รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - dpdsio2s4a5

หน้า: [1]
1

บัวบก
ใบบัวบกสมุนไพรจีนโบราณที่ได้ยินชื่อกันมานาน นี่คือ สรรพคุณของใบบัวบกที่ทราบแล้วจะต้องรักเจ้าสมุนไพรนี้มากกว่าเดิม
          มั่นใจว่าผู้คนจำนวนมากก็น่าจะเคยทราบกันมานักต่อนักว่าเวลาบอบช้ำในให้กินน้ำใบบัวบก เนื่องจากจะช่วยทำให้หายจากอาการช้ำในเร็วขึ้น แต่ว่าหารู้ไม่ว่าอันที่จริงแล้วเจ้าสมุนไพรที่มีนามว่าใบบัวบก ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่นำมาใช้กันตั้งแต่โบร่ำโบราณนั้นก็ยังมีคุณประโยชน์อื่นๆอีกมากมาย ช่วยทำนุบำรุงสุขภาพ รักษาโรค หรือแม้กระทั้งช่วยบำรุงความงดงาม อยากทราบกันแล้วใช่ไหมล่ะว่าใบบัวบก สมุนไพรที่เชิญชวนให้รู้สึกเหม็นเขียวจะมีสรรพคุณอะไรดีๆอีกบ้าง ถ้าเช่นนั้นทดลองไปดูที่เราจับมานำเสนอในวันนี้กันเลยดีกว่า บอกได้คำเดียวเลยว่า ทราบดีแล้วต้องลืมกลิ่นเขียวๆพวกนั้นไปเลยแน่นอน

  • แก้ไขปัญหาเส้นเลือดขอด


          เมื่อเส้นเลือดสูญเสียความยืดหยุ่นก็ทำให้หลอดโลหิตดำเกิดการฉีกให้ขาดและก็ทำให้เลือดไหลออกมาคั่งอยู่รอบๆขา เป็นต้นเหตุที่ทำให้มีการเกิดอาการบวมที่เรียกว่าอาการเส้นโลหิตขอดนั่นเอง โดยมีการเล่าเรียนพบว่าการกินใบบัวบก สามารถลดอาการบวมและก็กระตุ้นการไหลเวียนของเลือดให้ดีขึ้น โดยในการศึกษาเรียนรู้นั้นได้ทำทดลองกับอาสาสมัครกว่า 90 คน ที่มีลักษณะอาการของเส้นโลหิตขอด และเมื่อกินใบบัวบกเข้าไปและจากนั้นก็พบว่าอาการเส้นเลือดขอดนั้นดีขึ้นเมื่อเทียบกับคนที่กินยาหลอก และก็เมื่อกระทำอัลตราซาวด์ก็พบว่าผู้ที่รับประทานใบบัวบกมีการรั่วไหลของหลอดเลือดดำน้อยลงค่ะ

  • รักษาแผลและก็รักษาโรคผิวหนังบางชนิด


          หนึ่งในสารสำคัญที่ทำให้ใบบัวบกกลายเป็นสมุนไพรที่มากคุณประโยชน์ก็คือสารสามเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ที่มีการศึกษาเล่าเรียนกับสัตว์แล้วพบว่าสามารถช่วยสมานรอยแผลได้ นั่นก็เป็นเนื่องจากสารดังกล่าวมาแล้วข้างต้นจะปฏิบัติหน้าที่สำหรับในการเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระให้กับรอยแผล แล้วก็ช่วยกระตุ้นให้โลหิตไหลเวียนไปยังรอบๆรอยแผลมากยิ่งขึ้น ทำให้รอยแผลค่อยๆหายในระยะเวลาที่น้อยลง ทั้งสารจากใบบัวบกก็ยังช่วยคุ้มครองการเกิดแผลได้อีกด้วย วิธีใช้ก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องนำใบบัวบกมาตำแล้วพอกให้ยาก เนื่องจากว่าในช่วงเวลานี้มีแบบที่เป็นครีมผสมสารสกัดไว้ทาโดยเฉพาะ แค่เพียงเลือกให้เหมาะกับประเภทรอยแผลก็ช่วยได้มากเลยล่ะ

  • ระบายความร้อน


          ความร้อนในร่างกายถ้าสูงมากเกินไปอาจจะทำให้ร่างกายเกิดอาการไข้ ตัวร้อน หิวน้ำ ตลอดจนการอักเสบ ดังนั้นการกินใบบัวบกที่มีฤทธิ์เย็น จึงสามารถช่วยลดความร้อนภายในร่างกายได้ ทั้งยังยังช่วยขับพิษร้อนออกมาจากร่างกายได้อีกด้วย

  • ขับพิษร้อน รวมทั้งความชุ่มชื้น


          โรคต่างๆที่เกิดขึ้นจากความร้อนและความชื้น อาทิเช่น โรคตับเหลือง นิ่วในทางเดินฉี่ หรือโรคบิด สามารถบรรเทาได้ด้วยการกินใบบัวบก เหตุเพราะใบบัวบกนั้นมีฤทธิ์ขมเย็น สามารถช่วยสลายความชื้นในร่างกายและขับความร้อนออกมาได้ แต่ก็ควรจะรับประทานในจำนวนที่เหมาะสม เพราะหากรับประทานมากๆอาจทำให้ร่างกายเย็นจนถึงเกินความจำเป็นรวมทั้งเกิดอันตรายได้
สรรพคุณใบบัวบก ผลดีเลอค่า

  • ลดความกระวนกระวายใจ ช่วยให้จิตใจสงบ


          สารตรีเตอร์ปินอยด์ (Triterpenoids) ซึ่งเป็นสารที่อยู่ในใบบัวบกนั้น นอกจากจะช่วยในการสมานแผลและรักษาโรคผิวหนังบางจำพวกได้แล้วหลังจากนั้นก็ยังมีฤทธิ์สำหรับเพื่อการลดความกระวนกระวายใจและช่วยกระตุ้นกลไกลักษณะการทำงานของสมอง โดยมีการศึกษาหนึ่งพบว่าผู้ที่รับประทานใบบัวบกมีลักษณะท่าทางที่จะตกใจกับเสียงดังรบกวนน้อยกว่าผู้ที่รับประทานยาหลอก แม้กระนั้นก็จะต้องใช้ในจำนวนที่สูงมากมาย ก็เลยยังไม่มีการยืนยันแจ่มแจ้งว่าควรใช้จำนวนใดก็เลยจะเห็นผลและไม่ส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายตามมาจ้ะ

  • รักษาโรคหนังแข็ง


          เนื่องด้วยใบบัวบก มีฤทธิ์สำหรับเพื่อการลดการอักเสบต่างๆภายในร่างกาย ก็เลยสามารถใช้บรรเทาลักษณะของคนไข้โรคหนังแข็งได้ โดยมีการเล่าเรียนกับสตรี 13 คนที่มีอาการของโรคหนังแข็งพบว่า การใช้ใบบัวบกสามารถลดอาการปวดตามข้อ และลดการเกิดหนังแข็ง และทำให้การเคลื่อนไหวของนิ้วมือเป็นไปในทางที่ดียิ่งขึ้น แต่ว่าดังนี้ก็จำเป็นต้องอยู่ในปริมาณที่หมอควบคุมเท่านั้น

  • ช่วยบรรเทาอาการนอนไม่หลับ


          คนใดที่ชอบนอนไม่หลับบ่อยๆทดลองหาใบบัวบกมารับประทานดีแล้วเช่นเดียวกันนะ เพราะใบบัวบกไม่เพียงแค่ช่วยลดความกระวนกระวายใจเท่านั้น แม้กระนั้นก็ยังช่วยทำให้จิตใจสงบแล้วก็ผ่อนคลายลงได้ ทำให้สามารถนอนหลับได้ง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยแค่เพียงรับประทานเสมอๆก่อนนอน ก็สามารถที่จะช่วยให้การนอนหลับดีขึ้นได้อย่างน่ามหัศจรรย์เลย
สรรพคุณใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • ลดระดับความดันเลือด


        กรมความก้าวหน้าหมอแผนไทยและการแพทย์ลู่ทาง ได้ออกมาแนะนำว่าใบบัวบกยอดเยี่ยมในสมุนไพรที่ช่วยลดระดับความดันโลหิตได้ เนื่องจากเจ้าใบบัวบกนั้นจะไปทำให้หลอดโลหิตดำและเส้นเลือดฝอยแข็งแรงขึ้น ทั้งยังยังช่วยลดสภาวะความเคร่งเครียดอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดความดันเลือดสูง ดังนี้แนวทางการกินก็ไม่ได้ยากอะไร แค่เพียงนำใบบัวบกไปคั้นน้ำแล้วนำมาดื่ม จะนำไปผสมกับน้ำผึ้งสักบางส่วน หรือผสมกับน้ำผลไม้อื่นๆเพื่อลดความเหม็นเขียวก็ทำได้จ้ะ

  • ลดอาการบวม


          อาการบวมช้ำมีสาเหตุจากการที่ระบบไหลเวียนเลือดบริเวณดังที่กล่าวมาแล้วทำงานเปลี่ยนไปจากปกติเป็นเหตุให้เกิดอาการคั่งของเลือด การกินใบบัวบกไม่ว่าจะเป็นแบบน้ำคั้นดื่ม หรือแบบที่เป็นสารสกัดแคปซูล สามารถช่วยลดอาการบวมช้ำบริเวณบาดแผลได้ แล้วก็ยังลดอาการอักเสบที่กระตุ้นให้เกิดอาการบวมได้อีกด้วย

  • บำรุงสมอง


          ใบบัวบกเป็นพืชอีกชนิดที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ก็เลยช่วยปกป้องสารอนุมูลอิสระเข้าไปทำลายเซลล์สมอง และก็ช่วยคลายความอ่อนล้าของสมอง เพิ่มการทำงานของสมองแล้วก็ความจำ แถมยังสามารถลดภาวการณ์กลัดกลุ้ม และสามารถช่วยยับยั้งอาการของโรคอัลไซเมอร์ที่เกิดขึ้นในสมองได้
คุณประโยชน์ใบบัวบก คุณประโยชน์เลอค่า

  • รักษาอาการติดเชื้อ


          ใบบัวบกเป็นสมุนไพรอีกหนึ่งประเภทที่ช่วยรักษาโรคไข้หวัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แถมช่วยรักษาอาการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ และอาการติดโรคแบคทีเรียรวมทั้งเชื้อไวรัสต่างๆได้อีกเพียบเลย เรียกได้ว่าไม่ว่าจะติดเชื้อใดๆ ใบบัวบกสามารถช่วยรักษาได้หมด แต่ว่าทั้งนี้ก็จำต้องใช้ในปริมาณที่สมควร และก็ภายใต้การดูแลของผู้ที่มีความเชี่ยวชาญนะ

  • บรรเทาอาการอ่อนแรง


          เว้นเสียแต่รักษาลักษณะของการป่วยต่างๆแล้ว ใบบัวบกยังสามารถช่วยฟื้นฟูร่างกายจากความเมื่อยล้าได้ และถ้าหากรับประทานในช่วงอากาศร้อนๆด้วยละก็ น้ำใบบัวบกก็สามารถช่วยลดความร้อนภายในร่างกายแล้วก็ดับกระหายได้อย่างดีเยี่ยมเลยเชียวล่ะ

คุณประโยชน์ใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า

  • บำรุงผิวพรรณให้อ่อนเยาว์


          ใบบัวบก เป็นอีกหนึ่งในสมุนไพรเพื่อความสวยสดงดงามที่อยู่ใกล้ตัวมากมายๆที่เป็นแบบนี้ก็เพราะเหตุว่าใบบัวบกมีสารที่ช่วยสนับสนุนการผลิตคอลลาเจนและอิลาสตินในร่างกาย ช่วยให้ผิวพรรณนุ่มเปียกชื้น มองอ่อนวัย ยิ่งไปกว่านี้สารต้านอนุมูลอิสระในใบบัวบกก็ยังช่วยยั้งการเกิดริ้วรอยแห่งวัย จึงไม่น่าแปลกเลยล่ะหากคุณจะได้เห็นชื่อของเจ้าใบบัวบกเป็นหนึ่งในส่วนประกอบของเครื่องทำให้หมดจดผิว ทั้งนี้ยังสามารถนำใบบัวบกใหม่ๆมาใช้พอกหน้าได้อีกด้วย โดยมีวิธีดังนี้จ้ะ
           - ใบบัวพอกหน้า บำรุงผิวสวยใส ลบรอยตีนกา
แนวทางการทำ

  • นำใบบัวบกสดมาล้างทำความสะอาด และจากนั้นจึงนำไปหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
  • เอามาปั่นหรือบดกับน้ำที่สะอาด 1 แก้ว
  • เอามาพอกหน้า หรือนำสำลีชุบน้ำใบบัวบกขึ้นมาทาให้ทั่วบริเวณใบหน้า ทิ้งเอาไว้ราว 15 นาที
  • ล้างออกด้วยน้ำเย็น ทำบ่อยเป็นประจำทุกวี่วันก่อนนอนจะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
  • กำจัดเซลลูไลท์


          สาวๆที่ทุกข์ใจกับเซลลูไลท์ที่เป็นศัตรูความงามของคุณสาวๆอยู่ ขอบอกใบบัวบกช่วยคุณได้ค่ะ แค่เพียงกินใบบัวบกเป็นประจำก็จะช่วยให้เซลล์ไขมันเซลลูไลท์ถูกขับออกมาจากร่างกายได้ง่ายขึ้น แล้วก็ช่วยทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดำเนินการเจริญขึ้น แล้วก็ลดการอักเสบอันเกิดขึ้นได้เพราะมีสาเหตุเนื่องมาจากเซลลูไลท์ได้อีกด้วยล่ะ

  • บำรุงเส้นผมและก็หนังศีรษะ


          หลายท่านที่มีปัญหาเกี่ยวกับผมร่วงก็อาจแสวงหาทุกวิธีเพื่อบำรุงให้เส้นผมและก็หนังศีรษะแข็งแรงเพื่อได้มีผมดกดำ ใบบัวบกก็เป็นอีกสมุนไพรหนึ่งที่มีสรรพคุณสะดุดตาในด้านนี้ โดยปัญหาผมหล่นส่วนใหญ่ก็มีต้นเหตุมาจากรากผมที่อ่อนแอและก็การไหลเวียนของโลหิตบนหนังหัวไม่ดี ซึ่งใบบัวบกนี้มีฤทธิ์ในการกระตุ้นการไหลเวียนเลือดบริเวณหนังศีรษะ แล้วก็ยังช่วยบำรุงให้รากผมแข็งแรง คุ้มครองผมตกทำให้ผมที่ขึ้นใหม่มีความแข็งแรงรวมทั้งดกดำเงางามได้โดยไม่ต้องพึ่งสารเคมีอะไร
          ได้มองเห็นคุณประโยชน์ดีๆของใบบัวบกกันไปแล้วแบบนี้ คนใดที่ยังสั่นหน้าให้กับกลิ่นเขียวๆของใบบัวบก ก็คงจะลองหันกลับมามองเสียใหม่ ถึงแม้อาจจะมีกลิ่นฉุนไปเสียหน่อย แต่ประโยชน์ที่ได้รับก็ดีแล้วไม่น้อยเลย ถ้าเกิดไม่ลองเสียดายห่วยแตกเลยนะ http://www.disthai.com/

2

สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ชื่อวงศ์ : ACANTHACEAE
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Acanthus ebracteatus Vahl
ชื่อพ้อง : Acanthus ilicfolius L. ; Acanthus ilicfolius L. var intergrifolia T.Anderson
ชื่อสามัญ : Sea holly
ชื่อประจำถิ่นอื่น : แก้มหมอ, แก้มแพทย์เล (กระบี่) ; จะเกร็ง, นางเกร็ง, เหงือกปลาหมอ, เหงือกปลาหมอน้ำเงิน (ทั่วๆไป) ; อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้พุ่มขนาดเล็ก (US) สูงโดยประมาณ 30-100 เซนติเมตร ลักษณะลำต้นเป็นข้อ แข็ง รวมทั้งมีหนามอ่อนๆตามข้อๆละ 4 หนาม
ใบ เป็นใบคนเดียว ออกตรงกันข้ามกันเป็นคู่ๆสีเขียวเข้ม ลักษณะใบรูปไข่หรือรูปขอบขนาน ขอบใบเว้าหรือเรียบ รวมทั้งมีหนามแหลม ปลายใบแหลม มีก้านใบสั่นๆ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกเป็นช่อตั้งตรงที่ยอด ช่อดอกยาว กลีบรองกลีบดอก มี 4 กลีบ แยกจากกันสีเขียวอ่อน กลีบดอกไม้สีขาว สีขาวขริบฟ้า หรือสีฟ้าอมม่วง แยกเป็น 2 ทาง กลีบบนยาวพอๆกับกลีบรองกลีบดอก แม้กระนั้นกลีบล่างแผ่กว้างและก็โค้งลง ปลายกลีบหยักเว้าเป็น 3 หยักตื้นๆ
ผล เป็นฝักสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน มีเมล็ดข้างใน 4 เมล็ด
นิเวศวิทยา
เป็นไม้กลางแจ้ง มีอยู่ทั่วๆไปในป่าชายเลน ดังที่ลุ่มริมน้ำลำคลอง ส่วนมากถูกใจขึ้นในที่น้ำกร่อย บางคราวก็พบในน้ำจืดบ้างแบบเดียวกัน
การปลูกแล้วก็แพร่พันธุ์
เจริญเติบโตได้ดีในดินดูเหมือนจะทุกจำพวก ความชื้นปานกลาง เพาะพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ด
ประโยชน์ทางยา
รสและก็สรรพคุณในตำรายา
ทั้งต้น รสเค็มกร่อย แก้อาการผื่นผื่นคัน
ใบ รสเค็มกร่อย รักษาโรคปวดบวมและก็แผลอักเสบ แก้ท้องเฟ้อ ท้องเฟ้อ แพทย์แผนไทยตามบ้านนอกใช้ทั้ง 5 เป็นยาแก้ไข้หัว พิษฝี พิษกาฬได้ดิบได้ดี แก้น้ำเหลืองเสีย ใช้ปรุงกับฟ้าทลายขโมยรมหัวริดสีดวงทวาร ตำใบผสมกับขิงคั้นเอาน้ำหยอดตาแก้อาการตาเจ็บหรือตาแดง
ผล รสเค็มกร่อย ใช้เป็นยาขับโลหิตอย่างแรง และแก้ฝีซาง ฝีตาน
ในประเทศประเทศอินเดีย ใช้ยอดแล้วก็ใบอ่อนตำผสมน้ำบางส่วนปิดแผลที่ถูกงูกัด ต้นใช้รักษาแก้โรคที่เกี่ยวกับหลอดลมรวมทั้งแก้ไอ รวมทั้งเอามาต้มเอาน้ำดื่มเป็นยารักษาธาตุพิการ
ในประเทศสิงคโปร์ ใช้เมล็ดเป็นยาแก้ไอ โดยต้มเม็ดกับดอกมะเฟืองหรือดอกตะลิงปลิง แล้วเพิ่มเติมเปลือกอบเชย แล้วก็น้ำตาลกรวด จิบแก้ไอ เม็ดบดเป็นผุยผงใช้พอกแก้ฝี หรือนำไปคั่วแล้วป่นละลายน้ำดื่มแก้ฝี ฝักต้มรับประทานเป็นยาขับเลือด แล้วก็แก้ฝี รากต้มเป็นยาดื่มแก้โรคงูสวัด
แนวทางแล้วก็ปริมาณที่ใช้
รักษาโรคผิวหนัง แผลพุพอง น้ำเหลืองเสีย โดยใช้ต้นและใบสด 3-4 กำมือ ล้างให้สะอาด สับเป็นชิ้นนำไปต้มน้ำ แล้วก็ใช้น้ำอาบ ยามเช้า-เย็น เป็นเวลา 1 อาทิตย์
ข้อควรจะรู้
เหงือกปลาหมอมีอยู่ร่วมกัน 2 ชนิด เป็น
เหงือกปลาหมอ Acanthus ilifolius L. หรือ Acanthus ilifolius L. var intergrifolia T.Anderson ลักษณะจะมีดอกสีฟ้าอมม่วง มีประสีเหลืองกึ่งกลางกลีบ มีใบประดับประดาสีเขียวอีก 2 กลีบ รองรับดอกอยู่เป็นประจำไป
เหงือกปลาหมอ Acanthus ebracteatus Vahl ลักษณะจะมีดอกสีขาวออกจะเล็ก มีใบประดับรองรับช่อดอก แม้กระนั้นตกหลุดไปก่อน
สรรพคุณของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นโลหิตไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วผสมผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าถ้ากินติดต่อกัน 1 เดือน จะทำให้สติปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ประเภท หูไว / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้จักอ่อนแรง / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงเพราะ / 9 เดือน หนังเหนียว (ทั้งยังต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยทำนุบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุเปลี่ยนไปจากปกติ (ต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (อีกทั้งต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยทำให้เจริญอาหาร (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระษัย อาการผอมโซเหลืองตลอดตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานทุกเมื่อเชื่อวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนหมดทั้งตัว เจ็บระบบทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนศีรษะ หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอรวมทั้งเปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือนิดหน่อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วก็ใช้ฟืน 30 แท่ง ต้มกับน้ำเดือดจนงวดแล้วชูลง เมื่อเสร็จให้อั้นลมหายใจรับประทานขณะอุ่นๆกระทั่งหมด อาการก็จะดียิ่งขึ้น (ต้น)
ช่วยยั้งมะเร็ง ต้านโรคมะเร็ง (ต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นแล้วก็อาหารเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ในสัดส่วนที่เสมอกัน นำมาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆทีละ 1 แก้ว เช้า กลางวัน เย็น อาการจะดียิ่งขึ้น (ทั้งต้น)
รักษาปอดบวม ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย สรรพคุณช่วยแก้อาการปวดศีรษะ (ต้น)
รากช่วยแก้แล้วก็บรรเทาอาการไอ หรือจะใช้เม็ดนำมาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เช่นเดียวกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้หืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะของการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นนำมาตำผสมกับขิง คั้นมัวแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (อีกทั้งต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (อีกทั้งต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นและรากนำมาต้มอาบแก้อาการ (ทั้งต้น)
แก้อาการไอ เมล็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ถ้าเกิดเป็นลมเป็นแล้ง ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำให้ถี่ถ้วนเป็นผงแล้วนำมาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งยังต้นและพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (อีกทั้งต้น)
ช่วยขับพยาธิ (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย นำมาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายโจร ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับปัสสาวะ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดตกขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบและต้นนำมาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ระดูมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (ต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตพิการ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)

ผลช่วยขับเลือด หรือจะใช้เม็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและพริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนกินก็ได้ (เมล็ด, ผล, อีกทั้งต้น)
ช่วยฟอกเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้อีกทั้งต้นนำมาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (ทั้งยังต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น เอามาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เม็ด)
สำหรับคนไข้เอดส์ที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง หากใช้ต้นมาต้มอาบและทำเป็นยารับประทานติดต่อกันราว 3 เดือนจะช่วยทำให้อาการของแผลพุพองทุเลาลงอย่างเห็นได้ชัด (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประป่า รักษากลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคโรคเรื้อน โรคกุฏฐัง ด้วยการใช้ต้นเอามาตำมัวแต่น้ำกิน (ทั้งต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและก็ใบสดล้างสะอาดโดยประมาณ 3-4 กำมือ นำมาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดนำมาต้มมัวแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง ฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดทั้งภายในด้านนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบทั้งยังสดและก็แห้งราวๆ 1 กำมือ เอามาบดอย่างระมัดระวัง แล้วนำมาพอกรอบๆที่เป็นฝี หรือวิธีลำดับที่สองจะนำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนกินอาหารทีละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ราวๆ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เมล็ดนำมาคั่วให้ไหม้เกรียมแล้วป่นให้ถี่ถ้วน ชงกับน้ำกินเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
เมล็ดใช้ปิดพอกฝี (เมล็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยถอนพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดนำมาตำให้ถี่ถ้วน สามารถใช้พอกบริเวณแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกตลอดตัว ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอ1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผุยผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ต้น ถ้านำมาใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาทั้งตัวได้ (ต้น)
รากมีคุณประโยชน์ช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้อาการเจ็บข้างหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบแก้ไขข้ออักเสบและก็แก้ลักษณะของการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยทำนุบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบนำมาทาให้ทั่วหัว จะช่วยบำรุงรากผมได้ (ใบ) http://www.disthai.com/

3

รากสามสิบ
รากสามสิบ คุณประโยชน์ ว่านสามสิบ หนังสือเรียนยาท้องถิ่น ใช้ ทั้งต้นหรือราก ต้มน้ำดื่ม แก้แท้งลูก รวมทั้งโรคคอพอก ราก มีรสขื่นเย็น กินเป็นยาแก้พิษร้อนในหิวน้ำ แก้เมื่อย ครั่นเนื้อครั่นตัว ฝนทาแก้พิษแมลงป่องกัดต่อย แก้ปวดฝี ทำให้เย็น ทำลายพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน ช่วยทำนุบำรุงเด็กในครรภ์ บำรุงตับ ปอด ชูกำลัง ผสมกับเหง้าขิงป่า แล้วก็ต้นจันทน์แดงผสมสุราโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน ทั้งยังต้นหรือราก ต้มน้ำดื่ม แก้ตกเลือด และก็โรคคอพอก ผล มีรสเย็น ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับ ไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง
รากสามสิบ ช่วยเหลือความรัก และก็ กระชับความเกี่ยวข้องให้ชีวิตแต่งงาน คลายกล้ามเนื้อของมดลูก บำรุงหัวใจ ,แก้การอักเสบ ,บำรุงเลือด แก้ปวดรอบเดือน ระดูมาผิดปกติ ลดภาวะมีบุตรยาก เสริมฮอร์โมนผู้หญิง กระชับช่องคลอด ช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็ว บำรุงผิวพรรณ ลดสิวฝ้า ชลอความแก่ แก้อาการวัยทอง
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Asparagus racemosus Willd.
ตระกูล : Asparagaceae
ชื่ออื่น : สาวร้อยผัว รากศตวารี จ๋วงเครือ (เหนือ) ผักชีช้าง (จังหวัดหนองคาย) ผักหนาม (จังหวัดนครราชสีมา) สามร้อยราก (กาญจนบุรี) สามสิบ ชีช้าง จั่นดิน ม้าสามต๋อน
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
ไม้เลื้อย เนื้อแข็ง ลำต้นสีเขียว มีหนามแหลม มักเลื้อยพันตันไม้อื่น เลื้อยยาว 1.5-4 เมตร เถากลมเรียบ เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม มีเหง้าแล้วก็รากใต้ดินออกเป็นกลุ่มเหมือนกระสวยออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย อวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว โตกว่าเถามากมาย ลำต้นมีหนาม เถาเล็กเรียว กลม สีเขียว ใบคนเดียว แข็ง ออกรอบข้อ เป็นฝอยเล็กๆเหมือนหางกระรอก สีเขียวดก หรือเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ เรียงแบบสลับ ใบรูปเข็ม กว้าง 0.5-1 มม. ยาว 3-6 เซนติเมตร แผ่นใบมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาว 13-20 เซนติเมตร ช่อดอก ออกที่ปลายกิ่งหรือซอกใบ แบบช่อกระจะ ยาว 2-4 เซนติเมตร ดอกย่อย สีขาว ขนาดเล็ก มีกลิ่นหอมยวนใจ มี 12-17 ดอก ก้านดอกย่อย ยาวราว 2 มม. กลีบรวม มี 6 กลีบ เชื่อมกันเป็นหลอดรูปดอกเข็ม ปลายแยกเป็นแฉก ส่วนหลอดยาว 2-3 มม. ส่วนแฉกรูปช้อน ยาว 3-4 มม. กลีบดอกไม้บางแล้วก็ย่น เกสรเพศผู้ เชื่อมและอยู่ตรงกันข้ามกลีบรวม ขนาดเล็กมี 6 อัน ก้านชูอับเรณูสีขาว อับเรณูสีน้ำตาลเข้ม รังไข่รูปไข่กลับ ยาวโดยประมาณ 1 มิลลิเมตร อยู่เหนือวงกลีบ มี 3 ช่อง แต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากกว่า ก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็นสามแฉกขนาดเล็ก ผลสด ออกจะกลม หรือเป็น 3 พู ผิวเรียบเป็นมัน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนสีเขียวเมื่อสุกสีแดงหรือม่วงแดง เมล็ดสีดำ มี 2-6 เมล็ด มีดอกตอนเมษายนถึงมิถุนายน เจอตามป่าโปร่ง หรือเขาหินปูน
สาวร้อยสามีหรือรากสามสิบ เป็นสมุนไพรไทยมีรสขนมหวานเย็น ที่แฝงไปด้วยสรรพคุณขนานเอก บำรุงเครื่องเพศในสตรี แล้วก็ยังเสริมสมรรถนะทางเพศให้แก่ผู้ชาย
นิยมนำส่วนของใบอ่อน ยอดอ่อน ผลอ่อน ซึ่งมีกลิ่นหอมสดชื่นเหมือนผักชีลาว มารับประทานเป็นผัก รวมทั้งนำส่วนของรากที่มีลักษณะเหมือนกระชาย แต่มีขนาดใหญ่รวมทั้งยาวกว่าอีกทั้งมีกลิ่นหอมสดชื่น มาใช้ดองยาสมุนไพร ชูกำลังในสตรีด้วยสรรพคุณที่สอดคล้องกับชื่อที่เรียกขานกันว่า สาวร้อยสามี ที่สื่อความหมายได้ว่า ไม่ว่าสาวใด อายุเท่าไร อยู่ในวัยมีประจำเดือนหรือหมดรอบเดือนก็ตาม ถ้าเกิดได้ทานหัวพืชชนิดนี้เสมอๆ จะช่วยทำให้มองเป็นสาวกว่าวัย มีพลังทางเพศ รวมทั้งยังช่วยเพิ่มขนาดของอก ด้วยแนวทางนำรากสดมาต้มรับประทานหรือไม่ก็อาจจะนำรากไปตากแห้ง แล้วเอามาบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนผสมกับน้ำผึ้งรับประทานก็ได้เหมือนกันตามตำราอายุรเวท มีการใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในเพศหญิง ช่วยให้หญิงกลับมาเป็นสาวได้อีกรอบ
ในอินเดียก็เรียกสมุนไพรจำพวกนี้คล้ายกับประเทศไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตาวรี (Shtavari) มีความหมายว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางหนังสือเรียนกล่าวว่าหมายถึง สตรีที่มีร้อยผัว “Satavari” (this is an India word meaning’a woman who has a hundred husbands) รากสามสิบเป็นสมุนไพรที่ถูกเอ๋ยถึงในหนังสือ พระเวท ซึ่งเป็นคำภีร์ที่มีมาก่อนอายุรเวทด้วย จึงน่าจะนับได้ว่าเป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานานหลายพันปีแล้ว และในประเทศอินเดียใช้ รากสามสิบ ทำเป็นขนมหวานเช่นเดียวกับประเทศไทย
ในตำราอายุรเวทใช้รากสามสิบเป็นสมุนไพรหลักสำหรับบำรุงในหญิง สำหรับเพื่อการทำให้เพศหญิงกลับมาเป็นสาว (Female rejuvention) นอกนั้นยังช่วยขจัดปัญหาอื่นๆของสตรีเช่น ภาวการณ์ประจำเดือนไม่ดีเหมือนปกติ ปวดเมนส์ ภาวการณ์มีลูกยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมถอย ภาวการณ์หมดปะจำเดือน(menopause) แล้วก็ใช้บำรุงนมบำรุงท้อง คุ้มครองป้องกันการแท้ง (habitual abortion) และก็อาการที่ไม่ปรารถนาอื่นๆของสตรี
แม้สมุนไพรชนิดนี้จะเด่นต่อสตรีเพศแล้ว ในประเทศอินเดียยังคงใช้สำหรับเพื่อการเพิ่มพลังทางเพศให้กับผู้ชายอีกด้วย ซึ่งก็อาจจะคล้ายกับทางภาคเหนือของไทยที่ใช้สาวร้อยผัว หรือที่เรียกในภาคเหนือว่า “ม้าสามต๋อน” เป็นยาดองเพื่อเพิ่มพลังทางเพศชาย แล้วก็ยังคงใช้เพื่อสรรพคุณทางยาอื่นๆอีกมาก ดังเช่นว่า ยาแก้ไอ ยารักษาโรคกระเพาะ ยาแก้บิด แก้ไข้ แก้อักเสบ ซึ่งจัดได้ว่าสมุนไพรประเภทนี้เป็นสมุนไพร ที่ใช้มากที่สุดในประเทศอินเดียชนิดหนึ่ง ปัจจุบันนี้มีสารสกัดด้วยน้ำ ของ[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/url] จากประเทศอินเดียไปจำหน่ายที่สหรัฐอเมริกา ในลักษณะเป็น dietary supplement หรือพวกอาหารเสริมที่สามารถขายได้ ทั่วๆไปไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์

สรรพคุณสมุนไพรรากสามสิบ (รากศตวารี)
ช่วยสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิง
แก้ปวดประจำเดือน
แก้ประจำเดือนมาแตกต่างจากปกติ
แก้อาการตกขาว
แก้ปัญหาช่องคลอดอักเสบ ช่วยกำจัดกลิ่นในช่องคลอด
ช่วยทำให้ช่องคลอดกระชับ
แก้ไขปัญหาการมีลูกยาก คุ้มครองการแท้งบุตร
บำรุงน้ำนม
ช่วยทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว
ช่วยระบาย ขับฉี่
ลดกลิ่นเต่า กลิ่นปาก
ช่วยเพิ่มขนาดหน้าอก และก็สะโพก
กระชับรูปทรง
ช่วยลดไขมันส่วนเกิน
ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
บำรุงเลือด แล้วก็บำรุงหัวใจ
บำรุงฮอร์โมนเพศ
บำรุงผิวพรรณ
ลดสิว ลดฝ้า ช่วยผิวขาวใส
แก้อาการวัยทอง ชะลอความเฒ่า
ใช้รักษาโรคตับ ปอดพิการ
บำรุงกำลัง แก้กระษัย
ข้อควรตรึกตรองสำหรับในการใช้รากสามสิบ
รายงานการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่ารากสามสิบมีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ด้วยเหตุนี้จึงห้ามประยุกต์ใช้ในสตรีที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคโรคมะเร็ง ตัวอย่างเช่น ผู้เจ็บป่วยโรค uterine fribrosis หรือ fibrocystic breast
ผลของการวิจัยสมุนไพรรากสามสิบ
การเล่าเรียนในหนูแรทของสารสกัดรากด้วยเอทานอลต้นรากสามสิบ แบ่งเป็น 2 ช่วง คือ ตอนเฉียบพลัน แล้วก็ตอนยาวสม่ำเสมอ
โดยการศึกษาเล่าเรียนในระยะรุนแรงป้อนสารสกัดเอทานอลต้นรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กก. ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน และก็หนูแรทที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 1 และ ชนิดที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ว่าช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส (glucose tolerance) ในนาทีที่ 30 ดียิ่งขึ้น และการศึกษาเล่าเรียนช่วงยาวต่อเนื่องโดยป้อนสารสกัดเอทานอลรากสามสิบขนาด 1.25 กรัม/กก.วันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นโรคเบาหวานประเภทที่ 2 ในช่วงเวลาที่หนูเบาหวานกลุ่มควบคุมได้รับน้ำในขนาดที่เสมอกัน พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แล้วก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30% เมื่อเทียบกับกลุ่มโรคเบาหวานควบคุม ยิ่งกว่านั้นยังเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน แล้วก็เพิ่มกลัยโคเจนที่ตับเมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปโรคเบาหวานควบคุม จากการเรียนรู้ในคราวนี้สรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดรากสามสิบน่าจะเป็นผลมาจากการยับยั้งการสรุปยแล้วก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต รวมทั้งการเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งต้นรากสามสิบน่าจะเป็นประโยชน์สำหรับเพื่อการเอามารักษาคนไข้เบาหวานได้
ที่มา : หน่วยบริการฐานข้อมูลสมุนไพร สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

4

รากสามสิบ
รากสามสิบ ชื่อสามัญ Shatavari8
รากสามสิบ ชื่อวิทยาศาสตร์ Asparagus racemosus Willd. (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Protasparagus racemosus (Willd.) Oberm.) จัดอยู่ในวงศ์หน่อไม้ฝรั่ง (ASPARAGACEAE) รวมทั้งอยู่ในวงศ์ย่อย ASPARAGOIDEAE4
สมุนไพรรากสามสิบ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า สามร้อยราก (จังหวัดกาญจนบุรี), ผักหนาม (จังหวัดโคราช), ผักชีช้าง (จังหวัดหนองคาย), จ๋วงเครือ (ภาคเหนือ), เตอสีเบาะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน), เพียงพอควายเมะ (กะเหรี่ยง-จังหวัดเชียงใหม่), ชีช้าง, ผักชีช้าง, จั่นดิน, ม้าสามต๋อน, สามสิบ, ว่านรากสามสิบ, ว่านสามสิบ, ว่านสามร้อยราก, สามร้อยสามี, สาวร้อยผัว, ศตาวรี เป็นต้น
ลักษณะของรากสามสิบ
ต้นรากสามสิบ จัดเป็นไม้เถาเนื้อแข็งเลื้อยพันต้นไม้อื่นด้วยหนาม (หนามเปลี่ยนมาจากใบเกล็ดรอบๆข้อ) สามารถเลื้อยป่ายปีนต้นไม้อื่นขึ้นไปได้สูงโดยประมาณ 1.5-4 เมตร แตกกิ่งเป็นเถาห่างๆลำต้นเป็นสีเขียวหรือสีขาวแกมเหลือง เถามีขนาดเล็กเรียว กลม เรียบ ลื่น และเป็นเงา ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 2-5 มิลลิเมตร เถาอ่อนเป็นเหลี่ยม ตามข้อเถามีหนามแหลม หนามมีลักษณะโค้งกลับ ยาวราว 1-4 มิลลิเมตร บริเวณข้อมีกิ่งแตกกิ่งก้านสาขาแบบรอบข้อ แล้วก็กิ่งนี้จะกลายเป็นสีเขียวลักษณะแบนเป็นรูปขอบขนาน ปลายแหลม กว้างราว 0.5-1 มม. รวมทั้งยาวราว 0.5-2.5 มิลลิเมตร ปฏิบัติหน้าที่แทนใบ มีเหง้าและก็รากอยู่ใต้ดิน ออกเป็นกระจุกเหมือนกระสวย รูปแบบของรากออกเป็นพวงเหมือนรากกระชาย ลักษณะอวบน้ำ เป็นเส้นกลมยาว มีขนาดโตกว่าเถามากมาย มีเขตการกระจายชนิดในประเทศไทย ประเทศอินเดีย ศรีลังกา ชวา จีน มาเลเซีย และออสเตรเลีย เจอขึ้นตามป่าในเขตร้อนชื้น ป่าเขตร้อนแห้ง ป่าผลัดใบ ป่าโปร่งหรือตามเขาหินปูน
ต้นรากสามสิบ
สามร้อยราก
ใบรากสามสิบ ใบเป็นใบผู้เดียว แข็ง ออกรอบข้อเป็นฝอยๆเล็กคล้ายหางกระรอก หรือออกเรียงสลับเป็นกลุ่ม 3-4 ใบ ใบเป็นสีเขียวดก ลักษณะของใบเป็นรูปเข็มขนาดเล็ก ปลายใบแหลม เป็นรูปเคียว โคนใบแหลม มีขนาดกว้างโดยประมาณ 0.5-1 มิลลิเมตร รวมทั้งยาวราว 10-36 มิลลิเมตร แผ่นมักโค้ง สันเป็นสามเหลี่ยม มี 3 สัน มีหนามที่ซอกกลุ่มใบ ก้านใบยาวโดยประมาณ 13-20 เซนติเมตร
ใบรากสามสิบ
ดอกรากสามสิบ ออกดอกเป็นช่อกระจะ ยาวโดยประมาณ 2-4 เซนติเมตร โดยจะออกที่ปลายกิ่งหรือตามซอกใบและก็ข้อเถา ดอกย่อยมีขนาดเล็ก ดอกเป็นสีขาวรวมทั้งมีกลิ่นหอมยวนใจ มีราวๆ 12-17 ดอก ก้านดอกย่อยยาวประมาณ 2 มม. มีกลีบรวม 6 กลีบ แยกเป็น 2 วง วงนอก 3 กลีบ รวมทั้งวงในอีก 3 กลีบ กลีบมีลักษณะเป็นรูปขอบขนาน ปลายกลีบมน ขอบเรียบ กลีบกว้างราว 0.5-1 มม. และยาวโดยประมาณ 2.5-3.5 มม. กลีบดอกมีลักษณะบางรวมทั้งร่น โคนกลีบเชื่อมติดกันเป็นหลอดรูปดอกเข็มยาวโดยประมาณ 2-3 มม. ส่วนปลายแยกเป็นแฉก ดอกมีเกสรผู้เชื่อมแล้วก็อยู่ตรงข้ามกับกลีบรวม เป็นเส้นเล็ก 6 อัน ก้านชูอับเรณูเป็นสีขาว อับเรณูเป็นสีน้ำตาลเข้ม รังไข่เป็นรูปไข่กลับ อยู่เหนือวงกลีบ ยาวราว 1 มิลลิเมตร มี 2 ช่อง ในแต่ละช่องมีออวุล 2 เมล็ด หรือมากยิ่งกว่า ส่วนก้านเกสรเพศเมียสั้น ยอดเกสรเพศเมียแยกเป็น 2 แฉกขนาดเล็ก โดยจะออกดอกในช่วงราวๆม.ย.ถึงมิถานายน1,2,4,5
ดอกรากสามสิบ
ผลรากสามสิบ รูปแบบของผลเป็นทรงค่อนข้างกลม หรือเป็นพู 3 พู ผิวผลเรียบเป็นเงา มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 4-6 มิลลิเมตร ผลอ่อนเป็นสีเขียว เมื่อสุกแล้วจะกลายเป็นสีแดงหรือสีม่วงแดง ข้างในผลมีเม็ดประมาณ 2-6 เมล็ด เมล็ดเป็นสีดำ เปลือกหุ้มมีลักษณะแข็งแต่เปราะ ผลิดอกออกผลในตอนประมาณเมษายนถึงก.ค.1,8
ผลรากสามสิบ
เม็ดรากสามสิบ

สรรพคุณของรากสามสิบ
รากสามสิบมีรสเฝื่อนเย็น มีคุณประโยชน์เป็นยาบำรุงกำลัง ใช้เป็นยาชูกำลัง (ราก)
ตำราเรียนยาไทยจะใช้รากเป็นยาแก้กระษัย (ราก)
ในประเทศอินเดียจะใช้รากเป็นยากระตุ้นประสาท (ราก)
รากใช้ผสมกับเหง้าขิงป่าแล้วก็ต้นจันทน์แดง ผสมกับเหล้าโรงใช้เป็นยาแก้วิงเวียน (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาลดระดับความดันเลือดแล้วก็ลดไขมันในเลือด (ราก)
รากสามสิบมีคุณประโยชน์ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยไปกระตุ้นการทำงานของตับอ่อนให้เพิ่มการหลั่งสาร insulin (ราก)
อีกทั้งต้นหรือรากเอามาต้มกับน้ำเป็นยารักษาโรคคอพอก (ราก, ทั้งต้น)
ผลมีรสเย็น ใช้ปรุงเป็นยาแก้พิษไข้เซื่องซึม แก้พิษไข้กลับไข้ซ้ำ มักใช้ร่วมกับผลราชดัด เพื่อเป็นยาดับพิษไข้จากบิดเรื้อรัง (ผล)
รากมีรสเฝื่อนเย็น ใช้กินเป็นยาแก้พิษร้อนในอยากดื่มน้ำ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้ไอ (ราก)
ช่วยขับเสมหะ4 แก้การติดเชื้อที่หลอดลม (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาช่วยขับลม และช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร (ราก)
ใช้รักษาโรคเกี่ยวกับลำไส้ แก้อาการของกินไม่ย่อย รักษาแผลในกระเพาะอาหาร โรคกระเพาะ (ราก)
รากใช้ต้มกับน้ำเป็นยาแก้อาการท้องเดิน แก้บิด (ราก)
ใบมีสรรพคุณเป็นยาระบาย (ใบ)
แบบเรียนยาสมุนไพรท้องถิ่นของจังหวัดอุบลราชธานีจะใช้รากเอามาต้มกับน้ำกินเป็นยาแก้ริดสีดวงทวาร (ราก)
รากมีสรรพคุณเป็นยาแก้ขัดค่อย ขับปัสสาวะ ช่วยหล่อลื่นแล้วก็กระตุ้น (ราก)
ช่วยรักษาอาการประจำเดือนผิดปกติของสตรี (ราก)
ทั้งยังต้นหรือรากนำมาต้มกับน้ำเป็นยาแก้แท้งลูก (ราก, ทั้งยังต้น)
ในอินเดียจะใช้รากสามสิบเป็นยากระตุ้นสมรรถภาพทางเพศทั้งชายรวมทั้งหญิง คนทางภาคเหนือบ้านพวกเราจะใช้รากสามสิบทำเป็นยาดอง ใช้กินเป็นยาบำรุงสำหรับเพศชาย รับประทานแล้วรื่นเริงราวกับม้า 3 ตัว ก็เลยมีอีกชื่อหนึ่งว่า “ม้าสามต๋อน” ส่วนแพทย์ยาโบราณจะใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “สาวร้อยสามี” หรือ “สามร้อยผัว” พูดอีกนัยหนึ่งไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้ อายุเยอะแค่ไหนก็ยังมองสาวเสมอ แต่ว่าไม่ใช่กินแล้วจะสามารถมีผัวได้เป็นร้อยคน ในตำราเรียนอายุรเวทจะใช้สมุนไพรประเภทนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเพื่อการบำรุงสตรี ทำให้กลับมาเป็นสาว ช่วยจัดการกับปัญหาต่างๆของสตรี ไม่ว่าจะเป็นภาวะประจำเดือนเปลี่ยนไปจากปกติ สภาวะหมดประจำเดือน ปวดประจำเดือน ตกขาว มีลูกยาก หมดอารมณ์ทางเพศ ช่วยทำนุบำรุงครรภ์ บำรุงนม คุ้มครองปกป้องการแท้ง ฯลฯ สำหรับวิธีการใช้ก็ให้นำรากมาต้มรับประทาน หรือนำรากมาตากแห้งแล้วบดเป็นผงปั้นเป็นลูกกลอนกินกับน้ำผึ้ง ยิ่งไปกว่านี้ยังใช้กระตุ้นนมในวัวนมได้อีกด้วย (ราก)
ใช้เป็นยาบำรุงตับและปอดให้กำเนิดกำลังปกติ แก้ตับและปอดทุพพลภาพ (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้พิษจากแมลงป่องกัดต่อย (ราก)
รากใช้ฝนทาแก้ลักษณะของการปวดฝี ทำให้เย็น ช่วยถอนพิษฝี พิษปวดแสบปวดร้อน (ราก)
ช่วยบรรเทาอาการเคือง (ราก)
รากใช้กินเป็นยาแก้อาการปวดเมื่อย ครั่นตัว (ราก)
ช่วยแก้อาการปวดข้อรวมทั้งคอ (ราก)
ใบมีสรรพคุณช่วยขับน้ำนม ช่วยให้เจริญอาหาร (ใบ)
รากใช้เป็นยาบำรุงเด็กทารกในครรภ์ บำรุงนม บำรุงร่างกายหลังการคลอดบุตรของสตรี (ราก)
ใน “พระตำราสรรพคุณ (แลมหาพิกัด)” ได้เอ่ยถึงสรรพคุณของรากสามสิบไว้ว่า “ผักหวานตัวผู้มีรสหวาน แก้กำเดา แก้จักขุโรค รากสามสิบ 2 มีคุณยิ่งกว่าผักหวาน” กำเดาหรือไข้กำเดา มีอยู่ 2 ประเภท อย่างแรก คือ ตัวร้อน เบื่ออาหาร ปวดหัว และอีกอย่างหนึ่งเป็นมีอาการร้ายแรงมากยิ่งกว่า มีเม็ดผุดขึ้นตามร่างกาย มีลักษณะคัน ไอ มีเสมหะ แล้วก็มีเลือดออกทางปากแล้วก็จมูก (ราก)
ส่วนในหนังสือ “พระคัมภีร์เวชศาสตร์สงเคราะห์” ได้กล่าวถึงตำรับยารักษาคนธาตุหย่อน อันมีตัวยารากสามสิบรวมอยู่ด้วยร่วมกับสมุนไพรประเภทอื่นๆอีกหลายชนิด โดยกล่าวว่ามีคุณประโยชน์ (ที่ค่อนข้างจะเข้าใจยาก) ว่าช่วยกันจำเริญชีวิตให้เกิดกำลัง ให้บำรุงธาตุไฟ ให้จำเริญอินทรีย์แต่ละอย่าง มีกำลังมากไม่เหมือนกัน กินเข้าไปแล้วหาโทษไม่ได้ ใช้ได้เด็ก คนวัยชรา คนมีกำลัง คนผอม คนไม่มีกำลัง คนธาตุหย่อนยาน ให้ประกอบยานี้กันเถอะ อนึ่ง กินแล้วให้เกิดขึ้นลูก ให้อกโคนแค่นแขง 4 มีกำลัง ถึงกระหักก็ดี แพทย์ก็นับถือรักษาด้วยยานี้เถอะ (ราก)
อีกตำรับหนึ่งเป็นยาแก้โรคผ่ายผอม แก้อาการหอบหืด แก้ปิดตะ แล้วก็แก้โรคลมต่างๆจะมีสมุนไพรอยู่ร่วมกัน 20 อย่างรวมถึงรากสามสิบ (ราก)
ใน “พระตำราวรโยคสาร” ตำรับยา “วะระท้องนาทิคณะ” เป็นตำรับยาที่ประกอบไปด้วยรากไม้ 17 อย่าง รวมถึงรากสามสิบ ซึ่งเป็นตำรับยาที่ใช้แก้อันตะวิทราโรค หรือโรคที่มีอาการทิ่มแทงในลำไส้ใหญ่ ใช้เป็นยาแก้มันทาคินี แก้เสมหะ แก้ระอุลุมโรคหายแล และก็ยังมีตำรับยาอีกอย่างก็คือ ตำรับยาแก้เสมหะ ที่มีสมุนไพรรวมอยู่ด้วย 16 อย่าง และรากสามสิบ (ราก)
ตำรับยาบำรุงครรภ์ แก้ไข้ แก้ปวดศีรษะ ประกอบไปด้วยสมุนไพร 13 ชนิด ได้แก่ รากสามสิบ แก่นสน กฤษณา กระลำพัก ขอนดอก ชะลูด อบเชย เปลือกสมุลแว้ง เทียนทั้ง 5 บัวน้ำทั้ง 5 โกฐทั้ง 5 จันทน์ทั้ง 4 และเทวดาทาโร (ใช้อย่างละเท่ากัน) นำทั้งหมดทั้งปวงมาใส่ไว้ด้านในหม้อเคลือบหรือหม้อดิน เพิ่มเติมน้ำลงไปให้ท่วมยาสูงราว 6-7 เซนติเมตร แช่ทิ้งเอาไว้โดยประมาณ 15 นาที แล้วนำขึ้นตั้งด้วยไฟอ่อนๆต้มต้มประมาณ 30 นาที น้ำยาเดือดแล้วก็มีกลิ่นหอมหวนจึงชูลงจากเตา ใช้ดื่มก่อนที่จะกินอาหารยามเช้าและก็เย็น วันละ 2 เวลา เป็นยาบำรุงท้องอย่างดี (ราก)
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีคุณประโยชน์ของรากสามสิบตามเว็บต่างๆนอกเหนือจากที่กล่าวมา สมุนไพรชนิดนี้ยังมีสรรพคุณช่วยสร้างสมดุลให้แก่ระบบฮอร์โมนเพศหญิง แก้วัยทองคำ เพิ่มขนาดอกแล้วก็บั้นท้าย ช่วยขจัดปัญหาช่องคลอดอักเสบ ขจัดกลิ่นในช่องคลอด ช่วยกระชับช่องคลอด ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว ช่วยกระชับรูปทรง ลดไขมันส่วนเกิน บำรุงเลือด บำรุงผิวพรรณ ลดสิว ลดฝ้า ทำให้ผิวขาวใส ช่วยชะลอความแก่ชรา ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก ช่วยเสริมสร้างและก็พัฒนาความจำรวมทั้งเชาวน์ (ไม่มีอ้างอิง)
ขนาดแล้วก็การใช้ : การใช้รากตาม ให้ใช้รากราว 90-100 กรัม นำมาต้มกับน้ำกินวันละครั้งในช่วงเวลาเช้า
ข้อมูลทางเภสัชวิทยาของรากสามสิบ
สารสำคัญที่เจอ เป็นต้นว่า asparagamine, cetanoate, daucostirol, sarsasapogenin, shatavarin, racemosol, rutin
สมุนไพรรากสามสิบมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านเชื้อรา ลดการอักเสบ แก้อาการปวด คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ ปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นมาจากความดันโลหิตสูง ขับน้ำนม มีฤทธิ์เหมือนฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งเบาหวาน ลดระดับไขมันในเลือด กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต่อต้านอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง ยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ยั้งพิษต่อตับ
สารสำคัญที่เจอในรากเป็นสาร steroidal saponins ซึ่งเป็นสารที่ปฏิบัติภารกิจเลียนแบบฮอร์โมนเพศ จึงคงจะมีบทบาทสำหรับเพื่อการรักษาอาการที่เกิดขึ้นในตอนวัยหมดระดูของสตรี รวมถึงการช่วยปกป้องการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงโรคกระดูกพรุน
จากการเรียน
ในหนูแรทโดยใช้สารสกัดจากรากด้วยเอทานอล แบ่งเป็น 2 ช่วงเป็นตอนทันควันแล้วก็ช่วงยาวตลอด โดยการเรียนรู้ในช่วงกะทันหันป้อนสารสกัดเอทานอลจากรากสามสิบในขนาด 1.25 กรัมต่อกิโล ให้กับหนูแรทที่ไม่เป็นเบาหวาน หนูแรทที่เป็นโรคเบาหวานจำพวกที่ 1 และชนิดที่ 2 พบว่าไม่มีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด แม้กระนั้นช่วยทำให้ทนต่อการเพิ่มขึ้นของกลูโคส ในนาทีที่ 30 ดีขึ้น ส่วนการเรียนรู้ตอนยาวสม่ำเสมอวันละ 2 ครั้ง นาน 28 วัน ให้กับหนูที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 พบว่าสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ แล้วก็เพิ่มระดับของอินซูลิน 30%เพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระ เพิ่มระดับอินซูลินในตับอ่อน รวมทั้งเพิ่มไกลวัวเจนที่ตับ เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปเบาหวานควบคุม จึงสรุปได้ว่าฤทธิ์ลดระดับน้ำตาลในเลือดของสารสกัดจาก[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/url]น่าจะเป็นผลมาจากการหยุดยั้งการย่อยและก็การดูดซึมสารคาร์โบไฮเดรต รวมทั้งเพิ่มการหลั่งอินซูลิน ซึ่งคงจะมีสาระสำหรับเพื่อการนำไปใช้รักษาผู้ป่วยเบาหวานได้9
จากการทดสอบทางสถานพยาบาล คือ การใช้รักษาโรคกระเพาะในคนจริงๆโดยการรับประทานผงแห้งของราก พบว่าได้ประสิทธิภาพที่ดีสำหรับการรักษาแผลที่กระเพาะรวมทั้งลำไส้เล็ก จากการที่กรดเกิน
เมื่อปี ค.ศ.1997 ที่ประเทศอินได้ทำการทดลองใช้รากสามสิบกับผู้เจ็บป่วยความดันโลหิตสูงประเภท mild hypertension โดยทดลองเปรียบเทียบกับยาลดความดัน (Propranolol) ใช้ระยะเวลาทำการทดลองนาน 3 เดือน ผลของการทดสอบพบว่า ผู้ป่วยมีความดันโลหิตต่ำลง < 90 mm.Hg. รวมทั้งลดไขมันได้ผลลัพธ์ที่ดี

  • K. Mitra รวมทั้งภาควิชา (ค.ศ.1996) ที่อินเดียได้ทำทดสอบการใช้สารสกัดจากรากสามสิบกับหนูทดลองที่ถูกกระตุ้นด้วย Streptozotocin ผลของการทดสอบพบว่า สารสกัดดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วสามารถกระตุ้นตับอ่อนของหนูให้เพิ่มการหลักhttp://www.disthai.com/

5
อื่น ๆ / ตะไคร้มีประโยชน์มากกว่าที่คิด
« เมื่อ: สิงหาคม 13, 2018, 06:31:27 AM »

ตะไคร้
ตะไคร้ เป็นพืชสมุนไพรท้องถิ่นในประเทศแถบทวีปเอเชียเขตร้อน มีลักษณะเหมือนหญ้าและมีใบสูงยาวส่งกลิ่นเฉพาะตัว เว้นเสียแต่นำมาใช้ทำอาหาร แต่งกลิ่นในอาหาร แล้วก็ทำเครื่องดื่มแล้ว ตะไคร้ยังถูกใช้ประโยชน์ในหลากสาขา ดังเช่นว่า อุตสาหกรรมสบู่ เครื่องสำอาง การบำบัดด้วยกลิ่น หรือการสกัดเป็นยารักษา โดยมีความคิดกันว่าสารเคมีในตะไคร้ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ อาจสามารถช่วยคุ้มครองการเจริญเติบโตของแบคทีเรียกับยีสต์ได้ ช่วยลดลักษณะของการปวดเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ ทุเลาอาการปวดและก็ลดไข้ ช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในระหว่างมีระดู แล้วก็เป็นส่วนผสมในสารที่ช่วยไล่ยุงได้ เป็นต้น
ตะไคร้ ชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cymbopogon citratus จัดเป็นพืชล้มลุกประเภทหนึ่ง มีลักษณะเป็นกอ มักนิยมปลูกไว้ตามบ้านแล้วก็นำมาประกอบอาหาร เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์แล้วก็ช่วยทุเลาลักษณะของโรคบางจำพวกได้ แต่ว่าหารู้ไหมว่าจริงๆแล้ว ภายใต้ต้นแข็งๆและใบที่คมของตะไคร้ยังซ่อนคุณประโยชน์เอาไว้มากไม่น้อยเลยทีเดียวจนกระทั่งคิดไม่ถึง วันนี้เราไปดูคุณประโยชน์ที่ได้รับมาจากตะไคร้ที่ทราบดีแล้วจำเป็นต้องตลึงที่นำมาจากเว็บ allwomenstalk กันเลยดีกว่าค่ะ ผู้ใดกันแน่ที่ชอบกลิ่นหอมๆของมัน ต้องยิ่งรักเจ้าสมุนไพรประเภทนี้มากขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิมแน่ๆ
คุณประโยชน์ของตะไคร้ ประโยชน์ดีๆของสมุนไพรใกล้ตัว
อุดมไปด้วยวิตามิน
          อย่าคิดว่าตะไคร้มีคุณประโยชน์เพียงแค่ใช้ประกอบอาหารแค่นั้น เพราะเหตุว่าอันที่จริงแล้วตะไคร้นั้นอุดมไปด้วยวิตามินและก็แร่ธาตุเยอะแยะ วิตามินเอ วิตามินซี และก็วิตามินบี นอกจากนั้นยังมีโฟเลต แมกนีเซียม สังกะสี ทองแดง ธาตุเหล็ก โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แมงกานีส โอ้โห้... วิตามินเยอะขนาดนี้คราวหน้าพบตะไคร้ในของกินก็อย่าเขี่ยทิ้งนะ
ช่วยไล่แมลง
          นอกจากจะนำมาทำครัวแล้ว ตะไคร้ยังมีคุณประโยชน์สำหรับในการไล่แมลงอีกด้วย เพราะในตะไคร้มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ทั้งยังในใบแล้วก็ในลำต้น ซึ่งน้ำมันหอมระเหยกลุ่มนี้มีคุณลักษณะสำหรับในการไล่แมลงได้อย่างยอดเยี่ยม ก็เลยไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นผลิตภัณฑ์สบู่ สินค้าไล่แมลงที่มีส่วนผสมของตะไคร้วางขายอยู่ในตลาดจำนวนมาก คนใดกันที่ชอบกลิ่นตะไคร้ละก็ลองหามาใช้ได้นะคะ

ล้างพิษ
          สำหรับคนที่รักสุขภาพรวมทั้งชอบล้างพิษภายในร่างกายบ่อยๆไม่ควรพลาดเจ้าตะไคร้เลยจ้ะ ด้วยเหตุว่ามันมีคุณสมบัติสำหรับการล้างพิษภายในร่างกายด้วยกระบวนการทำให้คุณฉี่บ่อยขึ้น เพราะเหตุว่าสารเคมีที่อยู่ในตะไคร้จะช่วยทำความสะอาดระบบที่ทำการย่อยอาหาร อาทิเช่น ตับ ตับอ่อน ไต รวมทั้งกระเพาะปัสสาวะ ขับพิษรวมทั้งกรดยูริกออกจากร่างกาย ทำให้ระบบที่ทำการย่อยอาหารของคุณสะอาดขึ้น รวมทั้งดำเนินการได้อย่างมีคุณภาพมากเพิ่มขึ้นจ้ะ
ตะไคร้ กับ 7 คุณค่า
ช่วยในการย่อยอาหาร
          ตะไคร้ ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารดำเนินการได้ดีขึ้นจ้ะ เนื่องจากมีการเรียนรู้หนึ่งพบว่าการดื่มชาตะไคร้จะช่วยสำหรับการย่อย ลดอาการปวดท้อง แก้หวัด ลดอาการตะคริวในลำไส้ และก็ท้องเดินได้ ยิ่งกว่านั้นยังช่วยคุ้มครองรวมทั้งลดก๊าซในลำไส้ได้อีกด้วย
ช่วยปรับปรุงแก้ไขซ่อนแซมและก็บำรุงระบบประสาท
          มีการเรียนจำนวนมากพบว่าตะไคร้สามารถช่วยซ่อมและเสริมความแข็งแรงให้กับระบบประสาทได้ พิสูจน์ได้ไม่ยากด้วยการนำน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มาหยดลงบนผิว คุณจะรู้สึกได้ว่ามันอุ่นๆซึ่งมันจะก่อให้กล้ามของคุณบรรเทามากและลดอาการตะคิวได้ แต่ว่าก็อย่าลืมว่าทุกครั้งที่จะใช้น้ำมันหอมระเหยตะไคร้คุณควรจะที่จะผสมมันกับน้ำมันตัวพา (Carrier oil) และก็ห้ามใช้น้ำมันหอมระเหยโดยตรงกับผิวเด็ดขาดค่ะ
ตะไคร้
ช่วยรักษาอาการอักเสบ
          ตะไคร้สามารถช่วยให้คุณรู้สึกผ่อนคลายและก็ทุเลาอาการปวดต่างๆได้ ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลดอาการอักเสบซึ่งเป็นสาเหตุของลักษณะของการปวดต่างๆดังเช่น ปวดฟัน ปวดกล้ามเนื้อ หรือการปวดตามข้อได้อีกด้วย โดยเหตุนั้นถ้าหากว่าคุณรู้สึกปวดตามส่วนต่างๆของร่างกาย ลองหาน้ำมันที่ผสมน้ำมันหอมระเหยตะไคร้มานวดมองนะคะรับรองว่าหายแน่ๆ
ช่วยทำนุบำรุงผิว
          ตะไคร้เป็นสมุนไพรที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ด้วยเหตุนี้มันก็เลยสามารถช่วยบำรุงผิวของคุณได้ ทำให้ผิวของคุณส่องแสงความมีสุขภาพแข็งแรงออกมา แถมยังช่วยทำให้ผิวของคุณมองอ่อนวัยอยู่เป็นประจำ และก็ช่วยลดสิวต่างๆได้อีกด้วย
โทษของตะไคร้
พิษของน้ำมันตะไคร้ ปริมาณน้ำมันตะไคร้ ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งเดียวของจำนวนหนูขาวทั้งสิ้น ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มิลลิกรัม/โล แล้วก็การให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่กึ่งหนึ่ง พบว่า มีจำนวนความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว พิษเฉียบพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไคุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้
การเรียนของตะไคร้ขนาด 100 กรัม พบว่าให้พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่ มีสารอาหารสำคัญมี โปรตีน 1.2 กรัม ไขมัน 2.1 กรัม คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม เส้นใย 4.2 กรัม แคลเซียม 35 มก. ฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม เหล็ก 2.6 มิลลิกรัม วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม ไทอามีน 0.05 มก. ไรโบฟลาวิน 0.02 มก. ไนอาซิน 2.2 มิลลิกรัม วิตามินซี 1 มิลลิกรัม แล้วก็ เถ้า 1.4 กรัมม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด http://www.disthai.com/

Tags : ประโยชน์ตะไคร้

6

ทับทิม
ทับทิม เป็นผลไม้ที่นิยมกินอย่างแพร่หลาย โดยใช้ประโยชน์จากส่วนที่เป็นผลสดสูงที่สุดและยังนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆอย่างเช่น น้ำทับทิม สารสกัดจากทับทิม ผลิตภัณฑ์ด้านความสวย อีกทั้งยังใช้ทำเป็นยารักษาโรคตามสูตรยาโบราณในหลายประเทศ
ทัมทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระและสารพฤกษเคมีหลายแบบที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพร่างกาย ก็เลยมั่นใจว่าอาจเป็นประโยชน์ในการคุ้มครองปกป้องโรคหรือทุเลาอาการ ยกตัวอย่างเช่น โรคปอดอุดกันเรื้อรังหรือทุเลาอาการหายใจลำบากจากโรคนี้ โรคหัวใจและหลอดเลือด คอเลสเตอรอลสูง โรคในระบบทางเดินอาหาร โรคความดันโลหิตสูง โรคในช่องปากและก็โรคเหงือก โรคริดสีดวงทวาร โรคผิวหนัง แล้วก็อื่นๆ
ในขณะนี้ยังมีงานศึกษาทำการค้นคว้าและวิจัยที่เรียนรู้การใช้ทับทิมในแบบแตกต่างกันกับการดูแลรักษาโรคที่ออกจะจำกัด ทำให้ยังไม่สามารถระบุประสิทธิภาพของทับทิมต่อการดูแลและรักษาโรคได้ชัดเจน ซึ่งแบบอย่างการเรียนเรื่องทับทิมกับโรคต่างๆมีดังนี้
โรคเส้นโลหิตแดงแข็ง ทับทิมเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายตัว ได้แก่ สารเอลลาจิแทนนิน (Ellagitannin) สารแทนนิน (Tannin) สารแอนโทไซยานิน (Anthocyanins) สารโพลิฟีนอล (Polyphenol) ที่มั่นใจว่าช่วยยับยั้งปฏิกิริยาต้านอนุมูลอิสระของไขมันไม่ดี ลดการสร้างโฟมเซลล์ แล้วก็ลดการแข็งตัวของเส้นโลหิต จึงบางทีอาจช่วยลดความเสี่ยงสำหรับการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
จากการเรียนรู้ฤทธิ์การต้านทานสารอนุมูลอิสระของทับทิมในคนที่มีน้ำหนักเกินปริมาณ 22 คน จากการรับประทานอาหารเสริมที่มีสารสกัดทับทิม วันละ 1,000 มก. (มีกรดเอ็งลลิค 610 มก.) แล้วก็ประเมินผลจากค่า TBARS ในเลือด (Thiobarbituric Acid Reactive Substances: TBARS) ซึ่งเป็นค่าการตรวจวัดฤทธิ์สำหรับในการต้านทานสารอนุมูลอิสระ เพื่อเปรียบเทียบกับผลก่อนที่จะมีการทดลอง พบว่าค่าดังที่กล่าวมาแล้วลดลง จึงคาดว่าการรับประทานทับทิมอาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคหัวใจแล้วก็หลอดเลือด
นอกนั้น ยังมีการค้นคว้าอีกชิ้นให้ผู้เจ็บป่วยโรคหลอดเลือดแดงแข็งจำนวน 15 คน รับประทานอาหารเสริมจากทับทิมเป็นระยะเวลามากกว่า 1 ปีขึ้นไปรวมทั้ง 3 ปีขึ้นไป เปรียบเทียบกับกลุ่มที่มิได้รับประทานอาหารเสริม ผลปรากฏว่า กรุ๊ปที่รับประทานอาหาร 3 ปีขึ้นไป มีระดับไขมันที่ต่ำลงโดยประมาณ 16% เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปอื่น จึงทำให้เห็นว่าการกินสารสกัดจากทัมทิมมากกว่า 3 ปี อาจมีส่วนช่วยในการลดการเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง ดังนี้ ยังคงควรมีการเล่าเรียนเสริมเติมในระยะยาวกับกรุ๊ปการทดสอบขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้น ทำให้ยังไม่สามารถที่จะสรุปผลของทับทิมรวมทั้งการรักษาโรคเส้นเลือดแดงแข็งได้อย่างเห็นได้ชัด
โรคเหงือกอักเสบ ทับทิมเป็นผลไม้อีกชนิดที่มีคุณลักษณะช่วยต่อต้านเชื้อแบคทีเรีย จึงถูกประยุกต์ใช้เป็นตัวเลือกในการรักษาโรคเหงือก เพราะว่าการดูแลรักษาหลักบางแนวทางที่ยังไม่มีสมรรถนะพอเพียงสำหรับเพื่อการทุเลาอาการจากโรคมากมายซักเท่าไหร่และก็ลดการเสี่ยงด้านของสุขภาพจากการดูแลรักษาโรคนี้โดยใช้สารเคมี
จากการทดลองทางสถานพยาบาลกับผู้เจ็บป่วยโรคเหงือกอักเสบเรื้อรัง จำนวน 40 คน เพื่อดูคุณภาพของเจลสารสกัดจากทับทิมเป็นระยะเวลา 224 ชั่วโมง โดยในแต่ละกรุ๊ปจะใช้แนวทางรักษาที่แตกต่าง ผลพบว่า กรุ๊ปที่ใช้เจลสารสกัดจากทับทิมพร้อมกันกับการรักษาโรคเหงือกอักเสบโดยกรรมวิธีขูดหินน้ำลาย เกลารากฟัน (Mechanical Debridement) มีลักษณะอาการดีขึ้นข้างใน 7 วันแรก เมื่อเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่เหลือในการทดสอบ ซึ่งเจลสารสกัดจากทับทิมจึงบางทีอาจนำไปดัดแปลงเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลโพรงปากสำหรับคนเจ็บโรคเหงือกอักเสบควบคู่กับการรักษาด้วยวิธีรักษาที่เป็นมาตรฐานในอนาคต
สอดคล้องกับการทดลองอีกชิ้นที่เรียนรู้ความสามารถของน้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมเปรียบเทียบกับกรุ๊ปที่ใช้ยาหลอกต้นแบบเจลในการรักษาคนที่เป็นโรคเหงือกอักเสบปริมาณ 32 คน พบว่าการใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม วันละ 3 ครั้ง ตรงเวลา 4 สัปดาห์ มีสุขภาพโพรงปากแล้วก็ปัญหาโรคเหงือกอักเสบลดลงมากยิ่งกว่ากรุ๊ปที่ใช้ยาหลอก การค้นคว้านี้ทำให้เห็นว่าสารสกัดจากทับทิมบางทีอาจเอาไปใช้เป็นส่วนประกอบในสินค้าเพื่อบำรุงโพรงปาก ดังเช่น ยาสีฟัน น้ำยาบ้วนปาก เพื่อช่วยป้องกันและก็ทุเลาลักษณะโรคเหงือกอักเสบ
คุ้มครองการเกิดคราบจุลอินทรีย์ สารสกัดจากทับทิมมีคุณภาพในการลดคราบเปื้อนจุลชีวันตามผิวฟัน และบางทีอาจทำให้เกิดโรคทางช่องปากอีกหลายชนิด ซึ่งจากการทดลองให้อาสาสมัครที่มีสุขอนามัยในโพรงปากดี จำนวน 30 คน หยุดใช้น้ำยาบ้วนปากที่เคยใช้ปกติ แม้กระนั้นสลับมาใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน (Chlorhexidine) แล้วก็ยาหลอกในแต่ละกลุ่ม โดยใช้บ้วนปาก วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 5 วัน ผลพบว่าอาสาสมัครที่ใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีสารสกัดจากทับทิมมีอัตราการเกิดคราบเปื้อนจุลชีพต่ำลงอย่างเป็นจริงเป็นจังมากยิ่งกว่ายาหลอก แม้กระนั้นมีคุณภาพไม่ได้มีความแตกต่างจากน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน ก็เลยพอจะบอกได้ว่าสารสกัดจากทับทิมอาจลดโอกาสสำหรับการกำเนิดคราบเปื้อนจุลอินทรีย์ข้างในโพรงปาก
เวลาเดียวกัน การศึกษาอีกชิ้นก็ชี้ว่าสารสกัดทับทิมน่าจะมีส่วนช่วยในการลดการเกิดคราบเปื้อนจุลชีพ ซึ่งสำหรับการทดสอบได้เก็บคราบจุลอินทรีย์จากช่องปากของอาสาสมัครที่มีสุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงรวมทั้งกำลังจัดฟัน อายุ 9-25 ปี ปริมาณ 60 คน หลังงดแปรงฟันเป็นระยะเวลา 1 วัน เพื่อเทียบผลก่อนรวมทั้งหลังการใช้น้ำยาบ้วนปากประเภทต่างกันในแต่ละกรุ๊ป เช่น น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิม น้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน และยาหลอก ปรากฏพบว่า น้ำยาบ้วนปากจากสารสกัดทับทิมมีคุณภาพสำหรับการลดคราบจุลินทรีย์ลงมากที่สุดราว 84% รองลงมาเป็นน้ำยาบ้วนปากคลอเฮกซิดีน 79% รวมทั้งยาหลอกที่ลดลงเพียงแต่ 11% จึงอาจจะกล่าวว่าสารสกัดจากทับทิมมีฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรียรวมทั้งเป็นตัวเลือกสำหรับเพื่อการใช้ขจัดคราบจุลชีพบนผิวฟัน ดังนี้ จากข้อมูลข้างต้นยังคงควรจะมีการติดตามผลในระยะยาวจากการใช้สารสกัดทับทิมอย่างสม่ำเสมอ เหตุเพราะระยะเวลาในการทดสอบออกจะสั้น
สภาวะคอเลสเตอรอลสูง ทับทิมมีสรรพคุณที่กล่าวกันว่าสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้อย่างดีเยี่ยม จากการศึกษาเล่าเรียนผลของการกินน้ำทับทิมเข้มข้น 40 กรัม ในผู้เจ็บป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 แล้วก็มีสภาวะไขมันในเลือดสูงปริมาณ 22 คน เป็นระยะเวลา 8 อาทิตย์โดยระหว่างการทดลองจะมีการเก็บข้อมูลอาหารที่กินอาหารภายใน 1 วัน ทุกๆ10 วัน (รวมทั้งอาหารที่มีสารฟลาโวนอยด์) ข้างหลังจบสัปดาห์ที่ 8 พบว่าคนเจ็บหรูหราไขมันรวม ไขมันประเภทไม่ดี อัตราส่วนของไขมันไม่ดีกับไขมันดี และก็อัตราส่วนของไขมันรวมกับไขมันดีที่มีสะสมอยู่ในเลือดน้อยลง แต่ไม่เจอการเปลี่ยนแปลงของระดับไตรกลีเซอไรด์รวมทั้งระดับความเข้มข้นของไขมันดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำทับทิมอาจมีส่วนช่วยลดการเสี่ยงของโรคหัวใจโดยลดระดับไขมันในผู้ป่วยโรคเบาหวานลง แม้กระนั้นยังบอกไม่ได้แจ้งชัด เหตุเพราะของกินชนิดอื่นที่รับประทานอาจมีส่วนช่วยในการลดไขมันในเลือดได้เช่นเดียวกัน แล้วก็กลุ่มการทดสอบมีขนาดเล็ก จึงควรขยายผลการศึกษาเล่าเรียนในกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นเสริมเติม นอกเหนือจากนั้น การดูแลและรักษาสภาวะคอเลสเตอรอลสูงจะต้องมีการควบคุมอาหารและการบริหารร่างกายไปพร้อม ซึ่งบางทีอาจเป็นประโยชน์ต่อการลดระดับไขมันในเลือดเยอะขึ้นเรื่อยๆ
โรคปอดอุดกันเรื้อรัง ทับทิมอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระหลายแบบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสารโพลีฟีนอลที่มักพบในทับทิม จากรายงานผลที่พบในห้องทดลองระบุว่าสารกลุ่มนี้มีส่วนสำคัญสำหรับในการบรรเทาลักษณะโรคปอดอุดกันเรื้อรังและก็อาจชะลอไม่ให้โรคปรับปรุงอย่างเร็ว ก็เลยมีการศึกษาเล่าเรียนความสามารถของสารโพลีฟีนอลในคนเสริมเติม โดยให้ผู้ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ปริมาณ 30 คน แบ่งเป็นกลุ่มที่กินน้ำทับทิม 400 มิลลิลิตร (มีสารโพลิฟีนอล 2.66 กรัม) เปรียบเทียบกับอีกกรุ๊ปที่รับประทานยาหลอกติดต่อกันทุกวันเป็นระยะ 5 อาทิตย์ ผลปรากฏว่า ไม่พบสารโพลิฟีนอลทั้งยังในเลือดแล้วก็ปัสสาวะของผู้ป่วย ทั้งยังยังไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญระหว่าง 2 กลุ่ม จึงคาดว่าทับทิมไม่น่ามีส่วนช่วยสำหรับการรักษาหรือทุเลาโรคปอดอุดกันเรื้อรัง
โดยปกติสารอาหารที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกเผาผลาญผ่านกระบวนเมตาบอลิซึมและตรวจพบได้ในเลือดหรือปัสสาวะ แต่ว่าผลการค้นคว้ากลับไม่พบสารโพลีฟีนอลจากการกิน ซึ่งบางทีอาจมีต้นเหตุจากการเสื่อมสลายสารพวกนี้โดยจุลินทรีย์ในระบบที่ทำหน้าที่ในการย่อยอาหาร จึงควรทำความเข้าใจขั้นตอนการซับสารอาหารที่แตกต่างก่อนที่จะกล่าวอ้างถึงคุณประโยชน์ด้านที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพจากการรับประทาน ด้วยเหตุว่าสารอาหารที่เจอในอาหารที่กินบางทีอาจไม่ได้ถูกเอาไปใช้ประโยชน์ภายในร่างกายมนุษย์เราทั้งผอง
โรคและอาการอื่นๆดังเช่น โรคเส้นโลหิตหัวใจ การหย่อนสมรรถนะทางเพศ เจ็บกล้ามหลังการบริหารร่างกาย กลุ่มอาการอ้วนอ้วน โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก เยื่อบุช่องปากอักเสบ ผิวไหม้จากแสงอาทิตย์ การติดเชื้อทริวัวโมแนส (Trichomoniasis) ท้องร่วง โรคบิด เจ็บคอ โรคริดสีดวงทวาร อาการวัยทอง รวมทั้งอื่นๆยังควรต้องทำการศึกษาเรียนรู้ศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมเพื่อหาหลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะและก็ความปลอดภัยของทับทิมในการรักษาโรค

ข้อมูลทางโภชนศาสตร์ของผลทับทิม 100 กรัม (คร่าวๆ)
น้ำ 77.93 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี่
โปรตีน 1.67 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 18.70 กรัม
เส้นใย 4.0 กรัม
น้ำตาล 13.67 กรัม
แคลเซียม 10 มก.
เหล็ก 0.30 มก.
แมงกานีส 12 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 36 มก.
โพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม
โซเดียม 3 มิลลิกรัม
สังกะสี 0.35 มิลลิกรัม
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม
วิตามินบี 1 0.067 มก.
วิตามินบี 2 0.053 มก.
วิตามินบี 3 0.293 มก.
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม
โฟเลต 38 ไมโครกรัม
วิตามินอี 0.60 มก.
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม
ความปลอดภัยสำหรับในการรับประทานทับทิมหรือผลิตภัณฑ์จากทับทิม
โดยปกติการรับประทานน้ำทับทิมค่อนข้างมีความปลอดภัย แต่ว่าในบางรายที่มีอาการแพ้ผลสดของทับทิมอาจเป็นผลใกล้กันจากการกินน้ำทับทิมได้
รากทับทิมมีสารที่เป็นพิษต่อสุขภาพ การกินรากและก็ลำต้นของทับทิมในจำนวนมากบางทีอาจไม่ปลอดภัย
สารสกัดจากทับทิมออกจะไม่เป็นอันตรายสำหรับเพื่อการกินหรือประยุกต์ใช้กับผิวหนัง แต่อาจจะทำให้เกิดอาการแพ้นิดหน่อยในบางราย ดังเช่นว่า อาการคัน บวม น้ำมูกไหล หรือหายใจติดขัด
การกินน้ำทับทิมออกจะมีความปลอดภัยสำหรับหญิงท้องหรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร แม้กระนั้นยังไม่มีรายงานรับรองความปลอดภัยสำหรับการรับประทานหรือใช้ทับทิมในรูปแบบอื่น อาทิเช่น สารสกัดจากทับทิม จำเป็นจะต้องปรึกษาหมอก่อนจะมีการรับประทานทุกครั้ง
น้ำทับทิมอาจส่งผลให้ความดันเลือดลดลดน้อยลงนิดหน่อย ซึ่งอาจจะเป็นผลให้คนป่วยที่มีภาวะความดันต่ำอาการกำเริบ
คนที่มีลักษณะอาการแพ้จากพิษพืชอาจมีการเสี่ยงที่จะเกิดอาการแพ้จากการกินทับทิม
คนป่วยที่ต้องเข้ารับการผ่าตัดควรจะหยุดกินทับทิมอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เหตุเพราะทับทิมทำให้ความดันเลือดต่ำลง จึงบางทีอาจกระทบต่อความดันโลหิตในขณะผ่าตัดหรือส่งผลต่อเนื่องไปยังข้างหลังการผ่าตัด
การกินทับทิมควบคู่กับยาบางประเภทอาจส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ดังเช่นว่า ยาที่เกี่ยวเนื่องกับหลักการทำงานของตับโดยเอนไซม์ตับ Cytochrome ประเภท P450 2D6 หรือจำพวก P450 3A4 ยาลดความดันเลือดหรือเอซีอี อินฮิบิเตอร์ ยารักษาโรคความดันเลือดสูง ยาโรสุวาสแตติเตียนน คนที่รับประทานยาเสมอๆหรือมีโรคประจำตัวควรจะขอคำแนะนำหมอก่อนการรับประทานเพื่อให้เกิดความปลอดภัย

Tags : สมุนไพรทับทิม

7

บุก
บุก มีคุณประโยชน์ ช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต รักษาโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสลด แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีเมนส์มาเปลี่ยนไปจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟลุกและก็น้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้ฟกช้ำดำเขียว ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับประจำเดือนของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี
บุก มีชื่อสามัญว่า Konjac อ่านออกเสียงว่า คอน-จัค มีชื่อด้านวิทยาศาสตร์ว่า Amorphophallus konjac K.Koch ชื่อเรียกอื่นๆของบุก ดังเช่น บุกระอุงคก เบีย เบือ มันซูรัน หัวบุก บุกคางคก บุกหนาม บุกหลวง หมอ ยวี จวี๋ ยั่ว หมอยื่อ ฯลฯ
ลักษณะทางวิชาพฤกษศาสตร์ของต้นบุก
ต้นบุก นับว่าเป็น พืชล้มลุกชนิกหนึ่ง เป็นไม้เนื้ออ่อน ลักษณะของลำต้นเจ้าเนื้อแล้วก็มีสีเขียวเข้ม ใบบุกเป็นใบเดี่ยว ซึ่งใบของบุกจะแตกใบที่ยอดแล้วก็ใบแผ่ขึ้นเสมือนร่มกาง ดอกของบุกจะมีสีเหลือง จะบานในตอนเวลาเย็น มีกลิ่นฉุน ลักษณะราวกับดอกหน้าวัว
ลำต้นแทงขึ้นมาจากหัวใต้ดิน มีความสูงของต้นราวๆ 50-150 ซม. หัวที่อยู่ใต้ดินนั้นมีขนาดใหญ่ ลักษณะของหัวเป็นรูปค่อนข้างจะกลมแบนน้อย หรือกลมแป้น มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางราว 25 เซนติเมตร ผิวเป็นสีน้ำตาลเข้มหรือสีดำ ลำต้นและกิ่งก้านมีลักษณะกลมใหญ่ เปลือกลำต้นเป็นสีเขียวมีลายแต้มสีขาวปะปนอยู่
ใบบุก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก มีใบย่อยเรียงสลับ ลักษณะของใบเป็นรูปไข่กลมรี ปลายใบแหลม ส่วนขอบใบเรียบ ใบมีปริมาณยาวโดยประมาณ 15-20 ซม.
ดอกบุก มีดอกเป็นดอกเดี่ยว ลักษณะของดอกเป็นทรงทรงกระบอกกลมแบน มีกลิ่นเหม็น สีม่วงแดงอมเขียว มีกาบใบยาวโดยประมาณ 30 เซนติเมตร สีม่วงอมเหลือง โผล่ขึ้นพ้นจากกลีบเลี้ยงที่มีสีม่วง
ผลบุก ลักษณะของผลเป็นรูปกลมแบน เมื่อสุกจะเป็นสีส้ม
คุณประโยชน์ของบุก
สำหรับสรรพคุณของบุก เรานิยมใช่ประโยน์ทางยาของบุก จาก หัว รากและเนื้อของลำต้น รายละเอียด ดังนี้
หัวบุก มีสรรพคุณช่วยลดระดับน้ำตาลในเส้นโลหิต รักษาโรคโรคเบาหวาน เป็นยาแก้ไข้จับสั่น ช่วยแก้ไอ ละลายเสมหะ แก้โรคท้องมาน ใช้สำหรับสตรีระดูมาเปลี่ยนไปจากปรกติ ใช้แก้พิษงู ใช้เป็นยาแก้แผลไฟเผาและน้ำร้อนลวก แก้ฝีหนองบวมอักเสบ  ใช้เป็นยาแก้ปวด แก้ฟกช้ำดำเขียว
รากของบุก ช่วยแก้ริดสีดวงทวาร ช่วยขับระดูของสตรี ใช้เป็นยาพอกฝี

ข้อควรระวังสำหรับการบริโภคบุก
สำหรับข้อกำหนดในการรับประทานบุก คือ หัวบุกจะมีรสเผ็ด เป็นยาร้อน มีพิษ ออกฤทธิ์ต่อม้าม ตับ รวมทั้งระบบทางเดินอาหาร ด้วยเหตุดังกล่าว ในกลุ่มคนที่ ม้าม ตับ และก็ระบบทางเดินอาหาร ไม่ดี ควรจะหลบหลีกกิน และไม่รับประทานมากเกินความจำเป็น ซึงข้อควรคำนึงสำหรับการบริโภคบุก มีเนื้อหาดังนี้
ในเนื้อหัวบุกป่าจะมีผลึกของแคลเซียมออกซาเลท (Calcium oxalate) เยอะๆ ที่นำมาซึ่งการก่อให้เกิดอาการคัน ส่วนเหง้ารวมทั้งก้านใบหากปรุงไม่ดีแล้วรับประทานเข้าไปจะทำให้ลิ้นพองแล้วก็คันปากได้
ก่อนเอามารับประทานจะต้องกำจัดพิษออกก่อน และไม่รับประทานกากยาหรือยาสด
กรรมวิธีการกำจัดพิษจากหัวบุก ให้นำหัวบุกมาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆตำพอเพียงแหลก คั้นเอาน้ำออกพักไว้ นำกากที่ได้ไปต้มน้ำ แล้วคั้นเอาแต่น้ำ นำไปผสมกับน้ำที่คั้นทีแรก แล้วหลังจากนั้นก็ค่อยนำไปต้มกับน้ำปูนใสเพื่อให้พิษหมดไป เมื่อเดือดก็พักไว้ให้เย็น จะจับกุมตัวกันเป็นก้อน จึงสามารถใช้ก้อนดังที่ได้กล่าวผ่านมาแล้วสำหรับการทำอาหารหรือนำไปตากแห้งเพื่อใช้เป็นยาได้ถ้าอาการเป็นพิษจากการรับประทานบุก ให้กินน้ำส้มสายชูหรือชาแก่ แล้วและก็ตามด้วยไข่ขาวสด แล้วให้รีบไปพบแพทย์
ด้วยเหตุว่าวุ้นบุกสามารถขยายตัวได้มาก ก็เลยไม่สมควรบริโภควุ้นบกวันหลังการรับประทาน แต่ว่าให้กินก่อนที่จะกินอาหารไม่น้อยกว่าครึ่งชั่วโมงถึงหนึ่งชั่วโมง ส่วนการบริโภคของกินที่ผลิตจากวุ้น ตัวอย่างเช่น วุ้นก้อนและก็เส้นวุ้น สามารถบริโภคพร้อมอาหารหรือหลังอาหารได้ เพราะวุ้นดังที่กล่าวมาแล้วได้ผ่านวิธีการและก็ได้ขยายตัวมาก่อนแล้ว แล้วก็การการที่จะขยายตัวหรือพองตัวได้อีกนั้นก็เลยเป็นไปได้ยาก ส่วนในเรื่องของค่าทางโภชนาการนั้นพบว่าวุ้นบุกไม่ให้พลังงานแก่ร่างกาย เนื่องจากว่าไม่มีการเสื่อมสลายเป็นน้ำตาลภายในร่างกาย และไม่มีวิตามินแล้วก็แร่ธาตุ หรือสารอาหารใดๆที่เป็นประโยชน์ต่อสภาพทางด้านร่างกายเลยกลูวัวแมนแนนส่งผลทำให้การดูดซึมของวิตามินที่ละลายในไขมันลดลง ซึ่งจะไม่ไม่ดีต่อสุขภาพโดยรวมได้ แต่ว่าจะไม่เป็นผลต่อการดูดซึมของวิตามินที่ละลายในน้ำ
การกินผงวุ้นบุกในจำนวนมาก อาจจะส่งผลให้มีอาการท้องเสียหรืออาการท้องอืด มีอาการอยากกินน้ำมากกว่าเดิม บางคนอาจมีอาการหมดแรงเนื่องจากว่าระดับน้ำตาลในเลือดลดน้อยลงได้http://www.disthai.com/

8

ขิง
ข้อดีของสรรพคุณขิง
25 คุณประโยชน์ดีๆของ’’คุณประโยชน์สำหรับเพื่อการรักษาโรค
1.ขิงสดช่วยลดความเจ็บตามข้อ ลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
2.ขิงมีคุณประโยชน์ช่วยสมานแผล ฆ่าเชื้อโรคในแผลได้
3.ขิงช่วยทำให้สบายท้อง ขับลม แก้ท้องผูก
4.ขิงเป็นสมุนไพรที่ช่วยฆ่าเชื้อโรคแบคทีเรียในร่างกาย ช่วยขับเสลด ทำให้หายใจสบาย
5.ขิงช่วยแก้อาการวิงเวียน หน้ามืด อ้วก เมารถ เมาเรือ
6.ขิงช่วยสลายไขมัน และก็เป็นยาระบายอ่อนๆก็เลยแป็นต้นเหตุที่ทำให้ขิงช่วยลดหุ่น ลดไขมัน ลดคอเลสเตอรอลได้
7.ขิงช่วยทำนุบำรุงหัวใจ เหมาะสมกับคนไข้โรคหัวใจ
8.ขิงช่วยแก้โรคลมพิษ แก้แพ้เกสรดอกไม้ แล้วก็อาหารทะเลได้
9.ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากเนื้อขิงสดๆทำมาทาแก้ผื่นคัน แก้แมลงกัดต่อยได้
10.ขิงช่วยทำนุบำรุงสายตา ป้องกันโรคตาแดง อาการน้ำในตามาก ตาฝ้าฟาง
11.ขิงเป็นสมุนไพรดับกลิ่น ช่วยลดกลิ่นตัว
12.ขิงมีคุณประโยชน์แก้ฟันเหลือง ฟันพุ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนจะกว่าจะเข้ากัน นำมาอม กลัวปากเป็นประจำ แล้วลองสังเกตว่าลักษณะของการปวดจะเบาๆต่ำลง
13.มีคุณประโยชน์ลดกลิ่นปากได้ โดยนำขิงสดมาตำให้แหลก คั้นเอาน้ำผสมกับเกลือ น้ำอุ่น คนให้เข้ากัน นำมาอม กลั้วปากเป็นประจำ ช่วย จัดแจงกับแบคทีเรียในปาก ลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างยอดเยี่ยม
14.ขิงช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนได้ โดยให้ดื่มน้ำขิงเป็นประจำ แล้วลองสังเกตว่าอาการปวดจะเบาๆน้อยลง
15.ขิงทุเลาโรคประสาทอาการของโรคประสาท การกินน้ำขิงจะช่วยลดความมัวมันของหัวใจ
16.ขิงช่วยการไหลเวียนของนมแม่ให้ ควรจะเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรสำหรับเพศหญิงให้นมลูกเป็นอย่างดี
17.ขิงช่วยบรรเทาผู้ติดสิ่งเสพติดได้ โดยคุณประโยชน์ของขิงมีส่วนช่วยลดความอยากเสพสิ่งเสพติด
18.คุณประโยชน์ซึ่งมาจากขิงช่วยต้านทานโรคมะเร็ง จากการวิจัยพบว่าสาระสำคัญในขิงช่วยต่อต้านการเติบโตของเซลล์ของโรคมะเร็งได้อย่างดีเยี่ยม
19.ขิงช่วยควมคุมความดันเลือดได้ สำหรับผู้ที่มีปัญหาความดันสูง รวมทั้ง ความดันต่อ ควรฝานขิงสดมาต้มกับน้า ดื่มบ่อยๆ จะช่วยควบคุมความดันให้เป็นปกติ
20.สรรพคุณของขิงช่วยผ่อมคลาย ช่วยทำให้นอนสบาย จึงเหมาะเป็นอาหารสำหรับคนที่มีปัญหานอนไม่หลับ
21.ขิงช่วยทำนุบำรุงผิวพรรณ โดยช่วยให้ผิวเรียบเนียนยิ่งขึ้น กำจัดเซลลูไลท์
22.ใบเหลวดอกของขิงช่วยแก้อาการขัดฉี่ คุ้มครองปกป้องโรคนิ่วได้
23.ขิงช่วยรักษาอาการมือ เท้าเย็นได้ เนื่องมาจากขิงมีฤทธิ์ร้อน ก็เลยช่วยปรับสมดุลในร่างกายได้
24.เหง้าขิงช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพราะอาหารได้
25.ขิงช่วยแก้อึกได้โดยตำขิงสดให้แหลกคั้นเอาน้ำแล้วผสมกับน้ำผึ้ง น้ำอุ่น คนจนเข้ากันดื่มแก้สะอึกได้
การประยุกต์ใช้ทางคลินิก
1.บรรรเทาอาการเจียนรุนแรงใช้ขิงสดพอกที่จุดฝังเข็มไก่กวน(เหนือข้อมือใน 2 ชุ่น)ทิ้งเอาไว้ราวครึ่งชั่วโมงถึง  ชั่วโมงอาการจะดีขึ้น
2.ทุเลาอาการแผลในกระเพาะรวมทั้งลำไส้เล็กส่วนต้น ต้มขิงสดที่ตำให้ละเอียดกับน้ำ 300 มิลลิลิตร นาน 30 นาที กินวันละ 3 เวลา ตรงเวลา 2 วัน ในผู้ป่วยที่เป็นโรคกระเพาะ และลำไส้เล็กส่วนต้น พบว่าอาการปวดกระเนื่องจากว่าลดน้อยลงหรือหายไป ความรู้สึกแสบท้องเวลาหิวดีขึ้น มากมายท้องผูก หรืออุจจาระสีดำ (มีความหมายว่ามีเลือดออก)ธรรมดา ความอยากอาหารดีขึ้น (พบว่าผู้ป่วยเหล่านั้นจำนวนมากกลับกลายซ้ำได้อีก ซึ้งบางทีอาจจะต้องรักษาตลอด หรือควบคุมปัจจัยอื่นๆร่วมด้วยก็เลยจะรักษาหายขาดได้)
3.รักษาโรคบิด ใช้ขิงสด 75 กรัม น้ำตาลแดงตำเข้าด้วยกัน แบ่งกินเป็น 3 มื้อต่อตำหรับ
4.คุ้มครองปกป้องรักษาอาการเมารถ เมารือ
-ใช้ขิงสดเป็นแผ่นปิดที่จุดไน่กวน(เหนือข้อมือข้างใน 2 ชุ่น(ใช้เหริยญ เงินขนาดพอดีปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์หรือยางยืดรัดไว้
-ใช้ขิงสด 25 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาเฉพาะน้ำมันดื่ม (ไม่ต้องกินน้ำตาม)
5.รักษาเยี่ยวรดที่นอนในผู้เจ็บป่วยที่มีภาวะหยางพร่อง มีความเย็นภายในร่างกายเป็นเหตุ
ให้ใช้ขิง 30 กรัม(ตำ)ยาสมุนนไพรศรีฟู่จื่อ 6 กรัม ปู่กู่จื้อ 12 กรัม บดคลุกให้เข้ากันถูในแอ่งสะดือ ใช้ผ้าผ้าก๊อซสะอาดปิดทับแล้วใช้ปลาสเตอร์ปิดให้แน่น
6.รักษาคอไส้อุดกันจากพยาธิตัวกลม
ใช้ ขิง [/b]สด 120 กรัม ตำละเอียด คั้นเอาน้ำขิงผสมกับน้ำผึ้ง 120 กรัม กินครั้งเดียว หรือค่อยๆกินหมดด้านในครึ่งชั่วโมง การทดลองในผู้ป่วย 64 คน พบว่าสามารถลดอุดกั้นของลำใส้ร้ยละ 96.8 ฤทธิ์สำหรับในการขับพยาธิร้อยละ 61.3
7.เป็นหวัดตัวร้อนป่วยเนื่องไข้เนื่อง จากกระทบความเย็น ได้แก่ โดนฝน โดนลม ทำให้หนาว จับไข้ต่ำ ให้หั่นขิงฝอย 30 กรัม

ชงกับน้ำตาลทรายแดง หรืออาจใส่หัวหอมตี 3-4 (ช่วยกระจายลม)ดื่มขณะร้อนๆแล้วห่มผ้าให้เหงือออก
8.ฟื้นฟูร่างกายคราวหลังคลอดลูก นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดบุตร นิยมให้หญิงข้างหลังคลอดกินไก่ผัดขิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไก่ดำตัวผู้จะยิ่งมีหยางมากกว่าไก่ตัวเมีย
ร่างกายของหญิงข้างหลังคลอดจะเสียทั้งยังพลังหยางแล้วก็เลือด มีน้ำภายในร่างกายตกค้างอยู่มากการกินไก่ผัดขิงจะเสริมอีกทั้งเลือดหยางช่วยทำให้การย่อยดูดซับของกินดีขึ้น มีการขับระบายของเสียน้ำตกค้าง น้ำคร่ำก้าวหน้าขึ้นทำให้ร่างกายกลับสู่สภาวะธรรมดาเร็วขึ้น
ข้อควรพิจารณาสำหรับเพื่อการทานขิง
-อาจก่อให้เกิดภาวะแทรซ้อนสำหรับเพื่อการมีท้องได้
มีบางการศึกษาเล่าเรียนพบว่าขิงมีความเชื่อมโยงกับภาวะแทรกซ้อนสำหรับในการท้อง และก็การแท้ง แม้กระนั้นสำหรับการมีครรภ์รายอื่นๆนั้นๆไม่เจอการรับประทานขิงจะมีผลให้กำเนิดอาการเหล่านั้นขึ้น แถมยังช่วยลดอาการอาเจียนจากการแพ้ท้องได้อีกด้วย เพราะฉะนั้นคุณควรไปขอความเห็นแพทย์ก่อ่นจะที่ใช้ขิงสำหรับการรักษาอาการแพ้ท้องด้วยตัวเอง
-กระตุ้นให้เกิดแผลร้อนในภายในปากได้
ขิงเป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อน หากหารกินเข้าไปในปริมาณที่มากก็จะสามารถเยื่อบุภายในช่องปากเกิดการอักเสบจนเป็นอาการร้อนในได้ เพราะฉะนั้นไม่สมควรกินขุงมากจนถึงเหลือเกิน
-ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด
การเรียนรู้หนึ่งในหนึ่งในออสเตรเลียพบว่า ขิงนั้นมีคุณประโยชน์สำหรับในการต้านการแข็งตัวของเลือดมากยิ่งกว่ายาแอสไพริน สถานบันสุขภาพของออสเลียได้ออกคำเตือนเตือนให้งดการรับประทานขิงในขณะที่ใช้ยาละลายลิ่มเลือดเพราะว่าจะทำให้เกิดความเสี่ยงในการกำเนิดอาการช้ำเลือดหรืออาการเลือดหรืออาการเลือดออกได้ ดังนั้นถ้าเกิดคุณมีอากเลือดออกเลือดออกแตกต่างจากปกติหรือหรือกำลังใข้ยาละลายลิ่มเลือด ควรจะหลีก เลียงการกินขิง
เมื่อทราบแบบงี้แล้ว หวังหลายๆคนที่กำลังคิดจะใช้ขิงช่วยบรรเทาอาการของโรคต่างๆก็คงจะต้องระมัดระวังตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยเหตุว่าครั้งคราวหากราใช้ ขิงสำหรับในการรักษาโรคหนึ่งแต่ก็บางทีอาจช่วยกระตุ้นให้อีกโรคนั้นอาการไม่ดีขึ้นได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวน่าจะรับประทานขิงอย่างถี่ถ้วน แต่ถ้าเกิดไม่มั่นใจล่ะก็ ควรจะปรึกษาจากแพทย์ก่อนเสมอ

Tags : สมุนไพรขิง

หน้า: [1]