รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - insvii054er3

หน้า: [1]
1
มหันตภัย ! ความดันแล้วก็โรคเบาหวานภัยใกล้ตัว เจียวกู่หลานช่วยขจัดได้
เดือนพฤษภาคม 8, 2018  kungtep
โรคความดันรวมทั้งโรคเบาหวาน เป็นโรคที่คนส่วนมากไม่ดูถึงความร้ายแรงสักเท่าไหร่ แต่หารู้ไม่ว่า สร้างความรันทดอดสูต่อสถาพทางร่างกายรวมทั้งชีวิตอย่างไม่คาดฝัน รีบคุ้มครองปกป้องให้ตรงประเด็นด้วย ” สมุนไพรเจียวกู่หลาน

โรคความดันสูง-โรคเบาหวาน ภัยร้ายใกล้ตัวคุณ
สิ่งใดที่อยู่ใกล้ตัว สิ่งนั้นมักถูกมองข้ามเสมอ หลายสิ่งในชีวิตที่พวกเรามักไม่ใส่ใจมองไม่เห็นถึงความสำคัญ อย่างเช่น คู่รัก เพื่อนฝูง คนภายในครอบครัว ที่ถูกละเลยจากพวกเราอย่างไม่ตั้งใจ บางทีก็อาจจะด้วยการจริงจังทำงานหรือเหตุผลอื่นใดก็ตามแต่ รวมถึงก็มีหลายสิ่งรอบข้างที่พวกเรามักไม่แลเห็นถึงความอันตราย ที่จะเอามาสู่ตัวหรือคนรอบข้างสักเท่าไหร่ อย่างเรื่องของสุขภาพการเจ็บป่วยจากโรคภัยต่างๆในขณะที่ไม่ร้ายแรงรวมทั้งที่มีความคิดว่าไม่ร้ายแรง แต่ว่าซ่อนเร้นด้วยภัยอย่างมหัน ที่คอยจังหวะเวลาอยู่เสมอ ตัวอย่างเช่น โรคของความดันและโรคเบาหวาน เป็นต้น ซึ่งทั้งยัง 2 ต่างก็เป็นโรคที่คุ้นหูเราอย่างดีเยี่ยม ภัยร้ายก็มีแต่ก็ทุเลารวมทั้งไม่มีอันตรายได้เพียงแต่ใช้ “เจียวกู่หลาน”
ลดการอุดตันเส้นโลหิต เจียวกู่หลาน
โรคความดันโลหิตสูง มีอาการอย่างไร?
ลักษณะของการป่วยโรคความดันโลหิตสูง ส่วนใหญ่เราจะพบผู้ป่วย เป็นความดันเลือดสูงไปกว่าโรคความดันต่ำ  ซึ่งเป็นลักษณะของการบีบตัวของหัวใจร่วมกับแรงดันในกระแสเลือดที่สูง เร็ว ถี่ มากยิ่งกว่าปกติทั่วๆไป
ความดัน โรคเบาหวาน อายุ 40 ปีขึ้นไปต้องระวัง!
โรคความดันสูง มีต้นเหตุมาจากการเต้นของหัวใจ ที่เป็นอวัยวะสถานที่สำหรับทำงานอยู่ตลอดเวลา  ทั้งยังแรงกดดันในเลือดที่จำต้องดำเนินงานเหมือนกันอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ โรคความดันสูงเป็นโรคที่พบได้ในทุกเพศทุกวัย แต่ว่าที่จะเป็นได้ง่ายมากที่สุดกับผู้ที่แก่ 35 – 40 ปีขึ้นไป ก็เลยดูได้ว่าบิดามารดาบรรพบุรุษของเรามักเป็นโรคนี้กันมาก

คุณประโยชน์เจียวกู่หลาน
สรรพคุณแล้วก็ผลดีใบเจียวกู่หลาน
“เจียวกู่หลาน” คุ้มครองป้องกันโรคความดันสูงและก็เบาหวานได้ไหม
การดูแลรักษาโรคความดันสูง ต้นเจียวกู่หล่านช่วยปกป้องได้ ความเหลวแหลกร้ายของโรคความดันสูงที่ควรจะรักษาด้วย เจียวกู่หลานเป็นเมื่อความดันสูงมากมายๆจะมีผลให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญๆหลายส่วนไม่เพียงพอ กระทั่งเสียหายมีผลต่อชีวิตได้ ยกตัวอย่างเช่น ทั้งไตวายเรื้อรัง หัวใจล้มเหลว เส้นโลหิตแดงส่วนปลายแข็งดำเนินงานไม่เต็มกำลัง โรคสมองเสื่อม และเส้นโลหิตสมองแตกได้สุดท้าย ซึ่งถ้าไม่ตายก็อาจเป็นอัมพาต
โรความดันและเบาหวาน ป้องกันได้ด้วย”เจียวกู่หลาน”
สมุนไพรรักษาโรความดัน-โรคเบาหวาน เจียวกู่หลาน คนเจ็บหรือผู้ต้องการับประทานคุ้มครอง ควรจะเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีทะเบียนยาและก็ทะเบียน(อย) สร้างมาจากโรงงานได้มาตรฐานGMP

2
อื่น ๆ / รู้จัก พญายอ สมุนไพรฆ่าเชื้อไวรัส
« เมื่อ: สิงหาคม 25, 2018, 07:33:20 AM »

[url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url][/size][/b]
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบดอกเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่สมบูรณ์ แสงแดดปานกลาง พบได้ทั่วไปตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกง่าย ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนเกินไป ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดี โดยเฉพาะส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” วงศ์สถิต ฉั่วกุล และคณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโวนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต้านพิษงูยังไม่ชัดเจน แต่ปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย เช่น ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามบริเวณที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำให้ละเอียด เติมแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 สัปดาห์ หมั่นคนยาทุกวัน กรองน้ำยา ใช้น้ำ และกากทาบบริเวณที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
ข้อมูลจากงานวิจัยระบุว่า สารสกัดจากใบพญายอ สามารถฆ่าเชื้อไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคอีสุกอีใส งูสวัด (varicella zoster virus) ทั้งภายในและภายนอกเซลล์ คือ ยับยั้งไวรัสโดยตรง และยับยั้งการเพิ่มจำนสวนของไวรัส
ผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยยะสืบพันธุ์ที่ติดเชื้อครั้งแรกและติดเชื้อซ้ำ เมื่อรักษาโดยทาแผลของผู้ป่วยด้วยครีมพญายอ (5%) เปรียบเทียบกับยามาตรฐาน acyclovir พบว่า แผลของผู้ป่วยที่ได้รับการรักษาด้วยยาจากสารสกัดใบพญายอและ acyclovir จะตกสะเก็ดภายในวันที่ 3 และหายภายในวันที่ 7 แสดงว่าครีมพญายอและครีม acyclovir มีประสิทธิภาพในการรักษาผู้ป่วยโรคเริมบริเวณอวัยวะสืบพันธุ์ให้หายได้เร็วพอกัน แต่ครีมพญายอ ไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง ในขณะที่ครีมทำให้แสบและราคาแพง
ผู้ป่วยโรคงูสวัด เมื่อรักษาโดยทาแผลด้วยครีมพญายอ (5%) วันละ 5 ครั้งทุกวัน ปรากฎว่าแผลจะตกสะเก็ดภายใน 1-3 วัน และหายภายใน 7-10 วัน พบว่าผู้ป่วยจะหายเร็วกว่าการใช้ยาชนิดอื่น และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ จากการใช้สารสกัดใบพญายอ
เห็นได้ชัดว่า สมุนไพรไทย พญายอ มีสรรพคุณมากมาย อย่างไรก็ตาม เพื่อป้องกันอันตรายจากการใช้สมุนไพร คุณผู้อื่นต้องศึกษาให้ละเอียด
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
รากของพญาปล้องทอง ประกอบด้วยสาร Lupeol, B-Sitosterol, Stigmasterol และมีการทดลองพบว่าสารสกัดด้วยสารละลายบิวทานอล (butanol) จากใบของพญาปล้องทอง มีสารประกอบฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) สามารถระงับอาการอักเสบได้ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงได้มีการผลิต ครีมพญายอ ขึ้นเพื่อนำมารักษาผู้ป่วยโรคงูสวัดได้ ทำให้แผลตกสะเก็ดหายเร็ว ลดอาการปวดได้ดี และไม่พบผลข้างเคียงใดๆ จากการใช้ครีมพญายอ จึงไม่ทำให้เกิดอาการแสบระคายเคือง มีการนำมาออกจำหน่ายในระดับอุตสาหกรรม

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
เป็นไม้พุ่มรอเลื้อย สูง 1-3 เมตร มีลำต้นและกิ่งก้านสีเขียวเข้ม ใบเป็นใบเลี้ยงเดี่ยวออกเรียงตรงข้ามกัน รูปรีแคบขอบขนานกว้าง 1-3 ซม. ยาว 4-12 ซม. ดอกช่อ ออกเป็นกระจุกที่ปลายกิ่ง กลีบดอกสีแดงส้ม มีเกสรตัวผู้และเกสรตัวเมียยาวโผล่พ้นหลอดออกมา ปลายแยกเป็น 2 ปาก ผลเป็นผลแห้ง ไม่ค่อยออกดอก ส่วนมากขึ้นตามป่า หรือปลูกกันตามบ้าน ดังนั้นการขยายพันธุ์จึงทำได้โดยการปักชำหรือ การแยกเหง้าแขนงไปปลูก
วิธีการปลูก
การปลูกพญายอ ส่วนใหญ่ใช้กิ่งปักชำโดยเลือกกิ่งที่สมบูรณ์ปราศจากโรค ไม่แก่ หรือไม่อ่อนเกินไป ตัดกิ่งพันธุ์ให้มีความยาว 6-8 นิ้ว และมีตาบนกิ่งประมาณ 1-3 ตา ให้มีใบเหลืออยู่ที่ปลายยอด ประมาณ 1/3 ของกิ่ง ทาปูนแดงบริเวณรอยตัดของต้นตอ และกิ่งพันธุ์เพื่อป้องกันเชื้อรา ปักชำลงในถุงที่มีวัสดุปักชำเป็นดินร่วนปนทราย จะช่วยให้อัตราการออกรากของกิ่งชำสูง คุณภาพของรากดี และสะดวกในการขุดย้ายต้นไปปลูก โดยปักชำกิ่งลงในวัสดุปลูกลึกประมาณ 3 นิ้ว เอียง 45 องศา รดน้ำให้ชุ่มและรักษาความชื้นให้เพียงพอ โดยกิ่งชำไม่ควรถูกแสงแดดโดยตรง และควรดูแลความชื้นในอากาศ กิ่งปักชำจะออกรากภายใน 3-4 สัปดาห์ เมื่อกิ่งชำที่มีอายุ 3-4 สัปดาห์ ที่ชำไว้ในแปลงชำหรือในถุงชำ โดยใช้ช้อนขุดหรือเสียมแซะกิ่งชำลงปลูกในหลุมปลูกที่เตรียมไว้ 1 ต้นต่อหลุม กลบดิน และกดดินที่โคนให้แน่น รดน้ำหลังจากปลูกทันที
การเก็บ เก็บใบขนาดกลาง ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไป การเก็บเกี่ยวให้ใช้วิธีการตัดต้นเหนือระดับผิวดินประมาณ 10 ซม. หลังจากเก็บเกี่ยวแล้ว ต้นตอเดิมยังงอกแตกแขนงเติบโตได้อีก และสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตต่อไปได้
การดูแลรักษา ควรให้น้ำในระยะ 1-2 เดือนแรก ควรรดน้ำทุกวัน ถ้าแดดจัดควรรดน้ำเช้า-เย็น เมื่ออายุ 2 เดือนขึ้นไปแล้วอาจให้น้ำวันเว้นวัน ในฤดูฝนถ้ามีฝนตกอาจจะไม่ต้องให้น้ำ สามารถเจริญเติบโตได้ดีในดินอุดมสมบูรณ์ ชอบดินร่วนปนทรายระบายน้ำดี ไม่ชอบดินลูกรังหรือดินเหนียว ชอบอากาศร้อนชื้น ขึ้นได้ดีทั้งที่มีแดดและที่ร่ม
ลักษณะใบพญาปล้องทอง
ส่วนที่นำมาใช้ ใช้ได้ทั้งใบ และราก
ใบ

  • นำมารักษาอาการอักเสบ ถอนพิษ รักษาแผลร้อนในในปาก เริม งูสวัด ให้ใช้ใบสด 10-20 ใบ นำมาตำผสมกับเหล้าหรือ น้ำมะนาว คั้นเอาน้ำดื่มหรือเอาน้ำทาแผลและเอากากพอกแผล
  • นำมาทาบริเวณที่แมลงสัตว์กัดต่อยเป็นผื่นคัน ให้ใช้ใบสด 5-10 ใบ ตำขยี้ทาบริเวณที่เป็นแผลที่แพ้ จะยุบหายได้ผลดี
  • นำมาแก้แผลน้ำร้อนลวก ให้ใช้ใบตำเคี่ยวกับน้ำมะพร้าวหรือน้ำมันงา เอากากพอกแผลที่ถูกน้ำร้อนลวกหรือไฟไหม้ แผลจะแห้ง หรือ นำใบมาตำให้ละเอียดผสมกับสุรา มีสรรพคุณดับพิษร้อนได้ดี


รากพญายอ
ปรุงเป็นยาขับปัสสาวะ ขับระดู แก้ปวดเมื่อยบั้นเอว
http://www.disthai.com/

3

บัวบก
ใบบัวบกสมุนไพรจีนโบราณที่ได้ยินชื่อกันมานาน นี่คือ สรรพคุณของใบบัวบกที่รู้แล้วจะต้องรักเจ้าสมุนไพรนี้มากกว่าเดิม
          มั่นใจว่าหลายๆคนก็น่าจะเคยได้ยินกันมานักต่อนักว่าเวลาบอบช้ำในให้ดื่มน้ำใบบัวบก เพราะเหตุว่าจะช่วยให้หายจากอาการช้ำในเร็วขึ้น แต่ว่าหารู้ไม่ว่าอันที่จริงแล้วเจ้าสมุนไพรที่มีนามว่าใบบัวบก ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่ประยุกต์ใช้กันตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้นก็ยังมีคุณประโยชน์ฯลฯ อีกทั้งช่วยทำนุบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้กระทั้งช่วยบำรุงความสวยสดงดงาม ต้องการรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะว่าใบบัวบก สมุนไพรที่เชื้อเชิญให้รู้สึกเหม็นเขียวจะมีคุณประโยชน์อะไรดีๆอีกบ้าง ถ้าเช่นนั้นลองไปดูที่เราถือมานำเสนอในวันนี้กันเลยดีกว่า บอกได้คำเดียวเลยว่า เข้าใจดีแล้วต้องลืมกลิ่นเขียวๆเหล่านั้นไปเลยแน่นอน

  • แก้ไขปัญหาเส้นเลือดขอด


          เมื่อหลอดเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นก็ทำให้หลอดโลหิตดำมีการฉีกจนขาดและทำให้เลือดไหลออกมาคั่งอยู่รอบๆขา เป็นสาเหตุที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดอาการบวมที่เรียกว่าอาการเส้นเลือดขอดนั่นเอง โดยมีการเรียนพบว่าการกินใบบัวบก สามารถลดอาการบวมแล้วก็กระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตให้ โดยในการศึกษานั้นได้ทำทดสอบกับอาสาสมัครกว่า 90 คน ที่มีลักษณะอาการของเส้นโลหิตขอด และเมื่อรับประทานใบบัวบกเข้าไปแล้วหลังจากนั้นก็พบว่าอาการเส้นโลหิตขอดนั้นเมื่อเทียบกับคนที่รับประทานยาหลอก และเมื่อกระทำการอัลตราซาวด์ก็พบว่าผู้ที่รับประทานใบบัวบกมีการรั่วไหลของเส้นเลือดดำลดลงจ้ะ

  • รักษาแผลแล้วก็รักษาโรคผิวหนังบางประเภท


          หนึ่งในสารสำคัญที่นำมาซึ่งการทำให้ใบบัวบกเปลี่ยนเป็นสมุนไพรที่มากคุณประโยชน์ก็คือสารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการศึกษากับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วยสมานรอยแผลได้ นั่นก็เป็นเพราะเหตุว่าสารดังที่กล่าวถึงมาแล้วจะปฏิบัติหน้าที่สำหรับการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับรอยแผล แล้วก็ช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปยังบริเวณรอยแผลมากเพิ่มขึ้น นำมาซึ่งการทำให้รอยแผลค่อยๆหายดีขึ้นในช่วงเวลาที่น้อยลง ทั้งยังสารจากใบบัวบกก็ยังช่วยคุ้มครองปกป้องการเกิดแผลเป็นได้อีกด้วย วิธีใช้ก็ไม่จำเป็นต้องนำใบบัวบกมาตำแล้วพอกให้ยาก เนื่องจากในตอนนี้มีแบบที่เป็นครีมผสมสารสกัดไว้ทาโดยเฉพาะอย่างยิ่ง แค่เพียงเลือกให้เหมาะสมกับประเภทบาดแผลก็ช่วยได้มากเลยล่ะ

  • ระบายความร้อน


          ความร้อนภายในร่างกายถ้าเกิดสูงมากเกินความจำเป็นอาจจะทำให้ร่างกายเกิดอาการไข้ ตัวร้อน อยากกินน้ำ ตลอดจนการอักเสบ ฉะนั้นการรับประทานใบบัวบกที่มีฤทธิ์เย็น ก็เลยสามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายได้ ทั้งยังยังช่วยขับพิษร้อนออกจากร่างกายได้อีกด้วย

  • ขับพิษร้อน รวมทั้งความชื้น


          โรคต่างๆที่เกิดจากความร้อนรวมทั้งความชุ่มชื้น เช่น โรคดีซ่าน นิ่วในทางเดินฉี่ หรือโรคบิด สามารถทุเลาได้ด้วยการกินใบบัวบก เพราะใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ขมเย็น สามารถช่วยสลายความชื้นในร่างกายและขับความร้อนออกมาได้ แต่ก็ควรจะกินในปริมาณที่เหมาะสม เพราะว่าแม้รับประทานมากมายๆอาจจะทำให้ร่างกายเย็นจนกระทั่งเกินไปแล้วก็ก่อให้เกิดอันตรายได้
สรรพคุณใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • ลดความกระวนกระวายใจ ช่วยให้จิตใจสงบ


          สารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในใบบัวบกนั้น นอกเหนือจากที่จะช่วยสำหรับเพื่อการสมานแผลและรักษาโรคผิวหนังบางชนิดได้แล้วก็ยังมีฤทธิ์สำหรับในการลดความกระวายกระวนรวมทั้งช่วยกระตุ้นกลไกแนวทางการทำงานของสมอง โดยมีการศึกษาหนึ่งพบว่าคนที่กินใบบัวบกมีทิศทางที่จะตกใจกับเสียงดังรบกวนน้อยกว่าคนที่กินยาหลอก แม้กระนั้นก็ต้องใช้ในปริมาณที่สูงมาก ก็เลยยังไม่มีการรับรองกระจ่างแจ้งว่าควรที่จะใช้จำนวนใดก็เลยจะเห็นผลและไม่มีผลใกล้กันต่อร่างกายตามมาจ้ะ

  • รักษาโรคหนังแข็ง


          เพราะใบบัวบก มีฤทธิ์สำหรับเพื่อการลดการอักเสบต่างๆในร่างกาย จึงสามารถใช้ทุเลาอาการของคนป่วยโรคหนังแข็งได้ โดยมีการเรียนกับหญิง 13 ผู้ที่มีอาการของโรคหนังแข็งพบว่า การกางใบบัวบกสามารถลดลักษณะของการปวดตามข้อ แล้วก็ลดการเกิดหนังแข็ง และก็ทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นไปในทางที่ดีขึ้น แต่ว่าทั้งนี้ก็จะต้องอยู่ในจำนวนที่แพทย์ควบคุมเพียงแค่นั้น

  • ช่วยทุเลาอาการนอนไม่หลับ


          ผู้ใดกันแน่ที่ชอบนอนไม่หลับเป็นประจำทดลองหาใบบัวบกมารับประทานก็ดีแล้วเช่นกันนะ เพราะว่าใบบัวบกไม่เพียงแต่ช่วยลดความกระวนกระวายใจแค่นั้น แต่ว่าก็ยังช่วยทำให้จิตใจสงบรวมทั้งผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยแค่เพียงกินเสมอๆก่อนนอน ก็จะช่วยให้การนอนได้อย่างน่ามหัศจรรย์เลย
คุณประโยชน์ใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • ลดความดันเลือด


        กรมพัฒนาการหมอแผนไทยและก็การแพทย์ลู่ทาง ได้ออกมาชี้แนะว่าใบบัวบกเป็นเยี่ยมในสมุนไพรที่ช่วยลดความดันเลือดได้ เนื่องจากว่าเจ้าใบบัวบกนั้นจะไปทำให้เส้นเลือดดำแล้วก็เส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังช่วยลดภาวการณ์ความเครียดอันเป็นปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูง ดังนี้แนวทางการรับประทานก็ง่ายๆ แค่เพียงนำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วนำมาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักน้อย หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆเพื่อลดความเหม็นเขียวก็ทำเป็นจ้ะ

  • ลดอาการบวม


          อาการบวมช้ำเป็นผลมาจากการที่ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วดำเนินงานไม่ดีเหมือนปกติทำให้เกิดอาการคั่งของเลือด การรับประทานใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำรอบๆรอยแผลได้ แล้วก็ยังลดอาการอักเสบที่นำมาซึ่งอาการบวมได้อีกด้วย

  • บำรุงสมอง


          ใบบัวบกเป็นพืชอีกจำพวกที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยปกป้องสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง และช่วยคลายความอ่อนเพลียของสมอง เพิ่มแนวทางการทำงานของสมองและความจำ แถมยังสามารถลดภาวการณ์ไม่มีชีวิตชีวา และสามารถช่วยยับยั้งอาการโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้
คุณประโยชน์ใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • รักษาอาการติดเชื้อโรค


          ใบบัวบกเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งจำพวกที่ช่วยรักษาโรคไข้หวัดได้อย่างมีคุณภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดเชื้อโรคในทางเดินปัสสาวะ และก็อาการติดโรคแบคทีเรียรวมทั้งเชื้อไวรัสต่างๆได้อีกเพียบเลย เรียกได้ว่าไม่ว่าจะติดเชื้อใดๆ ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แต่ดังนี้ก็จำเป็นต้องใช้ในจำนวนที่เหมาะสม และภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญนะ

  • ทุเลาอาการอ่อนเพลีย


          เว้นแต่รักษาลักษณะการป่วยต่างๆแล้ว ใบบัวบกยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเมื่อยล้าได้ รวมทั้งถ้ากินในตอนอากาศร้อนๆด้วยละก็ น้ำใบบัวบกก็สามารถช่วยลดความร้อนในร่างกายและก็ดับหิวได้เป็นอย่างดีเลยเชียวล่ะ

คุณประโยชน์ใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • บำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์


          ใบบัวบก เป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรเพื่อความสวยสดงดงามที่อยู่ใกล้ตัวมากๆที่เป็นเช่นนี้ก็เนื่องจากใบบัวบกมีสารที่ช่วยส่งเสริมการสร้างคอลลาเจนและก็อิลาสตินในร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มชุ่มชื้น ดูอ่อนเยาว์ ยิ่งกว่านั้นสารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกก็ยังช่วยยั้งการเกิดริ้วรอยที่วัย จึงไม่น่าแปลกเลยล่ะหากคุณจะได้เห็นชื่อของเจ้าใบบัวบกเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครื่องทำให้หมดจดผิว ดังนี้ยังสามารถนำใบบัวบกสดๆมาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย โดยมีวิธีดังนี้จ้ะ
           - ใบบัวพอกหน้า บำรุงผิวสวยใส ลบรอยตีนกา
ขั้นตอนการทำ

  • นำใบบัวบกสดมาล้างทำความสะอาด และจากนั้นจึงนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • เอามาปั่นหรือบดกับน้ำสะอาด 1 แก้ว
  • นำมาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วใบหน้า ทิ้งไว้โดยประมาณ 15 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำบ่อยเป็นประจำแต่ละวันก่อนนอนจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
  • กำจัดเซลลูไลท์


          สาวๆที่กลุ้มอกกลุ้มใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความสวยของคุณสาวๆอยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้จ้ะ แค่เพียงรับประทานใบบัวบกบ่อยๆก็จะสามารถช่วยทำให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดำเนินงานก้าวหน้าขึ้น รวมทั้งลดการอักเสบอันมีเหตุมาจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วยล่ะ

  • บำรุงเส้นผมรวมทั้งหนังศีรษะ


          หลายท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมหล่นก็อาจเสาะหาทุกวิธีการเพื่อบำรุงให้เส้นผมและก็หนังหัวแข็งแรงเพื่อจะได้มีผมดกดำ ใบบัวบกก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีสรรพคุณเด่นในด้านนี้ โดยปัญหาผมตกโดยมากก็มีเหตุที่เกิดจากรากผมที่อ่อนแอและการไหลเวียนของเลือดบนหนังศีรษะไม่ดี ซึ่งใบบัวบกนี้มีฤทธิ์สำหรับในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดรอบๆหนังหัว รวมทั้งยังช่วยบำรุงให้รากผมแข็งแรง คุ้มครองปกป้องผมหล่นทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความแข็งแรงแล้วก็ดกดำเงาสวยได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีแต่อย่างใด
          ได้เห็นผลดีดีๆของใบบัวบกกันไปแล้วแบบงี้ คนใดกันแน่ที่ยังส่ายหน้าให้กับกลิ่นเขียวๆของใบบัวบก ก็น่าจะทดลองหันกลับมาดูเสียใหม่ แม้อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกลิ่นแรงไปเสียหน่อย แต่ผลดีที่ได้รับดีแล้วไม่น้อยเลย ถ้าเกิดไม่ทดลองเสียดายห่วยเลยนะ http://www.disthai.com/

4

เหงือกปลาหมอ
บ้านเกิดเหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอนับว่าเป็นสมุนไพรพื้นถิ่นของไทยพวกเราเพราะเหตุว่ามีประวัติสำหรับการประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรมาตั้งแต่โบราณแล้ว ซึ่งเหงือกปลาหมอนี้เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นที่โล่งแจ้งและมักจะพบมากในบริเวณป่าชายเลน หรือตามพื้นที่ชายน้ำริมฝั่งคลอง เติบโตก้าวหน้าในที่ร่มและมีความชุ่มชื้นสูง หรือในแถบที่ดินเค็มและไม่ถูกใจที่ดอน แถบภาคอีสารก็มีรายงายว่าปลูกได้เช่นกัน เหงือกปลาหมอ พบอยู่ 2 พันธุ์หมายถึงชนิดดอกสีขาว Acanthus ebracteatus Vahl พบบ่อยในภาคกลางแล้วก็ภาคตะวันออก จำพวกดอกสีม่วง  Acanthus ilicifolius L. เจอทางภาคใต้ ทั้งยังเหงือกปลาแพทย์ยังเป็นจำพวกไม่ขึ้นชื่อลือนามของจังหวัดสมุทรปราการอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งชัน มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่าศูนย์กลางราวๆ 1.5 ซม.
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว รูปแบบของใบมีหนามคมอยู่ริมขอบใบและก็ปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบเป็นเงาลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีเหลือบสีขาวเป็นแถวก้าง เนื้อเรือใบแข็งและเหนียว ใบกว้างราว 4-7 ซม. และยาวโดยประมาณ 10-20 ซม. ใบจะออกเป็นคู่ตรงข้ามกัน ก้านใบสั้น
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวประมาณ 4-6 นิ้ว ทั้งนี้สีของดอกขึ้นกับชนิดของต้นเหงือกปลาหมอเป็น ดอกมีทั้งยังจำพวกดอกสีม่วง หรือสีฟ้า และก็ชนิดดอกสีขาว แต่ว่าลักษณะอื่นๆเหมือกันคือ  ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน ส่วนกลีบเป็นท่อปลายบานโต ยาวโดยประมาณ 2-4 เซนติเมตร รอบๆกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้รวมทั้งเกสรตัวเมียอยู่
ผลเหงือกปลาหมอ รูปแบบของผลเป็นฝักสีน้ำตาล ลักษณะของฝักเป็นทรงกระบอกกลมรี รูปไข่ ยาวราวๆ 2-3 เซนติเมตร เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ข้างในฝักมีเมล็ด 4 เม็ด
เหงือกปลาหมอ
รักษาโรคผิวหนัง ผื่นคัน ขี้กลากโรคเกลื้อน
ชื่ออื่น : แก้มหมอ แก้มหมอเล จะเกร็ง นางเกร็ง อีเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน
ในหนังสือเรียนยาไทยพูดว่า เหงือกปลาหมอสามารถแก้โรคผิวหนังได้ทุกประเภท
ในเมื่อเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณเด่นแก้น้ำเหลืองเสียได้ โรคผิวหนังต่างๆแม้กระทั้ง โรคอีสุกอีใส ที่เกิดขึ้นจากเชื้อไวรัสก็จะลดลงลง
ในกรณีโรคผิวหนังพุพองจากเชื้อไวรัสโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แม้ว่าจะรุนแรงกว่าโรคผิวหนังทั่วไป แม้กระนั้นเมื่อใช้เหงือกปลาแพทย์เป็นยากินและก็ต้มน้ำอาบต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 3 ข้างขึ้นไป แผลพุพอง ก็จะลดลงลงอย่างชัดเจน สำหรับคนป่วยโรคผิวหนังด้วย
วิธีปรุงยาแล้วก็วิธีใช้ยาก็มีหลายวิธี เป็น
วิธีต้มยากินและอาบ
เอาเหงือกปลาหมอสดหรือแห้งสับเป็นท่อนเล็กๆใส่เต็มขันขนาด 1 ลิตร ใส่น้ำ 4 ขัน ต้มยาให้เดือดนาน 10 นาที ตักน้ำยาขึ้นมา 1 แก้ว แบ่งไว้สำหรับดื่มกินขณะอุ่นๆครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็น ก่อนรับประทานอาหาร
ส่วนน้ำยาที่แบ่งไว้อาบนั้น ต้องใช้อาบขณะน้ำยายังอุ่นอยู่ ก่อนอาบน้ำจำต้องชำระล้างร่างกายด้วยสบู่ให้สะอาดเสียก่อน เมื่ออาบน้ำยาแล้ว ไม่ต้องอาบน้ำปกติตามอีก อาบน้ำยาวันละ 2 ครั้ง ตอนเช้า-เย็นครั้งละ 3-4 ขัน แต่ว่าหากมีเหงือกปลาหมอเป็นจำนวนมาก บางทีอาจจะต้มยาเพื่อเป็นการแช่หมดทั้งตัวในอ่างก็ยิ่งดี
วิธีการทำเป็นยาลูกกลอน
นำเหงือกปลาหมอทั้ง 5 ครั้งตากแห้งมาบดเป็นผงละเอียด 2 ส่วน ผสมน้ำผึ้งแท้ 1 ส่วน ปั้นเป็นเม็ดลูกกลอนขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 1 ซม. ผู้ใหญ่กินทีละ 2 เม็ด เด็กบางครั้งอาจจะรับประทานทีละ 1 เม็ดหรือครึ่งเม็ดตามขนาดอายุและน้ำหนัก รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนกินอาหาร ยามเช้า-เย็น กินไปเรื่อยๆตราบจนกระทั่งจะหาย แต่หากเป็นโรคผิวหนังจากภูมิต้านทานบกพร่องก็จะต้องรับประทานตลอดกาล

วิธีทำเป็นแคปซูล
นำผงเหงือกปลาหมอที่ผ่านการบินเป็นผุยผงละเอียดเสมือนแป้งใส่แคปซูลขนาด 250 มิลลิกรัม ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 2 แคปซูลวันละ 2-3 เวลาก่อนที่จะกินอาหาร เด็กลดน้อยลงตามส่วน
 เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณมาก ได้แก่
-ราก มีสรรพคุณสำหรับเพื่อการแก้โรคหืด อัมพาต แก้ไอ รวมทั้งใช้ขับเสลด
-ต้น มีคุณประโยชน์รักษาโรคหลายชนิด โดยใช้ต้นตำผสมน้ำกินรักษาวัณโรค อาการผอมเกร็ง ถ้าเกิดใช้ทาก็ช่วยแก้โรคเหน็บชาได้
-ลำต้น ไปผสมกับสมุนไพรอื่นๆก็จะได้สรรพคุณทางยาแตกต่างออกไปอีก
-อีกทั้งต้นรวมรากต้มอาบแก้พิษไข้ต้นลม แก้โรคผิวหนังทุกประเภท
-ทั้งยังต้นสดตำพอกปิดหัวฝีแผลเรื้อรังถอนพิษ ต้มรับประทานแก้พิษไข้ทรพิษ ฝีทั้งผอง ผลรับประทานเป็นยาขับเลือดประจำเดือน นอกจากนั้น ถ้าหากตาเจ็บ ตาแดง เอา
"เหงือกปลาหมอ" ต้นตำกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาหาย เป็นเหน็บชา ชาหมดทั้งตัว
- ทั้งยังต้นตำทาบริเวณที่เป็นจะดียิ่งขึ้น
- ตำเอาน้ำดื่มกากพอก งูกัด
- ต้นกับขมิ้นอ้อยตำทาป็นฝีฟกบวม เป็นริดสีดวงทวาร
- ต้นตำกับขิงรับประทาน โรคเรื้อน โรคกุฏฐัง จับไข้จับสั่น
- อีกทั้งต้นตำใบส้มป่อยต้มดื่ม เจ็บหลัง เจ็บเอว
- "เหงือกปลาหมอ" กับชะเอมเทศตำผงละลายน้ำผึ้งปั้นเป็นก้อนรับประทาน ริดสีดวงแห้ง
ในท้อง ผอมบางเหลืองทั้งตัว กินทุกวี่ทุกวัน
- "เหงือกปลาหมอ" กับเปลือกมะรุมเสมอกันใส่หม้อ เกลือนิดนึง หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำจนถึงเดือดให้งวดจึงชูลง อั้นลมหายใจรับประทานขณะอุ่นจนกระทั่งหมด เป็นริดสีดวง มือตายตีนตาย ร้อนหมดทั้งตัว วิงเวียน ตามัว เจ็บระบมหมดทั้งตัว ตัวแห้ง จะหายได้
- "เหงือกปลาหมอ"  5 รวมราก กับ อาหารมื้อเย็นเหนือ อาหารเย็นใต้ จำนวนเท่ากัน กะตามอยาก ต้มกับน้ำกระทั่งเดือดดื่มขณะอุ่นครั้งละ 1 แก้ว 3 เวลา เช้า ช่วงกลางวัน เย็น ต้มดื่มปอดเริ่มมีปัญหาเป็นฝ้าจะอาการ ไปให้แพทย์เอกซเรย์ปอดไม่เป็นฝ้าอีกหยุดต้มกินได้เลย และก็ต้องระมัดระวังอย่าให้เป็นอีก
ยาอายุวรรฒนะ
- "เหงือกปลาหมอ" 2 ส่วน พริกไทย 1 ส่วน ทำเป็นผงละลายน้ำผึ้งปั้นรับประทานแต่ละวัน
กินได้ 1 เดือน ไม่มีโรค สติปัญญาดี
กินได้ 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง
กินได้ 3 เดือน โรคริดสีดวงทุกชนิดหาย
กินได้ 4 เดือน แก้ลม 12 พวก หูไว
กินได้ 5 เดือน หมดโรค
กินได้ 6 เดือน เดินไม่เคยรู้เหนื่อย
กินได้ 7 เดือน ผิวสวย
กินได้ 8 เดือน เสียงน่าฟัง
กินได้ 9 เดือน หนังเหนียว
-"เหงือกปลาหมอ" 1 ส่วน ดีปลี 1 ส่วน ทำผงชงกินกับน้ำร้อนหากผิวแตกตลอดตัวหายได้ ทั้งหมดทั้งปวงที่บอกเป็นแบบเรียนยาโบราณ ไม่เชื่อก็ไม่ควรดูถูกเหยียดหยาม รู้ไว้เป็นวิชา http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

5

รากสามสิบ
รากสามสิบ สรรพคุณสมุนไพรไทยเพื่อสุขภาพที่คนต้องการมีลูกห้ามพลาด
          รากสามสิบ คุณประโยชน์เด่นๆของสมุนไพรตัวนี้ขึ้นชื่อลือนามเรื่องเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งหลายท่านบางทีอาจเคยเห็นสมุนไพรรากสามสิบแบบแคปซูลกันมาบ้าง แล้วทราบไหมขาว่า ประโยชน์ที่ได้รับมาจากรากสามสิบ สมุนไพรตัวเด็ดนี้มิได้มีดีเพียงแค่ช่วยคนอยากมีลูกเท่านั้น
รากสามสิบ สมุนไพรนี้มีที่มา
          รากสามสิบตามที่เป็นจริงแล้วถูกเรียกหลายชื่อมากมายๆเป็นต้นว่า สาวร้อยสามี จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ) ผักชีช้าง ผักหนาม (ภาคอีสาน) สามร้อยราก สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน หรือม้าสามต๋อน มีชื่อสามัญว่า Shatavari
          ส่วนลักษณะต้นรากสามสิบเป็นไม้เลื้อยเนื้อแข็ง มีหนามแหลม มีเหง้าและก็รากใต้ดินเหมือนรากของต้นกระชาย ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว แยกเป็นช่อ มีกลิ่นหอมยวนใจ เป็นต้นที่ส่งผลสดลักษณะกลม ผิวเรียบมัน และมีเม็ดสีดำ
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
สรรพคุณรากสามสิบ
          รากสามสิบถูกเปรียบเทียบให้เป็นพลังแห่งการฟื้นฟูความสาว (Female Rejuvenation) เป็นยาโบราณที่หมอแผนโบราณรวมทั้งแพทย์สมุนไพรใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรีมาตั้งแต่สมัยก่อน ซึ่งก็นับเป็นสาเหตุของชื่อสาวร้อยสามี ชื่อเล่นอีกชื่อของรากสามสิบนั่นเอง โดยคนรุ่นก่อนมักจะนำรากมาต้มกินหรือปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง ซึ่งบอกต่อๆกันว่า จะช่วยทำนุบำรุงสตรีให้ไมว่าจะอายุเท่าไรก็มีลูกได้ง่าย
          นอกนั้นสมุนไพรรากสามสิบยังผ่านการค้นคว้าวิจัยคุณประโยชน์มาจำนวนมาก โดยพบว่า รากสามสิบมีสรรพคุณทางเภสัชวิทยาตามนี้ติดตัวอยู่ด้วย
          - ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา
          - คลายกล้ามมดลูก
          - บำรุงหัวใจ
          - ลดการอักเสบ
          - แก้ปวด
          - ยับยั้งเบาหวาน
          - ปราบเซลล์มะเร็ง
          - กระตุ้นภูมิต้านทาน
รากสามสิบ
          - ต่อต้านภาวการณ์เม็ดเลือดขาวต่ำ
          - ลดระดับไขมันเลือด
          - คุ้มครองป้องกันกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
          - ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นมาจากความดันเลือดสูง
          - มีฤทธิ์ใกล้เคียงฮอร์โมนเอสโตรเจน (ฮอร์โมนผู้หญิง)
          - ช่วยสร้างสมดุลฮอร์โมนเพศหญิง
          - ขับนม
          - ช่วยทำให้การตกไข่สมบูรณ์
          - ช่วยบำรุงรักษากำลังท่านชาย
          - เสริมความแข็งแรงของน้ำอสุจิน้ำเชื้อ
          - ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร
          - ลดอาการกรดเกินในกระเพาะ
          - ยับยั้งพิษต่อตับ
          - แก้ริดสีดวงทวาร
          - ขับลม
          - ขับปัสสาวะ
          - ขับเสลด
          - บำรุงทารกในท้อง
          - แก้แท้งลูก
          - รักษาโรคคอพอก
          - แก้ปวดเมื่อย ครั่นตัว
          - ฝนรากทาเป็นยาแก้พิษแมลงสัตว์กัดต่อยได้
          - กระตุ้นประสาท บำรุงกำลัง
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี
          รวมทั้งด้วยสรรพคุณของรากสามสิบที่มีฤทธิ์ใกล้เคียงกับฮอร์โมนเอสโตรเจน คณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยพะเยาจีงได้ทำการค้นคว้าเรื่อง ผลของสารสกัดรากสามสิบต่อการป้องกันการสลายเนื้อกระดูกแล้วก็อวัยวะสืบพันธุ์ ในหนูแรทที่ถูกตัดรังไข่ เพราะว่ามองเห็นว่า โรคกระดูกพรุนซึ่งชอบกำเนิดกับผู้หญิงมากกว่าเพศชายนั้น มีมูลเหตุหลักจากการลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจนวันหลังหมดรอบเดือน โดยเห็นผลการทดสอบมาว่า หนูที่ได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบภายหลังถูกตัดรังไข่ มีน้ำหนักมวลกระดูกที่มากกว่ากลุ่มหนูถูกตัดรังไข่แต่มิได้รับสารสกัดสมุนไพรรากสามสิบ
          นอกจากนี้สารสกัดรากสามสิบยังไม่ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวในเยื่อบุโพรงมดลูก ด้วยเหตุผลดังกล่าวก็เลยสรุปได้ว่า สารสกัดรากสามสิบอาจมีสมรรถนะสำหรับในการคุ้มครองป้องกันการสลายของเนื้อกระดูกในหนูทดลองได้ โดยไม่ส่งผลเสียอะไรก็ตามต่ออวัยวะสืบพันธุ์ แต่ว่ายังคงต้องทดลองเพิ่มเพื่อวิจัยว่า สารสกัดรากสามสิบจะส่งผลกระทบอะไรก็แล้วแต่กับอวัยวะอื่นหรือไม่
รากสามสิบ สมุนไพรบำรุงสตรี       

หารากสามสิบได้จากที่ไหน
          หากแม้ต้นรากสามสิบจะยังมีให้เห็นอยู่ในประเทศไทย แต่ว่าก็ไม่จำเป็นที่ต้องไปขุดหารากสามสิบมาต้มรับประทานให้อ่อนแรง เนื่องจากว่าตอนนี้มีสารสกัดรากสามสิบในรูปแคปซูลมาให้เลือกซื้อมากไม่น้อยเลยทีเดียว แม้กระนั้นทั้งนี้ควรจะตรวจตราให้แน่ว่าแคปซูลรากสามสิบมียี่ห้อและก็ได้รับการรับรองจากองค์การของกินรวมทั้งยาหรือไม่
          แต่ถ้าคนไหนกันสามารถหาต้นรากสามสิบสดๆได้ จะเอามาต้มยากินเองพวกเราก็มีสูตรยาสมุนไพรรากสามสิบมาให้ด้วยจ้ะ
น้ำรากสามสิบ (สูตรดั้งเดิม)
     ส่วนผสม

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 โล
  • น้ำ 10 ลิตร


     ขั้นตอนการทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกแล้วก็ดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกรอบ
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • ใส่รากสามสิบ ลงในหม้อต้ม
  • เคี่ยวราวๆ 3 ชั่วโมง
  • ชิมรส และสามารถเติมน้ำตาลกรวดหรือใบเตยเพิ่มความหอมลงไปได้
รากสามสิบแช่อิ่ม
     ส่วนประกอบ

  • สมุนไพรรากสามสิบ ใช้ส่วนราก 2.5 กิโล
  • น้ำตาลทราย 1.5 กิโล
  • น้ำ 5 ลิตร
    วิธีการทำ

  • นำรากสามสิบมาล้างให้สะอาด
  • ปอกเปลือกและดึงไส้ออก
  • หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • ล้างให้สะอาดอีกครั้ง
  • ต้มน้ำให้เดือด
  • เพิ่มน้ำตาล ลงในหม้อต้ม
  • เคี่ยวจนถึงน้ำตาลทรายละลายหมด
  • ใส่รากสามสิบ
  • เคี่ยวต่อจนเป็นสีเหลืองทอง
รากสามสิบ
ข้อควรพิจารณาสำหรับการใช้สมุนไพรรากสามสิบ
          เนื่องจากว่าสมุนไพรรากสามสิบออกฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ด้วยเหตุนั้นจึงจัดเป็นยาสมุนไพรที่ไม่ปลอดภัยนักต่อเพศหญิงที่มีความเสี่ยงโรคมะเร็งอยู่แล้ว เป็นต้นว่า ผู้ที่มีอาการป่วยเป็นโรคเนื้องอกในมดลูก (Uterine Fribrosis) หรือมีก้อนเนื้อในเต้านม (Fibrocystic Breast) เป็นต้น ด้วยเหตุดังกล่าวไม่ว่าจะใช้สมุนไพรอะไรก็ควรขอความเห็นหมอก่อนจะเหมาะสมที่สุดนะคะ       
          เห็นสรรพคุณรากสามสิบกันไปแล้วคนจำนวนไม่น้อยเริ่มสนใจอยากหารากสามสิบมาบำรุงสุขภาพกันบ้าง แต่ว่าก็อย่าลืมที่เตือนไว้นะคะ ก่อนซื้อแคปซูลรากสามสิบมากิน ควรจะตรวจดูแหล่งที่มาและเครื่องหมายการค้า รวมทั้งการยืนยันจากหน่วยงานที่น่าไว้ใจด้วย http://www.disthai.com/

6
อื่น ๆ / ตะไคร้มีประโยชน์มากกว่าที่คิด
« เมื่อ: สิงหาคม 10, 2018, 09:43:28 AM »

[url=http://www.disthai.com/16913433/%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%89]ตะไคร้[/url][/size][/b]
ตะไคร้ เป็นพืชสมุนไพรเขตแดนในประเทศแถบเอเชียเขตร้อน มีลักษณะคล้ายต้นหญ้ารวมทั้งมีใบสูงยาวส่งกลิ่นส่วนตัว เว้นเสียแต่นำมาใช้ทำกับข้าว แต่งกลิ่นในของกิน แล้วก็ทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกเอาไปใช้ในหลากสาขา ดังเช่นว่า อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องแต่งหน้า การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความเห็นกันว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อาจสามารถช่วยคุ้มครองป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดลักษณะของการปวดปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ บรรเทาอาการปวดและก็ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในระหว่างมีประจำเดือน รวมทั้งเป็นส่วนประกอบในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ เป็นต้น
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุกประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมปลูกไว้ตามบ้านและนำมาประกอบอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีคุณประโยชน์แล้วก็ช่วยบรรเทาลักษณะโรคบางชนิดได้ แต่หารู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้ว ภายใต้ต้นแข็งแล้วก็ใบที่คมของตะไคร้ยังซ่อนคุณค่าเอาไว้มากมายจนถึงนึกไม่ถึง วันนี้พวกเราไปดูคุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากตะไคร้ที่เข้าใจแล้วต้องทึ่งที่เอามาจากเว็บ allwomenstalk กันเลยดีกว่าค่ะ ใครที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน ต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรจำพวกนี้เยอะขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิมแน่นอน
สรรพคุณของตะไคร้ คุณประโยชน์ดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่ารู้สึกว่าตะไคร้มีคุณประโยชน์แค่ใช้ทำกับข้าวเพียงแค่นั้น เนื่องจากว่าอันที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็แร่ธาตุล้นหลาม วิตามินเอ วิตามินซี รวมทั้งวิตามินบี นอกนั้นยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินมากมายขนาดนี้ครั้งหน้าเจอตะไคร้ในของกินก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกเหนือจากการที่จะเอามาทำกับข้าวแล้ว ตะไคร้ยังมีประโยชน์สำหรับเพื่อการไล่แมลงอีกด้วย เนื่องจากว่าในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่อีกทั้งในใบแล้วก็ในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยเหล่านี้มีคุณสมบัติสำหรับการไล่แมลงได้อย่างดี ก็เลยไม่น่าสนเท่ห์ใจที่พวกเราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ สินค้าไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้วางจำหน่ายอยู่ในตลาดมากมายก่ายกอง ผู้ใดกันแน่ที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ลองหามาใช้ได้นะคะ

ล้างพิษ
          สำหรับผู้ที่รักสุขภาพแล้วก็ชอบล้างพิษภายในร่างกายเป็นประจำไม่สมควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยค่ะ เพราะมันมีคุณลักษณะสำหรับในการล้างพิษในร่างกายด้วยวิธีการทำให้ท่านฉี่บ่อยมากขึ้น เพราะว่าสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยชำระล้างระบบที่ทำการย่อยอาหาร ดังเช่นว่า ตับ ตับอ่อน ไต และก็กระเพาะปัสสาวะ ขับพิษและกรดยูริกออกมาจากร่างกาย ทำให้ระบบที่ทำการย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น และก็ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆค่ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณค่า
ช่วยย่อยของกิน
          ตะไคร้ ช่วยทำให้ระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหารปฏิบัติงานได้ดีขึ้นจ้ะ เพราะมีการเล่าเรียนหนึ่งพบว่าการดื่มเกิดไคร้จะช่วยย่อย ลดอาการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคิวในลำไส้ แล้วก็ท้องร่วงได้ นอกเหนือจากนั้นยังช่วยป้องกันและก็ลดแก๊สในไส้ได้อีกด้วย
ช่วยซ่อมแล้วก็บำรุงระบบประสาท
          มีการศึกษาจำนวนมากพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมรวมทั้งเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้อย่างง่ายๆด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะมีผลให้กล้ามเนื้อของคุณผ่อนคลายมากแล้วก็ลดอาการตะคริวได้ แต่ว่าก็อย่าลืมว่าทุกครั้งที่จะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรจะที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) และก็ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดค่ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลายแล้วก็ทุเลาลักษณะของการปวดต่างๆได้ นอกนั้นยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นต้นเหตุของลักษณะของการปวดต่างๆเป็นต้นว่า ปวดฟัน ปวดกล้าม หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย โดยเหตุนั้นหากคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดมองนะคะรับประกันว่าหายแน่ๆ
ช่วยบำรุงผิว
          ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยเหตุนั้นมันก็เลยสามารถช่วยทำนุบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณแผ่รัศมีความมีสุขภาพดีออกมา แถมยังช่วยให้ผิวของคุณมองอ่อนวัยอยู่เสมอ รวมทั้งช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งหมดทั้งปวง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโล แล้วก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่ครึ่งเดียว พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษเฉียบพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในระยะเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การศึกษาเล่าเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญประกอบด้วย โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มก. ธาตุฟอสฟอรัส 30 มก. เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม ไนอาซิน 2.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 1 มิลลิกรัม และ เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ รวมทั้งค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด http://www.disthai.com/

7

เห็ดหลินจือ
เห็ดหลินจือมีผลยังไงต่อเซลล์ต่อมะเร็ง โรคหัวใจ โรคไต เบาหวาน โรคความดันสูง รวมทั้งโรคอื่นๆอันแสนเหนื่อยที่จะรักษา ติดตามผลการศึกษารับรองคุณประโยชน์ได้ในเนื้อหานี้ค่ะ
บทความพวกนี้อ้างอิงคุณประโยชน์ของเห็ดหลินจือจากผลการศึกษาวิจัยรับรองจากที่ต่างๆเพื่อให้เพื่อนฝูงได้ไตร่ตรองด้วยตัวเองว่ารักษาโรคได้ดิบได้ดีแค่ไหนและก็น่าไว้ใจเพียงใด ถ้าหากสหายๆเคยอ่านบทความเกี่ยวกับสรรรพคุณหรืองานวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือจากที่อื่นมาก่อน แล้วรู้สึกอ่านไม่ง่ายเยอะแค่ไหนไหมเข้าใจ บทความในเว็บไซต์นี้นักเขียนได้คัดและก็เก็บจากหลายที่แล้วก็เขียนในภาษาที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
เพื่อนฝูงๆชอบบทความนี้ก็จะเป็นอันมากใจให้ผู้เขียนได้บทความดีๆให้เพื่อนอ่านกันอีกต่อไปบทความเห็ดหลินจือรักษาโรคเด็ดๆที่เพื่อนพ้องๆจะต้องถูกใจ
ระบบภูมิต้านทานคือกลไกการกำจัดเชื้อโรค สารเคมีแปลกปลอม เซลล์ของโรคมะเร็ง และสิ่งปลอมปนอื่ๆที่จะเข้ามาทำอัตรายต่อสุขภาพร่างกายพวกเรานั้นเอง โดยเหตุนั้นถ้าเกิดเพื่อนพ้องๆมีระบบภูมิคุ้มกันดีก็จะไม่ป่วยไข้ง่าย หรือถ้าเกิดเจ็บป่วยก็จะฟื้นเร็ว แม้กระนั้นถ้าเกิดระบบภูมิคุ้มกันไม่ดีก็จะเจ็บป่วยบ่อยครั้งรวมทั้งเป็นหนักกว่าผู้ที่มีระบบูมิคุ้มกันแข็งแรง มาถึวตรงนี้แล้วเพื่อนๆอาจมองเห็นความสำคัญของการมีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกันแล้ว
ชาวจีนโบราณใช้เห็ดหลินจือมานานกว่า 2000 ปีแล้ว แต่ในยุคนั้นยังไม่มีผู้ใดพิสูจน์ได้ว่าเพราะเหตุใดทานเห็ดหลินจือถึงแก่ยืนแล้วก็แข็งแรงไม่ค่อยเป็นโรค ในเวลานี้เราสมารถพิสูจน์ได้ในทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าสารกลุ่ม Polysacchayide ในเห็ดหลินจือนั้นสามารถเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับพวกเราได้จริง สารกลุ่มดังที่กล่าวถึงมาแล้วสามารถกระตุ้นการผลิต Interleukin รวมทั้ง Immuoglodulin ซึ่งส่งผลให้ระบบภูเขามคุ้มกันดีและก็แข็งแรงขึ้น
ระบบภูมิคุ้มกันที่ถูกเสริมด้วยสาร Polysaccharide ในเห็ดหลินจือจะสามารถต่อต้านวรัส เซลล์มะเร็ง รวมทั้งจำกัดสารอนุมูลอิสระได้ดีขึ้น นอกเหนือจากนั้นยังช่วยให้ถูกผลข้างเคียงที่โดนยาต้านทานมะเร็งบางตัวและกระบวนการทำคีโมกดภูมิคุ้มกันให้มีระบบระเบียบภูมิคุ้มกันดีขึ้นอีก และเห็ดหลินจือยังมีสารออกฤทธิ์ต่อต้านการแบ่งตัวของเชื้อ HIV อีกด้วย ซึ่ง กรุ๊ปดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นเป็นกลุ่ม Bitter Triterpenoids
A
นักวิจัยได้ศึกษาและทำการค้นพบสารหลายแบบในเหล็ดหลินจือที่ช่วยลดปริมาณไขมันในเส้นเลือดหมายถึงGanoderic Acid รวมทั้ง Lucidenic Acid ซึ่งสาร 2 ชนิดที่ได้พูดไปแล้วก่อนหน้านี้ นอกจากช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้แล้ว ยังคุ้มครองป้องกันไม่ให้ไขมันอุดตันเส้นเลือดได้โดยตรงอีกด้วย นอกนั้นยังมีสารกรุ๊ป Nucleotide ซึ่งสามารถช่วยลดการอุดตันของลิ่มเลือดในเส้นโลหิต และช่วยลดอัตราเสี่ยงที่จะเป็นอัมพาตได้อีกด้วย
ได้มีนักวิทยาศาสตร์ที่ญี่ปุ่นทดสอบให้สารสกัดเห็ดหลินจือกับคนที่เป็นโรคไขมันเส้นเลือดสูง 70 ราย รวมทั้งทำเก็บผลการทดสอบภายหลังจากผ่านไป 3 เดือน พบว่าวัวเรสเตอคอยลของผู้รับการทดสอบต่ำลงไปถึง 74% ซึ่งก็สอดคล้องกับผลที่ได้รับจากการวิจัยจากทั่วทั้งโลก รวมทั้งยังพบว่าเห็ดหลินจือ เว้นเสียแต่ช่วยลดการอุดตันของไขมันในเส้นเลือดแล้ว ยังส่งผลให้เลือดไหลเวียนดียิ่งขึ้นอีกด้วย
โดยเหตุนั้น ก็เลยอาจจะกล่าวว่า หลักฐานทางคุณลักษณะรวมทั้งคุณประโยชน์ซึ่งมาจากเห็ดหลินจือยังคงมีจำกัด บาง งานค้นคว้าเป็นการทดสอบขนาดเล็ก หลักฐานที่ได้ยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ หรือเป็นเพียงแค่การทดสอบในผู้ป่วยบางกรุ๊ปเท่านั้น ประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อโรคมะเร็ง ก็เลยยังคงเป็นประเด็นการค้นคว้าที่ควรจะดำเนินการทดลองต่อไป เพื่อได้สำเร็จลัพ์ที่ชัดเจน รวมทั้งเป็นประโยชน์ในวงกว้างต่อการรักษาผู้ป่วยมะเร็งได้ในอนาคต

ภาวการณ์ต่อมลูกหมากโต และการเจ็บป่วยในระบบทางเดินเยี่ยว
มีกรรมวิธีทดสอบหนึ่งที่ใช้สารสกัดจากเห็ดหลินจือทดสอบในคนเจ็บเพศ 88 รายซึ่งมีอายุเกินกว่า 49 ปีขึ้นไป ที่มีอาการเยี่ยวติดขัด หลังการทดสอบกว่า 12 อาทิตย์ ผลลัพธ์ที่ได้เป็น คนเจ็บต่างมีระดับคะแนน IPSS ที่ดีขึ้น ( TNE lnternational Prostate Symptom Score )ซึ่งเป็นค่าคะแนนสากลสำหรับเพื่อการวัดปัญหาในระบบทางเดินปัสวะของผู้เจ็บป่วยจากการตอบปัญหา กลับไม่ปรากฏผลในเชิงการเปลี่ยนแปลงคุณภาพชีวิต การขับถ่ายปัสวะ หรือขนาดของต่อมลูกหมากแต่อย่างใด
โดยเหตุนี้ การทดสอบดังที่กล่าวผ่านมาแล้วจึงยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาสตร์ที่แจ่มแจ้งพอเพียง ควรต้องมีการค้นคว้าทดลองในด้านนี้ต่อไปในอนาคต เพื่อค้นหาข้างหลังฐานที่แจ่มกระจ่างในการสรุปเกี่ยวกับประสิทธิของเห็ดหลินจือต่อการรักษาสภาวะต่อมลูกหมากโตหรือปัญหาสุขภาพอะไรก็ตามที่เกี่ยว
ลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของโรคเส้นเลือดหัวใจ
จากการวิเคราะห์ผลของการทดสอบทางด้านการแพทย์ 5 ราการ ซึ่งมีผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิด 2 ร่วมทดสอบกว่า 398 รายพบว่า เห็ดหลินจือไม่เป็นผลทางการรักษาในเชิงการลดระดับน้ำตาลในเลือดไม่มีหลักฐานทางด้านวิทยาศาสตร์ที่มีคุณภาพเพียงพอจะสนับสนุนผลทางการรักษาเหล่านั้น และไม่มีข้อมูลที่พอเพียงสำหรับเพื่อการรับรองด้านความปลอดภัยจากการบริโภคเห็ดหลินจืออย่างเดียวกัน โดยหนึ่งในงานวิจัยพวกนั้น ได้แสดงถึงผลข้างเคียงจากการบริโภคเห็ดหลินจือในคนป่วยบางราย เป็นอาการคลื่นใส้ ท้องร่วง หรือท้องผูก
ด้วยเหตุผลดังกล่าวจำเป็นจะต้องมีการค้นคว้าทดลองถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือสำหรับการลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆพวกนี้เพื่อป้องกันรวมทั้งการดูแลรักษาโรคเส้นเลือดหัวใจถัดไป และก็ให้ได้การชัดเจนชัดดเจนในด้านดังที่กล่าวมาข้างต้นมากยิ่งขึ้น อันเป็นผลดีต่อแนวทางการรักษาป้องกันโรคเส้นโลหิตหัวใจและก็อาการต่างๆที่เกี่ยวถัดไปในอนาคต

8

เห็ดหลินจือ
สปอร์เห็ดหลินจือแดง-ส่วนที่มีคุณค่าที่สุดของเห็ดหลินจือ
เมื่อ ค.ศ 2005 บริษัทของเรามีจุดเริ่มขึ้นจากความปรารถนาหาสมุนไพรประสิทธิภาพสูงจากในหลายประเทศ จนตราบเท่าพวกเราเจอแล้วก็มีส่วนร่วมกับบริษัทยยาของรัฐบาลจีน รวมทั้งได้ นำเข้าสปอร์เห็ดหลินจือคุณภาพสูงต่อจากนั้นเป็นต้นมา
นับ 10 กว่าปี ที่พวกเราเป็นผู้ก่อตั้ง แล้วก็เป็นผู้นำในด้านสปอร์เห็ดหลินจือแดงประสิทธิภาพสูง ประสิทธิภาพเป็นหัวใจสำคุณของพวกเรา สปอร์เห็ดหลินจือของเรา จะถูกคัดสรรอย่างดีก่อนถึงมือบริโภค เห็ดหลินจือแดงที่เรานำเข้ามา ถูกเพาะด้วยแนวทางพิถีพิถัน ทำให้จับตัวได้ดอกเห็ดที่มีขนาดใหญ่มากยิ่งกว่า
เราเอาใจใส่รวมทั้งตรวจทานประสิทธิภาพในทุกกระบวนการผลิตอย่างใกล้ชิด รวมทั้งด้วยกรรมวิธีการผลิตที่ดูแลอย่างยอดเยี่ยม ทำให้เราได้รับการยืนยันมาตฐาน GMP (GOOD Manufacturing Practice) ทุกล็อตที่เราผลิตออกมา จะได้รับการตรวจคุณภาพจากห้องแล็ปในโรงหมอ
เพื่อประโยชน์สูงสุดของท่านคนที่กำลังหาผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือมารับประทาน
งานศึกษาทำการค้นคว้าและทำการวิจัยยืนยันว่าการรับประทานสปอร์เห็ดหลินจือจะได้ผลลัพธ์ที่ดีมากกว่าการทานดอก เพราะว่าสปอร์มีสารออกฤทธิ์สำคัญมากกว่าและสปอร์ที่ถูกกระเทาะนั้น เปลือกจะต้านทานมะเร็ง และเสริมภูมิต้านทานได้ดียิ่งไปกว่า เทียบกับแบบมิได้กระเทาะเปลือก
ที่พลาดไม่ได้ที่สุดเป็น.....
ท่านๆสามารถบริโภคเห็ดหลินจือได้ติดต่อกันเป็นเวลานานโดยปลอดภัยใด อีกกด้วย เห็ดหลินจือมีมากมายว่า 100 สายพันธุ์แม้กระนั้นสายพันธุ์ที่มีคุณประโยชน์ทางยาเยี่ยมที่สุดเป็นเห็ดหลินจือแดง เพราะสายพันธุ์นี้จะมีสารออกฤทธิ์กลุ่ม Polysaccharide อยู่เป็นอย่างมากที่สุด
ส่วนท่านที่กำลังเลือกซื้อเห็ดหลินจือออกมาขายในตลาดรูปแบบต่างๆล้นหลาม อีกทั้งในแบบดอกอบแห้ง แคปซูล น้ำเห็ดหลินจือ กาแฟเห็ดหลินจืออื่นๆอีกเพียบเลย
ดังนั้นการจะเลือกซื้อเห็ดหลินจือให้ได้แบบที่มีคุณภาพดี จะต้อง......
มองตั้งแต่กระบวนการผลิต ว่าตัวเห็ดหลินจือนั้นได้รับการเลี้ยงที่เหมาะสมหรือปล่าว เนื่องจากการควบคุมอณหภูเขามิ ความชุ่มชื้น สารอาหาร รวมทั้งวิธีการแปลรูปล้วนส่งผลต่อปริมาณสาระสำคัญในตัวเห็ดหลินจือ บรรจุภัณฑ์ก็สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากว่า[url=http://www.disthai.com/16484916/%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B9%87%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%88%E0%B8%B7%E0%B8%AD]เห็ดหลินจือ[/url]จะขึ้นราได้ง่ายเมื่อโดนความชื้อ เพราะฉะนั้นตัวบรรจุภัณฑ์จึงควรเลือกเป็นขวดที่กันความชื้อได้ดิบได้ดีอีกด้วย
เห็ดหลินจือกับผลดีต่อสุขภาพ
เห็ดหลินจือ (Lingzihi หรือ  REISHI)มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า กาโนเดอร์ มา ลูซิดัม (Ganoderma Lucidum) เป็นเห็ดที่มีขนาดใหญ่ มีสีแก่มีผิวมันวาว มีลักษณะคล้ายไม้ รวมทั้งมีรสขม มีประวัตศาสตร์นานสำหรับการใช้เห็ดหลินจือ เพื่อรักษาหรือบำรุงสุขภาพในประเทศแถบเอเซีย โดย เฉพาะประเทศจีนแล้วก็ญี่ปุ่น เนื่องจากมั่นใจว่าสารประกอบข้างในเหลืดหลินจือมีคุณค่าต่อร่างกาย
ในเห็ดหลินจือมีสารอาหารที่บางทีอาจเกิดผลดีต่อสุขภาพเยอะแยะ ชนิดเส้นใยต่างๆโปรตีนคาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามินรวมทั้งแร่ธาตุบางชนิด เชเนแคลเซียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัสแมกนีเซียม เซเลเนียม ธาตุเหล็ก สังกะสี มองแดง สารโมเลกุลชีวภาพที่สำคัญ เย่างสเตียรอยด์(Steroids) เทอร์ไต่อยด์ (Terpenoide) นิวคลีโอไทด์ (Nucleotides) ไกลวัวโปรตีน (Glycoproteins)พอลิแซ็กคาไรค์ (Polrsacchayides) และสารอนุพันธ์อื่นๆโดยยิ่งไปกว่านั้นกรดอะมิโนไลซีน (Lysine) และลิวซีน (Leucine)ด้วยเหตุดังกล่าว มีบางคนหรือในบางวัฒนธรรมนำเห็ดหลินจือมาปรุงอาหารและแปรรูปเพื่อการบริโภคอย่างหลากหลาย นักวิทยาศาสตร์จึงสนใจแล้วก็นำเห็ดหลินจือมาทดลองหาประสิทธิผลทางการรักษาแล้วก็การบำรุงสุขภาพ เพื่อพิสูจน์ว่าเห็ดจำพวกนี้มีประโยชน์ต่อร่างกายของคนเราจริงหรือไม่

เห็ดหลินมีประโยชน์ต่อร่างกายที่อาจเป็นได้ใช่หรือ?
ถึงแม้มีการค้นคว้าทดสอบมากมายเกี่ยวกับคุณสมบัติแล้วก็คุณประโยชน์ที่อาจเป็นได้ของเห็ดหลินจือ
แต่ว่าในตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งที่ใช้พิสูจน์ด้านวิทยาศาสตร์รวมทั้งการแพทย์ที่เด่นชัดถึงคุณลักษณะและก็คุณประโยชน์ที่บางทีอาจเป็นไปได้ของเห็ดหลินจือแม้กระนั้น ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานหรือสิ่งพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วก็การแพทย์ที่กระจ่างแจ้งถึงคุณลักษณะและประสิทธิผลด้านใดๆก็ตามด้วยเหตุนี้ ลูกค้าควรทำการศึกษาเรียนรู้และทำการค้นคว้าข้อมูลของเห็ดหลินจือ จำนวนแล้วก็แนวทางการบริโภคที่เหมาะสม แล้วก็ข้อจำกัดต่างๆรวมทั้งเหตุทางสุขภาพของตนให้ดีก่อนที่จะมีการบริโภค
แบบอย่างงานค้นคว้าวิจัยที่เรียนรู้เกี่ยวกับเห็ดหลินจือที่อาจมีผลต่อสุขภาพ
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
งานศึกษาวิจัยหนึ่งได้ทดลองหาประสิทธิผลและความปลอดภัยของการบริโภคอาหารเสริมเห็ดหลืนจือในผู้ป่วย โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ จำนวน 32 ราย  ผลเป็น เห็ดหลินจืออาจมีสรรพคุณในด้านการยับยั้งลักษณะของการปวด ไม่เป็นอันตรายต่อการรับประทานไปสู่ร่างกายและไม่ส่งผลใกล้กัน แต่ กลับไม่ปรากฏผลที่มีความนัยสำคัญสำหรับในการต่อต้านปฎิกิริยาออกซิเดชัน การต้านการอักเสบ หรือผลการปรับระบบภูมิต้านทานแต่อย่างใด
เพิ่มสมรรถนะร่างกาย
มีการทดลองที่ทดสอบความสามารถของเห็ดหลินจือในด้านการเพิ่มสรรถยนต์ภาพของร่างกาย โดยได้ ทดลองในคนเจ็บโรคปวดกล้ามไฟโปรไมอัลเจีย (Fibromyalgia)ผู้หญิงจำนวน 64 ราย ตลอดระยะเวลาการทดลอง 6 สัปดาห์ คนไข้บริโภคเห็ดหลินจือปริมาณ 6 กรัม/วัน แล้วต่อจากนั้นจึงทดสอบความสามารถร่างกายของคนเจ็บ ผลของการทดสอบและก็กำหนดแผนการรักษาผู้เจ็บป่วยโรคนี้ถัดไป แม้กระนั้นยังคงขาดหลักฐานช่วยเหลือที่กระจ่างแจ้ง จึงควรมีการทำการค้นคว้าในด้าน เพื่อหาหลักฐานรวมทั้งหลักฐานที่แนชัดถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือต่อไป
ต้านทานการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชัน และก็คุ้มครองปกป้องการทำลายเซลล์ตับ
จากการทดลองหาคุณภาพของสารสามเทอร์พีนอยด์ (Trirpenoids)และโพลีแซ็กคาไรด์(Polysaccharide)ในเห็ดหลินจือในด้านการต้านการเกิดปฎิกิริยาออกซิเดชัน และก็การป้องกันการทำลายเซลล์ตับในกรุ๊ปผู้ทดลองที่มีร่างกายแข็งแรง 42 คน ผลครั้งแสดงถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือสำหรับในการช่วยต้านทานอนุมูลอิสระ และก็ยั้งการเกิดอนุมูลอิสระ ลดการอักเสบของตับ
แต่ ถึงแม้เห็ดหลินจืออาจช่วยต้านทานปริกิรริยาออกซิเดชันได้ แม้กระนั้นการทดสอบดังที่กล่าวผ่านมาแล้วเป็นเพียงแค่การค้นคว้าขนาดเล็ก ควรศึกษาเรียนรู้ถัดไปเพื่อหาหลักฐานรวมทั้งข้อพสจน์ที่แจ่มชัดที่แจ้งชัดถึงประสิทธิผลของเห็ดหลินจือ http://www.disthai.com/

9

ขิง
ขิง ชื่อสามัญ Ginger (จิน’เจอ)
ขิง ชื่อวิทยาศาสตร์ Zingiber officinale Roscoe จัดอยู่ในสกุลขิง (ZINGIBERACEAE)
ขิง จัดเป็นสมุนไพรประเภทหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆด้าน เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินแล้วก็แร่ที่มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อสุขภาพร่างกายของเรา ดังเช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินซี เบต้าแคโรทีน ธาตุเหล็ก ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส แถมยังมีโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และเส้นใยเยอะๆอีกด้วย ซึ่งประโยชน์ซึ่งมาจากขิงนั้น เราสามารถนำมาใช้ได้หลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นราก เหง้า ต้น ใบ ดอก แก่น และก็ผลก็ได้ทั้งนั้น
คุณประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากขิง
-ขิงจัดว่าเป็นยาอายุวัฒนะชั้นเยี่ยม
มีสารต่อต้านอนุมูลอิสระไม่น้อยเลยทีเดียว ช่วยชะลอความแก่และก็ชะลอการเกิดริ้วรอย
มีส่วนช่วยในการคุ้มครอง ต้านการเกิดโรคมะเร็ง ต้านการเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็ง
ช่วยลดผลกระทบจากสารเคมีที่ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง ด้วยเหตุนั้นควรจะกินขิงพร้อมกันไปกับการดูแลและรักษาโรคมะเร็งจะเป็นประโยชน์
ขิง มีฤทธิ์อุ่น ช่วยให้ร่างกายอบอุ่น และก็ช่วยสำหรับเพื่อการขับเหงื่อ
ช่วยแก้อาการร้อนใน ด้วยการใช้ลำต้นสดๆนำมาตีให้แหลกโดยประมาณ 1 กำมือ แล้วต้มกับน้ำ
ช่วยลดหุ่น ลดระดับไขมัน คอเลสเตอรอล ด้วยการดูดซึมคอเลสเตอรอลจากไส้ แล้วปลดปล่อยให้ร่างกายกำจัดออกทางอุจจาระ
ช่วยรักษาลักษณะของการปวดหัวรวมทั้งไมเกรน ด้วยการรับประทานน้ำขิงเสมอๆ
ช่วยลดความอยากของผู้ติดยาเสพติดลงได้
แก้ตานขโมย ด้วยการใช้ขิง ใบกะเพรา พริกไทย ไพล มาบดผสมกันแล้วเอามากิน
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต ด้วยการนำขิงสดมาฝานต้มกับน้ำกิน
ช่วยบำรุงรักษาหัวใจของคุณให้แข็งแรง
ช่วยบรรเทาลักษณะของโรคประสาท ซึ่งทำให้จิตใจหม่นหมอง (ดอก)
ช่วยฟื้นฟูร่างการสำหรับมารดาหลังคลอดลูก ด้วยการกินไก่ผัดขิง
มีส่วนช่วยให้เจริญอาหาร (ราก, เหง้า) ด้วยการใช้เหง้าสดราว 1 องคุลีนำมาต้มกับน้ำกิน ก็จะได้เป็นยาขมเจริญอาหาร
ใช้กินเพื่อบำรุงเป็นยาธาตุ บำรุงธาตุไฟ (เหง้า, ดอก)
ใช้บำรุงน้ำนมของมารดา (ผล)
ช่วยทำให้นอนหลับได้อย่างสบาย
การรับประทานขิงจะช่วยทำให้เลือดแข็งเป็นลิ่มเลือดได้ช้าลง
ใช้แก้ไข้ (ผล) ด้วยการนำขิงสดมาคั้นเป็นน้ำให้ได้ราวๆครึ่งถ้วย แล้วผสมกับน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา นำมาต้มกับน้ำ 2 ถ้วย แล้วเอามาดื่มวันละ 3 ครั้ง จะช่วยทุเลาอาการได้
ช่วยแก้หวัด บรรเทาอาการไอ บรรเทาหวัดจับเสลด ด้วยการใช้ขิงสดฝนกับน้ำมะนาวใส่เกลือนิดหนึ่ง
ละอองน้ำหอมระเหยจากน้ำขิงช่วยทำลายเชื้อไวรัสหวัดในทางเดินหายใจได้
แก้ลม (ราก)
ในผู้เจ็บป่วยที่มีอาการเมายาสลบข้างหลังผ่าตัด น้ำขิงช่วยแก้เมาได้
ช่วยแก้อาการเมารถ เมาเรือได้เป็นอย่างดี ด้วยการใช้ขิงสดนำมาตำให้แหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
ช่วยไขปัญหาผมร่วง หัวล้าน ด้วยการนำเหง้าสดไปผิงไฟจนอุ่น แล้วเอามาตำให้แหลก นำมาพอกรอบๆที่มีผมหล่น วันละ 2 ครั้งจนถึงอาการดียิ่งขึ้น หรืออีกวิธีก็คือคั้นเอาเฉพาะน้ำขิงมาผสมกับน้ำมันที่ทำขึ้นมาจากมะกอกแล้วเอามาหมักผม นวดให้ทั่วศีรษะราว 30 นาทีก็ช่วยลดปัญหาผมร่วงได้เช่นเดียวกัน แถมยังช่วยให้ผมงาม แข็งแรง มีความนุ่มลื่น ไม่ขาดง่ายอีกด้วย
-ช่วยบำรุงรักษาสายตา รักษาโรคเกี่ยวกับตา รวมทั้งใช้แก้อาการตาพร่า (ผล, ใบ)
ช่วยรักษาอาการตาแฉะ (ดอก)
ช่วยแก้โรคกำเดา (ใบ)
ใช้แก้อาการคอแห้งผาก เจ็บคอ (ผล)
ใช้รักษาอาการปากคอยุ่ย ท้องผูก (เหง้า,ดอก)
ช่วยรักษาอาการปวดฟัน ด้วยการนำขิงแก่มาทุบให้รอบคอบคั่วกับน้ำสารส้มกระทั่งไหม้เกรียม แล้วบดจนกระทั่งเป็นผง แล้วนำมาพอกบริเวณฟันที่ปวดแก้เสลด เสมหะขาวเหลวปริมาณมากมีฟอง (ผล, ราก)ช่วยรักษาภาวการณ์น้ำลายมากมาย อ้วกเป็นน้ำใสช่วยลดกลิ่นปาก แก้อาการปากเหม็น ด้วยการนำขิงมาคั้นผสมน้ำอุ่นแล้วก็เกลือนิดหน่อย เอามาอมบ้วนปาก ช่วยฆ่าเชื้อโรคในปากได้อีกด้วยช่วยบำรุงรักษาฟันและก็คุ้มครองป้องกันการเกิดฟันผุ
ช่วยขจัดกลิ่นจั๊กกะแร้ ด้วยการใช้เหง้าขิงแก่นำมาตีให้แหลก แล้วเอามาคั้นเอาน้ำมาทาจั๊กกะแร้เสมอๆ จะสามารถช่วยในการกำจัดกลิ่นได้
ช่วยแก้อาการสะอึก ด้วยการใช้ขิงสดตำจนถึงแหลก คั้นเอาเฉพาะน้ำผสมกับน้ำผึ้งนิดหน่อย คนจนเข้ากันแล้วเอามาดื่ม
ช่วยรักษาโรคบิด (ผล, ราก, ดอก) ด้วยการใช้ขิงสดโดยประมาณ 75 กรัม ผสมกับน้ำตาลแดง นำมาตำจนถูกกัน แล้วกิน 3 มื้อต่อวัน
ช่วยแก้อาการอ้วก (เหง้า, ผล) ด้วยการนำขิงสดโดยประมาณ 5 กรัมหรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ เอามาตีให้แตกแล้วต้มกับน้ำดื่ม
ช่วยลดการอาเจียนคลื่นไส้จากการแพ้ท้อง (สำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรรับประทานบ่อยกระทั่งเหลือเกิน)
แก้อาการท้องอืด จุกเสียด แน่นท้อง ขับลมในไส้ (ผล, ราก, ใบ) ด้วยการนำขิงแก่มาตีเพียงพอแหลก เทน้ำเดือดลงไปครึ่งแก้ว แล้วปิดฝาตั้งทิ้งเอาไว้ประมาณ 5 นาทีแล้วนำน้ำมาดื่มระหว่างมื้อของกิน
ช่วยรักษาอาการปวดในช่วงก่อนหรือหลังเมนส์ ด้วยการนำขิงแก่ที่แห้งแล้วราวๆ 30 กรัมมาต้มกับน้ำดื่มเป็นประจำ
ช่วยย่อยของกินได้อย่างมีคุณภาพ (ดอก)
ช่วยปกป้องการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดอาการจุกเสียด (เหง้า)
ช่วยสำหรับในการขับถ่าย แล้วก็ช่วยในเรื่องของระบบไส้ให้ปฏิบัติงานได้อย่างเป็นปกติ
ช่วยฆ่าพยาธิ พยาธิกลมจุกลำไส้ (ใบ) ใช้น้ำขิงผสมกับน้ำผึ้งแล้วเอามาดื่ม
ช่วยแก้อาการขัดปัสสาวะ (ดอก, ใบ)
ช่วยรักษาฉี่รดที่นอนในคนไข้ที่มีภาวะหยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ช่วยรักษาโรคนิ่ว (ใบ, ดอก)
ช่วยแก้อาการฟกช้ำดำเขียว (ใบ)
ขิง ช่วยรักษาอาการปวดข้อตามร่างกายด้วยการกินขิงสดเสมอๆ
มีฤทธิ์ช่วยต้านเชื้อแบคทีเรีย
ใช้เป็นยาแก้คัน ด้วยการนำแก่นของขิงฝนทำเป็นยา (แก่น)
แก้ไขปัญหาหนังที่มือลอกเป็นเกล็ด ด้วยการใช้เหง้าสดมาหั่นเป็นแผ่น แล้วเอามาแช่สุรา 1 ถ้วยชา ทิ้งเอาไว้ 1 วัน แล้วนำแผ่นขิงมาถูบริเวณดังกล่าวมาแล้วข้างต้นวันละ 2 ครั้ง
ช่วยรักษาแผลเริมบริเวณหลัง ด้วยการใช้เหง้า 1 หัว นำมาเผาผิวนอกจนกระทั่งเป็นถ่าน คอยปาดถ่านที่เปลือกนอกออกไปเรื่อยๆแล้วนำผงที่ได้มาผสมกับน้ำดีหมูนำมาทาบริเวณที่เป็นแผลหากถูกแมงมุมกัด ใช้ขิงสดฝานบางๆนำมาวางทับบริเวณที่ถูกกัดจะช่วยบรรเทาอาการได้ช่วยรักษาอาการมือเท้าเย็น กลัวหนาว เย็นท้อง เป็นต้น ช่วยป้องกันการแพ้อาหารทะเลกระทั่งเกิดผื่นคัน ลมพิษ หรืออาหารช็อกคุณประโยช์จากขิง
ช่วยรักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก ด้วยการนำขิงสดมาตำให้แหลก แล้วนำกากมาพอกรอบๆแผล เพื่อคุ้มครองการอักเสบรวมทั้งการเกิดหนองในขิงมีสารที่สามารถใช้กันบูดกันเหม็นหืนในน้ำมันได้
ในด้านการทำอาหารนั้น ขิงสามารถช่วยเพิ่มรสชาติของกินได้เป็นอย่างดี แล้วก็สามารถช่วยดับกลิ่นคาวของอาหารก้าวหน้าอีกด้วย
ในด้านความสวยงามนั้นมีผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าที่ใช้บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของขิงอีกด้วย
ช่วยทำให้ผิวพรรณเรียบเนียนเพิ่มขึ้น ด้วยการนำขิงสดมาขูดเป็นฝอยแล้วนำมานวดบริเวณต้นขา ตูด หรือรอบๆที่มีเซลลูไลต์จะช่วยลดความขรุขระของผิวได้อีกด้วย
สินค้าจากขิงนั้นเอามาดัดแปลงได้หลายสิ่งหลายอย่าง เช่น ขนมบัวลอยน้ำขิง ขิงแช่อิ่ม ขิงเชื่อม ขิงกระป๋อง ขิงแคปซูล น้ำขิงมะนาว ฯลฯ

ขั้นตอนการทำน้ำขิง
แนวทางการทำน้ำขิงขั้นตอนการทำน้ำขิงอันดับแรกให้จัดแจงส่วนผสมดังนี้ ขิงแก่ 1 กก. / น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วยตวง / น้ำสะอาด 3 ลิตร
นำขิงที่ได้ไปล้างให้สะอาด เอามาทุบให้แตก แล้วเอามาใส่ในหม้อต้ม เติมน้ำที่สะอาดลงไป เอาขึ้นตั้งไฟ
เมื่อต้มจนน้ำเดือดและหลังจากนั้นก็ค่อยเบาไฟลง เคี่ยวราว 20 นาทีจนน้ำขิงละลายออกมาจนถึงหมด (น้ำจะเป็นสีเหลืองอ่อนๆ) แล้วยกลงจากเตา
เสร็จแล้วให้ตักน้ำขิงใส่แก้ว เพิ่มน้ำตาลทรายแดงลงไป 1-2 ช้อนชา (ตามสิ่งที่จำเป็น) แล้วคนให้เข้ากัน
เรียบร้อยแล้วก็สามารถนำมาดื่มได้ โดยเอามาดื่มแบบร้อนๆได้เลย
หรือจะดื่มแบบเย็นๆด้วยการใส่น้ำแข็งลงไปก็ได้เช่นกัน แต่ว่าควรจะเติมน้ำตาลมากกว่า 2-3 เท่า (จะช่วยไม่ให้รสจืดมากจนเกินไป ด้วยเหตุว่ามีน้ำแข็งผสมอยู่นั่นเอง)
น้ำขิงที่คั้นมานั้นไม่ควรใช้จำนวนที่เข้มข้นจนถึงเกินไป เนื่องจากว่าจะเป็นโทษต่อร่างกายได้ เนื่องจากว่าจะไประงับการบีบตัวของไส้ จนถึงทำให้ลำไส้หยุดการบีบตัว ฉะนั้นควรจะคั้นในปริมาณน้อยๆหรือดื่มจนเกิดความเคยชินก่อน
เราชอบรู้จักคุ้นเคยกับขิงว่าเป็นอาหารที่นิยมนำมาใช้ในการทำกับข้าวแล้วก็ทำเครื่องดื่ม ซึ่งที่จริงแล้วขิงจัดเป็นสมุนไพรไทยที่ช่วยการบำบัดรักษาโรคต่างๆได้สารพัดสารพัน นับได้ว่าเป็นตัวช่วยในการรักษาโรคได้อย่างยิ่งจริงๆ แต่ดังนี้พวกเราก็ไม่สมควรจะหวังพึ่งสรรพคุณของขิงเพียงอย่างเดียวในการเยียวยารักษาโรค ควรทำอันอื่นหรือดูแลรักษาสุขภาพร่างกายของเราร่วมด้วยจะได้ผลดีนักแล
เรามักนิยมใช้ขิงแก่ เพราะยิ่งแก่จะยิ่งให้ความเผ็ดร้อน จึงมีสรรพคุณทางยาที่มากกว่าขิงอ่อน แล้วก็ยังมีใยอาหารเยอะขึ้นเรื่อยๆตามไปด้วย แต่ว่าเนื่องมาจากขิงมีรสเผ็ด มีคุณลักษณะอุ่น ก็เลยไม่เหมาะสมกับผู้ที่มีความร้อนในร่างกายอยู่แล้ว อาทิเช่นคนที่เหงื่อออกมาก เหงื่อออกช่วงกลางคืน ตาแดง หรือมีไฟในตัวมากกว่าธรรมดา แต่ว่าถ้าจะรับประทานควรระมัดระวังเป็นพิเศษ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรขิง

หน้า: [1]