1
อื่น ๆ / กระเทียมนั้นมีสรรพคุณ-เเละประโยชน์ดีนักหนาอย่างไร
« เมื่อ: สิงหาคม 14, 2018, 03:33:04 AM »กระเทียม
ลักษณะทางกายภาพแล้วก็เคมีที่ดี:
จำนวนน้ำไม่เกิน 68% w/w จำนวนขี้เถ้ารวมไม่เกิน 2.5% w/w จำนวนเถ้าที่ไม่ละลายในกรดไม่เกิน 1% และก็ปริมาณสารสกัดเฮกเซน แอลกอฮอล์ และก็น้ำ ประมาณ 0.52, 0.50 และก็ 15% w/w ตามลำดับ เภสัชตำรับอังกฤษระบุจำนวนสาร alliin ไม่น้อยกว่า 0.45 % w/w
สรรพคุณ:
หนังสือเรียนยาไทยใช้หัวกระเทียมเป็นยาขับลม แก้ลมจุกเสียด แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ แก้ธาตุพิการ ของกินไม่ย่อย ขับเสมหะ ขับเหงื่อ ลดไขมัน รักษาปอด แก้ปอดทุพพลภาพ แก้อุจจาระเป็นมูกเลือด บำรุงธาตุ กระจัดกระจายโลหิต ขับเยี่ยว แก้บวมพุพอง ขับพยาธิ แก้ตาปลา แก้ตาแดง ร้องไห้ ตาพร่า รักษาโรคลักปิดลักเปิด รักษาโรคมะเร็งคุด รักษาริดสีดวง แก้ไอ คุมกำเนิด แก้สะอึก บำบัดรักษาโรคในอก แก้พรรดึก รักษาฟันเป็นโรครำมะนาด แก้หูอื้อ แก้อัมพาต ลมเข้าข้อ แก้อาการชักของเด็ก พอกหัวเหน่าแก้ขัดเบา รักษาวัณโรค แก้โรคประสาท แก้โรคหืด แก้ปวดมวนในท้อง บำรุงสุขภาพทางกามคุณ ขับเลือดรอบเดือน บำรุงเส้นประสาท แก้ไข้ แก้บวมช้ำ แก้ปวดกระบอกตา แก้โรคในปาก แก้หวัดคัดจมูก แก้ไข้เพื่อเสลด ทำให้ผมเงางาม บำรุงเส้นผมให้ดกดำ ใช้ภายนอก รักษาแผลเรื้อรัง รักษาขี้กลากเกลื้อน แก้โรคผิวหนัง ทาข้างนอกทุเลาลักษณะของการปวดบวมตามข้อเนื่องจากว่าเป็นยาพอกให้ร้อน ใช้พอกตรงที่ถูกแมลง ตะขาบ แมงป่องต่อยเป็นส่วนประกอบในตำรับยาเหลืองปิดสมุทร (แก้ท้องเดิน), ยาประสะไพล (ขับน้ำคาวปลา ในสตรีหลังคลอด), ยาธาตุบรรจบ (แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ท้องเสีย ใช้กระเทียม 3 กลีบ ตีชงน้ำร้อน ใช้เป็นน้ำกระสายยา สำหรับยาผง)
บัญชียาจากสมุนไพร: ที่มีการใช้ตามองค์วิชาความรู้เริ่มแรก ตามประกาศคณะกรรมการปรับปรุงระบบยาแห่งชาติ ในบัญชียาหลักแห่งชาติ กำหนดการใช้กระเทียมในตำรับ “ยาแก้ลมอัมพฤกษ์” มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆในตำรับ มีสรรพคุณบรรเทาลักษณะของการปวดตามเอ็น กล้ามเนื้อ มือ เท้า ตึงหรือชา ตำรับ "ยาประสะไพล" มีส่วนประกอบของหัวกระเทียมร่วมกับสมุนไพรจำพวกอื่นๆในตำรับ มีคุณประโยชน์รักษาประจำเดือนมาไม่บ่อยนักหรือมาน้อชูว่าปกติ ทุเลาลักษณะของการปวดประจำเดือน และขับน้ำคร่ำในหญิงข้างหลังคลอดลูก
รูปแบบและขนาดการใช้ยา:
กระเทียมสด 2-5 กรัมต่อวัน กระเทียมแห้ง 0.4-1.2 กรัมต่อวัน น้ำมันกระเทียม 2-5 มิลลิกรัมต่อวัน สารสกัด 300-1,000 มิลลิกรัมต่อวัน หรือแบบยาอื่นๆที่มีสาร alliin 4-12 มิลลิกรัมหรือสาร allicin 2-5 มก.
ขนาดแล้วก็การใช้สำหรับอาการท้องอืดท้องอืดแน่นจุกเสียด:
ใช้กระเทียม 5-10 กลีบ ซอยละเอียด รับประทานหลังอาหาร หรือพร้อมอาหาร
ขนาดและก็วิธีการใช้สำหรับรักษากลากเกลื้อน:
ฝานกระเทียมเช็ดเสมอๆบริเวณที่เป็น หรือตำแล้วขยี้ทาบริเวณที่เป็น วันละ 2 ครั้ง ก่อนที่จะป้ายยาใช้ไม้บางๆเล็กๆที่ได้ฆ่าเชื้อโรคแล้ว (โดยการแช่ในแอลกอฮอล์ 70% หรือต้มในน้ำเดือด 10-15 นาที) ขูดรอบๆที่เป็น ให้ผิวหนังแดงๆก่อนทา เพื่อให้ตัวยาซึมลงไปก้าวหน้าขึ้น เมื่อหายแล้วให้ทายาต่ออีก 7-10 วัน
ขนาดรวมทั้งวิธีใช้สำหรับแก้ไอ:
แบบเรียนยาไทยให้ใช้กระเทียม และขิงสดอย่างละเสมอกันตำละเอียด ละลายน้ำอ้อยสด คั้นเอาน้ำจิบแก้ไอ กัดเสมหะ ทำให้เสมหะแห้ง แบบเรียนยาไทยบางตำรับให้คั้นกระเทียมกับน้ำมะนาวเพิ่มเกลือใช้จิดหรือปัดกวาดคอ
องค์ประกอบทางเคมี:
น้ำมันหอมระเหย ราว 0.1-0.4% มีองค์ประกอบหลักคือ allicin ajoene alliin allyldisulfide diallyldisulfide ซึ่งเป็นสารประกอบกรุ๊ปกลุ่ม organosulfur สารในกลุ่มนี้ที่เจอในกระเทียมได้แก่ สารกรุ๊ป S-(+)-alkyl-L-cysteine sulfoxides , alliin 1% , methiin 0.2% , isoalliin 0.06% แล้วก็ cycloalliin 0.1% รวมทั้งสารที่ไม่ระเหยคือ สารกลุ่ม gamma-L-glutamyl-S-alkyl-L-cysteines , gamma-glutamyl-S-trans-1-propenylcysteine 0.6% และ gamma-glutamyl-S-allylcysteine รวมโดยประมาณ 82% ของสารกรุ๊ป organosulpur ทั้งหมดทั้งปวง ส่วนสารกรุ๊ป thiosulfinates (allicin) สารกรุ๊ป ajoenes (E-ajoene แล้วก็ Z-ajoene) สารกรุ๊ป vinyldithiins (2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)-1,2-dithiin) รวมทั้งสารกรุ๊ป sulfides (diallyl disulfide , diallyl trisulfide) ซึ่งเป็นสารที่มิได้พบในธรรมชาติแม้กระนั้นมีต้นเหตุจากการย่อยสลายของสาร allin ซึ่งถูกย่อยสลายด้วยเอนไซม์ alliinase จากนั้นจึงมีการรวมตัวกันใหม่ได้สาร allicin ซึ่งเป็นสารที่ไม่เสถียร สลายตัวได้สารกลุ่ม sulfides อื่นๆดังนั้นกระเทียมที่ผ่านขั้นตอนการสกัด การกลั่นน้ำมัน หรือความร้อน สารประกอบส่วนมากที่พบเป็นสารกรุ๊ป diallyl sulfide , diallyl disulfide , diallyl trisulfide แล้วก็ diallyl tetrasulfide ส่วนกระเทียมที่ผ่านกระบวนการหมักในน้ำมัน สารประกอบที่เจอโดยมากเป็น 2-vinyl-(4H)-1,3-dithiin , 3-vinyl-(4H)1,2-dithiin , E-ajoene และก็ Z-ajoene ปริมาณของ alliin ที่พบในกระเทียมสด ราว 0.25-1.15% สารกลุ่มอื่นๆที่พบ อาทิเช่น สารเมือก รวมทั้ง albumin, scordinins, saponins 0.07% , beta-sitosterol 0.0015%, steroids, triterpenoids รวมทั้ง flavonoids
การเรียนทางเภสัชวิทยา:
ฤทธิ์คุ้มครองตับจากสารพิษ
การทดสอบป้อนสาร diallyl disulfide (DADS) จากกระเทียมให้แก่หนูขาว ขนาดวันละ 50 รวมทั้ง 100 มก./กก. น้ำหนักตัว ในหนูแต่ละกรุ๊ป นานติดต่อกัน 5 วัน ก่อนรั้งนำให้ตับมีการเสียหายด้วยสาร carbon tetrachloride (CCl4) พบว่า DADS ทั้งคู่ขนาดสามารถปกป้องตับเป็นพิษได้ การพิจารณาลักษณะทางจุลกายส่วนศาสตร์พบว่าสามารถยับยั้งความย่ำแย่ของเซลล์ตับ โดยลดรูปแบบการทำงานของเอนไซม์ aspartate transaminase (AST) รวมทั้ง alanine transaminase (ALT) ในตับลงได้ ลดการแสดงออกของโปรตีนที่เกี่ยวข้องในแนวทางการอักเสบ รวมทั้งการถึงแก่กรรมของเซลล์ตับ อาทิเช่น Bax, cytochrome C, caspase-3, nuclear factor-kappa B, I kappa B alpha นอกเหนือจากนี้ยังมีผลเพิ่มการแสดงออกของโปรตีน และก็โปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีที่เกี่ยวข้องในกรรมวิธีการต้านอนุมูลอิสระ ได้แก่ catalase, superoxide dismutase, glutathione peroxidase, glutathione reductase, glutathione S-transferase ผลจากการเรียนรู้แสดงให้เห็นว่า สาร DADS จากกระเทียมมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระรวมทั้งปกป้องรักษาตับจากสารพิษ โดยกลไกกระตุ้นแนวทางการทำงานของ nuclear factor E2-related factor 2 (Nrf2) ซึ่งเป็น transcription factor หรือโปรตีนที่ควบคุมการแสดงออกของยีนที่ทำหน้าที่ป้องกันเซลล์ รวมทั้งเนื้อเยื่อจากอนุมูลออกซิเจนที่ว่องต่อปฏิกิริยา การกระตุ้น Nrf2 ส่งผลรั้งนำการสร้างโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมีต้านทานอนุมูลอิสระ และก็สร้างเอนไซม์ในระบบการกำจัดพิษออกจากร่างกายในขั้นตอนที่ 2 (detoxifying Phase II enzyme) แล้วก็ยับยั้ง nuclear factor-kappa B ส่งผลให้ลดการผลิตสารที่เกี่ยวเนื่องกับการอักเสบลง และคุ้มครองป้องกันตับจากพิษได้ (Lee, et al, 2014)
ฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ
เรียนฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของสารสกัดน้ำโดยไม่ผ่านความร้อน (raw garlic) รวมทั้งสารสกัดกระเทียมที่ผ่านการต้มแล้ว เอามาทดสอบในหลอดทดลอง โดยใช้เนื้อเยื่อของกระต่าย พบว่า raw garlic สามารถยับยั้งโปรตีนที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาเคมี cyclooxygenase (ที่กระตุ้นให้เกิดการสร้างสารอักเสบ) แบบ non-competitive และก็ irreversible จากการศึกษาเล่าเรียนพบว่า raw garlic สามารถยั้งเอนไซม์ cyclooxygenase ได้ โดยมีค่า IC50 ต่อเกล็ดเลือด,ปอด และเส้นโลหิตแดงในกระต่ายเท่ากับ 0.35, 1.10 แล้วก็ 0.90 mg ในขณะที่กระเทียมที่ต้มแล้วมีฤทธิ์ยั้ง cyclooxygenase ได้บางส่วนเมื่อเปรียบเทียบกับกระเทียมที่ไม่ผ่านความร้อน เนื่องจากส่วนประกอบสำคัญในกระเทียมนั้นถูกทำลายตอนที่ให้ความร้อน จากผลการศึกษาเรียนรู้และค้นคว้ารวมทั้งการวิจัยทำให้เห็นว่ากระเทียมคงจะมีประโยชน์สำหรับการคุ้มครองป้องกันโรคเส้นเลือดอุดตันได้ (Ali, 1995)
จากการรวบรวมงานศึกษาเรียนรู้และค้นคว้าและทำการวิจัย ที่ศึกษาฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบของกระเทียม โดยสรุปพบว่ากระเทียมมีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบผ่านหลายกลไก ดังต่อไปนี้คือ ต้านทานการอักเสบผ่าน T-cell lymphocytes โดยไปยับยั้ง SDF1a-chemokine-induced chemotaxis ส่งผลให้การมารวมกรุ๊ปกันของสารที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบลดน้อยลง, ยับยั้ง transendothelial migration of neutrophils ส่งผลให้ลดการเคลื่อนที่ของเม็ดเลือดขาวจำพวก neutrophil ในกรรมวิธีอักเสบลง, ยั้งการหลั่งสาร TNFα ซึ่งเป็นสารเริ่มในกระบวนการอักเสบ, กดการสร้างอนุมูลไนโตรเจนที่รวดเร็วต่อการเกิดปฏิกิริยาการอักเสบ รวมทั้งการทำงานผ่าน ERK1/2 อีกทั้ง 2 กลไก อาทิเช่น การขัดขวาง phosphatase-activity (directly related with ERK1/2 phosphorylation) และก็การเพิ่ม phosphorylation of ERK1/2 kinase (ผ่านทาง p21ras protein thioallylation) ส่งผลทำให้การอักเสบลดลง (Martins, et al, 2016)
ฤทธิ์ต้านทานเชื้อแบคทีเรีย
การทดลองความรู้ความเข้าใจสำหรับในการต้านทานเชื้อ Escherichia coli ซึ่งป็นเชื้อก่อโรคทางเดินอาหาร ของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล อะซิโตน รวมทั้งการสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น โดยใช้แนวทาง microdilution broth susceptibility test พบว่าการสกัดสดมีค่า MIC รวมทั้งค่า MBC ต่ำที่สุด (3.125กรัมต่อลิตร) รวมทั้งรองลงมาเป็น สารสกัดจากตัวทำละลาย เอทานอล เมทานอล แล้วก็อะซิโตน ให้ค่า MIC รวมทั้ง MBC เสมอกัน (6.25กรัมต่อลิตร) มีความหมายว่าสารสกัดสดมีทรัพย์สินสำหรับการยับยั้ง รวมทั้งทำลายเชื้อแบคทีเรียยอดเยี่ยม เพราะว่าในกระเทียมสดมี allin เป็นสารประกอบกำมะถันที่สำคัญ เมื่อกระเทียมสดถูกบด หรือผ่านกรรมวิธีการแปรรูป allinase จะถูกปล่อยออกมาจากภายใน vacuole ของเซลล์ รวมทั้งอาศัยน้ำเป็นกลไกสำหรับในการทำปฏิกิริยาได้เป็น allicin ซึ่งเป็นสารที่มีความรู้ความเข้าใจสำหรับในการยั้งเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งกระบวนการสกัดสดช่วยให้การทำปฏิกิริยาระหว่างสาร allin และก็ allinase เพราะเหตุว่าต้องใช้เวลาในการบีบเค้นน้ำกระเทียมซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวช่วยทำให้กระบวนการทำปฏิกิริยาระหว่างสารมากขึ้น อาจส่งผลให้ได้ allicin เพิ่มขึ้น (ภรเจริญ และก็รังสินี, 2554)
ฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระ
เมื่อนำสารสกัดกระเทียมที่ได้จากการบ่มสกัด (aged garlic extract (AGE) ด้วย 20 % เอทานอล เป็นเวลา 20 เดือน ที่อุณหภูมิห้อง นำมาทดสอบการต่อต้านการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันของไลโปโปรตีนจำพวกความหนาแน่นต่ำ หรือต้านทานการเกิด oxidized LDL (ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดภาวะเส้นโลหิตแดงแข็ง) โดยนำ LDL ที่แยกได้จากคนมาทดลองในสภาวะที่มีไหมมี AGE โดยใช้ CuSO4 และ 5-lipoxygenase เหนี่ยวนำให้เกิด oxidized LDL รวมทั้งทดสอบสารสกัดของ AGE ผลของการทดสอบพบว่า AGE มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระโดยลดการสร้าง superoxide ion (อนุมูลอิสระของออกสิเจน) และลดการเกิด lipid peroxide (ขบวนการออกซิเดชันของไขมัน) โดย AGE 10%v/v เมื่อใช้น้ำเป็นตัวทำละลาย สามารถยับยั้งการเกิด superoxide ได้อย่างสมบูรณ์ ส่วนสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ของ AGE ได้ผล 34% ฤทธิ์ลดการเกิด lipid peroxidation ของ LDL พบว่าสารสกัด 10% v/v จาก diethyl ether ลดการเกิด lipid peroxidation ที่เกิดจากการเหนี่ยวนำของ Cu2+ และ 5-lipoxygenase ได้ 81% และก็ 37% ตามลำดับ สรุปได้ว่า AGE มีผลยับยั้งการเกิด oxidation ของ LDL โดยลดการสร้าง superoxide และยั้งการเกิด lipid peroxide ฉะนั้น AGE จึงอาจมีหน้าที่ในการคุ้มครองปกป้องการเกิดภาวการณ์เส้นโลหิตแดงแข็งตัว (atherosclerotic disease) ได้ (Dillon, et al, 2003)
การเล่าเรียนฤทธิ์ต้านทานอนุมูลอิสระของสารสกัดหัวกระเทียมด้วย เอทานอล เมทานอล อะซิโตน และการสกัดสดโดยวิธีบีบคั้นแบบเย็น ทดสอบโดยกระบวนการยั้งอนุมูลอิสระ DPPH, การต้านออกซิไดส์จากสาร hydrogen peroxide (hydrogen peroxide (H2O2) scavenging activity ผลของการทดลองฤทธิ์ยับยั้งอนุมูลอิสระ DPPH พบว่าการสกัดกระเทียมด้วยตัวทำละลายอะซิโตน ให้ค่า IC50 ต่ำที่สุด พอๆกับ 3.58±0.02 mg/ml รองลงมา อาทิเช่น สารสกัดเมทานอล เอทานอล และก็การสกัดสด เป็นลำดับ โดยมีค่า IC50 เท่ากับ 3.72±0.03, 4.47±0.20 แล้วก็ 55.36±3.96 mg/ml ตามลำดับ ผลการต้านทานสารออกซิไดซ์ที่ร้ายแรง ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ (H2O2) พบว่าสารสกัดด้วยตัวทำละลายเมทานอล มีสมบัติการต้านออกซิไดส์ของสาร H http://www.disthai.com/