รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - yi0s5xdf404

หน้า: [1]
1

สมุนไพรพญายอ
เสมหะพังพอนตัวเมีย
เสมหะพังพอนตัวเมีย ชื่อสามัญ Snake Plant
เสลดพังพอนตัวเมีย ชื่อวิทยาศาสตร์ Clinacanthus nutans (Burm.f.) Lindau (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Clinacanthus burmanni Nees, Clinacanthus siamensis Bremek., Justicia nutans Burm. f.) จัดอยู่ในตระกูลเหงือกปลาหมอ (ACANTHACEAE)
สมุนไพรเสมหะพังพอนตัวเมีย พญายอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า ลิ้นมังกร ผักมันไก่ ผักลิ้นเขียด (จังหวัดเชียงใหม่), พญาปล้องคำ (ลำปาง), เสลดพังพอนตัวเมีย (พิษณุโลก), พญาปล้องดำ พญาข้อทองคำ (ภาคกึ่งกลาง), ลิ้นงูเห่า พญายอ (ทั่วๆไป), โพะโซ่จาง (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), ชิงเจี้ยน หนิ่วซิ้วฮวา (จีนแมนดาริน) ฯลฯ
รูปแบบของเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นเสลดพังพอนตัวเมีย จัดเป็นพรรณไม้พุ่มแกมเถา มักเลื้อยพิงไปตามต้นไม้อื่นๆมีความสูงได้ราวๆ 1-3 เมตร ลำต้นมีลักษณะเกลี้ยง ต้นอ่อนเป็นสีเขียว ลำต้นมีลักษณะกลม ผิวเรียบเป็นข้อสีเขียว แพร่พันธุ์ด้วยวิธีการปักชำหรือแยกเหง้าแขนงไปปลูก เจริญเติบโตก้าวหน้าในดินทุกชนิด ถูกใจดินร่วนซุย ระบายน้ำดี มีแดดจัด มีเขตผู้กระทำระจายประเภทในจีน เวียดนาม อินโดนีเซีย มาเลเซีย รวมทั้งไทย ในประเทศไทยพบได้ทั่วไปขึ้นตามป่าเบญจพรรณทั่วทุกภาคของประเทศ หรือพบปลูกกันตามบ้านทั่วๆไป
ต้นเสมหะพังพอนตัวเมีย
ต้นพญายอ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย ใบเป็นใบคนเดียว ออกเรียงตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆลักษณะของใบเป็นรูปใบหอก รูปรีแคบขอบขนาน ปลายใบและก็โคนใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีขนาดกว้างราวๆ 2-3 เซนติเมตร รวมทั้งยาวราว 7-9 เซนติเมตร แผ่นใบเป็นสีเขียวเข้ม ผิวใบเรียบ
ใบเสลดพังพอนตัวเมีย
ดอกพญายอเสลดพังพอนตัวเมีย ออกดอกเป็นช่อกลุ่มที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมีดอกโดยประมาณ 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นสีแดงส้ม โคนกลีบดอกไม้เชื่อมติดกันเป็นหลอด ยาวโดยประมาณ 3-4 ซม. ปลายแยกออกเป็น 2 ปากเป็นปากล่างและก็ปากบน ดอกหนึ่งมี 5 กลีบ กลีบดอกเป็นรูปทรงกระบอก ส่วนกลีบรองกลีบนั้นเป็นสีเขียว ยาวเท่าๆกัน มีขนเป็นต่อมเหนียวๆอยู่โดยรอบ ดอกมีเกสรเพศผู้ 2 อัน ส่วนเกสรเพศเมียหมดจดไม่มีขน ออกดอกในตอนราวๆเดือนตุลาคมถึงม.ค. (แต่ว่ามักจะไม่ค่อยออกดอก)
ดอกเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญาบ้องทอง
ลิ้นงูเห่า
ผลเสลดพังพอนตัวเมีย ผลได้ผลสำเร็จแห้งและก็แตกได้ (แต่ว่าผลไม่เคยติดเป็นฝักในประเทศไทย) ลักษณะของผลเป็นรูปกลมยาวรี ยาวได้โดยประมาณ 0.5 ซม. ก้านสั้น ข้างในผลมีเมล็ดราว 4 เมล็ด
หมายเหตุ : เสลดพังพอน เป็นชื่อพ้องของพรรณไม้ 2 จำพวก คือ เสลดพังพอนเพศผู้ และเสมหะพังพอนตัวเมีย ซึ่งจะต่างกันตรงที่เสมหะพังพอนเพศผู้ลำต้นจะมีหนามรวมทั้งมีดอกเป็นสีเหลือง ส่วนเสลดพังพอนตัวเมียลำต้นจะไม่มีหนามและก็มีดอกเป็นสีแดงส้ม เพื่อไม่ให้เป็นการงงเต็กหลายๆตำราเรียนจึงนิยมเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า “[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url]” หรือ “พญาบ้องทองคำ” โดยเสมหะพังพอนเพศผู้นั้นจะมีสรรพคุณทางยาอ่อนกว่าเสมหะพังพอนตัวเมีย และก็ตำราเรียนยาไทยนิยมนำมาใช้ทำยากันมาก
คุณประโยชน์ของเสมหะพังพอนตัวเมีย
รากรวมทั้งเปลือกต้นใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาบำรุงกำลัง (รากรวมทั้งเปลือกต้น)
ทั้งต้นและก็ใบใช้รับประทานเป็นยาถอนพิษไข้ ดับพิษร้อน (ต้นรวมทั้งใบ)1,3 ใช้เป็นยาลดไข้ ด้วยการใช้ใบสด 1 กำมือ ตำอย่างละเอียด ผสมกับน้ำซาวข้าว ใช้พอกบนศีรษะคนไข้ประมาณ 30 นาที ลักษณะของการมีไข้และก็ลักษณะของการปวดศีรษะจะหายไป (ใบ)6
ช่วยแก้อาการผิดสำแดง (รับประทานอาหารแสลงไข้ แล้วทำให้โรคกำเริบ) ด้วยการใช้รากสดเอามาต้มกินครั้งละราวๆ 2 ช้อนแกง (ราก)
ใช้เป็นยาแก้เจ็บคอ ด้วยการนำใบสดมาเคี้ยวราวๆ 10 ใบ กลืนมัวแต่น้ำยาพอให้ยาจืด แล้วจึงคายกากทิ้ง (ใบ)6
ช่วยแก้คางทูม ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 10-15 ใบ ตำอย่างละเอียดผสมกับสุราโรง คั้นเอาน้ำมาทาบริเวณที่บวม อาการบวมจะหายไป รวมทั้งอาการเจ็บปวดจะหายไปภายใน 30 นาที (ใบ)
ใช้เป็นยารักษาโรคบิด (ทั้งยังต้นและก็ใบ)
รากใช้ปรุงเป็นยาขับเยี่ยว ขับประจำเดือน (ราก)
ใช้เป็นยาแก้ประจำเดือนมาผิดปกติ (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้อักเสบแบบโรคตับเหลือง (อีกทั้งต้น)
ใช้เป็นยาแก้แผลอักเสบจับไข้ ไข่ดันบวม ด้วยการใช้ใบสดราวๆ 3-4 ใบ นำมาตำอาหารสาร 3-4 เม็ด ผสมกับน้ำพอเปียก ใช้พอกประมาณ 2-3 รอบ จะช่วยทำให้อาการดียิ่งขึ้น (ใบ)
ลำต้นเอามาฝนแล้วก็ใช้ทาแผลสดจะช่วยให้แผลหายเร็ว (ลำต้น)ใช้รักษาแผลจากหมากัดมีเลือดไหล ด้วยการใช้ใบสดโดยประมาณ 5 ใบ เอามาตำพอกบริเวณแผลสัก 10 นาที (ใบ)
ใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดนำมาตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผล แผลจะแห้ง หรือจะใช้ใบสดเอามาตำอย่างรอบคอบผสมกับเหล้า ใช้เป็นยาพอกรอบๆที่ถูกไฟไหม้หรือน้ำร้อนลวก จะมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี4 ส่วนอีกตำราระบุว่า นอกเหนือจากที่จะใช้รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยเนื่องมาจากถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และก็แผลที่เกิดขึ้นจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย เพียงแต่นำใบไปหุงกับน้ำมันแล้วเอามาทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ใบราว 3-4 ใบ กับข้าวสาร 5-6 เม็ด เพิ่มน้ำลงไปให้พอเพียงเปียก แล้วเอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองก้าวหน้า ทำให้แผลแห้งไว โดยให้เปลี่ยนยาวันละ 2 ครั้ง พอกไปสักพักหนึ่งแล้วให้เอาน้ำมาหยอดกันยาแห้งด้วย (ใบ)
ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ด้วยการกางใบสดตำผสมกับสุราใช้ทา หรือใช้สุราสกัดใบเสมหะพังพอน จะได้น้ำยาสีเขียวนำมาทาแก้ผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้สิวเม็ดผื่นผื่นคัน ด้วยการนำใบมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวและเม็ดผื่นผื่นคัน (ใบ)
ใช้แก้ฝี ด้วยการใช้ใบนำมาตำผสมกับเกลือรวมทั้งเหล้า ใช้พอกรอบๆที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้าและเย็น (ใบ)
ต้นและก็ใบใช้เป็นยาขับพิษ ถอนพิษ โดยเฉพาะพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เช่น งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง ฯลฯ รวมทั้งผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ผื่นคัน แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก ด้วยการใช้ใบสดราว 5-10 ใบ เอามาขยี้หรือตำใช้ทาบริเวณที่เป็น หรือใช้ใบสดเอามาตำให้เพียงพอแหลก แช่ลงในเหล้าขาวประมาณ 1 อาทิตย์ แล้วหลังจากนั้นก็ให้นำมาใช้ทาบริเวณที่เป็นแผลส่วนอีกตำรับยาแก้ผื่นคัน ตามข้อมูลกล่าวว่า ให้ใช้ใบตำผสมกับดินสอพอง ใส่น้ำน้อย ใช้ทาบริเวณที่เป็น (ใบ)

คนกรุงจะนำใบมาตากแห้งแล้วตำผสมกับแมงป่องปิ้ง ใช้เป็นยาแก้พิษงู (ใบ)
พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังชนิดเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ขยุ้มตีนหมา และก็ใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆด้วยการกางใบเสมหะพังพอนตัวเมียสดประมาณ 10-20 ใบ (เลือกเอาเฉพาะใบสดสีเขียวเข้มเป็นเงา ไม่อ่อนหรือแก่จนถึงเกินความจำเป็น) แล้วเอามาตำผสมกับเหล้าหรือน้ำมะนาว คั้นเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลรวมทั้งเอากากพอกรอบๆแผล หรืออีกวิธีให้เตรียมเป็นทิงเจอร์เพื่อใช้ทารักษาอาการอักเสบจากเริมในปาก โดยใช้ใบสด 1 กิโลกรัม นำมาปั่นอย่างละเอียด เพิ่มแอลกอฮอล์ 70% ลงไป 1 ลิตร แล้วหมักทิ้งเอาไว้ 7 วัน ระเหยบนเครื่องอังละอองน้ำให้ขนาดลดน้อยลงครึ่งหนึ่ง (ห้ามตั้งบนเตาไฟโดยเด็ดขาด) และเติมกลีเซอรีน (Glycerine pure) อีกเท่าตัว (ครึ่งลิตร) แล้วนำน้ำยาเสลดพังพอนกลีเซอรีนที่ได้มาใช้ทาแผลเริม งูสวัด แผลร้อนในปาก แล้วก็ใช้ถอนพิษต่างๆสำหรับหนังสือเรียนยาแก้งูสวัดอีกตำรับจะใช้ใบสดผสมกับดอกลำโพง โกฐน้ำเต้า อย่างละเท่ากัน รวมกันตำให้พอแหลก แช่กับเหล้า แล้วประยุกต์ใช้ทาแก้แผลงูสวัด (ใบ)
พญายอ ใช้แก้ถูกหนามท้องดอตำหรือถูกใบตะลังตังช้าง ด้วยการนำขี้ผึ้งแท้มาลุกลนไฟให้ร้อน แล้วเอามาคลึงเพื่อดูดเอาขนของใบตะลังตังช้างออกซะก่อน แล้วจึงใช้ใบเสลดพังพอนผสมกับเหล้าทาบริเวณที่เป็น (ใบ)
ใช้เป็นยาแก้แพ้เกสรรักษาป่า ยางรักป่า และยางสาวน้อยผัดแป้ง ด้วยการใช้ใบผสมกับสุรา เอามาทาบริเวณที่คัน (ใบ
ใช้แก้ฝึกหัด เหือด ด้วยการกางใบสดราว 7 กำมือ นำมาต้มกับน้ำ 8 แก้ว ต้มให้เดือด 30 นาที เทยาออกรวมทั้งผึ่งให้เย็น แล้วนำใบสดมาอีก 7 กำมือ ตำผสมกับน้ำ 8 แก้ว แล้วเอาน้ำยาทั้งสองมาผสมกัน ใช้ทั้งยังกินรวมทั้งทาทา (ยาทาให้ใส่พิมเสนลงไปเล็กน้อย) เด็กที่เป็นหัด เหือด ให้รับประทานวันละ 3 ครั้ง ทีละครึ่งแก้ว (ใบ)
พญายอ ทั้งยังต้นใช้เป็นยาพาราบวม กลยุทธ์ขัดยอก ฟกช้ำดำเขียว กระดูกร้าว ช่วยขับความชื้นภายในร่างกาย แก้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อยด้วยเหตุว่าเย็นเปียกชื้น (อีกทั้งต้น)
รากใช้เป็นยาแก้อาการปวดปวดเมื่อยบั้นท้าย (ราก)
ขนาดและก็การใช้ : ยาแห้งให้ใช้ทีละ 5-10 กรัม นำมาต้มกับน้ำกิน ส่วนยาสดให้ใช้ครั้งละ 30 กรัม เอามาตำคั้นเอาน้ำกิน หรือตำพอกแผลด้านนอก
ข้อควรตรึกตรองพญายอ
: หากแม้ในสมัยก่อนจะมีการใช้ใบสดนำมาตำแล้วพอกบริเวณที่เป็นแผล แต่ว่าในขณะนี้แนวทางลักษณะนี้ไม่ได้รับความนิยมแล้ว เนื่องจากจะชำระล้างได้ยาก ทำให้กากติดแผล รวมทั้งอาจจะเป็นผลให้ติดเชื้อเป็นหนองได้
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของเสมหะพังพอนตัวเมีย
พญายอ รากพบสาร Betulin, Lupeol, β-sitosterol ส่วนใบพบสาร Flavonoids ซึ่งมีฤทธิ์ลดการอักเสบ สารกรุ๊ป monoglycosyl diglycerides ดังเช่น 1,2-O-dilinolenoyl-3-O-b-d-glucopyranosyl-sn-glycerol และสารกรุ๊ป glycoglycerolipids ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งไวรัสเริม
จากการทดสอบในสัตว์ใช้สกัดจากใบสดของเสลดพังพอนตัวเมียด้วย n-butanol พบว่า สามารถลดการอักเสบได้2 โดยพบว่าจะช่วยลดการอักเสบของข้อเท้าหนูที่ทำให้บวมด้วยสาร carrageenan ได้ เมื่อใช้ตำรับยาที่มีเสมหะพังพอนตัวเมียปริมาณร้อยละ 5 ใน Cold cream และสารสกัดด้วยเอทานอลจากใบ เอามาทาเฉพาะที่ให้หนูแรท จะช่วยลดการอักเสบเรื้อรังได้ แต่เมื่อใช้สารสกัดด้วย n-butanol มาทาที่ผิวหนังจะไม่เป็นผล
สารสกัดจากใบความเข้ม 15 กรัม ต่อ 1 กิโลกรัม มีคุณภาพต้านทานการอักเสบได้ดิบได้ดี
เมื่อให้หนูเม้าส์รับประทานสารสกัดด้วย n-butanol จากใบ พบว่า จะช่วยลดความเจ็บปวดของหนูที่ถูกรั้งนำให้ปวดด้วยกรดอะซีว่ากล่าวคได้ ขึ้นรถสกัดความแรง 90 มก.ต่อโล จะมีฤทธิ์ใกล้เคียงกับเฟนนิวบิวทาโซนขนาด 100 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม ส่วนสารสกัดด้วยน้ำรวมทั้งสารสกัดด้วยเอทานอล 60 จากใบ พบว่าไม่เป็นผลลดความเจ็บปวด
สารสกัดด้วยเฮกเซน บิวทานอล และก็เอทิลอะซิเตทจากใบเสมหะพังพอนตัวเมียมีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสเชื้อเริม HSV-1 เมื่อนำไปทำเป็นตำรับเจลโดยใช้สารสกัดด้วยแอลกอฮอล์ที่ความเข้มข้นจำนวนร้อยละ 4 รวมทั้งใช้ carbopol 940 เป็นสารก่อเจล พบว่าจะมีฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสเจริญและไม่เป็นพิษต่อเซลล์ ตอนที่เมื่อใช้สารก่อเจล poloxamer 407 จะมีพิษต่อเซลล์ แล้วก็จากรายงานการดูแลและรักษาผู้ป่วยโรคเริมที่อวัยวะสืบพันธุ์ชนิดเป็นซ้ำด้วยการใช้ยาจากสารสกัดเสลดพังพอนตัวเมีย เปรียบเทียบกับยา acyclovir รวมทั้งยาหลอก โดยให้ผู้เจ็บป่วยทายาวันละ 4 ครั้ง เป็นเวลา 6 วัน พบว่าไม่ได้ต่างอะไรในระยะเวลาการตกสะเก็ดของแผลคนไข้ที่ใช้ยาจากสารสกัดใบและก็ยา acyclovir โดยแผลจะตกสะเก็ดภายใน 3 วัน รวมทั้งหายสนิทด้านใน 7 วัน ซึ่งไม่เหมือนกันกับยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญ โดยยาที่สกัดจากใบเสลดพังพอนตัวเมียจะไม่นำมาซึ่งการอักเสบและก็ระคายเคือง เวลาที่ acyclovir จะมีผลให้แสบ นอกจากนั้นยังมีการใช้ยาที่ทำมาจากเสลดพังพอนตัวเมียในผู้เจ็บป่วยโรคเริม งูสวัด และแผลอักเสบในปาก แล้วพบว่าสามารถรักษาแผลและลดการอักเสบก้าวหน้า
พญายอ สารที่สกัดจากบิวทานอล (Butanol) ของใบเสลดพังพอนตัวเมีย มีฤทธิ์ฆ่าเชื้อโรคไวรัส Varicella zoster ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสจำพวกที่ทำให้เกิดเริมและอีสุกอีใส3 จากรายงานการดูแลและรักษาคนไข้โรคงูสวัดด้วยยาจากสารสกัดจากใบเปรียบเทียบกับยาหลอก โดยให้ทายาวันละ 5 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 อาทิตย์ ตราบจนกระทั่งแผลจะหาย พบว่าผู้เจ็บป่วยที่รักษาด้วยสารสกัดจากใบเสมหะพังพอนตัวเมีย แล้วมีแผลตกสะเก็ดภายใน 3 วัน และหายด้านใน 7-10 วัน จะมีเยอะๆกว่ากรุ๊ปสุดที่รักษาด้วยยาหลอกอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และระดับความเจ็บปวดจะลดลงเร็วกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก โดยไม่พบผลข้างเคียงอะไรก็แล้วแต่9
จากการทดลองความเป็นพิษ เมื่อป้อนสารสกัด n-butanol จากใบให้หนูเม้าส์ พบว่าเป็นพิษเล็กน้อย แต่จะมีพิษปานกลางเมื่อฉีดเข้าท้อง ส่วนสารสกัดด้วยเอทานอลขนาด 1.3 กรัมต่อกก. (เทียบเท่าใบแห้ง 5.44 กรัมต่อกิโล) เมื่อนำมาป้อนเข้าทางปากหรือฉีดเข้าช่องท้องหนูเม้าส์ พบว่าไม่กระตุ้นให้เกิดอาการเป็นพิษอะไรก็แล้วแต่
จากการศึกษาเล่าเรียนพิษครึ่งเรื้อรัง
ด้วยการป้อนสารสกัด n-butanol จากใบในขนาด 270 และ 540 มิลลิกรัมต่อกิโล ให้หนูแรททุกวัน นาน 6 สัปดาห์ พบว่าไม่มีผลต่อการเติบโต แม้กระนั้นพบว่ามีน้ำหนักต่อมธัยมัเศร้าใจลง เวลาที่น้ำหนักของตับเพิ่มขึ้น และไม่พบว่ามีความผิดธรรมดาต่ออวัยวะอื่นๆหรืออาการไม่ปรารถนาแต่อ http://www.disthai.com/

2

รากสามสิบ
รากสามสิบ ชื่อสามัญ Shatavari8
รากสามสิบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.) จัดอยู่ในตระกูลหน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE) แล้วก็อยู่ในตระกูลย่อย ASPARAGOIDEAE4
สมุนไพรรากสามสิบ มีชื่อเขตแดนอื่นๆว่า สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี), ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา), ผักชีช้าง (หนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), พอเพียงควายเมะ (กะเหรี่ยง-เชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยสามี, สาวร้อยสามี, ศตาวรี เป็นต้น
รูปแบบของรากสามสิบ
ต้นรากสามสิบ จัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม (หนามแปลงมาจากใบเกล็ดรอบๆข้อ) สามารถเลื้อยปีนป่ายต้นไม้อื่นขึ้นไปได้สูงราวๆ 1.5-4 เมตร แตกกิ่งเป็นเถาห่างๆลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวปนเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น และวาว ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราว 2-5 มิลลิเมตร เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ ยาวประมาณ 1-4 มิลลิเมตร รอบๆข้อมีกิ่งแตกแขนงแบบรอบข้อ แล้วก็กิ่งนี้จะกลายเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้างโดยประมาณ 0.5-1 มม. และก็ยาวประมาณ 0.5-2.5 มม. ปฏิบัติหน้าที่แทนใบ มีเหง้ารวมทั้งรากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกระจุกคล้ายกระสวย ลักษณะของรากออกเป็นพวงคล้ายรากกระชาย ลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว มีขนาดโตกว่าเถามาก มีเขตผู้กระทำระจายจำพวกในประเทศไทย ประเทศอินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย และประเทศออสเตรเลีย พบขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแห้งแล้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ต้นรากสามสิบ
สามร้อยราก
ใบรากสามสิบ ใบเป็นใบผู้เดียว แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆเล็กเหมือนหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกระจุก 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก รูปแบบของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้างราว 0.5-1 มิลลิเมตร แล้วก็ยาวโดยประมาณ 10-36 มิลลิเมตร แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกระจุกใบ ก้านใบยาวโดยประมาณ 13-20 ซม.
ใบรากสามสิบ
ดอกรากสามสิบ ออกดอกเป็นช่อกระจะ ยาวราวๆ 2-4 เซนติเมตร โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบรวมทั้งข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ดอกเป็นสีขาวและมีกลิ่นหอม มีประมาณ 12-17 ดอก ก้านดอกย่อยยาวราวๆ 2 มม. มีกลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ รวมทั้งวงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบกว้างราว 0.5-1 มม. และก็ยาวโดยประมาณ 2.5-3.5 มิลลิเมตร กลีบมีลักษณะบางและย่นย่อ โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาวโดยประมาณ 2-3 มิลลิเมตร ส่วนปลายแยกเป็นแฉก ดอกมีเกสรผู้เชื่อมรวมทั้งอยู่ตรงกันข้ามกับกลีบรวม เป็นเส้นเล็ก 6 อัน ก้านยกอับเรณูเป็นสีขาว อับเรณูเป็นสีน้ำตาลเข้ม รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยาวประมาณ 1 มม. มี 2 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุล 2 เม็ด หรือมากยิ่งกว่า ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก โดยจะออกดอกในตอนประมาณเมษายนถึงมิถานายน1,2,4,5
ดอกรากสามสิบ
ผลรากสามสิบ ลักษณะของผลเป็นทรงออกจะกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบเป็นเงา มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ภายในผลมีเม็ดราวๆ 2-6 เม็ด เม็ดเป็นสีดำ เปลือกหุ้มมีลักษณะแข็งแต่เปราะ ออกผลในตอนโดยประมาณม.ย.ถึงเดือนกรกฎาคม1,8
ผลรากสามสิบ
เม็ดรากสามสิบ

คุณประโยชน์ของรากสามสิบ
รากสามสิบมีรสขื่นเย็น มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก)
ตำราเรียนยาไทยจะใช้รากเป็นยาแก้กษัย (ราก)
ในประเทศอินเดียจะใช้รากเป็นยากระตุ้นประสาท (ราก)
รากใช้ผสมกับเหง้าขิงป่าและก็ต้นจันทน์แดง ผสมกับสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาลดระดับความดันเลือดรวมทั้งลดไขมันในเลือด (ราก)
รากสามสิบมีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นหลักการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin (ราก)
ทั้งต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำเป็นยารักษาโรคคอพอก (ราก, ทั้งต้น)
ผลมีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อเป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง (ผล)
รากมีรสเฝื่อนเย็น ใช้รับประทานเป็นยาแก้พิษร้อนในกระหายน้ำ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ไอ (ราก)
ช่วยขับเสลด4 แก้การติดเชื้อที่หลอดลม (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำกินเป็นยาช่วยขับลม และช่วยลดกรดในกระเพาะ (ราก)
ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับไส้ แก้อาการของกินไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะ โรคกระเพาะ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้อาการท้องเสีย แก้บิด (ราก)
ใบมีคุณประโยชน์เป็นยาระบาย (ใบ)
หนังสือเรียนยาสมุนไพรประจำถิ่นของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากนำมาต้มกับน้ำเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ขัดเบา ขับปัสสาวะ ช่วยหล่อลื่นรวมทั้งกระตุ้น (ราก)
ช่วยรักษาอาการเมนส์แตกต่างจากปกติของสตรี (ราก)
ทั้งต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ตกเลือด (ราก, อีกทั้งต้น)
ในอินเดียจะใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นสมรรถนะทางเพศทั้งยังชายรวมทั้งหญิง คนทางภาคเหนือบ้านเราจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้กินเป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย กินแล้วครึกโครมเสมือนม้า 3 ตัว ก็เลยมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าสามต๋อน” ส่วนแพทย์ยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นต้นเหตุของชื่อ “สาวร้อยสามี” หรือ “สามร้อยผัว” กล่าวคือไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ อายุเยอะแค่ไหนก็ยังมองสาวเสมอ แม้กระนั้นไม่ใช่รับประทานแล้วจะสามารถมีสามีได้เป็นร้อยคน ในตำราเรียนอายุรเวทจะใช้สมุนไพรจำพวกนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับในการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยขจัดปัญหาต่างๆของสตรี ไม่ว่าจะเป็นภาวการณ์ระดูไม่ปกติ สภาวะหมดเมนส์ ปวดรอบเดือน ตกขาว มีบุตรยาก ไม่มีอารมณ์ทางเพศ ช่วยบำรุงรักษาท้อง บำรุงนม ปกป้องการแท้ง ฯลฯ ส่วนวิธีการใช้ก็ให้นำรากมาต้มกิน หรือนำรากมาตากแห้งแล้วบดเป็นผุยผงปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง ยิ่งกว่านั้นยังคงใช้กระตุ้นนมในวัวนมได้อีกด้วย (ราก)
ใช้เป็นยาบำรุงตับและปอดให้เกิดกำลังเป็นปกติ แก้ตับและก็ปอดทุพพลภาพ (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้ลักษณะของการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน (ราก)
ช่วยบรรเทาอาการระคาย (ราก)
รากใช้รับประทานเป็นยาแก้ลักษณะของการปวดปวดเมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว (ราก)
ช่วยแก้อาการปวดข้อและคอ (ราก)
ใบมีสรรพคุณช่วยขับน้ำนม ช่วยให้เจริญอาหาร (ใบ)
รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กแรกเกิดในท้อง บำรุงนม บำรุงร่างกายข้างหลังการคลอดลูกของสตรี (ราก)
ใน “พระคู่มือคุณประโยชน์ (แลมหาพิกัด)” ได้พูดถึงสรรพคุณของรากสามสิบไว้ว่า “ผักหวานเพศผู้มีรสหวาน แก้กำเดา แก้จักขุโรค รากสามสิบทั้งยัง 2 มีคุณมากกว่าผักหวาน” กำเดาหรือไข้กำเดา มีอยู่ 2 ชนิด อย่างแรกเป็นตัวร้อน เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ รวมทั้งอีกอย่างหนึ่งหมายถึงมีลักษณะร้ายแรงมากกว่า มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย มีลักษณะคัน ไอ มีเสลด และก็มีเลือดออกทางปากแล้วก็จมูก (ราก)
ส่วนในหนังสือ “พระตำราเวชศาสตร์สงเคราะห์” ได้กล่าวถึงตำรับยารักษาคนธาตุหย่อน อันมีตัวยารากสามสิบรวมอยู่ด้วยร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆอีกหลายแบบ โดยกล่าวว่ามีสรรพคุณ (ที่ค่อนจะเข้าใจยาก) ว่าช่วยจำเริญชีวิตให้เกิดกำลัง ให้บำรุงธาตุไฟ ให้เจริญอินทรีย์แต่ละอย่าง มีกำลังเดินทางมากแตกต่าง กินเข้าไปแล้วหาโทษมิได้ ใช้ได้เด็ก คนวัยแก่ คนมีกำลัง คนซูบผอม คนไม่มีกำลัง คนธาตุหย่อน ให้ประกอบยานี้กันเหอะ อนึ่ง กินแล้วให้มีขึ้นบุตร ให้อกโคนแค่นพระจันทร์งอีกทั้ง 4 มีกำลัง ถึงกระหักก็ดี หมอก็เชื่อถือรักษาโดยใช้ยานี้เหอะ (ราก)
อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคผ่ายผอม แก้โรคหอบหืด แก้ปิดตะ และก็แก้โรคลมต่างๆจะมีสมุนไพรอยู่ร่วมกัน 20 อย่างรวมทั้งรากสามสิบ (ราก)
ใน “พระคู่มือวรโยคสาร” ตำรับยา “วะระที่นาทิคณะ” เป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยรากไม้ 17 อย่าง รวมถึงรากสามสิบ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้แก้อันตะวิทราโรค หรือโรคที่มีอาการทิ่มแทงในลำไส้ใหญ่ ใช้เป็นยาแก้มันทาคินี แก้เสลด แก้คุลุมโรคหายแล และยังมีตำรับยาอีกอย่างก็คือ ตำรับยาแก้เสมหะ ที่มีสมุนไพรรวมอยู่ด้วย 16 อย่าง และรากสามสิบ (ราก)
ตำรับยาบำรุงท้อง แก้ไข้ แก้ปวดศีรษะ ประกอบไปด้วยสมุนไพร 13 จำพวก ดังเช่นว่า รากสามสิบ แก่นสน กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนอีกทั้ง 5 บัวน้ำ 5 โกฐทั้ง 5 จันทน์อีกทั้ง 4 และเทวดาทาโร (ใช้อย่างละเท่ากัน) นำทั้งผองมาใส่เอาไว้ข้างในหม้อฉาบหรือหม้อดิน เพิ่มเติมน้ำลงไปให้ท่วมยาสูงราว 6-7 เซนติเมตร แช่ทิ้งไว้โดยประมาณ 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งด้วยไฟอ่อนๆต้มต้มราว 30 นาที น้ำยาเดือดรวมทั้งมีกลิ่นหอมก็เลยยกลงจากเตา ใช้ดื่มก่อนอาหารเช้าและเย็น วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงท้องอย่างยอดเยี่ยม (ราก)
นอกเหนือจากนี้ยังมีสรรพคุณของรากสามสิบตามเว็บต่างๆนอกจากที่กล่าวมา สมุนไพรชนิดนี้ยังมีสรรพคุณช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิง แก้วัยทอง เพิ่มขนาดทรวงอกแล้วก็สะโพก ช่วยจัดการกับปัญหาช่องคลอดอักเสบ ดับกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับรูปทรง ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงโลหิต บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่ชรา ลดกลิ่นเต่า กลิ่นปาก ช่วยสร้างเสริมและปรับปรุงความจำรวมทั้งเชาวน์ (ไม่มีอ้างอิง)
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้ : การใช้รากตาม ให้ใช้รากโดยประมาณ 90-100 กรัม นำมาต้มกับน้ำดื่มวันละครั้งในเช้าตรู่
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของรากสามสิบ
สารสำคัญที่เจอ อาทิเช่น asparagamine, cetanoate, daucostirol, sarsasapogenin, shatavarin, racemosol, rutin
สมุนไพรรากสามสิบมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต่อต้านเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้อาการปวด คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ คุ้มครองป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันเลือดสูง ขับนม มีฤทธิ์เสมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยั้งเบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นภูมิต้านทาน ต่อต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อเซลล์ของโรคมะเร็ง ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะ ยั้งพิษต่อตับ
สารสำคัญที่พบในรากเป็นสาร steroidal saponins ซึ่งเป็นสารที่ปฏิบัติภารกิจเอาอย่างฮอร์โมนเพศ ก็เลยน่าจะมีหน้าที่สำหรับการรักษาอาการที่เกิดขึ้นในช่วงวัยหมดระดูของสตรี รวมไปถึงการช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดโรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือดรวมทั้งโรคกระดูกพรุน
จากการศึกษา
ในหนูแรทโดยใช้สารสกัดจากรากด้วยเอทานอล แบ่งเป็น 2 ช่วงหมายถึงช่วงกระทันหันและก็ตอนยาวตลอด โดยการศึกษาในช่วงรุนแรงป้อนสารสกัดเอทานอลจากรากสามสิบในขนาด 1.25 กรัมต่อโล ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน หนูแรทที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 แล้วก็ชนิดที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ช่วยให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของเดกซ์โทรส ในนาทีที่ 30 ดีขึ้น ส่วนการเล่าเรียนตอนยาวต่อเนื่องวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานประเภทที่ 2 พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แล้วก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30%เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน และเพิ่มไกลโคเจนที่ตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปโรคเบาหวานควบคุม ก็เลยสรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจากรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการยับยั้งการสรุปยและก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต และก็เพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งคงจะมีคุณประโยชน์ในการนำไปใช้รักษาคนไข้เบาหวานได้9
จากการทดสอบทางสถานพยาบาลเป็นการใช้รักษาโรคกระเพาะในคนจริงๆโดยการกินผงแห้งของราก พบว่าได้ผลดีสำหรับการรักษาแผลที่กระเพาะและลำไส้เล็ก จากการที่กรดเกิน
เมื่อปี คริสต์ศักราช1997 ที่ประเทศอินได้กระทำทดลองใช้รากสามสิบกับคนไข้ความดันโลหิตสูงชนิด mild hypertension โดยทดลองเปรียบเทียบกับยาลดความดัน (Propranolol) ใช้ระยะเวลาทำการทดสอบนาน 3 เดือน ผลการทดสอบพบว่า คนไข้มีความดันเลือดลดลง < 90 mm.Hg. และลดไขมันได้ผลดี

  • K. Mitra แล้วก็คณะ (ค.ศ.1996) ที่อินเดียได้กระทำทดสอบการใช้สารสกัดจากรากสามสิบกับหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วย Streptozotocin ผลการทดสอบพบว่า สารสกัดดังที่กล่าวถึงมาแล้วสามารถกระตุ้นตับอ่อนของหนูให้เพิ่มการหลักhttp://www.disthai.com/

3
อื่น ๆ / ตะไคร้มีประโยชน์มากกว่าที่คิด
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 03:53:12 AM »

ตะไคร้
ตะไคร้ เป็นพืชสมุนไพรแคว้นในประเทศแถบเอเชียเขตร้อน มีลักษณะคล้ายหญ้ารวมทั้งมีใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะตัว เว้นแต่ประยุกต์ใช้ทำครัว แต่งกลิ่นในของกิน และก็ทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกเอาไปใช้ในหลากสาขา เช่น อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องแต่งหน้า การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความคิดกันว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ บางทีอาจสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดลักษณะของการปวดเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ บรรเทาลักษณะของการปวดแล้วก็ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตในระหว่างมีเมนส์ และก็เป็นส่วนผสมในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ ฯลฯ
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุกประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมนำมาปลูกไว้ตามบ้านและก็เอามาประกอบอาหาร เป็นสมุนไพรที่เป็นประโยชน์และช่วยบรรเทาอาการของโรคบางประเภทได้ แต่หารู้หรือไม่ว่าในความเป็นจริงแล้ว ภายใต้ต้นแข็งๆและใบที่คมของตะไคร้ยังหลบซ่อนคุณค่าเอาไว้มากไม่น้อยเลยทีเดียวกระทั่งนึกไม่ถึง วันนี้เราไปดูคุณประโยชน์ของตะไคร้ที่เข้าใจดีแล้วจะต้องอัศจรรย์ใจที่เอามาจากเว็บ allwomenstalk กันดีกว่าค่ะ ผู้ใดกันแน่ที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน ต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรชนิดนี้เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมแน่นอน
สรรพคุณของตะไคร้ ผลดีดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่าคิดว่าตะไคร้มีคุณประโยชน์แค่ใช้ทำอาหารเพียงแค่นั้น เพราะว่าที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและก็แร่ธาตุมาก วิตามินเอ วิตามินซี แล้วก็วิตามินบี ยิ่งไปกว่านี้ยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินมากขนาดนี้ครั้งหลังเจอตะไคร้ในอาหารก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกเหนือจากที่จะนำมาทำกับข้าวแล้ว ตะไคร้ยังเป็นประโยชน์สำหรับในการไล่แมลงอีกด้วย เนื่องจากในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่อีกทั้งในใบรวมทั้งในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยกลุ่มนี้มีคุณสมบัติสำหรับการไล่แมลงได้อย่างยอดเยี่ยม จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกเราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ ผลิตภัณฑ์ไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้ขายอยู่ในตลาดมาก คนไหนที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ทดลองหามาใช้ได้นะคะ

ล้างสารพิษ
          สำหรับรักสุขภาพรวมทั้งถูกใจล้างพิษในร่างกายเป็นประจำไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยค่ะ เพราะมันมีคุณลักษณะสำหรับการล้างพิษภายในร่างกายด้วยการทำให้ท่านปัสสาวะบ่อยครั้งขึ้น เพราะว่าสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยชำระล้างระบบที่ทำหน้าที่ย่อยอาหาร อย่างเช่น ตับ ตับอ่อน ไต และก็กระเพาะปัสสาวะ ขับพิษและกรดยูริกออกมาจากร่างกาย ทำให้ระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น รวมทั้งปฏิบัติงานได้อย่างมีคุณภาพมากยิ่งขึ้นจ้ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณประโยชน์
ช่วยสำหรับในการย่อยของกิน
          ตะไคร้ ช่วยให้ระบบการทำงานด้านการย่อยอาหารดำเนินงานได้ดีขึ้นจ้ะ เพราะว่ามีการศึกษาเล่าเรียนหนึ่งพบว่าการดื่มชาตะไคร้จะช่วยย่อย ลดลักษณะของการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคิวในลำไส้ แล้วก็ท้องเสียได้ ยิ่งกว่านั้นยังช่วยป้องกันแล้วก็ลดก๊าซในไส้ได้อีกด้วย
ช่วยซ่อมและก็บำรุงระบบประสาท
          มีการเรียนจำนวนหลายชิ้นพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมรวมทั้งเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้อย่างไม่ยากเย็นด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะมีผลให้กล้ามของคุณผ่อนคลายมากมายและลดอาการตะคิวได้ แม้กระนั้นก็อย่าลืมว่าเมื่อใดก็ตามจะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) แล้วก็ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดจ้ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและบรรเทาอาการปวดต่างๆได้ นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการปวดต่างๆตัวอย่างเช่น ปวดฟัน ปวดกล้าม หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย ฉะนั้นถ้าคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ทดลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดดูนะคะรับรองว่าหายแน่นอน
ช่วยบำรุงผิว
          ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยเหตุนั้นมันจึงสามารถช่วยทำนุบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณส่งประกายความมีสุขภาพดีออกมา แถมยังช่วยให้ผิวของคุณมองอ่อนวัยอยู่เสมอ และช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของจำนวนหนูขาวทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโลกรัม รวมทั้งการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาของกินแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษกระทันหันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับได้มาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การศึกษาของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มิลลิกรัม ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม ไนอาซิน 2.2 มก. วิตามินซี 1 มิลลิกรัม และก็ ขี้เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ และค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด http://www.disthai.com/

หน้า: [1]