รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - ydoois25sd4t

หน้า: [1]
1

พญายอ
พญายอเป็นไม้พุ่งแกมเลื้อย เถาและใบมีสีเขียวใบไม้ไม่มีหนาม ใบยาวเรียวปลายแหลม ออกตรงข้ามเป็นคู่ ดอกออกเป็นช่อ อยู่ที่ปลายกิ่ง แต่ละช่อมี 3-6 ดอก กลีบเป็นดอกปลายแยกสีแดงอมส้ม
พญายอขึ้นได้งามในดินที่บริบูรณ์ แสงอาทิตย์ปานกลาง พบได้บ่อยตามป่าในประเทศไทย หรือปลูกกันตามบ้าน ปลูกโดยใช้ลำต้นปักชำ เป็นต้นไม้ที่ปลูกได้ไม่ยาก ตัดกิ่งออกมาซัก 2-3 คืบ ปักขำให้รากออกมาดีแล้วก็ย้ายไปปลูกในแปลง ดูแลรักษาเหมือน พืชไม้ทั่วไป
ใบ เป็นยา ให้เก็บขนาดกึ่งกลางที่สมบูรณ์ ไม่แก่หรือไม่อ่อนจนถึงเหลือเกิน ใบของพญายอสามารถลดอาการักเสบของหูได้ดิบได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งส่วนที่สกัดด้วยสารละลาย “บิวทานอล” สกุลสถิต ฉั่วกุล และก็คณะได้ศึกษาพบว่าสารสำคัญตัวหนึ่งเป็น “เฟลโอ้อวดนนอยต์” ส่วนด้านที่มีการต่อต้านพิษงูยังไม่แน่ชัด แต่ว่าปลอดภัยพอที่จะใช้
ใบพญายอรักษาอาการอักเสบเฉพาะที่ (ปวด, บวม, แดง ร้อนแต่ไม่มีไข้) จากแมลงที่มีพิษกัดต่อย ได้แก่ ตะขาบ แมงป่อง ผึ้ง ต่อ แตน รักษาโดยการเอาใบสดจากพญายอนี้มาสัก 10-15 ใบ (มากน้อยตามรอบๆที่เป็น) ล้างให้สะอาด ใส่ลงในครกตำยา ตำอย่างละเอียด เพิ่มเติมแอลกอฮอล์พอชุ่มยา ตั้งทิ้งไว้ 1 อาทิตย์ หมั่นคนยาวันแล้ววันเล่า กรองน้ำยา ใช้น้ำ แล้วก็กากทาบรอบๆที่เจ็บปวดบวม หรือที่ถูกแมลงสัตว์กัดต่อย
พญายอ หรือ เสมหะพังพอน ด้วยเหตุว่าเสมหะพังพอนมีทั้งตัวผู้ละตัวเมีย แต่ตัวผู้ไม่นิยมประยุกต์ใช้เนื่องจากว่ามีฤทธิ์อ่อน รวมทั้งเพื่อไม่ให้งวยงงก็เลยเรียกเสมหะพังพอนตัวเมียว่า "พญายอ" ส่วนมากเอามาทำเป็นยาสมุนไพรไทยจัดอยู่ในกรุ๊ปพืชทำลายพิษ  “พญายอ” เป็นพืชสมุนไพรที่ใช้เป็นยาใช้ภายนอกรักษาด้านนอก มีสรรพคุณบรรเทาการอักเสบของผิวหนังเจริญ  มีฤทธิ์ลดการอักเสบ มีฤทธิ์ต้านทานเชื้อไวรัส
คุณสมบัติของผงพญายอสำหรับการบำรุงผิวพรรณ
- ใช้แก้สิวเม็ดผดผื่นคัน ด้วยการนำมาดองกับสุรา แล้วผสมดินสอพองใช้ทาแก้สิวรวมทั้งเม็ดผดผื่นคัน
- ใช้แก้โรคผิวหนังผื่นคัน ผสมกับสุราใช้เป็นยาแก้ผื่นคัน ไฟลามทุ่ง ลมพิษ แผลไฟลุกน้ำร้อนลวก
- ใช้รักษาแผลไฟลุกน้ำร้อนลวก พญายอมีสรรพคุณช่วยดับพิษร้อนได้ดิบได้ดี
- อีกตำรากล่าวว่านอกจากจะใช้รักษาแผลไฟเผาน้ำร้อนลวกได้แล้ว ยังช่วยรักษาแผลเปื่อยยุ่ยเพราะถูกแมงกะพรุนไฟ แผลหมากัด และแผลที่เกิดขึ้นจากการเช็ดกกรดได้อีกด้วย
- ใช้รักษาแผลน้ำเหลืองเสีย เอามาพอก จะรู้สึกเย็นๆซึ่งยาจะช่วยดูดน้ำเหลืองได้ดี ทำให้แผลแห้งไว
- ใช้แก้ฝี ด้วยการผสมกับเกลือและก็เหล้า ใช้พอกบริเวณที่เป็น เปลี่ยนยาทุกเช้าตรู่และก็เย็น
- ใช้เป็นยาขับพิษ ทำลายพิษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพิษจากแมลงสัตว์กัดต่อย เป็นต้นว่า งู ตะขาบ แมงป่อง มด ยุง อื่นๆอีกมากมาย
- พญายอ ใช้รักษาอาการอักเสบ รักษาแผลร้อนในปาก แก้เริม (แผลผิวหนังประเภทเริม) อีสุกอีใส แก้งูสวัด ไฟลามทุ่ง และก็ใช้เป็นยาทำลายพิษต่างๆเอาน้ำมาดื่มหรือเอาน้ำมาทาแผลแล้วก็เอากากพอกรอบๆแผล
- มีฤทธิ์แก้อาการแพ้ ลดการอักเสบ สามารถลดการอักเสบเรื้อรังได้
- มีฤทธิ์ลดความเจ็บปวด ช่วยลดลักษณะของการปวด
- มีฤทธิ์ต่อต้านไวรัสก้าวหน้าและไม่เป็นพิษต่อเซลล์

กรรมวิธีพอกขัดผิวด้วยผงพญายอ

  • ชำระล้างผิวหน้าด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้ารวมทั้งขัดเครื่องแต่งหน้าให้สะอาดก่อนขั้นตอนการขัดพอกผิว
  • ใช้ผสมกับน้ำที่สะอาด (หรือ ผงสมุนไพรอื่นๆน้ำผึ้ง นม หรือโยเกิร์ต เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ)
  • สามารถใช้พอกหรือขัดได้ผิวหน้าแล้วก็ผิวกาย บ่อยๆ อาทิตย์ละ 2 – 3 ครั้ง


     - สำหรับผิวหน้า [url=http://www.disthai.com/16913677/%E0%B8%9E%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD-%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2]พญายอ[/url]ถ้าเกิดเป็นสิวอักเสบ ห้าม ขัดโดยเด็ดขาด ให้ใช้เป็นการพอกผิวแทน เพื่อไม่ให้เชื้อสิวลุกลามไปทั่วใบหน้า แล้วก็เพื่อไม่ให้เป็นการก่อกวนผิวหน้ามากเกินความจำเป็น พอกทิ้งเอาไว้ประมาณ 15 นาที
     - ถ้าใช้ขัด (สำหรับคนที่ไม่เป็นสิว และผิวกาย) ให้ขัดให้เบามือที่สุด ประมาณแค่ลูบบากบั่นจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย ห้ามกดแรงลงบนนิ้วขณะขัด และก็ให้ขัดเพียงแค่ 5 นาทีก็เพียงพอที่สารสำคัญจะออกฤทธิ์แล้ว เมื่อครบ 5 นาทีให้พอกทิ้งเอาไว้จนกระทั่งแห้ง (บางทีอาจใช้ระยะเวลาพอกทิ้งไว้ราวๆ 15 นาที)

  • พญายอ หลังจากแห้งแล้ว ให้ทำความสะอาดโดยการล้างด้วยน้ำปกติ (ไม่ควรใช้น้ำอุ่น) ล้างแบบเบาที่สุดหรือให้เปิดฝักบัวเบาๆรวมทั้งปลดปล่อยให้น้ำรดผ่านผิวไปสัก 2-3 นาที แล้วก็ใช้ฝ่ามือคลำให้ค่อยที่สุด โดยใช้วิธีการล้างเดียวกับการขัดหน้าหมายถึงบากบั่นจะไม่ให้นิ้วโดนผิวหน้าเลย
  • ล้างหน้าล้างตาเสร็จแล้ว ดูดซับหน้าให้แห้ง


Tip  เพื่อการบำรุงที่มากขึ้น เมื่อพอกหรือขัดผิวด้วยผงสมุนไพรแล้ว ให้เอาน้ำผึ้งผสมน้ำกินธรรมดาในอัตราส่วน 1 ช้อนชาเท่ากัน ทาให้ทั่วผิวหน้า แล้วนวดวนเบาๆทั่วบริเวณใบหน้าสักเล็กน้อย ทิ้งน้ำผึ้งไว้ 10 นาที ก็ล้างออก เพื่อเป็นการคืนความสดชื่นให้แก่ผิว ทั้งช่วยทำให้ผิวหน้าเนียนนุ่มและก็กระจ่างใส มองอ่อนกว่าวัยยิ่งขึ้น http://www.disthai.com/

2

เหงือกปลาหมอ
เหงือกปลาหมอ ชื่อสามัญ Sea holly, Thistleplike plant
เหงือกปลาหมอ ชื่อวิทยาศาสตร์ Acanthus ebracteatus Vahl (ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Acanthus ilicifolius Lour., Acanthus ilicifolius var. ebracteatus (Vahl) Benoist, Dilivaria ebracteata (Vahl) Pers.) จัดอยู่ในสกุลเหงือกปลาหมอ(ACANTHACEAE)
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ มีชื่อแคว้นอื่นๆว่า แก้มแพทย์ (จังหวัดสตูล), แก้มหมอเล (กระบี่), อีเกร็ง (ภาคกึ่งกลาง), นางเกร็ง จะเกร็ง เหงือกปลาหมอน้ำเงิน เป็นต้น
เหงือกปลาหมอมีอยู่ร่วมกัน 2 สายพันธุ์ คือ ชนิดที่เป็นดอกสีม่วง (Acanthus ilicifolius L.) ที่พบบ่อยทางภาคใต้ และก็จำพวกที่เป็นดอกสีขาว (Acanthus ebracteatus Vahl) ที่พบได้มากทางภาคกลางและภาคทิศตะวันออก และก็เป็นพรรณไม้ที่ขึ้นชื่อลือนามของจังหวัดสมุทรปราการ
เหงือกปลาหมอ สมุนไพรใกล้ตัวหรือบางครั้งอาจจะเรียกว่าเป็นสมุนไพรชายน้ำหรือชายเลนก็ได้ สามารถนำสรรพคุณทางยามาใช้สำหรับการรักษาโรคได้หลากหลายประเภท ที่โดดเด่นมากก็คือการนำมารักษาโรคผิวหนังได้เกือบทุกชนิด แก้น้ำเหลืองเสีย แล้วก็การนำมาใช้รักษาริดสีดวงทวาร ฯลฯ โดยส่วนที่ประยุกต์ใช้เป็นยาสมุนไพรก็ได้แก่ ส่วนลำต้นสดและก็แห้ง ใบทั้งยังสดและก็แห้ง ราก เม็ด แล้วก็ต้น (ส่วน 5 ประกอบไปด้วย ต้น ราก ใบ ผล เมล็ด)
รูปแบบของเหงือกปลาหมอ
ต้นเหงือกปลาหมอ เป็นไม้พุ่มขนาดกึ่งกลาง มีความสูงประมาณ 1-2 เมตร ลำต้นแข็ง มีหนามอยู่ตามข้อของลำต้น ข้อละ 4 หนาม ลำต้นกลม กลวง ตั้งตรง มีสีขาวอมเขียว ลำต้นมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 1.5 ซม. เพาะพันธุ์ด้วยวิธีการเพาะเม็ดรวมทั้งการใช้กิ่งปักชำ เป็นพรรณไม้ที่มักขึ้นกลางแจ้ง เติบโตก้าวหน้าในที่ร่มและในที่ที่มีความชื้นสูง ถูกใจขึ้นตามชายน้ำหรือบริเวณริมฝั่งลำคลองบริเวณปากแม่น้ำ ดังเช่นว่า บริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกเหนือปากคลองมหาวงก์ และก็ที่สถานที่เรียนนายเรือ เป็นต้น
ต้นเหงือกปลาหมอ
ใบเหงือกปลาหมอ ใบเป็นใบโดดเดี่ยว ลักษณะของใบมีหนามคมอยู่ขอบขอบใบรวมทั้งปลายใบ ขอบของใบเว้าเป็นช่วงๆผิวใบเรียบเป็นมันลื่น แผ่นใบสีเขียว เส้นใบสีขาว มีชำเลืองสีขาวเป็นแถวก้าง เนื้อใบแข็งและเหนียว ใบกว้างโดยประมาณ 4-7 เซนติเมตร และยาวราวๆ 10-20 เซนติเมตร ใบจะออกเป็นคู่ตรงกันข้ามกัน ก้านใบสั้น
ใบเหงือกปลาหมอ
ดอกเหงือกปลาหมอ ออกดอกเป็นช่อตั้งตามปลายยอด ยาวโดยประมาณ 4-6 นิ้ว ดอกมีอีกทั้งจำพวกดอกสีม่วง (หรือสีฟ้า) และก็ประเภทดอกสีขาว ที่ดอกมีกลีบรองดอกมี 4 กลีบ กลีบแยกจากกัน รอบๆกึ่งกลางดอกจะมีเกสรตัวผู้แล้วก็เกสรตัวเมียอยู่
ดอกเหงือกปลาหมอ
สมุนไพรเหงือกปลาหมอ
ผลเหงือกปลาหมอ ลักษณะของผลเป็นฝักสีน้ำตาล รูปแบบของฝักเป็นทรงกระบอก รูปไข่ หรือกลมรี ยาวประมาณ 2-3 ซม. เปลือกฝักมีสีน้ำตาล ปลายฝักป้าน ภายในฝักมีเม็ด 4 เม็ด
คุณประโยชน์ของเหงือกปลาหมอ
ใช้เป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้อายุยืน สุขภาพดี เลือดลมไหลเวียนดี เส้นโลหิตไม่อุดตัน บำรุงผิวพรรณ ด้วยการใช้อีกทั้งต้นเหงือกปลาหมอนำมาตำผสมกับพริกไทยในอัตราส่วน 2:1 แล้วผสมผสมกับน้ำผึ้ง ปั้นเป็นยาลูกกลอน ว่ากันว่าแม้กินติดต่อกัน 1 เดือน จะมีผลให้สติปัญญาดี ไม่มีโรค / 2 เดือน ผิวหนังเต่งตึง / 3 เดือน ทำให้ริดสีดวงหาย / 4 เดือน ช่วยแก้ลม 12 ประเภท หูดี / 5 เดือน หมดโรค / 6 เดือน ทำให้เดินไม่รู้เมื่อยล้า / 7 เดือนผิวสวย / 8 เดือน เสียงน่าฟัง / 9 เดือน หนังเหนียว (ทั้งยังต้น, ราก)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยทำนุบำรุงประสาท (ราก)
ช่วยรักษาอาการธาตุแตกต่างจากปกติ (ทั้งต้น)
ช่วยทำให้เลือดลมปกติ (ทั้งต้น)เหงือกปลาหมอขาว
ช่วยให้เจริญอาหาร (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้โรคกษัย อาการซูบซีดเหลืองตลอดตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอนำมาตำเป็นผุยผงรับประทานทุกวี่ทุกวัน (ต้น)
ช่วยแก้อาการร้อนตลอดตัว เจ็บระบบหมดทั้งตัว ตัวแห้ง เวียนหัว หน้ามืดตามัว มือตายตีนตาย ด้วยการใช้อีกทั้งต้นของเหงือกปลาหมอรวมทั้งเปลือกมะรุมอย่างละเสมอกัน ใส่หม้อต้มผสมกับเกลือนิดหน่อย หมาก 3 คำ เบี้ย 3 ตัว วางบนปากหม้อ แล้วใช้ฟืน 30 ดุ้น ต้มกับน้ำเดือดจนงวดแล้วยกลง เมื่อเสร็จให้กลั้นใจรับประทานขณะอุ่นๆจนกระทั่งหมด อาการก็จะดียิ่งขึ้น (ต้น)ช่วยยั้งโรคมะเร็ง ต่อต้านมะเร็ง (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษาอาการปอดอักเสบ ด้วยการใช้เหงือกปลาหมออีกทั้งต้นรวมทั้งข้าวเย็นเหนือ อาหารมื้อเย็นใต้ในรูปทรงที่เสมอกัน เอามาต้มกับน้ำจนเดือดแล้วเอามาดื่มในขณะอุ่นๆครั้งละ 1 แก้ว เช้าตรู่ ช่วงเวลากลางวัน เย็น อาการจะ (ทั้งยังต้น)
รักษาปอดอักเสบ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ใบ)
ต้นมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยแก้ลักษณะของการปวดหัว (ต้น)
รากช่วยแก้และทุเลาอาการไอ หรือจะใช้เมล็ดนำมาต้มดื่มแก้อาการไอก็ได้เหมือนกัน (ราก, เม็ด)
ช่วยแก้โรคหืดหอบ (ราก)
ช่วยรักษาวัณโรค ด้วยการใช้ต้นเอามาตำผสมเป็นน้ำดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้ลักษณะของการเจ็บตา ตาแดง ด้วยการใช้เหงือกปลาหมอทั้งต้นเอามาตำผสมกับขิง คั้นเอาแต่น้ำใช้หยอดตาแก้อาการ (ทั้งยังต้น)
ใบช่วยแก้ไข้ (ใบ)
ช่วยแก้ไข้จับสั่น ด้วยการใช้ทั้งต้นเหงือกปลาหมอมาตำผสมกับขิง (ต้น)
ช่วยแก้พิษไข้หัว ด้วยการใช้ทั้งยังต้นแล้วก็รากเอามาต้มอาบแก้อาการ (ทั้งต้น)
แก้อาการไอ เม็ดใช้ผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากินเป็นยาแก้ไอ (เม็ด)
ช่วยขับเสมหะ (ราก)
ถ้าหากเป็นลม ให้ใช้ต้นเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / พริกไทย 2 ส่วน ผสมรวมกัน ตำอย่างละเอียดเป็นผงแล้วเอามาละลายน้ำร้อนดื่ม (ต้น)
ช่วยแก้โรคกระเพาะ ด้วยการใช้ทั้งต้นรวมทั้งพริกไทย (10:5 ส่วน) ตำผสมปั้นเป็นยาลูกกลอน (อีกทั้งต้น)

ช่วยขับพยาธิ (เม็ด)
ช่วยรักษาโรคริดสีดวงทวาร ด้วยการใช้ต้นเหงือกปลาหมอกับขมิ้นอ้อย เอามาตำละลายกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นริดสีดวง หรือจะใช้ปรุงกับฟ้าทะลายขโมย ใช้รมหัวริดสีดวงก็ได้ (ต้น, ใบ)
ช่วยขับเยี่ยว ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่เจาะจงส่วนที่ใช้)
ช่วยรักษามุตกิดระดูขาว ตกขาวของสตรี ด้วยการใช้ใบและต้นเอามาตำเป็นผง ผสมกับน้ำผึ้งหรือน้ำมันมันงา ปั้นเป็นยาลูกกลอนรับประทานแก้อาการ (ต้น, ใบ, ราก)
ช่วยแก้ประจำเดือนมาไม่เป็นปกติของสตรี ด้วยการใช้ต้นนำมาตำผสมกับน้ำผึ้ง น้ำมันงา (อีกทั้งต้น)
ช่วยรักษานิ่วในไต ด้วยการใช้ใบเอามาต้มเป็นน้ำดื่ม (ใบ)
ช่วยแก้ไตทุพพลภาพ ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่ระบุส่วนที่ใช้)
ผลช่วยขับโลหิต หรือจะใช้เมล็ดผสมกับดอกมะเฟือง เปลือกอบเชย น้ำตาลกรวด นำมาต้มรวมกันแล้วมัวแต่น้ำมากิน หรือใช้ต้น 10 ส่วนและก็พริกไทย 5 ส่วน ผสมทำเป็นยาลูกกลอนกินก็ได้ (เมล็ด, ผล, อีกทั้งต้น)
ช่วยฟอกเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (ไม่กำหนดส่วนที่ใช้)
แก้พิษเลือด ข้อมูลนี้ยังไม่น่าเชื่อถือ* (เปลือกต้น)
ช่วยรักษาแผล ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำผสมกับหัวสามสิบ ในอัตราส่วน 2:1 (อีกทั้งต้น)
ต้นเหงือกปลาหมอมีสรรพคุณช่วยรักษาแผลพุพอง (ต้น)
ใบมีรสเค็มกร่อย คุณประโยชน์ช่วยรักษาแผลอักเสบ (ใบ)
ช่วยแก้น้ำเหลืองเสีย ด้วยการใช้ต้น 3-4 ต้น นำมาหั่นเป็นชิ้น แล้วต้มน้ำอาบแก้อาการ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
สำหรับคนเจ็บโรคภูมิคุมกันบกพร่องที่มีแผลพุพองตามผิวหนัง ถ้าใช้ต้นมาต้มอาบรวมทั้งทำเป็นยากินติดต่อกันราว 3 เดือนจะช่วยทำให้อาการของแผลพุพองบรรเทาลงอย่างแจ่มแจ้ง (ต้น)
ช่วยรักษาโรคผิวหนังหรือประดง รักษากลากเกลื้อน อีสุกอีใส (ใบ)
ช่วยรักษาโรคโรคเรื้อน คุดทะราด ด้วยการใช้ทั้งยังต้นเอามาตำมัวแต่น้ำกิน (ทั้งยังต้น)
ช่วยแก้ผดผื่นคันตามร่างกาย ใช้ล้างแผลเรื้อรัง ด้วยการใช้ต้นสดและก็ใบสดล้างสะอาดโดยประมาณ 3-4 กำมือ เอามาสับแล้วต้มกับน้ำอาบแก้ผื่นคันติดต่อกัน 3-4 ครั้ง (ต้น, ใบ)
เหงือกปลาหมอมีสรรพคุณทางยาช่วยแก้ลมพิษ (ต้น)
รากสดเอามาต้มเอาแต่น้ำ ใช้ดื่มเป็นยารักษาโรคงูสวัดได้ (ราก)
ช่วยรักษาฝี ฝีเรื้อรัง แผลฝีหนอง โรคฝีดาษ ตัดรากฝี แก้พิษฝีทุกชนิดทั้งด้านในภายนอก ด้วยการใช้ต้นและก็ใบสดแล้วก็แห้งราวๆ 1 กำมือ นำมาบดอย่างถี่ถ้วน แล้วนำมาพอกรอบๆที่เป็นฝี หรือแนวทางลำดับที่สองจะเอามาสับเป็นชิ้นเล็กๆใส่น้ำให้ท่วมแล้วต้มในน้ำเดือดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วเอามาดื่มก่อนรับประทานอาหารครั้งละครึ่งแก้ว วันละ 3 ครั้ง ประมาณ 2-3 อาทิตย์ หรือจะใช้เม็ดเอามาคั่วให้เกรียมแล้วป่นอย่างละเอียด ชงกับน้ำดื่มเป็นยาแก้ฝีก็ได้ (ต้น, ใบ, เมล็ด)
เมล็ดใช้ปิดพอกฝี (เม็ด)
ผลมีรสเผ็ดร้อน คุณประโยชน์ช่วยทำลายพิษ (ผล, ต้น)
ใบสดเอามาตำอย่างละเอียด สามารถใช้พอกรอบๆแผลที่ถูกงูกัดได้ (ใบ)
ช่วยแก้ผิวแตกหมดทั้งตัว ด้วยการใช้ต้นของเหงือกปลาหมอ 1 ส่วน / ดีปลี 1 ส่วน ใช้ผสมกันบดให้เป็นผงชงกับน้ำร้อนดื่มแก้อาการ (ต้น)
ต้น หากประยุกต์ใช้จะช่วยแก้โรคเหน็บชา อาการชาตลอดตัวได้ (ต้น)
รากมีสรรพคุณช่วยแก้อัมพาต (ราก)
แก้ลักษณะของการเจ็บหลังเจ็บเอว ด้วยการใช้ต้นกับชะเอมเทศเอามาบดเป็นผุยผง ผสมกับน้ำผึ้งปั้นเป็นยาลูกกลอนกิน (ต้น)
ใบใช้เป็นยาประคบแก้ไขข้ออักเสบรวมทั้งแก้ลักษณะของการปวดต่างๆ(ใบ)
ช่วยทำนุบำรุงรากผม ด้วยการใช้น้ำคั้นจากใบนำมาทาให้ทั่วหัว จะช่วยบำรุงรักษารากผมได้ (ใบ)
ประโยช์จากเหงือกปลาหมอ
ในปัจจุบันสมุนไพรเหงือกปลาหมอมีการนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่เป็นยาแคปซูลสมุนไพร (เหงือกปลาหมอแคปซูล) หรือเป็นยาชงสมุนไพร (เหงือกปลาแพทย์ผงสำเร็จรูป) หรือในลักษณะของยาเม็ด
นอกเหนือจากการใช้เป็นยาสมุนไพรที่ใช้เพื่อการอบตัวหรืออบด้วยไอน้ำ สมุนไพรเหงือกปลาหมอยังคงใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับเพื่อการผลิตเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องแต่งหน้าอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็น สบู่ ผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับในการเปลี่ยนสีผม ตราบจนกระทั่งแชมพูของหมา ฯลฯ
แหล่งอ้างอิง
: เว็บที่ทำการโครงงานรักษากรรมพันธุ์พืชอันเนื่องมาจากความคิด สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี, ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี, หนังสือพิมพ์บ้านเมือง (เชี่ยวชาญ หิมะคุณ), หนังสือพรรณไม้สวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เล่ม 4, ฐานข้อมูลพืชพันธุ์ไม้ องค์การส่วนพฤกษศาสตร์, สำนักงานกองทุนส่งเสริมการผลิตเสริมสุขภาพ (สสส.), หนังสือยอดสมุนไพรยาอายุวัฒนะ (คุณครูยุยงวดี จอมรักษา), หนังสือกายบริหารแกว่งไกวแขน (โชคชัย ปัญจสมบัติพัสถาน) http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรเหงือกปลาหมอ

3

สมุนไพร[url=http://www.disthai.com/16660416/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%9A-%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%8C%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%87%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%B5%E0%B8%A2]รากสามสิบ[/url][/color][/size][/b]
สมุนไพร รากสามสิบแคปซูล รากสามสิบ แบบล้วน  คุณประโยชน์และคุณประโยชน์ ข้อกำหนด ผลกระทบจากรากสามสิบ สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องกระชับช่องคลอด
อยู่ยังไงให้ชีวิต Sex ดียิ่งขึ้น กระชับช่องคลอด เพิ่มน้ำหล่อลื่น ทำให้กระชับ (รีแพร์) แบบสาวๆ ทำให้ช่องคลอดไม่แห้ง มีความชื้น และ สุขสบายทางเพศ รักษาสภาวะระดูผิดปรกติ ปวดเมนส์ มีลูกยาก ตกขาว หมดอารมณ์ทางเพศ  กามตายด้าน บำรุงน้ำนม บำรุงครรภ์ คุ้มครองแท้ง มีราคาส่ง รวมทั้ง ราคาไม่แพง ยี่ห้อ รีวิวมาก กว่า 8 ปี
สมุนไพรเน้น กระชับ ช่องคลอด ตกขาว ระดู อารมณ์เพศปรวนแปร ไร้สมรรถภาพทางเพศผู้หญิง รากสามสิบ ราชินีสมุนไพรชีวิตครอบครัว  ดูแลปัญหาระบบด้านในช่องคลอดไม่กระชับรวมทั้งมีปัญหาชีวิตการครองเรือนบนเตียงมีเหม็นอับ ไม่พึ่งตั้งใจตกขาวมดลูกต่ำ สตรีวัยทอง ดูแลปัญหาประจำเดือนมาไม่ดีเหมือนปกติ
สมุนไพร รากสามสิบ แคปซูล กระชับช่องคลอด
ปัญหาลับๆอาทิเช่น ช่องคลอดหย่อนยานไม่กระชับ ปวดท้องเวลามีประจำเดือน ระดูไม่ตามกำหนด เป็นปัญหาต่างๆที่รบกวนจิตใจของสตรีกว่า 98% รวมทั้ง ทรวงอกเล็กแบบ หย่อนยาน ท้องป่อง หรือปัญหาเหล่านี้เป็นผลมาจากการขาดสมดุลในฮอร์โมน ชี้แนะ กวาวเครือขาว และ รากสามสิบ ซื้อ กวาวเครือขาว แล้วก็ รากสามสิบ
รากสามสิบ กระชับช่องคลอด
คุณประโยชน์ คุณประโยชน์ และก็ ข้อกำหนด ผลข้างเคียง
สมุนไพรไทย รากสามสิบแบบแคปซูล กระชับสำหรับสตรี  ไม่ว่าจะเป็นอันมากเสือโคร่ง โด่งไม่ทราบล้ม สาวน้อยตกเตียง จนกระทั่งมาถึงรากสามสิบหรือต้นสาวร้อยผัวนี้แหละ ต่างคนต่างมึนงง ว่ามันเป็นยังไง คุณประโยชน์ ทำให้กลับมาเป็น ใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี สาว(female rejuvention) กระชับช่องคลอด รักษาภาวการณ์ประจำเดือนมาไม่ดีเหมือนปกติ ปวดประจำเดือน สภาวะมีบุตรยาก ตกขาว อารมณ์ทางเพศถดถอย  สภาวะหมดเมนส์ บำรุงน้ำนม บำรุงท้อง ป้องกันการแท้ง ยิ่งไปกว่านี้ยังคงใช้เป็นยาบำรุงกำหนัดในผู้ชายได้ด้วยครับผม  นอกจากนั้นยังมีการประยุกต์ใช้เป็นยาแก้ไอ ยาแก้โรคกระเพาะ แก้ไข้ แก้อักเสบ ได้เหมือนกัน เป็นสมุนไพรที่มีการออกฤทธิ์เหมือนเอสโตรเจน 
ต้น รากสามสิบ แคปซูล หมอยาในสมัยเก่าจะเรียกกันว่า"สาวร้อยผัว" จำนวนมากใช้เป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ทำให้มีแรง แคล่วคล่องว่องไว ไม่แก่ เสมือนๆสาวสองพันปี
ในตำราเรียนอายุรเวทใช้สมุนไพรชนิดนี้เป็นสมุนไพรหลักสำหรับเป็นยาบำรุงในผู้หญิง สำหรับการทำให้ผู้หญิงกลับมาเป็นสาว (female rejuvenation) ยิ่งกว่านั้น ยังช่วยแก้ปัญหาอื่นๆของสตรี ดังเช่นว่า ภาวการณ์เมนส์ไม่ปกติ ปวดเมนส์ ภาวะมีบุตรยาก ตกขาว สภาวะไม่มีอารมณ์ทางเพศ สภาวะหมดรอบเดือน (menopause) บำรุงนม บำรุงท้อง คุ้มครองปกป้องการแท้ง (habitual abortion)

สมุนไพรรักษาโรค รากสามสิบ กระชับข้างในสตรี ชุดกระชับแบบสาวน้อย
" รากสามสิบ " เป็นสมุนไพรที่มีการทำการค้นคว้ากันมากพอควร ในด้านการศึกษาเรียนรู้วิจัยในห้องแลปพบฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาเป็นต้านเชื้อแบคทีเรียแล้วก็เชื้อรา คลายกล้ามของมดลูก บำรุงหัวใจ แก้การอักเสบ แก้ปวด มีฤทธิ์ราวกับฮอร์โมนเอสโตรเจน ยับยั้งเบาหวาน เป็นพิษต่อเซลล์มะเร็ง กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ต้านทานอาการเม็ดเลือดขาวต่ำ ลดระดับไขมันในเลือด คุ้มครองปกป้องกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ลดอาการหัวใจโตที่เกิดขึ้นจากความดันเลือดสูง ขับน้ำนม ยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหารยั้งพิษต่อตับ
ในแบบเรียนอายุรเวทใช้ รากสามสิบ เป็นสมุนไพรหลักสำหรับ บำรุงในผู้หญิง  สำหรับเพื่อการ ทำให้สตรีกลับมาเป็นสาว นอกเหนือจากนั้นยังช่วยไขปัญหาอื่นๆของเพศหญิงเป็นต้นว่า สภาวะรอบเดือนแตกต่างจากปกติ ปวดเมนส์ สภาวะมีบุตรยาก ตกขาว ภาวะอารมณ์ทางเพศเสื่อมโทรม ภาวะหมดเมนส์ สมุนไพรรักษาโรค รากสามสิบ แคปซูล กระชับช่องคลอด อาการตกขาว ปเขียน.เพิ่มอารมณ์เพศ
#รากสามสิบ นับว่าเป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์มากสำหรับเพศหญิงช่วยสำหรับการสร้างสมดุล แก่ระบบฮอร์โมนผู้หญิงจาก #รากสามสิบแคปซูล
เป็นสมุนไพรที่มีคุณลักษณะหลัก ในทางเภสัชมีการเสนอแนะว่าพืชที่ให้ เอสโตรเจน ส่งผลดีกว่าการใช้ตัวยาปรับสมดุลฮอร์โมน เนื่องด้วยไม่เป็นผลใกล้กันในทางลบ "ราชินีแห่งสมุนไพร"
เหตุผลที่ สาวๆนิยมใช้ รากสามสิบ กล้วยๆคือ ทานแล้วได้ผล
1 ช่วยกระชับช่องคลอด  ทำให้แฟนไม่เบื่อ แทบจะไม่รู้เรื่องเลยว่าพวกเราเคยมาก่อนรึไม่  ราวกับเป็นครั้งแรกของพวกเรา
2 ช่วยฆ่าเชื้อโรคในช่องคลอด ทำให้ช่องคลอดสะอาด ไม่กังวลเรื่อง กลิ่นอับ อีกต่อไป
3 เป็นสมุนไพรที่มาจากธรรมชาติ ไม่ใช่สารเคมี ไม่ตกค้าง ไม่ทำให้เกิดผลกระทบในระยะยาว
4 ราคาไม่แพง เพราะเหตุว่าเป็นพืชสมุนไพรที่ปลูกได้ในประเทศไทย ความคิดไทยๆไม่เสียค่านำเข้าอะไรก็แล้วแต่
 ขนาดรับประทาน
4 ขวด เริ่มกระชับ สุขสบาย
6 กระชับแบบสาวรุ่น สุขสบายแน่ๆ
12 ผลลัพธ์ยาวนาน และ เห็นผลแทบถาวร (รายบุคคล)
รากสามสิบ แคปซูล
ชุดนี้แถม ผสม ฮี่ยุ่มหรือหญ้ารีแพร์ 1 ต่อ 1 กับ รากสามสิบ
รากสามสิบ "  เป็น สมุนไพรที่คนประเทศไทยรวมทั้งชาวเอเชียใช้กันมาเป็นเวลายาวนานแล้ว  คนส่วนมากรู้จักในชื่อ เรียกนานับประการในแต่ละภาค ชื่อในภาคกลางหรือคนทั่วไปเรียกขานว่า "รากสามสิบ" หรือ "สามร้อยราก"นั่นเอง แพทย์ยาโบราณจำนวนมากจะทราบดีว่าสาวร้อยผัวเป็นยาบำรุงสำหรับสตรี ก็เลยให้ชื่อว่า "สาวร้อยสามี" ชื่อนี้เป็นไม่ว่า สาวใดจะอายุเท่าไรก็ยังสามารถมีลูกมีผัวได้(มิได้หมายความว่าสาวใจแตก)  ความหมายคล้ายๆสาวสองพันปีที่ยังสาวเสมอนั่นเอง และก็เป็นที่น่าตกอกตกใจว่าในอินเดียก็เรียกสมุนไพรชนิดนี้คล้ายกับประเทศไทย โดยในภาษาสันสกฤต เรียกว่า ศตวารี (Shtavari) แสดงว่า ต้นไม้ที่มีรากหนึ่งร้อยราก หรือบางหนังสือเรียนพูดว่าเป็นหญิงที่มีร้อยผัว "Satavari" http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรรากสามสิบ

4
อื่น ๆ / ความเป็นมาของต้นราชพฤกษ์
« เมื่อ: สิงหาคม 15, 2018, 08:14:13 AM »

ราชพฤกษ์
ที่ไปที่มาของต้นราชพฤกษ์
   จากอดีตก่อนหน้านี้กว่า 50 ปี ทางด้านราชการมีความพากเพียรหลายหนสำหรับเพื่อการกำหนดให้มีสัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยเฉพาะการกำหนด ต้นไม้ และ ดอกไม้ ประจำชาติ เริ่มที่กรมป่าไม้ได้เชิญชวนให้ประชากรพึงพอใจต้นราชพฤกษ์หรือคูณมาตั้งแต่ตอนปี พุทธศักราช2494 โดยรัฐบาลมีมติให้ถือวันที่ 24 มิถุนายน เป็นวันต้นไม้รายปีของชาติ (arbour day) มีการชวนให้ปลูกต้นไม้ที่มีสาระประเภทต่างๆล้นหลาม ในเวลาเดียวกันก็ได้มีการเสนอว่า ต้นราชพฤกษ์ น่าจะถือเป็นต้นไม้ประจำชาติ
ราชพฤกษ์
   จนกระทั่งในปี พุทธศักราช2506 มีการสัมมนาเพื่อกำหนดเครื่องหมายต้นไม้รวมทั้งสัตว์ประจำชาติเป็นครั้งแรก โดยกรมป่าไม้ได้เสนอให้ ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูณ ไม้มงคลที่มีคุณประโยชน์รวมทั้งรู้จักกันอย่างล้นหลามฯลฯไม้ประจำชาติ สำหรับสัตว์ประจำชาติก็คือ ช้างเผือก สัตว์ที่มีคุณค่าเกี่ยวข้องกับประเพณีไทยและประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน การเสนอครั้งนั้นมิได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการ ดังนั้นตลอดเวลาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาสัญลักษณ์ที่บอกถึงความเป็นเอกราชยจึงมีมากมาย ตั้งแต่สถานที่สำคัญๆ สัตว์ ดอกไม้ ที่คนประเทศไทยเคยชินและก็พบเจอหลายครั้ง ยกตัวอย่างเช่น พระปรางค์วัดอรุณฯ เรือสุพรรณหงส์ ดอกบัว ดอกมะลิ ดอกพุทธรักษา แมวไทย เหมือนกันกับ ต้นราชพฤกษ์ และก็ ช้างเผือก ยังคงถูกชื่นชมให้เป็นเครื่องหมายประจำชาติตลอดมา
            ปี พ.ศ.2530 มีการช่วยเหลือให้ปลูกต้นราชพฤกษ์อีกที เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เนื่องในวโรกาสทรงเจริญพระอายุครบ 5 รอบ โดยมีการเกื้อหนุนให้ปลูกต้นราชพฤกษ์ทั่วทั้งประเทศปริมาณ 99,999 ต้น เวลานี้ก็เลยมีต้นราชพฤกษ์อยู่เยอะแยะทั่วราชอาณาจักรไทย
            บทสรุปเรื่องสัญลักษณ์ประจำชาติดูเหมือนจะยังไม่แน่ชัด จนถึงช่วงปี พ.ศ.2544 คณะกรรมการเอกลักษณ์ของชาติ ได้นำเรื่องดังกล่าวข้างต้นกลับมาเสนออีกที แล้วก็มีผลสรุปเสนอให้มีการกำหนดสัญลักษณ์ประจำชาติ 3 สิ่งคือ ดอกไม้ สัตว์แล้วก็สถาปัตยกรรม และก็การใคร่ครวญที่ผ่านมาเสนอให้กำหนดดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกราชพฤกษ์ สัตว์ประจำชาติ คือ ช้างไทย และก็สถาปัตยกรรมประจำชาติคือ ศาลาไทย
            เหตุที่เลือก ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติเนื่องจากมีความเหมาะสมในหลายๆด้านหมายถึงเป็นดอกไม้จากต้นไม้ที่ถูกเสนอให้เป็นต้นไม้ประจำชาติเมื่อครั้งที่กรมป่าไม้เสนอไว้ เป็นต้นไม้ที่แก่ยืน คงทน ปลูกขึ้นเจริญทั่วทุกภาคของประเทศ ฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักแพร่หลาย มีชื่อเรียกหลายชื่อไม่เหมือนกันในแต่ละภาค ตัวอย่างเช่น ต้นลมแล้ง คูน อ้อดิบ ราชพฤกษ์เป็นพืชที่มีความมงคลใช้ประโยชน์ในพิธีหลักๆเช่น ลงหลักเมือง ลงเสาฤกษ์ ทำคฑาจอมพลแล้วก็ยอดธงชัยเฉลิมพลของกองทหาร ในช่วงฤดูร้อนราชพฤกษ์จะออกดอกสะพรั่งทั้งยังต้น ช่อดอกมีทรงงดงาม สีเหลืองสวยงามเป็นสัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาอันเป็นศาสนาประจำชาติ และเป็นสีเดียวกับวันพระราชสมภพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ นอกนั้นความสวยของช่อดอก รวมทั้งความหมายที่ดียังถูกจำทดลองแบบเสริมแต่งไว้บนอินทรธนูของข้าราชการอีกด้วย
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
ส่งดอกไม้ประจำชาติไทยหมายถึงดอกราชพฤกษ์ (Golden shower) หรือ ชื่อทางวิทยาศาสตร์ของ ดอกราชพฤกษ์หมายถึงCassia fistula
           ดอกไม้สีเหลืองงามที่มักพบเห็นได้ทั่วๆไปตามข้างถนนสายต่างๆคือสีสันของ ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน ต้นไม้มงคลที่ได้รับการเชิดชูให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย อีกทั้งมั่นใจว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านทรงเกียรติยศชื่อ เสียงเพิ่มมากขึ้นด้วย ยิ่งใกล้เข้าสู่เวลาที่การเปิดประตูต้อนรับเพื่อนบ้านอาเซียนกันแล้ว ในวันนี้กระปุกดอทคอมจึงขอนำเนื้อหาสาระเกี่ยวกับดอกไม้ประจำชาติไทยอย่าง ดอกราชพฤกษ์ มาให้ทำความรู้จักกันแรง
ประวัติความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้ท้องถิ่นของเอเชียใต้ ตั้งแต่ประเทศปากีสถาน ประเทศอินเดีย พม่า แล้วก็ศรีลังกา โดยนิยมปลูกกันมากมายในเขตร้อน สามารถเจริญเติบโตก้าวหน้าในที่โล่งแจ้ง รวมทั้งเป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2506 แต่ว่าก็ยังไม่ได้ผลสรุปแจ้งชัด จนตราบเท่ามีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ช่วงวันที่ 26 ตุลาคม พุทธศักราช 2544

ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องมาจาก ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองชูช่อ มองสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีทุกวันพระราชการบังเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ จึงถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของพระมหากษัตริย์" รวมทั้งมีการเซ็นชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ เป็นหนึ่งใน 3 สัญลักษณ์ประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย และ 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • เนื่องด้วยเป็นต้นไม้พื้นเมืองที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของประเทศไทย
  • มีประวัติเกี่ยวโยงกับประเพณีหลักๆในไทยแล้วก็ฯลฯพืชที่มีความมงคลที่นิยมปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย อย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองงาม พุ่มสวยเต็มต้น เปรียบเป็นเครื่องหมายแห่งศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน แล้วก็คงทน
ลักษณะทั่วไป
           ฯลฯไม้ขนาดกึ่งกลาง สูงโดยประมาณ 10-20 เมตร ออกดอกเป็นช่อสีเหลืองอร่าม แต่ละช่อยาวประมาณ 20-40 ซม. โดยกลีบจะเป็นสีเหลือง 5 กลีบ ส่งผลยาวราวๆ 30-60 ซม. มีกลิ่นแรง และก็มีเม็ดที่เป็นพิษ
การปลูกดอกราชพฤกษ์
           นิยมนำมาปลูกด้วยเมล็ด โดยจะมีการเจริญเติบโตช้าในตอน 1-3 ปีแรก แต่ต่อไปจะมีการเติบโตเร็วขึ้น และก็มีดอกตอนอายุโดยประมาณ 4-5 ปี
การรักษา
           แสง : อยากแสงอาทิตย์จัด หรือกลางแจ้ง และก็เติบโตได้ดีในเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรจะรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนเจริญ
           ดิน : สามารถเจริญเติบโตได้ดิบได้ดีในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมให้ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยหมัก ในอัตรา 2-3 กิโลต่อต้น และควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
การขยายพันธุ์
           แนวทางเพาะพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่ว่าต้องเลือกขลิบรอบๆด้านป้าน ด้วยเหตุว่าด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วหลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งเอาไว้ข้ามวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณเพียงพอหล่อเลี้ยงเม็ดได้ จากนั้นทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก และสามารถนำลงปลูกได้เลย
ความศรัทธาเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           มั่นใจว่าฯลฯพืชที่มีความมงคล ที่ควรปลูกเอาไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ แล้วก็ถ้าหากปลูกไว้ในบ้านจะช่วยให้ทรงเกียรติยศ ศักดิ์ศรี รวมทั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำมนต์สะเดาะเคราะห์ เพราะเป็นไม้มงคลนาม http://www.disthai.com/

5

กระเทียม
กระเทียม ชื่อสามัญ Garlic
กระเทียม ชื่อวิทยาศาสตร์ เป็นคำว่า Allium sativum L. จัดอยู่ในวงศ์พลับพลึง (AMARYLLIDACEAE) และอยู่ในสกุลย่อย ALLIOIDEAE (ALLIACEAE)
สำหรับในประเทศไทยนิยมนำมาปลูกมากในทางภาคเหนือและก็ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แต่สำหรับกระเทียมที่ขึ้นชื่อว่ามีคุณภาพดี กลิ่นฉุนคงหนีไม่พ้นจังหวัดศรีสะเกศ
สรรพคุณของกระเทียม
ช่วยบำรุงรักษาผิวหนังให้มีสุขภาพดีรวมทั้งแข็งแรง
ช่วยสร้างเสริมการเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย
ช่วยคุ้มครองการเกิดโรคมะเร็ง
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด
ช่วยทำให้สมดุลในร่างกาย
ช่วยแก้อาการตาลายศีรษะ อาการมึนหัว ปวดหัว หูอื้อ
ช่วยในเรื่องระบบสืบพันธุ์และระบบทางเท้าฉี่ เพราะมีสารที่ช่วยควบคุมฮอร์โมนทั้งหญิงและก็ชาย ช่วยทำให้มดลูกบีบตัว เพิ่มกำลังให้มีเรี่ยวแรง
ช่วยรักษาโรคความดันโลหิต
ช่วยคุ้มครองการเกิดโรคหัวใจ ลดการเสี่ยงของหัวใจล้มเหลวฉับพลัน
ช่วยต้านทานเนื้องอก
ช่วยแก้ปัญหาศีรษะบาง ยาวช้า มีสีเทา
ช่วยคุ้มครองการเกิดแล้วก็รักษาโรคโลหิตจาง
ช่วยในการขับพิษแล้วก็พิษอันตรายที่แปดเปื้อนในเม็ดเลือด
ช่วยป้องกันฝาผนังเส้นเลือดหนาและแข็ง
สารสกัดน้ำมันกระเทียมมีสารที่มีส่วนช่วยสำหรับการละลายลิ่มเลือด
ช่วยคุ้มครองการเกิดเส้นโลหิตอุดตัน
มีสารต้านไม่ให้เม็ดเลือดแดงแตก
ช่วยทุเลาอาการไอ น้ำมูกไหล คุ้มครองปกป้องหวัด
ช่วยรักษาโรคหวัดและก็ไข้หวัดใหญ่
ช่วยรักษาอาการเยื่อบุจมูกอักเสบรวมทั้งไซนัส
ช่วยรักษาโรคโรคไอกรน
ช่วยแก้อาการหอบ หืด
ช่วยรักษาโรคหลอดลม
ช่วยระงับกลิ่นปากกระเทียม
ช่วยสำหรับในการขับเหงื่อ
ช่วยสำหรับการขับเสมหะ
ช่วยควบคุมโรคกระเพาะ ด้วยสารที่ช่วยยั้งไม่ให้น้ำย่อยอาหารมาย่อยแผลในกระเพาะ
ช่วยสำหรับเพื่อการขับลม
ช่วยรักษาอาการจุกเสียดแน่นท้อง ท้องเฟ้อ ท้องอืดท้องเฟ้อ
ช่วยคุ้มครองป้องกันโรคท้องผูก
ช่วยรักษาโรคบิด
ช่วยสำหรับเพื่อการขับเยี่ยว
ช่วยสำหรับในการขับพยาธิได้หลายแบบ ดังเช่น พยาธิแส้ม้า พยาธิเส้นด้าย พยาธิเข็มหมุด พยาธิไส้เดือน ฯลฯ
ช่วยรักษาโรคตับอ่อนอักเสบชนิดร้ายแรงได้
ช่วยคุ้มครองการเกิดโรคไต
ช่วยฆ่าเชื้อรา เชื้อแบคทีเรียต่างๆรวมทั้งเชื้อราตามหนังศีรษะและก็รอบๆเล็บ
ช่วยยับยั้งเชื้อต่างๆดังเช่นว่า เชื้อที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดฝีหนอง คออักเสบ เชื้อปอดบวม เชื้อวัณโรค ฯลฯ
ช่วยกำจัดพิษจากสารตะกั่วกระเทียมสรรพคุณ
ช่วยรักษากลาก โรคเกลื้อน
ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเนื้อเยื่อ บำรุงข้อต่อรวมทั้งกระดูกภายในร่างกาย
บรรเทาลักษณะของการปวดข้อรวมทั้งเมื่อยตามร่างกาย
ช่วยแก้อาการเคล็ดปวดเมื่อยและก็เท้าแพลง ด้วยเหตุว่ามีสารที่ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตมายังบประมาณริเวณที่นวดยาก้าวหน้ามากเพิ่มขึ้นนั่นเอง
มีสารต้านทานอาการไขข้ออักเสบ โรคข้อรูมาติเตียนสซั่ม
กระเทียมมีกลิ่นแรงก็เลยสามารถช่วยไล่ยุงได้อย่างดีเยี่ยม
ช่วยกระตุ้นน้ำย่อย เพิ่มความยากของกิน
ประโยชน์ต่างๆที่ได้รับจากกระเทียม
ผลดีสำคัญๆของกระเทียมอาจจะหนีไม่พ้นการนำมาใช้เพื่อช่วยปรุงรสชาติของของกิน ไม่ว่าจะใช้ผัด แกง ทอด ยำ ต้มยำ หรือน้ำพริกต่างๆอีกสารพัน
กระเทียมเป็นเครื่องสมุนไพรที่อุดมไปด้วยวิตามินรวมทั้งแร่หลายชนิด รวมทั้งยังเป็นพืชที่ธาตุซีลีเนียมสูงขึ้นยิ่งกว่าพืชประเภทอื่นๆทั้งยังยังมีสารอะดีโนซีน (Adenosine) ซึ่งเป็นกรดนิวคลีอิกที่เป็นตัวสร้าง DNA แล้วก็ RNA ของเซลล์ภายในร่างกาย
ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการนำกระเทียมไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆอย่างมากมาย เช่น กระเทียมเสริมของกิน กระเทียมสกัดผง สารสกัดน้ำมันกระเทียม กระเทียมดอง เป็นต้น

คุณค่าทางโภชนาการของกระเทียมดิบ ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 149 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 33.06 กรัม
น้ำตาล 1 กรัม
เส้นใยอาหาร 2.1 กรัม
ไขมัน 0.5 กรัม
โปรตีน 6.36 กรัม
วิตามินบี 1 0.2 มิลลิกรัม 17%
วิตามินบี 2 0.11 มก. 9%
วิตามินบี 3 0.7 มก. 5%
วิตามินบี 5 0.596 มิลลิกรัม 12%
วิตามินบี 6 1.235 มิลลิกรัม 95%
วิตามินบี 9 3 ไมโครกรัม 1%
วิตามินซี 31.2 มิลลิกรัม 38%
ธาตุแคลเซียม 181 มิลลิกรัม 18%
ธาตุเหล็ก 1.7 มิลลิกรัม 13%
ธาตุแมกนีเซียม 25 มก. 7%
ธาตุแมงกานีส 1.672 มก. 80%
ธาตุฟอสฟอรัส 153 มิลลิกรัม 22%
ธาตุโพแทสเซียม 401 มก. 9%
ธาตุสังกะสี 1.16 มก. 12%
ธาตุซีลีเนียม 14.2 ไมโครกรัม
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายอยากได้ในทุกๆวันสำหรับผู้ใหญ่ (ที่มา : USDA Nutrient database)
คำเสนอแนะและข้อควรพิจารณาสำหรับในการใช้กระเทียม
กระเทียมยิ่งสดมากแค่ไหนก็ยิ่งมีคุณประโยชน์ที่ดีเลิศขึ้นแค่นั้น แต่ว่าสำหรับกระเทียมที่ผ่านความร้อนด้วยวิธีการต่างๆหรือผ่านการดอง จะทำให้วิตามินรวมทั้งสารอัลลิสินที่มีอยู่ในกระเทียมนั้นสลายตัวไป
วิตามินและแร่ธาตุที่อยู่ในกระเทียมนั้น จะมีมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับดินรวมทั้งสภาพภูมิอากาศที่ใช้สำหรับในการเพาะปลูกอีกด้วย
สำหรับหญิงที่กำลังท้องหรือให้นมลูก ผู้ที่หรูหราน้ำตาลในเลือดเป็นปกติ มีระดับความดันโลหิตปกติ ผู้ที่มีอาการของเลือดหยุดไหลช้า รวมถึงผู้ที่ใช้ยาอื่นๆเป็นประจำ อย่างเช่น ยาปฏิชีวนะ ยาแอสไพริน ยาแก้อักเสบ ยาต้านไวรัส คุณไม่ควรกินกระเทียมหรือสินค้ากระเทียมเสริมในปริมาณที่มากจนกระทั่งเกินความจำเป็น ด้วยเหตุว่าอาจจะเป็นผลให้เป็นโทษต่อสถาพทางร่างกายได้
สำหรับคนที่ได้รับกลิ่นของกระเทียมเป็นประจำ อาจส่งผลให้เกิดอาการแพ้กระเทียมเมื่อกินได้ โดยอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีอาการอาเจียน และก็มีของกินหัวใจที่เต้นแรงผิดปกติ แต่อาการดังกล่าวข้างต้นจะค่อยๆหายไปเองภายในช่วงเวลา 3-4 ชั่วโมง ซึ่งกระเทียมที่ประยุกต์ใช้สำหรับเพื่อการปรุงอาหารชอบก่อกำเนิดอาการแพ้ได้น้อยกว่ากระเทียมแบบใหม่ๆ
สำหรับคนที่อยู่ในห้องครัวหรือผู้จะต้องใช้มือสัมผัสกับกระเทียมเสมอๆและก็เป็นเวลานาน อาจจะส่งผลให้ผิวหนังเกิดการอักเสบ มีตุ่มน้ำได้ ด้วยเหตุผลดังกล่าวคุณควรเลี่ยงการสัมผัสกระเทียมโดยตรงเป็นประจำด้วยการใส่ถึงมือทุกหนเวลาที่จะใช้กระเทียม
ถึงแม้ว่ากระเทียมจะเป็นพืชที่มีสรรพคุณอยู่เยอะมาก แม้กระนั้นคุณก็ไม่ควรที่จะเลือกใช้กระเทียมเพื่อหวังผลในการรักษาอาการหรือโรคใดโรคหนึ่ง อีกทั้งผลลัพธ์ที่ได้ในแต่ละบุคคลก็บางทีก็อาจจะไม่เหมือนกันออกไป ดังนั้นคุณควรเลือกรับประทานให้นานาประการแล้วก็ครบ 5 หมู่ จะเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากว่าพืชผักสมุนไพรปกติ หากเรียนกันอันที่จริงแล้ว มันก็เป็นประโยชน์ไม่น้อยไปกว่ากันเลย
ปัจจุบันนี้ในบ้านพวกเรายังไม่มีการรับรองว่ากระเทียมนั้นจะสามารถรักษาโรคได้จริง คงจะเป็นไปได้เพียงแต่สมุนไพรลู่ทางสำหรับการรักษาแล้วก็สมุนไพรเสริมสุขภาพแค่นั้นhttp://www.disthai.com/

6

ตะไคร้
ตะไคร้ (Lemon Grass) จัดเป็นพืชผักสมุนไพรที่นิยมเอามาปรุงอาหารสำหรับดับกลิ่นคาว แล้วก็ช่วยเพิ่มรสชาตของของกิน ในนานาประการรายการอาหาร โดยยิ่งไปกว่านั้นอาหารประเภทต้มยำ รวมทั้งแกงต่างๆรวมถึงการนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆเป็นต้นว่า น้ำตะไคร้ ผงตะไคร้ ฯลฯ
ตะไคร้ เป็นไม้ล้มลุกสกุลเดียวกันกับต้นหญ้า มีอายุมากยิ่งกว่า 1 ปี ขึ้นอยู่กับสิ่งแวดล้อม มีถิ่นเกิดในประเทศแถบเอเซียอาคเนย์ ได้แก่ เมียนมาร์ ไทย ลาว มาเลเชีย อินโดนีเชีย เป็นต้น
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Cymbopogon citratus (DC.)
วงศ์ : Graminae
ชื่อสามัญ : Lapine, Lemon grass, Sweet rush, Ginger grass
ชื่อเขตแดน:
– ตะไคร้
– ตะไคร้แกง
– ตะไคร้มะขูด
– คาหอม
– ไคร
– จะไคร
– เชิดเกรย
– หัวสิงไค
– เหลอะเกรย
– ห่อวอตะโป
– เฮียงเม้า
ตะไคร้1
ลักษณะทั่วไป
ลำต้น
ลำต้นตะไคร้มีเหง้าใต้ดิน ลำต้นมีลักษณะตั้งชัน รูปทรงกระบอก มีความสูงได้ถึง 1 เมตร (และใบ)ส่วนของลำต้นที่เรามองเห็นจะเป็นส่วนของกาบใบที่ออกเรียงช้อนกันแน่น โคนต้นมีลักษณะกาบใบห่อหุ้มครึ้ม ผิวเรียบ รวมทั้งมีขนอ่อนปกคลุม ส่วนโคนมีรูปร่างอ้วน มีสีม่วงอ่อนเล็กน้อย รวมทั้งเบาๆเรียวเล็กลงเปลี่ยนเป็นส่วนของใบ แกนกลางเป็นบ้องแข็ง ส่วนนี้สูงราว 20-30 ซม. ขึ้นกับความอุดมสมบูรณ์ของดิน แล้วก็ประเภท และก็เป็นส่วนที่นำมาใช้สำหรับเข้าครัว
ตะไคร้ ใบ
ใบตะไคร้ประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ก้านใบ (ส่วนลำต้นที่กล่าวข้างต้น) หูใบ (ส่วนต่อ
ระหว่างกาบใบ และใบ) และก็ใบ
ใบตะไคร้ เป็นใบลำพัง มีสีเขียว มีลักษณะเรียวยาว ปลายใบโค้งทางลงดิน โคนใบเชื่อมต่อกับหูใบ ใบมีรูปขอบขนาน ผิวใบสากมือ และก็มีขนปกคลุม ปลายใบแหลม ขอบของใบเรียบ แต่ว่าคม กึ่งกลางใบมีเส้นกึ่งกลางใบแข็ง สีขาวอมเทา มองเห็นต่างกับแผ่นใบแน่ชัด ใบกว้างราวๆ 2 ซม. ยาว 60-80 ซม.
ดอก
ตะไคร้เป็นพืชที่ออกดอกยาก ก็เลยไม่ค่อยพบเจอ ดอกตะไคร้ดอกจะมีดอกเป็นช่อกระจัดกระจาย มีก้านช่อดอกยาว และก็มีก้านช่อดอกย่อยเรียงเป็นคู่ๆในแต่ละคู่จะมีใบแต่งแต้มรองรับ มีกลิ่นหอมหวน ดอกมีขนาดใหญ่คล้ายดอกอ้อ
ดอกตะไคร้
ผลดีตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบสด


– ใช้เป็นเครื่องเทศทำอาหารสำหรับกำจัดกลิ่นคาว ช่วยทำให้อาหารมีกลิ่นหอม และก็ปรับแก้รสให้น่ารับประทานมากเพิ่มขึ้น
– ใช้เป็นส่วนผสมของยาใช้ภายนอกกันยุง สเปรย์กันยุง รวมทั้งยาจุดกันยุง

  • น้ำมันตะไคร้

    – ใช้เป็นส่วนประกอบของน้ำหอม
    – ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำสบู่ แชมพูสระผม
    – ใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องแต่งตัว
    – ใช้ทานวด แก้เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว
    – ใช้ทาลำตัว แขน ขา เพื่อคุ้มครองป้องกัน รวมทั้งไล่ยุง
    – ใช้เป็นส่วนประกอบของสารป้องกัน แล้วก็กำจัดแมลง
    คุณค่าทางโภชนาการของตะไคร้ ( 100 กรัม)

  • พลังงาน 143 กิโลแคลอรี่
  • โปรตีน 1.2 กรัม
  • ไขมัน 2.1 กรัม
  • คาร์โบไฮเดรต 29.7 กรัม
  • เส้นใย 4.2 กรัม
  • แคลเซียม 35 มิลลิกรัม
  • ธาตุฟอสฟอรัส 30 มิลลิกรัม
  • เหล็ก 2.6 มก.
  • วิตามินเอ 43 ไมโครกรัม
  • ไทอามีน 0.05 มก.
  • ไรโบฟลาวิน 0.02 มิลลิกรัม
  • ไนอาสิน 2.2 มก.
  • วิตามินซี 1 มก.
  • ขี้เถ้า 1.4 กรัม


ที่มา: กองโภชนาการ (2544)(1)
สารสำคัญที่พบ
ส่วนของลำต้น และใบมีน้ำมันหอมระเหย (Volatile oil) ที่มีสารหลายแบบ เช่น
– สิทราล (Citral) พบได้มากที่สุด 75-90%
– ทรานซ์ ไอโซซิทราล (Trans-isocitral)
– ไลโมเนน (Limonene)
– ยูจีนอล (Eugenol)
– ลิที่นาลูล (Linalool)
– เจอรานิออล (Geraniol)
– คาริโอฟิกลุ่มคำน ออกไซด์ (Caryophyllene oxide)
– พบรานิล อะซิเตท (Geranyl acetate)
– 6-เมทิล 5-เฮพเทน-2-วัน (6-Methyl 5-hepten-2-one)
– 4-โนนาโนน (4-Nonanone)
– เมทิลเฮพทีโนน (Methyl heptennone)
– ซิโทรเนลลอล (Citronellol)
– ไมร์ซีน (Myrcene)
– การบูร (Camphor)
เก็บจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), กมลชนชั้น น่าอัศจรรย์ชัยสกุล (2551) อ้างถึงในเอกสารหลายฉบับ(4)

สรรพคุณตะไคร้

  • ลำต้น แล้วก็ใบ


– ช่วยบรรเทา และรักษาอาการไข้หวัด
– แ้ก้ไอ และก็ช่วยขับเสลด
– ทุเลาลักษณะโรคโรคหืดหอบ
– รักษาอาการปวดท้อง
– ช่วยขับฉี่ แก้เยี่ยวยาก
– ช่วยขับเหงื่อ
– ช่วยสำหรับการขับลม
– แก้อหิวาตกโรค
– บำรุงธาตุ เจริญอาหาร
– ช่วยลดระดับความดัน โลหิตสูง
– ลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเส้นโลหิต
– แก้ระดูมาไม่ดีเหมือนปกติ

  • ราก


– ใช้เป็นยาปรับแก้ปวดท้อง แล้วก็ท้องเสีย
– ช่วยขับเยี่ยว
– บรรเทาอาการไอ และก็ขับเสลด

  • น้ำมันหอมระเหย


– ออกฤทธิ์ต่อต้านเชื้อรา
– ช่วยกำจัดเซลลูไลท์
– ช่วยสำหรับเพื่อการขับถ่าย
– ทุเลาอาการท้องเดิน
– ลดอาการจุกเสียด แน่นท้อง จากฤทธิ์ลดการบีบตัวของลำไส้
– ช่วยขับน้ำดี
– ช่วยขับลม
– ระังับลักษณะของการปวด
– ต้านทานอาการอักเสบ รวมทั้งลดการต่อว่าดเชื้อ
– กระตุ้นระบบไหลเวียนเลือด
– ลดอาการซึมเซา
– ต่อต้านอนุมูลอิสระ
สะสมจาก กาญจนา ขยัน (2552)(2), หัวใจชนชั้น ตระการชัยวงศ์ (2551)(4)
ฤทธิ์ทางยาของสารสกัดจากตะไคร้

  • ฤทธิ์ลดการบีบตัวของไส้


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้ออกฤทธิ์ลดอาการแน่นจุกเสียดด้วยการลดการบีบตัวของไส้ โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ ดังเช่นว่า Cineole และก็ Linalool

  • ฤทธิ์ฆ่าเชื้อแบคทีเรียต้นสายปลายเหตุลักษณะของอาการท้องเสีย


สารเคมีในน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์ทำลายเชื้อแบคทีเรียที่สำคัญของอาการท้องเสียเป็นE. coli โดยมีสารออกฤทธิ์ อย่างเช่น Citral, Citronellol, Geraneol และก็ Cineole

  • ฤทธิ์ขับน้ำดี


น้ำมันหอมระเหยของตะไคร้สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับน้ำดีของตับอ่อน โดยมีสารสำคัญที่ออกฤทธิ์ เช่น Borneol, Fenchone รวมทั้ง Cineole

  • ฤทธิ์ขับลม


สาร Menthol, Camphor และ Linalool สามารถออกฤทธิ์กระตุ้นการขับลมภายในร่างกายได้
พิษของน้ำมันตะไคร้
จำนวนน้ำมันตะไคร้ที่ทำให้หนูขาวตายที่ครึ่งหนึ่งของปริมาณหนูขาวทั้งผอง ด้วยการให้ทางปาก  ที่ความเข้มข้น 5,000 มก./กิโล และการให้น้ำมันหอมระเหยทางกระเพาอาหารแก่กระต่ายที่ทำให้กระต่ายตายที่กึ่งหนึ่ง พบว่า มีปริมาณความเข้มข้นเดียวกันกับการให้แก่หนูขาว
พิษฉับพลันของน้ำมันหอมระเหยจากตะไคร้ที่ความเข้มข้น 1,500 ppm ในช่วงเวลา 60 วัน กลับต้องมาพบว่า หนูขาวที่ได้รับน้ำมันหอมระเหยของตะไคร้มีการเติบโตเร็วกว่ากรุ๊ปที่ไม้ได้รับ และก็ค่าทางเคมีของเลือดไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด

7

ทับทิม
ทับทิม ชื่อสามัญ Pomegranate
ทับทิม ชื่อวิทยาศาสตร์ Punica granatum L. จัดอยู่ในวงศ์ตะแบก (LYTHRACEAE)
ทับทิม เป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศอิหร่านทางตอนใต้ของอัฟกานิสถาน ผลไม้ชนิดนี้จะชอบอากาศหนาวเป็นพิเศษ ยิ่งหนาวมากเท่าไหร่ เนื้อทับทิมนั้นจะมีสีแดงเข้มมากขึ้นเท่านั้น และยังเป็นผลไม้มงคลของคนจีนอีกด้วย ด้วยความที่ทับทิมมีเมล็ดมากจึงสื่อความหมายถึงการมีลูกชายมาก ๆ ด้วยนั่นเอง โดยกิ่งใบของทับทิมก็นำมาใช้ในพิธีการต่าง ๆ ที่มีน้ำมนต์ในการประกอบพิธีหรือนำมาใช้พรมน้ำมนต์เพราะเชื่อว่ามีไว้ติดตัวจะช่วยในเรื่องการคุ้มครองจากภัยอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย
ทับทิมยังถือว่าเป็นผลไม้เพื่อสุขภาพ โดยประโยชน์ของทับทิมและสรรพคุณของทับทิมนั้นมีมากมาย ด้วยทับทิมนั้นเป็นผลไม้ที่มีรสหวานออกเปรี้ยว น้ำทับทิมจึงมีวิตามินซีสูงและยังประกอบด้วยเกลือแร่ต่าง ๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย จึงช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้เป็นอย่างดี และนอกจากนี้ยังมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้อีกด้วย อย่างเช่น บรรเทาอาการของโรคหัวใจ รักษาความดันโลหิตสูง ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวขอเลือด รักษาโรคท้องเดิน โรคบิด เป็นต้น
ประโยชน์ของทับทิม
ช่วยบำรุงผิวพรรณให้เปล่งปลั่งสดใส
ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกายและช่วยในการชะลอวัย
น้ำทับทิมมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวหน้าเต่งตึง ด้วยการนำน้ำทับทิมประมาณ 1 ช้อนชามาทาทิ้งไว้บนใบหน้าประมาณ 10 นาทีแล้วล้างออก
น้ำทับทิมช่วยเพิ่มความสดชื่น แก้กระหาย คลายร้อนได้เป็นอย่างดี
ช่วยระงับกลิ่นปากได้อีกด้วย
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง บรรเทาอาการหวัด
ช่วยปกป้องผิวของคุณจากแสงแดด
ทับทับมีวิตามินซีสูงมาก และยังมีวิตามินเอ วิตามินอี และกรดโฟลิกอีกด้วย
ใบทับทิมใช้ในการประกอบพิธีต่าง ๆ ที่ใช้น้ำมนต์ในการประกอบพิธี
ช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องในหญิงตั้งครรภ์
ช่วยในการปรับฮอร์โมนวัยหมดประจำเดือน
ช่วยป้องกันโรคความจำเสื่อมในผู้สูงอายุ
ช่วยในการบำบัดอาการของโรคเบาหวาน
ช่วยบำรุงสายตา แก้อาการตาอักเสบ
น้ำต้มเปลือกทับทิมช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้
ช่วยบรรเทาอาการของโรคหัวใจ ด้วยการช่วยเสริมสุขภาพหัวใจให้ดียิ่งขึ้น
ช่วยป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
ช่วยบำรุงสุขภาพฟันให้แข็งแรง
ช่วยส่งเสริมสุขภาพกระดูกให้แข็งแรง ป้องกันการเกิดโรคกระดูกพรุน
ช่วยลดความดันโลหิตสูง
ช่วยส่งเสริมการทำงานของหลอดเลือด
ช่วยในการฟอกไตและท่อปัสสาวะ
ช่วยลดสภาวะการแข็งตัวของเลือดจากไขมันในเลือดสูง
มีฤทธิ์ในการต่อต้านเชื้อแบคทีเรียต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี
ช่วยแก้อาการระดูขาว ตกเลือด
ช่วยบำรุงสุขภาพตับให้แข็งแรง
มีส่วนช่วยบำรุงและต่อต้านอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ด้วย
เปลือกทับทิมสามารถรักษาโรคท้องเดินและโรคบิดได้ เพราะมีสารในกลุ่มแทนนินอยู่ในปริมาณมาก
เปลือกทับทิมมีสรรพคุณช่วยลดการอักเสบ
เปลือกผลช่วยรักษาแผลหิด กลากเกลื้อน
เปลือกของทับทิมช่วยต้านการหดเกร็งของกล้ามเนื้อ
ยาต้มจากเปลือกผลช่วยรักษาอาการอุจจาระร่วงได้ โดยช่วยลดจำนวนครั้งในการขับถ่ายและทำให้ระยะเวลาเริ่มถ่ายครั้งแรกนานขึ้น

เปลือกต้นและเปลือกรากของทับทิมสามารถใช้เป็นยาขับพยาธิตัวตืดและพยาธิตัวกลมได้เป็นอย่างดี ด้วยการนำเปลือกของรากและต้นที่ยังสด ๆ ประมาณครึ่งกำมือ เติมกานพลูลงไปเล็กน้อยเพื่อแต่งรส นำมาต้มกับน้ำ 3 ถ้วยแก้ว เคี่ยวจนเหลือถ้วยครึ่ง แล้วนำมารับประทานครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงจึงรับประทานยาถ่าย เช่น ดีเกลืออีก 2 ช้อนโต๊ะตามไปอีกครั้งหนึ่ง
ดอกทับทิมใช้ห้ามเลือดได้ ด้วยการนำดอกแห้งมาบดให้ละเอียดแล้วนำมาทาหรือโรยใส่บริเวณบาดแผล
ดอกทับทิมช่วยแก้อาการหูชั้นในอักเสบ
ใบของทับทิมสามารถนำมาอมกลั้วคอหรือทำเป็นยาล้างตาก็ได้
ทับทิมช่วยลดปัญหาผมร่วง ด้วยการนำยาพอกที่ได้จากใบ แล้วนำมาพอกหนังศีรษะ
ชาวอินเดียนำน้ำคั้นจากผลทับทิมและดอกของทับทิมมาปรุงเป็นยาธาตุ สมานลำไส้ บำรุงหัวใจ
ทับทิมช่วยต่อต้านการเกิดโรคมะเร็งได้มากกว่า 13 ชนิด โดยช่วยให้เซลล์มะเร็งไม่เพิ่มจำนวนขึ้น เช่น มะเร็งผิวหนัง มะเร็งตับ มะเร็งลำไส้ เป็นต้น
ช่วยในการทำลายเซลล์มะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งลำไส้ใหญ่
คุณค่าทางโภชนาการของเนื้อ ทับทิม ต่อ 100 กรัม
พลังงาน 83 กิโลแคลอรี
คาร์โบไฮเดรต 18.7 กรัม
ประโยชน์ของทับทิมน้ำตาล 13.67 กรัม
เส้นใย 4 กรัม
ไขมัน 1.17 กรัม
โปรตีน 1.67 กรัม
วิตามินบี 1 0.067 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 2 0.053 มิลลิกรัม 4%
วิตามินบี 3 0.293 มิลลิกรัม 2%
วิตามินบี 5 0.377 มิลลิกรัม 8%
วิตามินบี 6 0.075 มิลลิกรัม 6%
วิตามินบี 9 38 ไมโครกรัม 10%
โคลีน 7.6 มิลลิกรัม 2%
วิตามินซี 10.2 มิลลิกรัม 12%
วิตามินอี 0.6 มิลลิกรัม 4%
วิตามินเค 16.4 ไมโครกรัม 4%
ธาตุแคลเซียม 10 มิลลิกรัม 1%
ธาตุเหล็ก 0.3 มิลลิกรัม 2%
ธาตุแมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม 3%
ธาตุแมงกานีส 0.119 มิลลิกรัม 6%
ธาตุฟอสฟอรัส 36 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโพแทสเซียม 236 มิลลิกรัม 5%
ธาตุโซเดียม 3 มิลลิกรัม 0%
ธาตุสังกะสี 0.35 มิลลิกรัม 4%
% ร้อยละของปริมาณแนะนำที่ร่างกายต้องการในแต่ละวันสำหรับผู้ใหญ่ http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรทับทิม

หน้า: [1]