รับซ่อมแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์

กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ สมัครสมาชิก.

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
การค้นหาขั้นสูง  

ข่าว:

SMF - Just Installed!

แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.

Messages - asd524ohp

หน้า: [1]
1


ราชพฤกษ์

คูน ผลดีรวมทั้งสรรพคุณของคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
ความเป็นมาดอกราชพฤกษ์
           ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน เป็นต้นไม้พื้นบ้านของเอเชียใต้ ตั้งแต่ปากีสถาน อินเดีย พม่า และก็ศรีลังกา โดยนิยมนำมาปลูกกันมากในเขตร้อน สามารถเติบโตเจริญในที่โล่ง แล้วก็เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมาหลายสิบปี โดยมีการเสนอให้ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทยตั้งแต่ปี พุทธศักราช 2506 แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุปกระจ่าง จนถึงมีการเซ็นชื่อให้เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย ตอนวันที่ 26 ต.ค. พ.ศ. 2544
ดอกไม้ประจำชาติไทย
           เนื่องจาก ต้นราชพฤกษ์ มีดอกสีเหลืองชูช่อ ดูสง่างาม ทั้งยังยังมีสีตรงกับ สีประจำวันพระราชการเกิดของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ก็เลยถูกตั้งชื่อว่าเป็น "ต้นไม้ของในหลวง" รวมทั้งมีการลงชื่อให้ต้นราชพฤกษ์ ยอดเยี่ยมใน 3 เครื่องหมายประจำชาติไทย โดยมี 1. ช้าง เป็นสัตว์ประจำชาติไทย 2. ศาลาไทย เป็นสถาปัตยกรรมประจำชาติไทย รวมทั้ง 3. ดอกราชพฤกษ์ เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย
เหตุผลเลือกเป็นดอกไม้ประจำชาติไทย

  • ด้วยเหตุว่าฯลฯไม้ท้องถิ่นที่รู้จักกันอย่างมากมาย รวมทั้งมีอยู่ทุกภาคของเมืองไทย
  • มีประวัติเกี่ยวข้องกับจารีตประเพณีสำคัญๆในไทยและก็ฯลฯพืชที่มีความเป็นสิริมงคลที่นิยมนำมาปลูก
  • ใช้ประโยชน์ได้นานัปการ อย่างเช่น ใช้เป็นยารักษาโรค ทั้งยังยังใช้ลำต้นเป็นเสาเรือนได้ ฯลฯ
  • มีสีเหลืองแพรวพราว พุ่มไม้สวยเต็มต้น เทียบเป็นเครื่องหมายแห่งศาสนาพุทธ
  • แก่ยืนนาน รวมทั้งทนทาน


คูน หรือ ราชพฤกษ์ (Golden Shower, Indian Laburnum) เป็นพืชสมุนไพรพวกยืนต้นขนาดกลางถึงกับขนาดใหญ่ ที่มีชื่อเรียกตามท้องถิ่นต่างๆอย่างเช่น ภาคเหนือเรียก ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์ หรือชัยพฤกษ์ ส่วนจังหวัดปัตตานีเรียก ลักเคย หรือลักเกลือ และกะเหรี่ยง-จังหวัดกาญจนบุรีเรียก กุเพยะ ฯลฯ ซึ่งเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านของเอเชียใต้ไปจนถึงอินเดีย ศรีลังกา และพม่า รวมทั้งคูนหรือราชพฤกษ์นี้ยังเป็นดอกไม้ประจำชาติของไทยอีกด้วย
————– advertisements ————–
การดูแลและรักษา
           แสง : อยากได้แดดจัด หรือที่โล่งแจ้ง และเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่งเป็นพิเศษ
           น้ำ : ชอบน้ำน้อย ควรรดน้ำ 7-10 วันต่อครั้ง สามารถทนกับลักษณะอากาศร้อนได้ดิบได้ดี
           ดิน : สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในดินที่ร่วนซุย ดินร่วนผสมทราย หรือดินเหนียว
           ปุ๋ย : นิยมใส่ปุ๋ยหมัก หรือ ปุ๋ยมูลสัตว์ ในอัตรา 2-3 โลต่อต้น และก็ควรให้ปุ๋ยปีละ 3-4 ครั้ง
ดอกราชพฤกษ์ ดอกไม้ประจำชาติไทย
การขยายพันธุ์
           แนวทางขยายพันธุ์ต้นราชพฤกษ์ที่นิยมเป็นการเพาะเม็ด โดยใช้เม็ดสดๆมาขลิบด้วยกรรไกรตัดเล็บ แต่จำเป็นต้องเลือกขลิบบริเวณด้านป้าน เพราะด้านแหลมจะมีต้นอ่อนอยู่ แล้วหลังจากนั้นนำไปแช่น้ำสะอาดทิ้งไว้ข้ามวัน แล้วก็ค่อยเทน้ำออกให้เหลือปริมาณเพียงพอหล่อเลี้ยงเมล็ดได้ แล้วทิ้งไว้อีกคืนก็จะเจอรากงอก และก็สามารถนำลงปลูกได้เลย
ความเลื่อมใสเกี่ยวกับต้นราชพฤกษ์
           เชื่อว่าเป็นต้นไม้มงคล ที่ควรจะปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงใต้ รวมทั้งถ้าหากปลูกเอาไว้ภายในบ้านจะช่วยให้มีเกียรติยศ เกียรติ แล้วก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางไสยเวท โดยใช้ใบทำน้ำพระพุทธมนต์สะเดาะเคราะห์ เนื่องมาจากเป็นพืชที่มีความมงคลนาม
ลักษณะทั่วไปของคูน
สำหรับต้นคูนนั้นจัดว่าเป็นต้นไม้ขนาดกลาง โดยลำต้นมีสีน้ำตาลอมเทา มักขึ้นตามป่าผลัดใบ หรือในดินที่สามารถระบายน้ำเจริญ ส่วนใบจะมีสีเขียววาว วัวนมน เนื้อใบหมดจดรวมทั้งบาง ดอกจะออกเป็นช่อ มีกลีบรูปทรงไข่กลับอยู่ 5 กลีบ แล้วก็มองเห็นเส้นกลีบแจ่มกระจ่าง ฝักอ่อนมีสีเขียวรวมทั้งจะเป็นสีดำเมื่อแก่จัด และในฝักจะมีฝาผนังเยื่อบางๆกันเป็นช่องๆอยู่ตามแนวขวางของฝัก และก็ภายในช่องเหล่านี้จะมีเมล็ดสีน้ำตาลแบนๆอยู่
ต้นคูน หรือ ต้นราชพฤกษ์
คุณประโยชน์รวมทั้งสรรพคุณของคูน
ใบ – ช่วยฆ่าพยาธิผิวหนัง ฆ่าเชื้อโรคต่างๆช่วยระบายท้อง สามารถใช้พอกแก้ลักษณะของการปวดข้อ หรือแก้ลมตามข้อ รวมทั้งช่วยแก้โรคอัมพาตของกล้ามบนใบหน้า หรือนำไปต้มกินแก้เส้นพิการ และก็โรคที่เกิดขึ้นและมีปัญหาเกี่ยวกับสมอง ให้รสเมา
ดอกราชพฤกษ์ – ช่วยระบายท้อง แก้ไข้ แก้พรรดึก (ท้องผูก) และก็โรคกระเพาะอาหาร และแผลเรื้อรัง ให้รสขมเปรี้ยว
ราก – ช่วยสำหรับในการทำลายเชื้อโรคกุฏฐัง ระบายพิษไข้ แก้ขี้กลากหรือโรคเกลื้อน แก้อาการเซื่องซึมหนักบริเวณหัว รวมทั้งช่วยถ่ายสิ่งสกปรกสกปรกออกจากร่างกาย แก้อาการหายใจขัด ทำให้สดชื่นทรวงอก แก้ลักษณะของการมีไข้ ไปจนถึงรักษาโรคหัวใจ ถุงน้ำดี มีฤทธิ์ถ่ายแรงกว่าเนื้อในฝัก สามารถใช้ได้กับเด็กหรือสตรีท้อง ไม่เป็นผลใกล้กันใดๆให้รสเมา
แก่น – ช่วยในการขับพยาธิไส้เดือน ให้รสเมา
กระพี้ – ช่วยแก้โรครำมะนาด ให้รสเมา
เนื้อในฝัก – ใช้พอกเพื่อช่วยแก้ลักษณะของการปวดข้อ แก้ตานขโมย ปรับแต่งไข้มาลาเรีย แก้บิด ถ่ายพยาธิ หรือคนที่มีลักษณะท้องผูกเรื้อรัง และถ่ายเสมะและแก้พรรดึก (ท้องผูก) ไปจนกระทั่งระบายพิษไข้ สามารถใช้ได้ในเด็กแล้วก็สตรีท้อง ไปจนกระทั่งเป็นยาระบายที่ไม่ทำให้ปวดมวนหรือไข้ท้อง ให้รสหวานเบื่อ
เปลือกฝัก – ทำให้แท้งลูก ทำให้คลื่นไส้ และขับรกที่ค้างอยู่ออกมา ให้รสฝาดเมา
เมล็ด – ทำให้อาเจียน ให้รสเฝื่อนฝาดเมา
เปลือกต้น – ช่วยแก้อาการท้องร่วง ใช้ฝนผสมกับต้นหญ้าฝรั่น น้ำดอกไม้เทศ แล้วก็น้ำตาล กินเพื่อให้เกิดลมเบ่ง ให้รสฝาดเมา
เปลือกราก – ช่วยแก้ไข้มาลาเรีย และระบายพิษไข้ ให้รสฝาด
ดอกคูน หรือ ดอกราชพฤกษ์
ต้นคูนมักนิยมปลูกเป็นไม้ประดับในพื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน สามารถเติบโตได้ดิบได้ดีในที่โล่ง และปลูกได้ง่ายอีกทั้งในดินซึ่งร่วนซุย ดินร่วนซุยผสมทราย หรือดินร่วนเหนียว และยังทนต่อลักษณะอากาศแห้งแล้งแล้วก็ดินเค็มก้าวหน้า แต่ถ้าเกิดอากาศหนาวจัดอาจก่อให้ติดโรคราหรือโรคใบจุดได้http://www.disthai.com/

2

กระเทียม
กระเทียมกับประโยชน์ต่อร่างกาย
กระเทียม เป็นไม้ล้มลุกที่มีหัวลักษณะเป็นทรงกระเปาะอยู่ใต้ดินเช่นเดียวกับหัวหอม ซึ่งแต่ละหัวจะประกอบด้วย 6-10 กลีบ นิยมประยุกต์ใช้เป็นเครื่องปรุงทำครัว กระเทียมเป็นพืชที่ค่อนข้างแตกต่างจากพืชทั่วไป เนื่องจากอุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ในจำนวนมาก นอกจากนี้กระเทียมประกอบไปด้วยสารอาหารฯลฯ อาทิเช่น อาร์จีนีน (Arginine) โอลิโกแซ็คคาไรด์ (Oligosaccharides) ฟลาโวนอยด์ (Flavoniods) และซีลีเนียม (Selenium) ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีสาระต่อสภาพทางด้านร่างกาย
กระเทียม
หลายท่านอาจจำกระเทียมได้จากกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งมีสาเหตุจากสารอัลลิซิน (Allicin) นอกเหนือจากการที่จะทำให้กระเทียมมีกลิ่นที่โดดเด่นแล้ว อัลลิซินยังเป็นสารออกฤทธิ์หลักที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และอาจมีส่วนช่วยรักษาโรคหรือทำให้อาการต่างๆดียิ่งขึ้น โดยที่หลายคนเชื่อว่าการรับประทานกระเทียมบางทีอาจช่วยทุเลาอาการที่เกี่ยวเนื่องกับหัวใจแล้วก็เส้นเลือด ความดันเลือด คอเลสเตอรอล บรรเทาหวัด รวมทั้งใช้น้ำมันกระเทียมเป็นยาทาภายนอกเพื่อรักษาอาการติดเชื้อโรคทางผิวหนัง เล็บ หรือช่วยรักษาอาการผมร่วงอีกด้วย
ดังนี้ข้อยืนยันหรือหลักฐานทางการแพทย์มีมากมายน้อยเพียงใดที่จะช่วยรับรองสรรพคุณ ประโยชน์ รวมทั้งความปลอดภัยของการกินกระเทียมที่มีบทบาทหรือส่วนช่วยในการรักษาโรคพวกนี้
ความดันโลหิตสูง อัลลิสินซึ่งเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบได้ในกระเทียมสดหรือสินค้าเสริมอาการที่มีส่วนประกอบของกระเทียม อาจมีส่วนช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อเรียบที่เรียงตัวในเส้นเลือดและนำมาซึ่งการทำให้หลอดเลือดขยายตัวแล้วก็ทำให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลง ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบชิ้นหนึ่งให้คนป่วยที่มีระดับความดันโลหิตสูงโดยที่มีค่าความดันซิสโตลิก (Systolic Blood Pressure: SBP) มากกว่าหรือเท่ากับ 140 มิลลิตรปรอท กินกระเทียมบ่มสกัด (Aged Garlic Extract: AGE) ขนาด 960 มก. ตรงเวลา 12 สัปดาห์ พบว่าค่าความดันซิสโตลิกลดต่ำลงมากกว่าเมื่อเทียบกับคนไข้ที่กินยาหลอก จึงอาจกล่าวได้ว่าการรับประทานกระเทียมบ่มสกัดอาจมีคุณภาพสำหรับเพื่อการรักษาคนเจ็บความดันโลหิตสูงได้ดีกว่ายาหลอก
ต่อให้มีการทดสอบอีก 2 ชิ้นที่แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียมสำหรับการลดระดับความดันโลหิตได้ดีมากยิ่งกว่าการใช้ยาหลอก แม้กระนั้นเนื่องจากว่าผลของการทดสอบบางทีอาจยังไม่แม่นเพียงพอที่จะสรุปประสิทธิภาพของกระเทียมได้ว่าสามารถรักษาหรือลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจแล้วก็เส้นโลหิตในผู้เจ็บป่วยความดันโลหิตสูง จึงยังจำเป็นจะต้องเรียนเพิ่มอีกเพื่อยืนยันประสิทธิภาพที่ชัดแจ้งเพิ่มขึ้น
มะเร็ง ความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมแล้วก็ความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งยังกำกวมแล้วก็ยังคงเป็นที่แย้งกันอยู่ ซึ่งจะมองเห็นได้จากการค้นคว้าวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้ชาวจีนทั้งปวงศชายแล้วก็ผู้หญิงที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะจำนวนกว่า 5,000 คน รับประทานสารอัลลิทริดินขนาด 200 มก.ต่อวัน ร่วมกับสารซีลีเนียมขนาด 100 ไมโครกรัมวันเว้นวัน ซึ่งล้วนเป็นสารสกัดที่ได้จากกระเทียม โดยการทำการทดลองเป็นเวลา 5 ปี แล้วก็เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอกแล้วพบว่ากลุ่มที่กินสารอัลลิทริดินร่วมกับสารซีลีเนียมมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกลดลง 33 เปอร์เซ็นต์ รวมทั้งเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะต่ำลงถึง 52 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี มีการทำการศึกษาอีก 19 ชิ้นชี้ให้เห็นว่า ยังไม่เจอหลักฐานที่น่าไว้วางใจถึงที่เหมาะจะช่วยส่งเสริมความเกี่ยวเนื่องของการบริโภคกระเทียมต่อการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะ โรคมะเร็งหน้าอก โรคมะเร็งปอด หรือโรคมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก รวมทั้งมีหลักฐานที่ออกจะจำกัดที่ส่งเสริมว่าการบริโภคกระเทียมอาจช่วยลดการเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งไส้ มะเร็งต่อมลูกหมาก โรคมะเร็งหลอดของกิน โรคมะเร็งกล่องเสียง มะเร็งในโพรงปาก หรือโรคมะเร็งรังไข่
ทั้งนี้สถาบันโรคมะเร็งแห่งชาติสหรัฐฯ (NCI) ได้พูดว่ากระเทียมเป็นผักที่อาจมีคุณสมบัติต้านทานโรคมะเร็ง แต่ว่ายังมีต้นเหตุอื่นๆอย่างเช่น ลักษณะของผลิตภัณฑ์ที่ทำมาจากกระเทียม หรือจำนวนความเข้มข้นที่นานาประการ อาจจะก่อให้พิสูจน์ถึงคุณภาพของกระเทียมได้ยาก รวมทั้งเมื่อเวลาผ่านไปหรือเก็บเอาไว้ภายในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม ก็อาจจะก่อให้คุณภาพของกระเทียมสิ้นสุดไปได้ด้วยเหมือนกัน
แก้หวัด คนจำนวนไม่น้อยมั่นใจว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านเชื้อจุลินทรีย์แล้วก็เชื้อไวรัส รวมทั้งมีการประยุกต์ใช้เพื่อคุ้มครองป้องกันและบรรเทาอาการหวัดมาอย่างยาวนาน ซึ่งสอดคล้องกับการศึกษาเล่าเรียนชิ้นหนึ่งที่ให้อาสาสมัครจำนวน 146 คน รับประทานสารสกัดจากกระเทียมชนิดเม็ดซึ่งประกอบไปด้วยสารอัลลิซินขนาด 180 มก.วันละ 1 ครั้ง ตรงเวลา 12 อาทิตย์ แล้วให้อาสาสมัครจดบันทึกอาการเมื่อเป็นหวัด พบว่าในกรุ๊ปที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีรายงานการเป็นหวัดจำนวน 24 ครั้ง ซึ่งน้อยกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่มที่รับประทานยาหลอกที่มีรายงานการเป็นหวัดปริมาณ 65 ครั้ง ทั้งยังยังพบว่าช่วงเวลาของการเป็นหวัดในกลุ่มที่กินสารสกัดจากกระเทียมมีจำนวนวันที่น้อยกว่า แม้กระนั้นระยะเวลาการฟื้นฟูสภาพจากอาการหวัดของ 2 กรุ๊ปมีความไม่เหมือนกันเพียงแค่เล็กๆน้อยๆ ถึงผลการทดลองข้างต้นจะบอกให้เห็นถึงประสิทธิภาพของกระเทียม แต่หลักฐานการทดลองทางสถานพยาบาลยังน้อยเกินไปและจึงควรศึกษาเพิ่มเพื่อรับรองคุณภาพของกระเทียมให้เด่นชัดยิ่งขึ้น
ลดน้ำหนักและก็มวลไขมัน ในคนป่วยภาวะไขมันพอกตับ ที่มิได้เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่มักเกิดขึ้นได้เนื่องมาจากโรคอ้วน โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ความดันเลือดสูง และก็ไขมันในเลือดสูง ซึ่งการรักษาด้วยการรับประทานยา การผ่าตัด หรือลดหุ่นอาจไม่เพียงพอ หากไม่ดูแลเรื่องการกินอาหารควบคู่ไปด้วย การกินกระเทียมก็เลยอาจเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากว่ากระเทียมเป็นพืชสมุนไพรที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์และสารอาหารอื่นๆที่อาจมีคุณสมบัติปกป้องภาวะอ้วน ซึ่งสอดคล้องกับการค้นคว้าวิจัยชิ้นหนึ่งที่ให้คนไข้ไขมันพอกตับที่ไม่ได้มีเหตุที่เกิดจากการดื่มแอลกอฮอล์ทั้งปวงศชายรวมทั้งผู้หญิง อายุตั้งแต่ 20-70 ปี จำนวนทั้งมวล 110 คน รับประทานกระเทียมผงชนิดแคปซูลขนาด 400 มิลลิกรัม ซึ่งด้านในประกอบไปด้วยสารอัลสิลินขนาด 1.5 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้ง ตรงเวลา 15 สัปดาห์ โดยสามารถรับประทานอาหารได้ตามเดิม แต่กินกระเทียมได้ไม่เกินอาทิตย์ละ 2 กลีบ จากผลของการทดสอบทำให้เห็นว่า น้ำหนักแล้วก็มวลร่างกายลดน้อยลงอย่างเป็นจริงเป็นจังเมื่อเทียบกับกรุ๊ปที่กินยาหลอก จึงอาจกล่าวได้ว่าการกินกระเทียมบางทีอาจช่วยลดจำนวนไขมันในตับแล้วก็คุ้มครองป้องกันหรือชะลอการเกิดภาวะไขมันพอกตับที่มิได้มีเหตุมาจากการดื่มแอลกอฮอล์ แต่การเรียนในอนาคตยังควรต้องออกแบบการทดสอบให้ดีขึ้นรวมทั้งควรเพิ่มระยะเวลาสำหรับเพื่อการทดสอบเพื่อยืนยันความสามารถของกระเทียมให้แจ้งชัดยิ่งขึ้น
ลดระดับคอเลสเตอรอล หลักฐานเกี่ยวกับสมรรถนะของกระเทียมต่อการลดระดับคอเลสเตอรอลยังคงไม่ตรงกัน จึงทำให้ยังไม่อาจจะสรุปได้อย่างเห็นได้ชัด ซึ่งสอดคล้องกับการทดสอบแล้วก็การเรียนรู้โดยการทบทวนงานค้นคว้าวิจัยที่เกี่ยวเนื่องปริมาณ 29 ชิ้น ได้ชี้ให้เห็นว่า การกินกระเทียมบางทีอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลรวมได้เล็กน้อย แต่ไม่ส่งผลให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ดี (High-Density Lipoprotein: HDL) เพิ่มสูงมากขึ้น หรือไม่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลจำพวกที่ไม่ดี (Low-Density Lipoprotein: LDL) ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจลดลงอะไร จึงยังจะต้องเรียนรู้เพิ่มเติมอีกเพื่อหาบทสรุปและรับรองความสามารถของกระเทียมต่อระดับคอเลสเตอรอลที่ชัดเจนเพิ่มขึ้น

ความปลอดภัยในการกินกระเทียม
การรับประทานกระเทียมออกจะไม่เป็นอันตรายถ้ากินในจำนวนที่เหมาะสม แต่อาจส่งผลให้เกิดผลข้างๆได้ ดังเช่นว่า ปากเหม็น มีกลิ่นเต่า รู้สึกแสบร้อนที่รอบๆปากหรือที่กระเพาะ แสบร้อนกลางอก ท้องอืด อาเจียน อ้วก หรือท้องเสีย อาการพวกนี้บางทีอาจทวีความร้ายแรงขึ้นเมื่อกินกระเทียมสด อีกทั้งการใช้กระเทียมสดทาหรือสัมผัสที่บริเวณผิวหนังอาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนรวมทั้งเคืองได้
สิ่งที่จำเป็นต้องระมัดระวังสำหรับในการกินกระเทียมโดยเฉพาะบุคคลในกรุ๊ปตั้งแต่นี้ต่อไป
คนที่กำลังท้องหรือคนที่อยู่ในช่วงให้นมลูก การรับประทานกระเทียมในตอนการท้องค่อนข้างจะปลอดภัยถ้ารับประทานเป็นอาหารหรือในจำนวนที่สมควร แต่ว่าอาจไม่ปลอดภัยถ้ากินกระเทียมเป็นยารักษาโรค อีกทั้งยังไม่มีช้อมูลที่น่าไว้ใจพอเพียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของการทากระเทียมที่รอบๆผิวหนังในช่วงการท้องหรือให้นมบุตร
เด็ก การกินกระเทียมในปริมาณที่สมควรและในระยะสั้นๆบางทีอาจไม่มีอันตรายสำหรับเด็ก แต่การใช้กระเทียมทาบริเวณผิวหนังอาจทำให้กำเนิดอาการแสบร้อนและก็ระคายเคือง
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือการย่อยของอาหาร อาจจะก่อให้เกิดการเคืองที่ดินเดินของกินได้
คนที่มีความดันเลือดต่ำ การกินกระเทียมอาจจะเป็นผลให้ระดับความดันเลือดลดลดน้อยลงมากยิ่งกว่าธรรมดา
คนที่วางแผนเข้ารับการผ่าตัด ควรหยุดกินกระเทียมก่อนจะมีการผ่าตัดอย่างน้อย 2 อาทิตย์เนื่องจากอาจจะก่อให้เลือดออกมากแล้วก็มีผลต่อความดันเลือดในระหว่างการผ่าตัด และก็ผู้ที่มีภาวการณ์เลือดออกเปลี่ยนไปจากปกติไม่สมควรรับประทานกระเทียม โดยยิ่งไปกว่านั้นกระเทียมสด เพราะบางทีอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เลือดออกได้ง่ายขึ้น
ผู้ที่อยู่ในระหว่างการรับประทานยารักษาโรค ดังเช่น ไอโซไนอะสิด เพราะว่ากระเทียมอาจลดการดูดซึมของยาภายในร่างกายและส่งผลต่อประสิทธิภาพหลักการทำงานของยา รวมถึงไม่ควรรับประทานกระเทียมในระหว่างใช้ยาดังต่อไปนี้
ยารักษาการติดเชื้อโรคเอชไอวีหรือโรคภูมิคุมกันบกพร่อง
ยาคุมกำเนิด
ยาต้านทานการแข็งตัวของเลือด
ยาต้านเกล็ดเลือด
http://www.disthai.com/

Tags : สมุนไพรกระเทียม

หน้า: [1]