในเลือด
-ต้านอนุมูลอิสระ
-ต้านทานการอักเสบ

หน้า: [1]